- คำนำ
- วันที่ ๑
- วันที่ ๒
- วันที่ ๓
- วันที่ ๔
- วันที่ ๕
- วันที่ ๖
- วันที่ ๗
- วันที่ ๘
- วันที่ ๙
- วันที่ ๑๐
- วันที่ ๑๑
- วันที่ ๑๒
- วันที่ ๑๓
- วันที่ ๑๔
- วันที่ ๑๕
- วันที่ ๑๖
- วันที่ ๑๗
- วันที่ ๑๘
- วันที่ ๑๙
- วันที่ ๒๐
- วันที่ ๒๑
- วันที่ ๒๒
- วันที่ ๒๓
- วันที่ ๒๔
- วันที่ ๒๕
- วันที่ ๒๖
- วันที่ ๒๗
- วันที่ ๒๘
- วันที่ ๒๙
- วันที่ ๓๐
- วันที่ ๓๑
- วันที่ ๓๒
- วันที่ ๓๓
- วันที่ ๓๔
วันที่ ๒๐
วัน ๓ ๓ฯ ๓ ค่ำ วันนี้หนาวได้จริง ปรอท ๗๐ ลงเรือสามปั้นสองโมง พระนิโครธาพิโยค เอาเข้าหลามมาให้ กระบอกยาว ๆ เห็นจะยาวกว่ากระบอกเข้าหลามธรรมดาสัก ๒ เท่า เมื่อแรกเราสั่งให้แจกฝีพาย ทีหลังเขาบอกว่าเปน สปิสเชยิลปรีแปร์ ทำด้วยเข้ากะเหรี่ยง เราก็เอามาลองกินดูเห็นเปนทำอย่างดี วันนี้ตามยอดเขามีหมอกคลุ้มเหมือนเมื่อวันออกจากหาดตาเหล็ก เรือล่องเร็วมาถึงแก่งหลวง ตามที่มีชื่อในแผนที่ แต่พระพลเรียกว่าแก่งปะรอม ถึงปากช่องข้างบน ๒ โมง ๑๗ มินิต ออกจากปากช่องข้างล่าง ๒๑ มินิต ๔ มินิตเท่านั้นตลอด เมื่อเราขึ้นไปได้ตรวจนาฬิกาไว้ทีเดียว ตั้งแต่ปากช่องล่างถึงปากช่องบนถึง ๓๐ มินิต ขากลับจะเร็วสักเพียงใด ถึงบ้านบ้องตี้ตามเขาเรียกกันถามหลายคนแล้ว เรียกกันว่าบ้องตี้ แต่ในแผนที่เขียนว่าม่องตี้อย่างไรแน่ก็ไม่รู้ สามโมงครึ่งเราขึ้นบก เห็นไม้สักลงมาในน้ำหลายสิบต้น อยู่บนบกบ้างก็มี หลวงประเทศเขื่อนขันธ์๑๑๙ นายกองกะเหรี่ยงกับพวกกะเหรี่ยงหลายคน ลงมาคอยอยู่ที่ตีนท่า ที่เราเห็นเมื่อขาขึ้นไปว่าถือใบไม้นั้นได้ความแล้ว เรามาถึงวันนี้ใกล้เห็นถือดอกหงอนไก่ทุกคน แต่มีใบมาก ๆ จึงแลเห็นเปนใบไม้ไป เหมือนกันกับที่ไปเห็นที่บ้านไทรโยคเมื่อวานนี้ แต่ธรรมเนียมเรือนบ้านเหล่านี้ เห็นจะเหมือน ๆ กันทั้งนั้น ไม่เห็นมีฝาประจันห้องฤๅฝากั้นในเรือนสักแห่งหนึ่งเลย กั้นฝาเรือนข้างนอกสองด้านด้านในที่ออกมานอกชานนั้นเปิดโถง กางมุ้งกันกลาง ๆ เรือนทีเดียวเปนเรือนโถง ๆ อย่างนี้ทุกหลัง ฝาเรือนใช้ไม้ไผ่ทุบแบนโปร่ง ๆ ไม่เห็นแน่นหนา เรือนก็มีอยู่ ๓ หมู่เท่า