วันที่ ๒๒

วัน ๕ ๓ ค่ำ ออกเรือสองโมงเช้า ตามทางมาเหมือนกับเมื่อแรกขึ้นไป สองโมง ๔๐ ตรงบ้านแม่กระบาน ๓ โมงถึงเมืองสิงห์ เห็นมีเรือจอดหลายลำ กาพย์ว่าเรือที่จอดนั้น เห็นจะเปนหม่อมแดง๑๒๓ลำหนึ่ง จะขึ้นไปถ่ายรูป ๓ โมงสามส่วนถึงบ้านปากเลน มอญผู้หญิงที่ขายของเราแต่ก่อนมาขายอิก แต่คราวนี้ไม่บอกขายว่าเปนของถวาย มีพริกมะเขื่อผักหน่อไม้ดองเข้าหลามแตงเราต้องซื้อแพงกว่าขายเสียอิก ขนมปังที่ให้ไปแต่ก่อนนั้น ว่าแจกกันทั้งบ้าน รออยู่ ๑๐ มินิตออกเรือมา ๔ โมงเศษ พ้นท่ามะกรูดมาหน่อยหนึ่ง พบเรือเดินหนังสือมาจอดอยู่ริมตลิ่ง เรียกให้เขาตามมา ถึงพลับพลาวังหมึกสี่โมงสามส่วน แต่หนังสือที่เราได้รับนั้น เปนหนังสือเก่าทีเดียว มาแต่วัน ๗ ๒ ค่ำ หนังสือเราไปหลายฉบับยังไม่ได้ตอบ ออกจากพลับพลานี้ไปขึ้นที่บ้านวังหมึก ๕ โมงครึ่ง ตลิ่งชันขึ้นสูงไป พบเรือนร้างสามหลัง มีต้นมพร้าวต้นตาล ร้างมาแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เลี้ยวไปข้างซ้ายมือ พบท่าที่ไม้ลง มีเกวียนเข็นไม้มาจอดอยู่ ๔ เกวียน กำลังปลดวัวออกจากเกวียน ไม้ที่เข็นมากองไว้ริมตลิ่งนั้น เปนไม้ซาก ๔ กำ ๕ กำ ยาว ๓ วา ๒ ศอก เราพบผู้ที่รับจ้างเปนผู้ชายก็มีผู้หญิงก็มี ถามราคาที่จ้าง ต้นละ ๒ สลึงเฟื้องทาง ๒๐ เส้น แต่เกวียนเปนเกวียนโค ลากคราวละต้น มีฝางอยู่หลายกอง แต่เขาว่าฝางนั้นไม่ได้ลากด้วยเกวียนใช้แบก มาต่อไปมีบ้านเรือน วันนี้ได้เห็นเรือนฝาจาก ๓ ห้องหลัง ๑ กับเรือนไม้ไผ่อึก ๓ หลัง ๔ หลัง มีคนชายหญิงทั้งหมู่บ้านสัก ๑๓ คน ๑๔ คน บ้าน ๑ มีกล้วยกับพลูบ้าง ๔ ค้าง ๕ ค้าง เราว่าซื้อเขาไม่ขายจะยอมให้ เก็บได้หน่อยหนึ่งแล้วก็ให้เงินเขา มีต้นขนุนต้นไน้โหน่งกำลังลูกดก ส้มโอมะยมมะกรูดมะม่วงมะขามบ้าง ๒ ต้น ๓ ต้น กับพุดซามีหลายต้น กลับมาจากบ้านนั้น เวลาย่ำเที่ยงตรง ได้พลูไปถวายสมเด็จกรมพระหน่อยหนึ่ง เสด็จยายหน่อยหนึ่ง ด้วยเวลานี้พลูเปนของกำลังมีราคาแรงนัก ถึงจะให้สัก ๙ ใบ ๑๐ ใบก็จะมีราคามากกว่าของกำนัลที่ให้กันที่บางกอกมาก ๆ แล้วมาลงเรือเหลือง มาบ่ายโมง ๑ ถึงตาล ๓ ต้น วันนี้สองข้างแม่น้ำแลเห็นแปลก ตรงทีเดียวกับตอนข้างบน เพราะตอนนี้ลงมาไม่มีศิลาริมน้ำเปนแต่ฝั่งดินสูง มีห้วยลำทราบพบควายลงอยู่ในน้ำสัก ๑๑ ตัว ๑๒ ตัว ให้นายรองพลพัน๑๒๔ ขึ้นไปหาพลูได้มาอิก ๒๐ ใบ ๓๐ ใบ มาอิกหน่อยพบเรืออวนมันร้องบอกว่าได้ปลามาก เราสั่งให้แจกตามเรือเจ้านายข้าราชการ มาถึงพลับพลากลอนโดบ่าย ๔ โมง ๒๐ มินิต คิดหยุดแวะเวียนแล้วลงเรือเดินวันละ ๗ โมงกับ ๕๕ มินิต เรือเดินช้ากว่าแต่ก่อนมาก เพราะน้ำไม่สู้เชี่ยวเหมือนข้างบน มาถึงพลับพลาพบซายันจีน๑๒๕ทหารมหาดเล็ก ได้รับของกิน ซึ่งพระยารัตนโกษา๑๒๖แลจมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ๑๒๗ส่งมาให้ แลได้รับหนังสือท่านกลางอิกฉบับหนึ่ง วันยิ่งแก่ขึ้นไปกว่า ๒ ฉบับโน้นเสียอิก หนังสือนี้มาแต่วัน ๕ ๒ ค่ำ เขียนหนังสือตอบท่านกลางฉบับหนึ่ง แล้วคุณสุรวงษ์มาชวนให้ไปดูลงอวน บ่าย ๕ โมงครึ่ง เแล้วลงเรือไปตามลำห้วยกลอนโด ที่ตรงนั้นดูในแผนที่ เปนที่ลุ่มทรายแหวะออกไป ไม่เข้าใจว่าเปนอย่างไร ครั้นไปวันนี้เข้าไปในลำคลองเล็ก น้ำตื้นต้องเข็นเรือ คลองนั้นกว้างอยู่สัก ๘ ศอกฤๅ ๙ ศอก พื้นฝั่งทั้งสองข้างต่ำปนที่ชายเลน ชาวบ้านทำนาปรังทั้ง ๒ ฟาก ต้นเข้าสูงอยู่ศอกหนึ่งศอกเศษ มีรวงพอเปนน้ำนมบ้าง เปนสีลูกหวายบ้าง ที่ดำใหม่ ๆ สูงเพียง ๗ นิ้วก็มี ๘ นิ้วก็มี เข้านี้ทำตามน้ำลด ลงมือมาตั้งแต่เดือน ๑๒ น้ำลดเท่าไรก็ต่ำตามลงไป ลงมือเก็บเกี่ยวกันแต่ข้างแรมเดือน ๓ ไป ทำพอกินกันในบ้าน เปนลำคลองแคบอย่างนี้ เข้าไปประมาณสัก ๙ เส้น ๑๐ เส้น ค่อยกว้างออกไปทีละน้อย ๆ ต่อเข้าไปลึกข้างใน กว้างเปนแม่น้ำที่เดียว เรือพายแจวได้สบาย กว้างอยู่ใน ๑๗ วา ๑๘ วา จนถึงกลางคุ้งกว้างกว่าเส้น มีแพจอดในนั้น ๓ หลัง แต่ไม่มีปิตีเหมือนแพที่ปากแม่พาชี เปนแพน่าถังฝากระดานอยู่หลัง ๑ นอกนั้นก็เปนฝาไม้ไผ่แต่พอดูได้ ฝั่งข้างซ้ายมือตลิ่งสูง เปนท่าคนตัดเสาลงหลายท่าใกล้ ๆ กัน มีเสากองอยู่บนตลิ่งบ้างในน้ำบ้างหลายสิบต้น ฝั่งข้างขวามือเปนหาด แต่มิใช่หาดทรายเปนหาดดินร่วน ราบขึ้นไปกว้างมากทีเดียว เห็นจะสัก ๓ เส้น ๔ เส้นจึงถึงต้นไม้ ที่นั่นเปนดินราบเปล่า ๆ บ้าง หญ้าเพรกขึ้นเขียวบ้าง เปนนาเข้าบ้างดูงามดีทีเดียว ถ้าจะทำไร่ก็เห็นจะได้ดี ในที่นี้เปนแม่น้ำเดิมทีเดียวเห็นได้ถนัด แต่เปนท้องคุ้งคดอ้อมไป อย่างไรน้ำจึงเดินตัดไปเสียทางหนึ่ง