วันที่ ๑๑

วัน ๑ ๒ ค่ำ วันนี้ตื่นย่ำรุ่งแล้ว ปรอท ๗๒ แต่งตัวมาลงเรือแหวด ยังต้องคอยของอะไรอยู่บ้างเล็กน้อย ประมาณสัก ๗ มินิต ๘ มินิต จนโมง ๑ กับ ๓๕ มินิตจึงได้ออกเรือ ที่วัดเหนือพระมาไชยันโต เรือแจกมาถึงหลัก ๕๐ สองโมง ๒๖ มินิต มาถึง ๕๑ มินิตตรงเขาตกน้ำ ที่ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยาอยู่ฝั่งข้างซ้ายมือ มีต้นไม้ใหญ่มากแต่เราไม่แลเห็นเรือน ทราบว่าไฟไหม้ทำใหม่ยังไม่แล้ว มีแต่ที่ริมน้ำเปนที่พัก มากลางทางพบไม้ไผ่บ้างแพเสาทุบเปลือกบ้างบ่อย ๆ ๓ โมง ๕๘ ถึงหลัก ๒๐๐ ห้าโมง ๕๕ ถึงหลัก ๓๐๐ มาอิกเกือบ ๓๐ มินิตถึงที่แก่งหลวง รวมมา ๓ โมง ๕๙ ฤๅ ๔ ชั่วโมงถึงแก่งหลวง ขึ้นเดินบกอ้อมแก่ง แก่งหลวงนี้เราได้มาสามหนทั้งหนนี้ เมื่อครั้งก่อนตามเสด็จทูลกระหม่อมมาคราวหนึ่ง ทรงเรือเก๋งมีข้างในมาด้วย วันนั้นฝนตกมาก มาทอดพระเนตรแล้วเสด็จกลับ เรามาคราวก่อนขึ้นไปเมืองสิงห์ มาถึงที่แก่งขึ้นเดินบกเหมือนอย่างคราวนี้ แต่สองคราวมาแล้วดูน้ำน้อยกว่าคราวนี้มาก คุณสุรวงษ์มาคอยรับส่งอยู่ที่แก่ง บอกว่าน้ำมากกว่าคราวก่อนถึงศอกเศษ เมื่อตามเสด็จมาคราวก่อน เราเคยขึ้นไปยืนบนศิลาริมแก่ง มีศิลาผุดมากน้ำเชี่ยวดังสู้ ๆ ทีเดียว แต่คราวนี้แลเห็นศิลาพันน้ำอยู่ห้ายอดเท่านั้น เสียงน้ำก็ไม่ดังเหมือนแต่ก่อน ทางเรือเดินข้ามแก่งนั้นอยู่ข้างซ้ายมือแต่เปนช่องแคบน้ำไหลเชี่ยวถ้าเรือจะไปตรงนี้ เสียงเอะอะใหญ่ทุกคราว แต่เดินมานั่งคอยเรือ แลลงเรือกันอยู่ประมาณสักครึ่งโมง เดิมสั่งให้เรือปิกนิกมาคอยที่นี่ มันเลยเหลวไปเสีย ไม่คอยอยู่ ต้องลงเรือแหวดมาตามเดิม ได้ออกเรือจากท่านั้น เที่ยงแล้ว ๙ มินิตมาพ้นแห่งหลวงแห่งหนึ่ง เห็นเขาทับหมีอยู่ข้างน่า พอพ้นเขาทับหมีมาเห็นเขาปากดงอยู่ข้างน่า เขาทับหมีอยู่ข้างหลัง ตามสองข้างทางนั้นมีต้นไผ่มาก ริมน้ำเปนต้นตะไคร้น้ำแช่น้ำอยู่ตลอดทาง บ่ายโมง ๑ กลัวว่าฝีพายกินเข้ามาแต่เช้าจะหิว จึ่งรอเรือให้กิน เวลานั้นโมง ๑ แล้ว ๒๔ มินิต หยุดอยู่ ๒๕ มินิตออกเรือ มาถึงหลัก ๕๐๐ บ่าย ๒ โมง พอพ้นหลัก ๕๐๐ มาหน่อยหนึ่ง เห็นเขาปากดงอยู่ข้างหลัง ผิดกันกับข้างน่าไป ด้วยมีต้นไม้น้อยแลไปมีแต่ศิลาสีดำ แต่มิใช่ดำศิลาเขาโพลังกาพระบาท มาพบเรือโบดเหลืองที่ใต้บ้านยางเกาะหน่อยหนึ่ง แต่เราไม่หยากขึ้น ด้วยเห็นว่าจวนจะถึงอยู่แล้ว จะต้องถ่ายไปถ่ายมาลำบาก ในเวลานี้แจวไม่ใคร่จะขึ้น ต้องเอาคนลงเขนลาก แต่เรือโบดเหลืองเขามีถ่อหลายเล่ม ขยับจะเร็วกว่าเรือแหวดเสียอีก ถ้าน้ำที่ฦกแล้วหยั่งไม่ถึงสุดปลายถ่อ ถ้าน้ำตื้นก็ตื้นถึงท้องเรือครือทีเดียว คนลงยืนก็เพียงเข่าบ้างต่ำกว่าเข่าบ้าง มักจะมีหาดกลางแม่น้ำ แต่มีต้นไผ่ที่พังลงจากตลิ่ง ลอยน้ำมาติดอยู่บนหาดนั้นบ่อย ๆ ที๋บ้านยางเกาะนี้ เห็นมีเรือนโรงบ้างที่ริมฝั่ง ตัดไม้ไผ่ไม้รวกอย่างเช่นไม้รั้วกองไว้ริมตลิ่ง ตามระยะทางที่มาไม่ใคร่จะเห็นบ้าน แต่ได้เห็นกองไม้ที่ริมตลิ่งบ่อย ๆ คงจะมีบ้านเรือนอยู่ในไผ่เปนท่าไม้ลง เมื่อมาพ้นบ้านนักการหน่อยหนึ่ง แลเห็นเขานักการ มาถึงหลัก ๕๕๐ บ่าย ๓ โมง ๕๓ วันนี้เปนวันถูกร้อนอย่างเอก