วัน ๑ ๙ฯ ๒ ค่ำ วันนี้ตื่นย่ำรุ่งแล้ว ปรอท ๗๒ แต่งตัวมาลงเรือแหวด ยังต้องคอยของอะไรอยู่บ้างเล็กน้อย ประมาณสัก ๗ มินิต ๘ มินิต จนโมง ๑ กับ ๓๕ มินิตจึงได้ออกเรือ ที่วัดเหนือพระมาไชยันโต เรือแจกมาถึงหลัก ๕๐ สองโมง ๒๖ มินิต มาถึง ๕๑ มินิตตรงเขาตกน้ำ ที่ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยาอยู่ฝั่งข้างซ้ายมือ มีต้นไม้ใหญ่มากแต่เราไม่แลเห็นเรือน ทราบว่าไฟไหม้ทำใหม่ยังไม่แล้ว มีแต่ที่ริมน้ำเปนที่พัก มากลางทางพบไม้ไผ่บ้างแพเสาทุบเปลือกบ้างบ่อย ๆ ๓ โมง ๕๘ ถึงหลัก ๒๐๐ ห้าโมง ๕๕ ถึงหลัก ๓๐๐ มาอิกเกือบ ๓๐ มินิตถึงที่แก่งหลวง รวมมา ๓ โมง ๕๙ ฤๅ ๔ ชั่วโมงถึงแก่งหลวง ขึ้นเดินบกอ้อมแก่ง แก่งหลวงนี้เราได้มาสามหนทั้งหนนี้ เมื่อครั้งก่อนตามเสด็จทูลกระหม่อมมาคราวหนึ่ง ทรงเรือเก๋งมีข้างในมาด้วย วันนั้นฝนตกมาก มาทอดพระเนตรแล้วเสด็จกลับ เรามาคราวก่อนขึ้นไปเมืองสิงห์ มาถึงที่แก่งขึ้นเดินบกเหมือนอย่างคราวนี้ แต่สองคราวมาแล้วดูน้ำน้อยกว่าคราวนี้มาก คุณสุรวงษ์มาคอยรับส่งอยู่ที่แก่ง บอกว่าน้ำมากกว่าคราวก่อนถึงศอกเศษ เมื่อตามเสด็จมาคราวก่อน เราเคยขึ้นไปยืนบนศิลาริมแก่ง มีศิลาผุดมากน้ำเชี่ยวดังสู้ ๆ ทีเดียว แต่คราวนี้แลเห็นศิลาพันน้ำอยู่ห้ายอดเท่านั้น เสียงน้ำก็ไม่ดังเหมือนแต่ก่อน ทางเรือเดินข้ามแก่งนั้นอยู่ข้างซ้ายมือแต่เปนช่องแคบน้ำไหลเชี่ยวถ้าเรือจะไปตรงนี้ เสียงเอะอะใหญ่ทุกคราว แต่เดินมานั่งคอยเรือ แลลงเรือกันอยู่ประมาณสักครึ่งโมง เดิมสั่งให้เรือปิกนิกมาคอยที่นี่ มันเลยเหลวไปเสีย ไม่คอยอยู่ ต้องลงเรือแหวดมาตามเดิม ได้ออกเรือจากท่านั้น เที่ยงแล้ว ๙ มินิตมาพ้นแห่งหลวงแห่งหนึ่ง เห็นเขาทับหมีอยู่ข้างน่า พอพ้นเขาทับหมีมาเห็นเขาปากดงอยู่ข้างน่า เขาทับหมีอยู่ข้างหลัง ตามสองข้างทางนั้นมีต้นไผ่มาก ริมน้ำเปนต้นตะไคร้น้ำแช่น้ำอยู่ตลอดทาง บ่ายโมง ๑ กลัวว่าฝีพายกินเข้ามาแต่เช้าจะหิว จึ่งรอเรือให้กิน เวลานั้นโมง ๑ แล้ว ๒๔ มินิต หยุดอยู่ ๒๕ มินิตออกเรือ มาถึงหลัก ๕๐๐ บ่าย ๒ โมง พอพ้นหลัก ๕๐๐ มาหน่อยหนึ่ง เห็นเขาปากดงอยู่ข้างหลัง ผิดกันกับข้างน่าไป ด้วยมีต้นไม้น้อยแลไปมีแต่ศิลาสีดำ แต่มิใช่ดำศิลาเขาโพลังกาพระบาท มาพบเรือโบดเหลืองที่ใต้บ้านยางเกาะหน่อยหนึ่ง แต่เราไม่หยากขึ้น ด้วยเห็นว่าจวนจะถึงอยู่แล้ว จะต้องถ่ายไปถ่ายมาลำบาก ในเวลานี้แจวไม่ใคร่จะขึ้น ต้องเอาคนลงเขนลาก แต่เรือโบดเหลืองเขามีถ่อหลายเล่ม