วันที่ ๑๔

วัน ๔ ๑๒ ๒ ค่ำ เวลาเช้าลงเรือไปตามเคยเหมือนอย่างก่อน ที่แก่งน้ำเชี่ยวนี้มาเมื่อเย็นวานไม่ต้องฉุดสาวพวน วันนี้พระยากาญจนบุรีกับพระพลลงมาคอยอยู่แล้ว ต้องยอมให้เขาฉุดแต่ก็ดีอยู่ที่เร็วขึ้นอิกหน่อย ปรอท ๗๔ โมงหนึ่ง ๔๕ ถึงบ้านยางโทนที่ไปเมื่อวานนี้ วันนี้เราได้ยินนกกระแวนร้องเพราะ เมื่อวานนี้นกกิ้งเขนพูดจ้อเหมือนนกคิรีบูรณ์ วันนี้ในการยิงนกอยู่ข้างจะสนุกหน่อยหนึ่ง แต่สนุกอย่าง เอมปิติแฮนด์ เมื่อไปถึงหาดแห่งหนึ่ง เปนเกาะอยู่กลางน้ำฝั่งข้างหนึ่งเปนศิลา ได้ยินเสียงนกยูงร้อง ก็จอดเรือเข้าไปที่หัวหาด ค่อยย่องขึ้นไป กาพย์กับหมอสายตามขึ้นไปด้วย พอโผล่กอตไคร้น้ำออก เรายังไม่ทันเห็นมัน ๆ เห็นเราก่อน ออกบินเรายิงตามสลับกันกับหมอสายคนละนัดเปน ๔ นัด พอถึงคำรบ ๔ ทึบๆ ไปข้างซ้ายมืออิกตัวหนึ่ง หมอสายยิงอิกสองนัด ไม่ถูกทั้ง ๖ นัด ด้วยไกลเต็มที ถึงโดยจะถูกบ้างก็เห็นจะไม่อยู่ด้วยยิงข้างหาง แลเห็นผลุดเข้าไปในกอไม้ไผ่ ย่องตามไปอิก หมอสายออกหน้า พออีเก้งตื่นเรือริมน้ำ วิ่งผ่านหน้าขึ้นมา เราถือปืนลูกปรายทั้ง ๒ คน เปลี่ยนปืนเวสต์ลีรีเชิด วิ่งตามไป หมอสายวิ่งออกหน้า ไปเจอะห้วงน้ำในหาดอยุดฉงักอยู่ที่นั้น อีเก้งก็เข้าป่าไป วิ่งเสียหอบทีเดียวไม่ได้การอะไรเลย ที่จริงหาดนั้นงามเปนท่าทางที่สัตวจะลง รอบมีต้นตะไคร้น้ำขึ้นหนา กลางเปนที่เตียน มีต้นไม้บ้างเปนหย่อม ๆ มีห้วงน้ำอยู่ข้างเหนือหาดห่างแม่น้ำเข้ามาเปนลำเล็ก ๆ กว้าง ๆ เปนกว้างบ้าง ราบลงไปจนถึงน้ำ น้ำฦกกลางห้วงใหญ่สักศอกเศษใสเห็นพื้นใหลริน ๆ เสมอ ที่ตามขอบหนองมีหญ้าต้นแดงใบเขียวดูงามดี มีรอยตีนเสือกวางอีเก้งก่ายกันไป ขี้นกยูงขาวไปทั้งหาด ไปอิกหน่อยหนึ่งพบอีเก้งอิก หลวงอุดมร้องตะโกนชี้มือว่าอีเก้ง ๆ เราจับปืนลูกปราย ง้างนกขึ้น กาพย์ส่งปืน เวสต์ลีรีเชิด มาให้ร้องบอกว่าพระแสง ๆ อ้ายฝีพายก็ร้องว่าโน่น ๆ พร้อมกันขึ้นหมดเสียงก้องไป ตั้งสติก็ไม่ทัน พออีเก้งโดดเข้าป่าไป คราวนี้สั่งกันใหม่ว่าถ้าพบอีเก้งอย่าให้ร้องอื้อึงให้ใช้สกิด พอไปอิกหน่อยหนึ่งหลวงอุดมสกิดหมอสาย สกิดกันต่อมามองหาอีเก้งไม่เห็น กระซิบถามกันว่าไหนอยู่หลายคำ หลวงอุดมก็ชี้มือกระซิบบอกโน่น ๆ มองหาอีเก้งเท่าไรก็ไม่พบ จนสงไสยขึ้นมาร้องถามว่าอะไร บอกว่าไก่ ดูเหมือนอย่างเรื่องขี้มูกมากสามมือปาม ไปอิกหน่อยหนึ่งพบเขาริมน้ำ ตั้งเปนก้อนดูงามนักที่นี่ ท่านเล็กจดหมายไว้ว่าเหมือนพระพุทธฉาย ไปอิกหน่อยหนึ่งถึงแก่ง เรือถอยหลังพายไม่ขึ้นเต็มเหนื่อยทีเดียว ๔ โมงเช้าแล้ว เราตั้งใจว่าจะไปจอดพักที่ถ้ำตาหยก พายไปเท่าไรก็ไม่ถึงถ้ำตาหยกเลย พอพบเรือคนลงมาถามว่าถ้ำตาหยกไกลฤๅ เขาบอกพ้นมานาน จึงได้นึกได้ว่าศิลาแห่งหนึ่งเปนช่องอยู่ เราได้ชี้มือว่าถ้ำตาหยกก็คงจะคล้ายอย่างนี้ แต่คงจะกว้างใหญ่กว่านี้ ถึงทั้งเห็นดังนั้นแล้วก็ไม่ได้พิจารณาตรวจตราว่าอย่างไร ล่องมาทีเดียวด้วยนึกว่าไม่ใช่ตาหยกเห็นเลวนักไว้ขากลับ ฤๅอย่างไรบางทีจะได้ดู แวะขึ้นหาดทรายหาที่ร่มยาก ต้องเดินอ้อมหาดมาเหลี่ยมหนึ่ง พอได้กินเข้านิดหนึ่ง ๕ โมง ๔๐ มินิต ลงเรือโบดเหลือง มีน้ำเชี่ยวต้องลากพวนบ้าง ต้องถ่อบ้างถี่ทีเดียววันนี้ มาถึงแก่งท่าช้างเที่ยง ๔๔ เห็นเขาถ้ำกระแซสูงใหญ่ยาวอยู่ข้างขวามือ เปนน่าผาชันหยั่งลงมาถึงริมน้ำ สีศิลาดำ ๆ ขาว ๆ มีต้นไม้รวกเล็ก ๆ ขึ้นอยู่บนยอดเหมือนเขาทั้งปวง วันนี้ในเรือเราเวลาเที่ยงปรอทถึง ๘๙ ร้อนจัด วันนี้มีเอกชิเดนซ์ถึง ๒ หน คนถ่ออยู่พลัดตกลงไป คนนำร่องกำลังชี้โว้ชี้เว้อยู่พลอยตกตามลงไปอิก คนแจวเรือนั้นขึ้นเรือได้ แต่คนนำร่องนั้นลอยไปไกลถึงต้องเอาเรือม่วงไปตาม ด้วยถูกที่ตรงน้ำเชี่ยวมาพบน้ำเชี่ยวอิกสองหน วันนี้ดูเหมือนตั้งแต่ลงเรือเหลืองมาพบสัก ๗ แห่ง ที่น้ำจะเชี่ยวแล้วจำเภาะจะเปนที่หัวเลี้ยว มักจะมีทรายแลกรวดกองอยู่กลางน้ำเสมอน้ำบ้าง ต่ำกว่าน้ำเล็กน้อยบ้าง เปนเกาะมีต้นตะไคร้ขึ้นบ้าง น้ำไหลมาสองข้างเชี่ยวแรง เปนร่องไปตามริมตลิ่ง น้ำข้างในสูงกว่านอกร่อง ไปริมตลิ่งกว้าง ๓ วาบ้าง ๔ วาบ้าง ถึง ๕ วาเปนอย่างกว้าง บ่าย ๒ โมง ๗ มินิตถึงคลองลุ่มสุ่ม คลองนี้ไปได้ตลอดถึงพรหมแดนพม่าอังกฤษ เมื่อวานนี้หลวงอุดมหนีลงเรือม่วงเสียไม่มาขึ้นเรือโบดเหลือง วันนี้จึงได้มาขึ้นแต่ไม่จับถ่ออิกเลย กระดากเรื่องวานซืนนี้ คลองลุ่มสุ่มนั้นอยู่ข้างซ้ายมือ ข้างขวามือตรงหัวแหลมมีต้นมะพร้าวอยู่หลายต้น เขาว่าเปนค่ายลุ่มสุ่มเก่า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีคนมีแต่กะเหรี่ยงอยู่ ๒ เรือน ๓ เรือน มาถึงพลับพลาบ่าย ๒ โมง ๒๕ มินิต แต่ยังจอดไม่ได้ ต้องแก้ไขตัดเสาตัดส้างอยู่ จน ๕๐ มินิตจึงจอดได้ วันนี้เห็นนายปาน๑๐๘ปลัดศรีสวัสดิ์มารับอยู่ด้วย เขาโดดน้ำลงไปตัดเสาแลทำการเหมือนกับคนตามธรรมเนียม พลับพลาวันนี้แปลกกว่าที่อื่น ๆ หน่อยหนึ่ง ด้วยหลังสุดท้ายนั้นห่างออกไป เพราะมีหาดทรายกลางน้ำคั่นอยู่ น้ำที่นั่นไหลเชี่ยวพอเล่นได้ รูปร่างพลับพลาเหมือนกันทุกพลับพลา แต่กั้นห้องไม่เหมือนกันสักแห่งหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงกั้นห้องดอก ไม่เห็นสำคัญอันใด พลับพลาหันหน้าในระหว่างเหนือกับตวันตกเฉียงเหนือ วันนี้เรือจะไปบางกอกลำหนึ่ง เราก็ไม่มีธุระสิ่งใด แต่ต้องมีหนังสือบอกไปที่ท่านกลางฉบับหนึ่ง พอให้รู้ว่ามาดี ด้วยคราวนี้คนเล่าฦๅกันมาก ดูเหมือนมาแล้วจะไม่ได้กลับไปบางกอก เวลาเย็น ๕ โมงลงเรือเล็กไปเที่ยว พ้นพลับพลาไปหน่อยหนึ่ง ดูเขาราวกับกำแพงที่ตรงหัวเลี้ยวปลายแหลมแลดูแม่น้ำตรงนั้นตรงไปปลายทีเดียว เปนภูเขาตั้งมียอดซ้อนกันต่ำลงมามีต้นไม้ หาดกลางน้ำมีเกาะต้นตะไคร้น้ำขึ้นเขียวเต็มปกไปแลไม่เห็นทราย มีแหลมจากฝั่งข้างซ้ายมือ ยื่นออกมาแต่กิ่วอยู่ที่ต่อกับฝั่ง คลุมด้วยต้นตไคร้น้ำเหมือนกัน ถ้าแลดูตั้งแต่หัวเลี้ยวไปจนถึงภูเขาข้างหลัง ดูเหมือนหนึ่งเปนเกาะ ๒ เกาะตั้งอยู่กลางน้ำงามนัก หายเข้าไปก็เปลี่ยนไปทุกที ๆ จนไปถึงปลายแหลมนั้นจึงรู้ว่ามิใช่เกาะ พายเข้าไปอิกหน่อยหนึ่งจึงถึงเกาะจริงๆ น้ำในระหว่างเกาะนั้นเชี่ยวจัดตามเคย ตรงฝั่งท้องคุ้งเปนเพิงศิลาฦกออกเหมือนหนึ่งถ้ำ เมื่อไปถึงนั้นพบนกยูงบินผ่านหน้าไปตัวหนึ่ง ค่ำแล้วเรากลับมาประมาณสักครึ่งโมงถึงพลับพลา ระยะทางวันนี้แก่งน้ำตื้นมากหลายแห่ง ถ้าแลแก่งตามระยะทางมีท่ายางโทนท่าวังตะเคียน แก่งท่าช้าง แก่งเสลี่ยง เมืองลุ่มสุ่ม พลับพลาพ้นน่าไประหว่างเหนือแลตวันตกเฉียงเหนือ ค่ำวันนี้แจกเสื้อพระลุ่มสุ่ม๑๐๙ กรมการทำพลับพลาตามเคย พระสัจจาได้เนื้อมาส่งด้วย เธอมอเมตเตอรเมื่อหัวค่ำนี้ ๘๖.

  1. ๑๐๘. พระศรีสวัสดิ์ (ปาน) ปลัดเมืองศรีสวัสดิ์

  2. ๑๐๙. พระนินนภูมิบดี ผู้ว่าราชการเมืองลุ่มสุ่ม

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