ตั้งแต่มาแต่เช้าลงเรือมาหน่อยหนึ่ง ปรอทก็ ๘๐ เสมอมาแล้วขึ้นไปทุกที ๆ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงได้ ๙๐ บ่ายลงยิ่งหนักขึ้น เมื่อบ่าย ๔ โมงถึง ๙๒ แดดโต้หน้าร้อนจึดถึงเหื่อโทรม มายามหนึ่งยังอยู่ ๘๐ มาถึงพลับพลากลอนโดบ่าย ๔ โมง ๒๘ มินิต คิดตั้งแต่ออกจากพลับพลาค่ายหลวงเมืองกาญจนบุรี มาถึงที่พักกลอนโด ๘ ชั่วโมง ๔๓ มินิต หักค่าขึ้นแก่งหลวงแลคอยเรือเสียครึ่งโมง ค่าฝีพายกินเข้า ๒๕ มินิต คงที่ได้แจวถ่อลากกันอยู่ ๗ โมง ๔๘ มินิต คิดถัวดูระยะทาง ๕๙๘ ฤๅ ๖๐๐ เส้น เปนเรือเดินอยู่โมง ๑ กับ ๑๘ นาทีต่อ ๑๐๐ เส้น ช้ากว่าเมื่อคลองมหาสวัสดีมาก ที่พักที่กลอนโดนี้ เปนหาดยื่นออกมากลางแม่น้ำ แต่คอดกลางอยู่หน่อยหนึ่ง ที่ตรงหักหาดที่ยาวที่สุดนั้น ทำพลับพลาหันหน้าไประหว่างใต้ กับตวันออกเฉียงใต้ ปลูกเรียงกัน ๓ หลัง ๆ ต้น ๕ ห้องเฉลียงรอบ ต่อลงไปข้างเหนืออีก ๒ หลังนั้น ๓ ห้องเฉลียงรอบ หลังแรกนั้นฝาแผง หลังทีหลังนั้นเปนฝาใบพลวง มีปรำข้างน่าทุกหลัง แต่หลังแรกนั้นมีพื้นกระดานปูปรำลดลงไปที่เรือจอดอิกชั้น ๑ กันฝาสกัดท้ายปรำเปนข้างน่าข้างใน แล้วมีตะพานชักน่าที่พักนั้น เดินตลอดถึงกันเปนที่เรืออาไศรย ข้างหลังมีรั้วไม้รวกกั้นตลอดถึงกันทั้ง ๓ หลัง พื้นดินเปนกรวดก้อนใหญ่ทั้งนั้น พลับพลาตลอดระยะทางนี้เปนของพระยารามกำแหง๙๕ กับพระศรีสวัสดิ์๙๖ ทำทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งกว่าแล้ว เราลงเรือไปเที่ยวเหนือน้ำขึ้นไปอิกหน่อยหนึ่ง มีเรือจอดสองข้างทางมาก พ้นพลับพลาไปหน่อยหนึ่ง ตรงหลัก ๖๐๐ มีลำคลองแต่น้ำน้อยนัก เขากั้นเฝือกไว้แห่งหนึ่ง อิกแห่งหนึ่งเปนที่แผ่นดินต่ำ เห็นจะเปนทางน้ำเขาก็กั้นเฝือกไว้อิก ขึ้นไปอิกหน่อยหนึ่งเปนหาดทรายกลางน้ำเปนเกาะเล็กเกาะน้อย น้ำเชี่ยวแรงอยู่ข้างจะงามอยู่ กลับมาถึงพลบค่ำแล้วทั้งไปทั้งมาพอได้ชั่วโมงหนึ่งพอถึงที่แล้ว ท่านเล็กมาฦๅว่าได้เห็นนกยูง ๓ ตัวได้ร้องขึ้นไปแล้ว แต่ก็ได้ยินจอกแจกอยู่ ถึงโดยว่าจะเห็นจริงก็เห็นจะยิไม่ได้ มืดแก่แล้ว วันนี้คุณสุรวงษ์พาคนทำพลับพลารมารับเสื้อนั่งพูดกันอย่หน่่อยหนึ่ง กินเข้าบนพลับพลาแล้วจะต้องนอนหัวค่ำ พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้า แต่จะบอกระยะบ้านที่ขึ้นมาเสียหน่อยหนึ่ง เผื่อจะเปนประโยชน์บ้าง ฝั่งข้างซ้ายมือนั้นขาขึ้นไป ที่ ๑ ศาลเจ้าสองพี่น้อง ข้างขวาเขาปูน ต่อขึ้นไปข้างซ้ายเขาตกน้ำ ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยา ต่อไปอิกบ้านหนองหญ้าขวามือ ขึ้นไปอิกบ้านชุกยายยวน ต่อขึ้นไปบ้านนางแอ้ง ต่อขึ้นไปซ้ายมือบ้านแก่งหลวงแล้วแก่งน้อย ข้างขวาเขาทับหมี ข้างซ้ายเขาปากดง ต่อขึ้นไปอิกบ้านยางเกาะ ขึ้นไปข้างขวามือบ้านนักการ ก็ถึงกลอนโดบ้านอยู่ข้างซ้ายมือ ที่ตรงคลองเราออกชื่อไว้ ว่าเมื่อไปเที่ยวเวลาเย็นนั้น อนึ่งวันนี้กรมพิชิต๙๗ มีฉันแลโคลงมาให้ แต่ตัวเราเองนึกอะไรไม่ออกเลย เพราะต้องดูโน่นดูนี่ แลเปนธุระอยู่ด้วย จดหมายระยะทางมาก กรมพิชิตเขามาคราวนี้ สบายกว่าทุกคราวจึงคิดคล่อง ขอบใจที่ได้ช่วยให้เยอแนลมีบทกลอนขึ้น ได้คัดลงไว้ในนี้