ขยับจะเร็วกว่าเรือแหวดเสียอีก ถ้าน้ำที่ฦกแล้วหยั่งไม่ถึงสุดปลายถ่อ ถ้าน้ำตื้นก็ตื้นถึงท้องเรือครือทีเดียว คนลงยืนก็เพียงเข่าบ้างต่ำกว่าเข่าบ้าง มักจะมีหาดกลางแม่น้ำ แต่มีต้นไผ่ที่พังลงจากตลิ่ง ลอยน้ำมาติดอยู่บนหาดนั้นบ่อย ๆ ที๋บ้านยางเกาะนี้ เห็นมีเรือนโรงบ้างที่ริมฝั่ง ตัดไม้ไผ่ไม้รวกอย่างเช่นไม้รั้วกองไว้ริมตลิ่ง ตามระยะทางที่มาไม่ใคร่จะเห็นบ้าน แต่ได้เห็นกองไม้ที่ริมตลิ่งบ่อย ๆ คงจะมีบ้านเรือนอยู่ในไผ่เปนท่าไม้ลง เมื่อมาพ้นบ้านนักการหน่อยหนึ่ง แลเห็นเขานักการ มาถึงหลัก ๕๕๐ บ่าย ๓ โมง ๕๓ วันนี้เปนวันถูกร้อนอย่างเอก ตั้งแต่มาแต่เช้าลงเรือมาหน่อยหนึ่ง ปรอทก็ ๘๐ เสมอมาแล้วขึ้นไปทุกที ๆ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงได้ ๙๐ บ่ายลงยิ่งหนักขึ้น เมื่อบ่าย ๔ โมงถึง ๙๒ แดดโต้หน้าร้อนจึดถึงเหื่อโทรม มายามหนึ่งยังอยู่ ๘๐ มาถึงพลับพลากลอนโดบ่าย ๔ โมง ๒๘ มินิต คิดตั้งแต่ออกจากพลับพลาค่ายหลวงเมืองกาญจนบุรี มาถึงที่พักกลอนโด ๘ ชั่วโมง ๔๓ มินิต หักค่าขึ้นแก่งหลวงแลคอยเรือเสียครึ่งโมง ค่าฝีพายกินเข้า ๒๕ มินิต คงที่ได้แจวถ่อลากกันอยู่ ๗ โมง ๔๘ มินิต คิดถัวดูระยะทาง ๕๙๘ ฤๅ ๖๐๐ เส้น เปนเรือเดินอยู่โมง ๑ กับ ๑๘ นาทีต่อ ๑๐๐ เส้น ช้ากว่าเมื่อคลองมหาสวัสดีมาก ที่พักที่กลอนโดนี้ เปนหาดยื่นออกมากลางแม่น้ำ แต่คอดกลางอยู่หน่อยหนึ่ง ที่ตรงหักหาดที่ยาวที่สุดนั้น ทำพลับพลาหันหน้าไประหว่างใต้ กับตวันออกเฉียงใต้ ปลูกเรียงกัน ๓ หลัง ๆ ต้น ๕ ห้องเฉลียงรอบ ต่อลงไปข้างเหนืออีก ๒ หลังนั้น ๓ ห้องเฉลียงรอบ หลังแรกนั้นฝาแผง หลังทีหลังนั้นเปนฝาใบพลวง มีปรำข้างน่าทุกหลัง แต่หลังแรกนั้นมีพื้นกระดานปูปรำลดลงไปที่เรือจอดอิกชั้น ๑ กันฝาสกัดท้ายปรำเปนข้างน่าข้างใน แล้วมีตะพานชักน่าที่พักนั้น เดินตลอดถึงกันเปนที่เรืออาไศรย ข้างหลังมีรั้วไม้รวกกั้นตลอดถึงกันทั้ง ๓ หลัง พื้นดินเปนกรวดก้อนใหญ่ทั้งนั้น พลับพลาตลอดระยะทางนี้เปนของพระยารามกำแหง๙๕ กับพระศรีสวัสดิ์๙๖ ทำทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งกว่าแล้ว เราลงเรือไปเที่ยวเหนือน้ำขึ้นไปอิกหน่อยหนึ่ง มีเรือจอดสองข้างทางมาก พ้นพลับพลาไปหน่อยหนึ่ง ตรงหลัก ๖๐๐ มีลำคลองแต่น้ำน้อยนัก เขากั้นเฝือกไว้แห่งหนึ่ง อิกแห่งหนึ่งเปนที่แผ่นดินต่ำ เห็นจะเปนทางน้ำเขาก็กั้นเฝือกไว้อิก ขึ้นไปอิกหน่อยหนึ่งเปนหาดทรายกลางน้ำเปนเกาะเล็กเกาะน้อย