ที่นั้นจึงขาดตอนไปจากแม่น้ำปากแม่น้ำขาดทั้งสองข้างนั้นเกิดดินสูงขึ้น ถ้าน่าแล้งมีแต่ลำราง ดังเช่นเราเข้าไปวันนี้ แต่ในกลางนั้นยังเปนแม่น้ำอยู่น้ำขังมาก ปลาจึงไปรวมลงที่นั่นชุมนัก เหมือนหนึ่งกับลำลาดชะโด แม่น้ำนี้คงจะเปลี่ยนทางบ่อย ๆ ด้วยน้ำแรง เหมือนดังแม่น้ำเก่าที่ตรงท่าตคร้อข้ามที่จะไปทุ่งนาคราช ที่นั่นก็เปนแม่น้ำเก่า แต่เห็นจะเก่ามากกว่าที่นี่ จนน่าแล้งไม่มีน้ำขังยังเห็นเปนรอยแม่น้ำอยู่ ที่นี่ชรอยจะพึ่งเปนใหม่ นานไปก็เห็นจะเปนอย่างเช่นทางไปทุ่งนาคราช ในนั้นปลาโดดบ่อย ๆ เหมือนหนึ่งกับลาดชะโด ลงอวนที่หาดหัวแหลม ได้ปลากรายปลาช่อนตัวใหญ่ ๆ มาก ปลาทูน้ำจืดมีชุมนัก ลงอวนที่ ๒ เทขึ้นบนเรือญวนเต็มไม่มีที่จะไว้ ลงอิกที่หนึ่งต้องบรรทุกเรือไอรอนแคลดพระสัจจาเต็มรวางกลาง เรือจมลงไปได้มาก กลับออกมาเราแวะขอเข้าที่เปนน้ำนมกำมือหนึ่ง ชาวบ้านมาทำยาคู แลกด้วยบุหรี่ ๒ ตัว ตั้งแต่ที่ลงอวนมาถึงปากคลอง ทางสัก ๒๐ เส้นเศษ ถึงพลับพลาค่ำแล้ว ๕๐ วันนี้หมอสายบอกว่าได้เถามวกแดง ว่ามีอยู่ที่เหนือน้ำพุขึ้นไป เปนยาสำคัญนัก สำหรับใช้ได้หลายอย่าง แลมีอุปเทห์ที่จะทำรูปเทพธิดาบูชาให้จำเริญด้วย กับตะไคร้หางนาคมีชุม ค่ำวันนี้ชายศรีวิไลยมาหา เอานมผามาให้หลายชลอม ว่าไปเก็บเองได้ที่ถ้ำใต้เมืองไทรโยค เปนยาแก้พิษดีนัก กับดอกหญ้าอย่างหนึ่งสีแดงเลอียดดูงามจริง ๆ ยังมีต้นไม้อิกอย่างหนึ่งเรียกว่าหัวใจไวยราพ ที่ต้นนั้นแห้งทีเดียวหักเผาะ ๆ เหมือนไม้เห้ง แต่มีดอกถ้าฟ้าร้องจึงบาน เมื่อวานซืนนี้ฟ้าร้องที่พลับพลาหาดกระแจะ ว่าดอกที่บานเก็บมายังบานอยู่บ้างตูมเสียบ้าง แต่นัยว่า ว่าถึงหักมาจากต้นแล้วอย่างนี้ ถ้าฟ้าร้องเมื่อไรดอกนั้นจะบานได้อิก ยังไรก็ไม่รู้แน่ แต่ไม่เห็นว่าจะบานได้ พระสัจจาว่าจะกลับไปราชบุรี แล้วสมเด็จเจ้าพระยาไม่ให้ไป ให้คอยหาเนื้อให้เรา วันนี้มีนกกระทามาส่ง ๔ ตัว กับมีค่างตายมาสองตัว เรื่องกินค่างดูเปน คานิบอล เห็นจะกลืนไม่ลง ส่งให้ไปเยอสตาฟไว้มิวเซียม.

  1. ๑๒๓. หม่อมเทวาธิราช (ม.ร.ว.แดง)

  2. ๑๒๔. นายเล่หอาวุธ

  3. ๑๒๕. ขุนพฤกษการประสิทธิ์ (จีน)

  4. ๑๒๖. พระยาเพชรพิไชย (จีน)

  5. ๑๒๗. พระยาเทพอรชุณ (เจ๊ก)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