ๆ กัน เห็นมีสูบเครื่องมือช่างเหล็กอยู่แห่งหนึ่ง ถามเขาว่ามิใช่ตีเหล็กใหม่ เปนแต่แก้เครี่องมือเก่า ๆ หลวงประเทศบอกว่า มีพระมาแต่เมืองลาวองค์ ๑ จะยกบ้านทำเปนวัด ตัวไปแต่งงานได้แห่งหนึ่ง จะปลูกเรือนใหม่ พระนั้นอยู่หลังบ้านออกไปหน่อยหนึ่ง เราเดินไปถึงที่นั้น หลวงประเทศขึ้นไปก่อน เรียกออกมาจากห้อง ถามว่ามาแต่เมืองเชียงไหม่ ไปนมัศการพระมุเตาแลชวยดากอง แล้วเข้ามาเมืองนี้จำพรรษาที่จรเข้เผือก เจ็บไม่สบายอยู่ที่นี่ ๒ เดือนมาแล้ว บอกว่าอายุได้ ๓๗ บวชได้ ๕ พรรษา แต่หน้ายังหนุ่มทีเดียว จะหลงไปสัก ๑๐ ปีฤๅอย่างไรก็ไม่ทราบ ถึง ๒๗ แลจะพอดีทีเดียว เรานิมนต์ให้เทศ ออกตัวอยู่ว่าอิดหิว เรียกเครื่องกัณฑ์จึงได้ไปหยิบหนังสือมาเทค บ่นว่าเสียดาย ถ้าไม่อิดหิวจะเทศให้มาก ด้วยได้พบพระยามหากระษัตริย์ที่ ๑ เทศนั้นตั้งนโมอย่างลาว แล้วว่าบาฬีฟังพอเข้าใจได้บ้าง แล้วแปลว่าให้อุส่าห์ทำบุญพระอินทร์จะบอกให้ท้าวจัตุโลกบาลมีท้าวกุเวรุราชเป็นต้นจดบาญชี แลอย่าให้มีความประมาท เปนเรื่องบอกอานิสงษ์แลอัปปมาทธรรม เราเห็นเหนื่อยแล้วบอกให้หยุดเสียเถิด ติดเครื่องกัณฑ์เงินบาทกึ่งตำลึง สลึงกึ่งตำลึง เฟื้องกึ่งตำลึงเปน ๖ บาท ดูยิ้มมาก เรียกให้เอาจานรองเงินไปตั้งใกล้ ถามถึงอุโบสถก็บอกว่าถ้าพบวัดวาก็ทำบ้าง ถ้าไม่พบวัดก็ทำคนเดียว สวดปาฏิโมกข์ก็ได้บ้าง ถามถึงปราชิก ๔ บอกว่าก็ไม่เล่นผู้หญิงนั่นและ ปราชิกมีมากหลายสถานปราชิกใหญ่ปราชิกน้อยก็มี ลักของเพื่อนกันเปนปราชิก ไล่ดูว่าอะไรอิก ออกตัวไปว่าบวชแล้วก็ออกเที่ยว หาได้ร่ำเรียนไปอิกไม่ตามแถบบ้านเหล่านี้นั้นมีต้นกล้วยแลไร่ยา กลับลงมาเรือ ๔ โมงครึ่งหยุดกินเข้า หมอสายปลูกฝีกะเหรี่ยงเด็กบ้างผู้ใหญ่บ้าง ๑๓ คนด้วยกัน ๑๐ มินิต ๕ โมงออกเรือ ในแก่งบ้องตี้ท้องเรือครู่หินแรงถึงตรงพุไกรลาศ รอเรือดูหน่อยหนึ่ง เห็นพร้อมกันว่าน้ำน้อยลงไปกว่าแต่ก่อน เห็นจะไม่ตลอดปี ด้วย ๒ วัน ๓ วันเท่านั้นยังผิดตาแต่พุเล็กใต้นั้นลงมายังไหลแรงอยู่ เที่ยงครึ่งถึงน้ำพุเกาะตาเหล็กถึงพลับพลาหาดตาเหล็กบ่ายโมง ๑ จอดเรือคอยเรือเหลืองอยู่ในเวลานั้นเทอมอเมตเตอร ๘๘ อิก ๑๒ มินิตไปขึ้นเรือเหลืองเทอมอเมตเตอร ๘๖ เท่านั้น เรือผ่านมาทางถ้ำกินร ได้นั่งพิเคราะห์ดูอิก เห็นว่าเขานี้ที่ริมน้ำคงจะพังเปนแน่ จึงได้ชันเปนน่ากระดานทีเดียว ศิลาก็ดูเปนรอยบิ ๆ เหมือนแยกพลัดตกลงมา ที่มาค้างอยู่กลาง ๆ เขาเปนหญ้าแพรกขึ้นตามหลังดิน ที่ทลายก็มีบ้าง ตรงกลางย่านเขาที่เปนถ้ำกินรนั้นดูก็ฦกเข้าไปมาก มีฟองน้ำย้อยเปนพวงภู่ต่างทำนองเดียวกันกับถ้ำพระ แต่พื้นนั้นเพล่ลงมาด้วยเขาชัน ถ้าพื้นตรง ๆ ก็จะใหญ่อยู่เห็นจะเกือบครึ่งถ้ำพระถึงโดยพื้นเหล่ ๆ ดังนี้ ถ้าคนจะขึ้นไปยืนสัก ๒๐ คน ๓๐ คน ก็เห็นจะยืนอยู่ได้ แต่ที่เขากินรนี้ เจ้าคุณท่านว่ามิใช่ภูเขา เป็นแต่ตลิ่งศิลาข้างบนเปนพื้นราบ ถ้าเปนตลิ่งอย่างนั้นก็สูงนักหนาทีเดียว ได้แลดูกะประมาณดู เห็นจะไม่ต่ำกว่า ๓ เส้น นั่งมาในเรือแหงนขึ้นไปฅอตั้งบ่า ที่ข้างล่างริม ๆ น้ำเปนเพิงสูง ๆ ยาว ๆ อย่างเช่นเพิงที่เราว่าที่เหนือพลับพลาไทรโยค แต่ไม่ง้ำลงมามากเหมือนอย่างเช่นที่ไทรโยค มีหลายเพิงทีเดียว พบที่น้ำตกที่อาบเมื่อคราวขึ้น น้ำยังมากอยู่ พบอิกแห่งหนึ่งอิกน้ำพุ มาถึงแก่งละว้าเรือไหลโกรกไปตามน้ำ เก๋งครู่ต้นไม้โครม ๆ ไป ถ่อยันก็ไม่อยู่ ๆ ข้างจะน่ากลัวโดนศิลา ถึงน้ำพุอิก ๒ แห่ง จึงถึงน้ำพุใหญ่ ๒ โมง ๑๕ มินิต แจวล่องลงไปจอดกินเข้าข้างล่าง ให้เสด็จยายสรงน้ำเสียก่อน เกาะที่อยู่ต้นทาง ถึงพุน้ำร้อนน้ำเย็นนั้น มีสองเกาะเราว่าไว้ก่อนแต่เกาะเดียว เพราะเห็นอยู่กลางน้ำทีเดียว อิกเกาะหนึ่งก็เปนศิลาก้อนเล็ก ๆ มีต้นไม้ขึ้นเหมือนกัน แต่ว่าอยู่ริมตลิ่งข้างขวามือขึ้นไป อนึ่งที่ตรงน่าเรือเราจอด ทางฝั่งพุน้ำเป็นมีทางน้ำพุอิกทางหนึ่ง เปนชง่อนศิลาออกมาใหญ่ ฟองน้ำติดอยู่เปนพวงเหมือนที่น้ำพุทั้งปวง แล้วมีลำธารลงมาสองข้างบังลงมาในเขา มาออกริมน้ำดูเหมือนอย่างบันไดสองข้างมีพนักฤๅตะพานช้าง ดูก็ใหญ่อยู่แต่เห็นจะไม่สู้งามนัก น้ำแห้งขาดทีเดียว เปนพุอย่างโตรองพุใหญ่ลงมา กินเข้าแล้วลงเรือแหวดใหญ่ถอยไปจอดน่าน้ำพุ ขึ้นอาบน้ำตั้งใจว่าจะขึ้นไปดูถ้ำบนพุนี้ คราวก่อนนี้หลงเลยขึ้นไปเสียทางหนึ่ง