น้ำเชี่ยวแรงอยู่ข้างจะงามอยู่ กลับมาถึงพลบค่ำแล้วทั้งไปทั้งมาพอได้ชั่วโมงหนึ่งพอถึงที่แล้ว ท่านเล็กมาฦๅว่าได้เห็นนกยูง ๓ ตัวได้ร้องขึ้นไปแล้ว แต่ก็ได้ยินจอกแจกอยู่ ถึงโดยว่าจะเห็นจริงก็เห็นจะยิไม่ได้ มืดแก่แล้ว วันนี้คุณสุรวงษ์พาคนทำพลับพลารมารับเสื้อนั่งพูดกันอย่หน่่อยหนึ่ง กินเข้าบนพลับพลาแล้วจะต้องนอนหัวค่ำ พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้า แต่จะบอกระยะบ้านที่ขึ้นมาเสียหน่อยหนึ่ง เผื่อจะเปนประโยชน์บ้าง ฝั่งข้างซ้ายมือนั้นขาขึ้นไป ที่ ๑ ศาลเจ้าสองพี่น้อง ข้างขวาเขาปูน ต่อขึ้นไปข้างซ้ายเขาตกน้ำ ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยา ต่อไปอิกบ้านหนองหญ้าขวามือ ขึ้นไปอิกบ้านชุกยายยวน ต่อขึ้นไปบ้านนางแอ้ง ต่อขึ้นไปซ้ายมือบ้านแก่งหลวงแล้วแก่งน้อย ข้างขวาเขาทับหมี ข้างซ้ายเขาปากดง ต่อขึ้นไปอิกบ้านยางเกาะ ขึ้นไปข้างขวามือบ้านนักการ ก็ถึงกลอนโดบ้านอยู่ข้างซ้ายมือ ที่ตรงคลองเราออกชื่อไว้ ว่าเมื่อไปเที่ยวเวลาเย็นนั้น อนึ่งวันนี้กรมพิชิต๙๗ มีฉันแลโคลงมาให้ แต่ตัวเราเองนึกอะไรไม่ออกเลย เพราะต้องดูโน่นดูนี่ แลเปนธุระอยู่ด้วย จดหมายระยะทางมาก กรมพิชิตเขามาคราวนี้ สบายกว่าทุกคราวจึงคิดคล่อง ขอบใจที่ได้ช่วยให้เยอแนลมีบทกลอนขึ้น ได้คัดลงไว้ในนี้
อุเปนทวิเชียรฉันท์
๑๑๏ ลุแหล่งณแก่งหลวง |
ก็ระลวงระลุงลาญ |
ละน้องนิราสถาน |
จะสนุกสนานใด |
๏ อุธกกระทบผา |
ดุจมากระทบใน |
อุราบราไหล |
ประทะทับประทุกแด |
๏ จะชมนทีธาร |
ก็บบาลกระมลแล |
จะนึกสนุกแปร |
จิตรเศร้าบโดยจง |
๏ อุธกกระทุ่มฟอง |
กลนองสุชลลง |
ชลาครหึมดง |
อุระพี่ครหึมครวญ |
๏ กระแสบแปรคืน |
ทุกขฝืนฤแปรปรวน |
ผิห้ามคนึงนวล |
ดุจแก่งสกัดชล |
อินทวงษ์ฉันท์
๑๒๏ ที่สรงสนุกชล |
บรคนรคางรคาย |
พื้นลาดสอาดราย |
คณะตรวดตระการตระการ |
๏ เลื่อม ๆ ศิลาวรรณ |
กลตสรรผสมผสาน |
สีต่างละอย่างมาน |
ก็มเลื่อมมลังมเลือง |
๏ น้ำใสพิสุทธิสรง |
บมิขุ่นจะคายจะเคือง |
เย็นทราบอุราเปลือง |
รอุปลดกระวนกระวาย |
๏ จัดย่างจะหยั่งยืน |
ฤก็ตื้นสเบยสบาย |
ควั้ง ๆ กระแสสาย |
ชลเชี่ยวผผังผผัง |
๏ มัจฉาคณาพา |
คณคลาระแวดระวัง |
หวาดโลดกระโดดดัง |
ก็พิฦกคครึกคโครม |
โคลง
๏ น้ำไหลใสคว่างคว้าง |
ชลวน |
ปลาว่ายสายสินธุ์ยล |
คล่ำคล้ำ |
หาดลาดปราศคจากมล |
ทินเปือก แปมนา |
สนานสนุกน้ำตื้นน้ำ |
ฦกเหล้นเย็นสบาย |