อุเปนทวิเชียรฉันท์

๑๑ ลุแหล่งณแก่งหลวง ก็ระลวงระลุงลาญ
ละน้องนิราสถาน จะสนุกสนานใด
๏ อุธกกระทบผา ดุจมากระทบใน
อุราบราไหล ประทะทับประทุกแด
๏ จะชมนทีธาร ก็บบาลกระมลแล
จะนึกสนุกแปร จิตรเศร้าบโดยจง
๏ อุธกกระทุ่มฟอง กลนองสุชลลง
ชลาครหึมดง อุระพี่ครหึมครวญ
๏ กระแสบแปรคืน ทุกขฝืนฤแปรปรวน
ผิห้ามคนึงนวล ดุจแก่งสกัดชล

อินทวงษ์ฉันท์

๑๒ ที่สรงสนุกชล บรคนรคางรคาย
พื้นลาดสอาดราย คณะตรวดตระการตระการ
๏ เลื่อม ๆ ศิลาวรรณ กลตสรรผสมผสาน
สีต่างละอย่างมาน ก็มเลื่อมมลังมเลือง
๏ น้ำใสพิสุทธิสรง บมิขุ่นจะคายจะเคือง
เย็นทราบอุราเปลือง รอุปลดกระวนกระวาย
๏ จัดย่างจะหยั่งยืน ฤก็ตื้นสเบยสบาย
ควั้ง ๆ กระแสสาย ชลเชี่ยวผผังผผัง
๏ มัจฉาคณาพา คณคลาระแวดระวัง
หวาดโลดกระโดดดัง ก็พิฦกคครึกคโครม

โคลง

๏ น้ำไหลใสคว่างคว้าง ชลวน
ปลาว่ายสายสินธุ์ยล คล่ำคล้ำ
หาดลาดปราศคจากมล ทินเปือก แปมนา
สนานสนุกน้ำตื้นน้ำ ฦกเหล้นเย็นสบาย
  1. ๙๕. พระยารามกำแหง (กล่อม)

  2. ๙๖. พระศรีสวัสดิ์ (ปาน)

  3. ๙๗. พระเจ้าบรมวงษ์เธอชั้น ๔ กรมหลวงพิชิตปรีชากร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