ไม่ได้ไปดู คราวขึ้นไปตามทางคราวก่อน แต่เลี้ยวข้างขวามือปีนขึ้นไปอิกสักหน่อยก็ถึงปากถ้ำ ดิศเปนผู้นำทาง ปากถ้ำนั้นแคบประมาณสักสองศอก เปนทางตรงเข้าไปเหมือนฉนวนประมาณสัก ๓ ว่าถึงที่ตรงนั้น ดูเปนวงกลมมีฟองน้ำเปนเสายันลงมาถึงพื้น จะต่อกับถ้ำที่จะออกไปต่อไป ๒ เสา ทำให้เปนหนทางออกจากวงกลมนั้นสามทาง ถึงห้องใหญ่ด้านหลังเปนผนังศิลาตัน ด้านน่าเปนช่องเพิงถ้ำ ดูเหมือนหนึ่งคูหาวิมาน ถ้ำนี้ที่กว้าง ๆ ประมาณ ๕ วา ยาวประมาณ ๗ วา มีฟองน้ำยันลงมาถึงพื้นเปนเสาหาร ด้านน่าเสาหนึ่ง อิกด้านหนึ่งแอบเข้าอยู่ที่เพิง ข้างน้ำตกมาแต่เขาสูง พื้นถ้ำเปนพื้นราบลุ่ม ๆ ดอน ๆ บ้าง มีน้ำขังอยู่สัก ๓ นิ้ว ๔ นิ้ว ข้างบนเพดานถ้ำนั้น แลดูเปนฟองน้ำ ทางน้ำตกห้อยย้อยไปทั้งถ้ำ ที่ตรงเสาหารน่าคูหาวิมานนั้น มีน้ำตกลงทางนั้นแรง มากระทบศิลากระท้อนขึ้นอิกชั้นหนึ่ง นั่งอาบได้ท่วมตัวน่าคูหาวิมานนั้น ก็เปนน้ำตกโปรยลงมาแต่ยอดเขาเหมือนกัน ขึ้นไปเยี่ยมอยู่ที่ช่องคูหานั้น เหมือนกับเทวดาเล่นลคร เราถ่ายรูปพร้อมกันกับเจ้านายที่ตรงนั้นรูป ๑ กาพย์เปนผู้ถ่าย ถ้ำนี้สนุกจริงๆ ดูซอกๆ แซก ๆ ไปเหมือนหนึ่งถ้ำพิมานจักรี เปนแต่ที่โน่นแห้งที่นี่เปียกเท่านั้น ทางลงมาต้องเดินวนไปวนมาตามปากอ่างที่ร่องน้ำเปนชั้น ๆ ทบไปทบมาหลายทบจึงถึงชั้นล่าง ถ้าเดินเรียง ๆ กันเปนแถว ดูเหมือนเทวดาลครเขาเดินลงมาจากเขา ในกระบวนจะเที่ยวที่น้ำพุท้องช้างแห่งนี้แล้วสนุกนัก ซอกแซกได้หลายทางแต่ดูเหมือนน้ำน้อยไป ไม่แน่นหาดเหมือนดังน้ำพุที่ไทรโยค ดูน้ำที่โน่นแล้วมาดูน้ำที่นี่ ดูน้อยหรอมแหรมไป แต่ที่นี่น้ำก็จะมากเหมือนกัน เห็นแห้งเสียหลายทางนักหนาแล้ว ที่ทางขึ้นไปถ้ำวันนี้ ข้างขวามือมีเหลี่ยมเขาที่น้ำตกใหญ่ ๆ อยู่ถึง ๔ แง่ มีฟองน้ำห้อยย้อยอยู่ อ่างที่รับนั้นก็ใหญ่โตกว้างประมาณสัก ๔ วายาวประมาณสัก ๘ วา ฦกวัดแต่พื้นถึงปากถึง ๖ ศอก แต่มีน้ำไหลริน ๆ อยู่ในนั้นเหลือน้ำสัก ๒ ศอก ต่อลงไปก็มีอ่างรับเปนชั้น ๆ หลายชั้น ข้างเหนือมีน้ำตกอยู่เดี๋ยวนี้ ก็มีที่น้ำตกอิก ๒ ชง่อน ถ้าเวลาเดือน ๑๑ เดือน ๑๒ ฤๅอย่างไร น้ำเห็นจะตกเต็มทั้งที่ ๆ เปนพุ ถ้าตกเต็มดังนั้นคงจะเปนน้ำตกไปทั้งเขา ยาวประมาณสัก ๒ เส้น แต่ที่น้ำมีอยู่เดี๋ยวนี้มีน้ำอยู่ประมาณสัก ๑๘ วาเท่านั้น ที่คเนว่าน้ำจะน้อยลงดังนี้ เพราะคิดดูว่าระยะเพียงเราไปไทรโยคกลับดูเหมือนน้ำน้อยลงทุกแห่ง ที่เปนพุเล็กหายดังไปบ้างก็มี น้ำเห็นจะไหลตลอดปีอยู่น้อยแห่ง เวลาที่เรามานี้ จะล่าไปกว่าเวลาที่น้ำกำลังงาม กลับลงมาถ่ายรูป ที่เรายืนเมื่อวันมาอาบก่อนแล้วกลับลงเรือ ได้ออกเรือจากน้ำพุบ่าย ๔ โมง ๔๐ มินิต กลับมาถึงพลับพลา ๕ โมง ๔๕ คิดหักแวะเวียนเสีย คงมาด้วยเรือเล็กบ้างใหญ่บ้าง ๔ โมง ๔๗ มินิต ถึงพลับพลาวังกะแจะพบหลวงพิทักษ์บรรพตมาคอยอยู่แล้ว พาลูกหลานมาหาด้วย เอาน่าไม้มาให้คันหนึ่ง กับของอื่น ๆ ได้แจกเงินให้ตามสมควร มาเที่ยวนี้เต่าดูน้อยไป เมื่อคราวก่อนตามเสด็จทูลกระหม่อมยังเล็ก ๆ อยู่นั้นเล่นสนุกนัก ใส่สับประคับไล่แหย่กันให้วิ่ง ทูลกระหม่อมท่านมาทอดพระเนตรเห็นรับสั่งว่า เมื่อท่านเสด็จท่านก็ทรงเล่นเหมือนกันท่านยังสั่งให้สมเด็จเจ้าพระยาทำสับประคับมาให้เล่นอิก เมื่อมาคราวก่อนก็เห็นมีมาก แต่คราวนี้ดูหายไปทีเดียว เมื่อวานซืนนี้ใครมาให้ตัวหนึ่ง วันนี้มาให้อิก ๒ ตัว ๓ ตัว สวัสดิ์๑๒๐ทำฉันท์น้ำพุมาให้
อินทวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ มาโดยวิถีทาง | ณระหว่านทีธาร |
ปรีเปรมเกษมสานต์ | หฤไทยหรรษา |
๏ บัดยลสิขรริม | ติรงามสอาดตา |
แง่เงื้อมชง่อนผา | กลช่างประจงทำ |
๏ เวิ้งวุ้มชวากหว่าง | ชลพร่างพระพร้อยพรำ |
ไหลหลั่งถะถั่งอัม | พุยหยัดกระเซนพราย |
๏ แสนศุขสนานสิน | ธุบมีธุลีระคาย |
เฉกพรรษุทกปราย | อุระชื่นรรื่นรมย์ |
๏ พฤกษาดฤณชาติ | รดะดาษประหลาดสม |
ควรจักนิยมชม | บมิน่าจะครรไล |
๏ เชลงฉันทข้องขัด | บถนัดประจักษ์ใจ |
โดยเดาตบึงไป | มิเพราะพร้องยุบลความ |
อนึ่งค่ำวันนี้กะเหรี่ยงมาหาอิกมาก มีผู้หญิงมาหลายคน ได้นกยูงมาให้ตัวหนึ่ง พระอร่ามศรีรักษ์ได้นางเก้งมาตัวหนึ่ง หนาวเมื่อคืนนี้ วันนี้กลับกลายไปเสียแล้ว ท่วงทีเห็นจะร้อน คงจะไม่ต่ำกว่า ๘๐