วันที่ ๓๑

วัน ๗ ๑๔ ๓ ค่ำ วันนี้จัดการรับทูตโปรตุเกต ต้องเข้าไปขนเครื่องอานในกรุงเทพ ฯ อยู่หลายวัน จึงได้พร้อม การเรื่องที่ต้องรับทูตที่นี่ สนุกก็สนุก ลำบากก็ลำบาก เมื่อแรกวันเราจะมา กงซุลเยเนอราลโปรตุเกตเปไรรา เข้าไปหาบอกว่าตัวนัด คอเวลเนอมเกา ให้เข้ามากรุงเทพ ฯ ผิดเวลาไป ด้วยเดิมหมายใจว่า ใน.....คอเวอเนอมเข้ามาถึง เราคงจะกลับจากเมืองนครราชสิมาแล้ว มาบัดนี้คิดวันดูว่าคอเวอเนอมเกา จะต้องมารอคอยเราอยู่ถึง ๑………………ยอมออกไปรับที่นอกได้เมื่อคอเวอเนอมมาถึงก่อน ถ้าควรจะไปรับนอก ก็ให้ปฤกษากันกับกรมท่า ครั้นเรามาพบท่านกรมท่าที่พระประฐมเจดีย์ ได้บอกการเรื่องนี้ตลอดแล้ว ไปพบสมเด็จเจ้าพระยาที่กาญจนบุรี บอกท่านตามที่เขามาพูด ท่านขอบใจมากที่จะรับเขาที่ราชบุรี รับว่าจะจัดการให้เรียบร้อย ครั้นกลับมาถึงโพธาราม จึงได้หนังสือท่านกรมท่า ว่า………………………………….ไม่ ออกมาเพราะกลัวฦๅกันว้าเจ็บไข้ชุม แต่ถ้าเราจะให้ออกมาว่าจะออกมา เราจึงรอไว้ปฤกษาสมเด็จเจ้าพระยาก่อน ครั้นมาถึงราชบุรี สมเด็จเจ้าพระยาท่านว่า ขอให้ออกมารับที่นี่เถิด จะได้เปนเกียรติยศ เหมือนครั้งสมเด็จพระนารายน์เปนเจ้า รับราชทูตฝรั่งเศส ของสมเด็จพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ที่เมืองลพบุรี ท่านเปนผู้ทำการพระที่นั่งนี้ ได้ลงเรี่ยวแรงแลความคิดพอจะเปนเกียรติยศติดจดหมายเหตุไป แลเรามาเห็นที่ก็เห็นว่าสมควรพอจะรับแขกเมืองได้ ดูเหมือนจะกว้างกว่าท้องพระโรง ซึ่งสมเด็จพระนารายน์เปนเจ้า รับเซฟเวลเลียเดอโชมอนด์ แต่ก่อนเสียอิก เล้วเมืองโปรตุคอลนี้ ก็เปนพระราชไมตรีกัปกรุงสยามมาช้านาน คู่กันกับฝรั่งเศสแลวิลันดา ท่านรับฝรั่งเศสคราวก่อนที่เมืองลพบุรี ครั้งนี้รับโปรตุเกตที่เมืองราชบุรีก็เห็นจะพอได้กัน เปนการดีอยู่ จึงได้ตระเตรียมการที่จะรับให้ได้ เต็มตำาราทุกอย่าง มิให้ขาดเหลือตามแบบอย่างเช่นรับที่กรุงเทพฯ คุณสุรวงษ์ได้ไปเรียกช้างเมืองศรีสวัสดิ์ลงมา แลให้เจ้าพนักงานกลับไปจัดสิ่งของพร้อมทุกอย่าง ในท้องพระโรงตั้งเครื่องสูง ตามระหว่างช่องประตูพอครบ ๑๖ ช่อง ทึ่กลางยกเปนแท่นขึ้น ๒ ชั้นหุ้มด้วยสักลาดแดง ตั้งเก้าอี้โธรนใหญ่ มีเครื่องพานพระขันหมากแลง้าวทั้งสองข้างปืนตั้งบนนั้น แต่เสวตรฉัตรไม่มี ครั้นจะยกขึ้นก็เปนเดือนสามแต่เห็นว่าพอดีแล้ว ถึงที่ลพบุรีก็คงไม่มี เพราะเสด็จออกที่พระแกล ข้างพระแท่นมีมหาดเล็กเชิญพระแสงตีนตองข้างละ ๒ คนเปน ๔ คน มีหุ้มแพรขึ้นหลังโธรน ๔ คน ต่อออกไปริมน่าโธรน ๒ ข้างเปนที่เจ้านายยืนข้างละ ๖ คน ๗ คน ที่ตรงกลางตั้งโต๊ะพานทองสองชั้นสำหรับรับพระราชสาสน์ ข้าราชการยืน ๒ ข้าง พอเต็มท้องพระโรงทุก ๆ ช่อง มีแสงหอกดาบ ถือพระแสงทวนช่องละ ๒ คน ปืนช่องละคน ต่อออกไปน่าท้องพระโรงแถวใน วางกลองชนะว่าจ่าปี่จ่ากลองยืน ๒ แถวโค้งไปตามกำแพงแก้วชั้นใน ริมกำแพงแก้วชั้นนอกวางทหารมหาดเล็กรักษาพระที่ตรงนุมกำแพงแก้วด้านน่า วางทหารปืนแกตลิงกัน ๒ กองซ้ายขวา ทหารแลกลองชนะที่ยืนบนลานนี้พอเต็มพอดีด้วยคนหลายร้อยคน ที่ตรงเกาะเสาธงข้างน่าวางแตรสังข์ซ้ายขวาสำหรับกลองชนะ หันน่าตรงมาข้างโรง ทางที่ราชทูตจะขึ้นมาข้างซ้ายมือ วางทหารรายทางตลอดจนถึงเชิงเขา ตรงน่าโรงทหารมหาดเล็กชั้นบน ปลูกเปนปรำที่รับแขกเมืองพักหุ้มสีม่านเพดานเปนสีน้ำเงินขาว เปนสีธงเมืองโปรตูเกต ที่เชิงเขาวางทหารกาดออฟออนเนอ ๒๐๐ มีช้างพระที่นั่งยืนเกยพลับพลาเชิงเขา ผูกเครื่องกุดั่นพระที่นั่งละคอช้างหนึ่ง มีช้างนำด้วยอิกช้างหนึ่ง ช้างเผือกช้างหนึ่ง ม้าพระที่นั่งผูกเครื่องอานไทยเทพนมแลกุดั่น ๒ อานฝรั่ง ๒ มีคันฉิ่ง ๔ แซ่หวาย ๑๖ มีปรำช้างระวางข้างซ้ายมือ ๒ ปรำ มีช้างระวางยืนปรำละ ๒ ช้าง พลายช้างหนึ่ง พังช้างหนึ่ง ผูกเครื่องถมปัดภู่ตาข่ายผ้าปกหลังพร้อมหมอสวมเสื้อเสนากุฎ สวมหมวกตุ้มปี่หักทองขวาง ควาญแต่งตัวเปนทหารยืน ๒ ปรำ ๔ ช้าง ช้างผูกสัปคับเขน ๔ มีเครื่องอาวุธทหารนั่ง ๒ หมอควายแต่งตัวเปนทหาร ช้างพังผูกเครื่องลูกพลูหุ้มปัศตูแดงคั่นช้างเขน ๓ ช้าง รวมในกระบวนช้างเปน ๗ ช้างทั้งพังพลาย ช้างที่ต้องใช้คราวนี้ พลาย ๗ ช้างพัง ๗ ช้าง เป็น ๓๔ ช้างด้วยกัน มีกระบวนเครื่องยศช้างพระที่นั่งแซ่หวาย ๑๖ ตะบองกลึง ๘ กันชิงเกล็ด ๔ แซ่หางม้า ๒ ราชมันถือเครื่องยศ หม้อน้ำโต๊ะอ้อยหญ้า กระบวนช้างระวางยืนปรำ ๆ หนึ่งมีแซ่หวาย ๑๐ ตะบองกลึง ๖ กันชิงเกล็ด ๒ แซ่หางม้า ๒ ราชมันถือเครื่องยศ หม้อน้ำโต๊ะอ้อยหญ้า เหมือนกันทั้ง ๒ ปรำ ทหารปืนใหญ่คอยสลุด ข้างขวามือมีคนมาดูมากนัก เห็นจะเปนคนมากที่สุดในเมืองราชบุรีวันนี้ ว่ามาแต่ทางไกล ๆ แต่งตัวลงเรือมาเต็มลำ ตั้งแต่เวลากลางวัน จนถึงเวลาออกแขกเมือง ดูคนเต็มไปทั้งถนน เวลาแขกเมืองขึ้นมา เราคอยดูอยู่บนเขาเห็นได้ถนัด เครื่องแต่งตัวต้องกลับไปเอามาจากกรุงเทพ ฯ ทุกคน แด่งเต็มยศสวมเสื้อเยียรบับเสื้อครุยชั้นนอก ดูสนุกสนานมากกว่าออกที่กรุงเทพ ฯ ในการรับทูตขึ้นมาแลเวลาเข้าเฝ้า มีแอดเดรสแลแอดเดรสตอบ ตามธรรมเนียมอย่างเช่นเคยออกที่กรุงเทพ ฯ ทุกครั้ง เราได้รับราชสาสน์สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกตสองฉบับ กับเครื่องราชอิศริยยศ ชื่อ นอซา ซินญอรา ดากงเซซัง เดวิลลาวิซอซา เปนตราฝ่ายทหาร ค่ำวันนี้สมเด็จเจ้าพระยาเลี้ยง แลมีลครพระองค์สิงหนาทด้วย แต่เราได้ฟังสักระวาพระยาอาหารบริรักษ์รับพินพาทย์พระสัจจา ได้รับหนังสือท่านกลางแลพระยาศรีสิงหเทพ๑๖๓ เวลา ๔ ทุ่มเศษฝนตกหนัก แลดูแผ่นดินรอบเขาเปนหมอกคลุ้มไปหมดไม่เห็นอะไร เห็นแต่มอแดงจันทน์ ฝนตกอยู่ประมาณสักครึ่งโมงก็หายขาดเมล็ด

  1. ๑๖๓. พระยามหาอมาตย์ (หรุ่น)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