วันที่ ๒๗

วัน ๓ ๑๐ ๓ ค่ำ วันนี้ตั้งแต่เช้ามารับแขกวันยังค่ำ ข้างนอกก็มีหัวเมืองมาหา ข้างในก็เมียหัวเมืองมาหา แจกเสื้อแจกผ้าห่มตามสมควร คุณหญิงพันก็มาหาด้วย แลมีราชการต้องเขียนหนังสือแลอ่านหนังสือต่าง ๆ อยู่จนเวลากินเข้ากลางวันบ่าย ๕ โมงจึงได้ลงจากเขาขี่รถไปตามทางที่ขึ้นมา ริมทางข้างขวามือขาขึ้นมามีทางเหล็กสำหรับขนอิฐปูนขึ้นมาทำเขาในคราวนี้ ก็ได้ใช้ตักน้ำแลขนสิ่งของทั้งปวงมีประโยชน์เบาแรงมาก สองข้างทางปลูกต้นมะขามบ้าง ต้นประดู่บ้าง แต่ยังเล็กอยู่ ตอนล่างลงไปเปนที่น้ำท่วมมักจะหักถนนเสีย ต้องก่อกำแพงเตี้ย ๆ พอกันน้ำไว้ แบ่งพอให้ลงตามทาง แต่ปีนี้น้ำท่วมกำแพงที่กั้นทำลายถนนเสียไปบ้าง ถนนที่ทำนั้นกว้างใหญ่เตียนหมดจดทีเดียว แต่อยู่ข้างจะเปนฝุ่นมาก ต่อลงไปพ้นเขาสัตนารถหน่อยหนึ่ง เปนสวน พระสัจจาอยู่ที่ดอนปากเป้า เห็นมีเรือนอยู่กลางสวน แต่เราไม่ได้เข้าไปในนั้น พระที่นั่งที่ดอนตะโกยังก่อขึ้นไปค้างอยู่ แต่ใหญ่โตนัก เห็นจะไม่สำเร็จแล้ว ที่นั่นมีปลวกมากนัก ตามทางเปนท้องนาพื้นเตียนราบมีหญ้าแพรกทั่วไปทั้งนั้น ต้นไม้ก็ต้นเล็ก ๆ เปนหย่อม ๆ มีบ้านเรือนคนอยู่ห่าง ๆ เราขี่รถไปตั้งที่น่าค่ายหลวงเก่า ที่ไฟไหม้ทำเหมือนอย่างเดิมแต่ยกพื้นสูงขึ้น ยกเครื่องบนชั้นล่างก่อถึงพื้นแล้ว แต่ชั้นบนจะทำเปนฝาผูกอิก เลี้ยวไปตามทางข้างใต้ตรงริมค่ายหลวงนั้นมีโรงตลาดทำขึ้นใหม่แถวหนึ่ง ต่อไปหน่อยหนึ่ง ข้างขวามือเปนคุกทำใหม่ยาว ๑๓ ห้อง มีกำแพงล้อมรอบ ที่ประตูนั้นเปนเรือนผู้คุมต่อไปก็เปนที่ชำระความ หลังใหญ่อยู่กลางหลังหนึ่งกับหลังเล็ก ๒ หลัง ตรงกันข้ามนั้นเปนบ้านคุณสุรวงษ์ทำเปนตึก แต่พระสัจจามาอยู่ที่นั่น ยังมีบ้านที่เปนเรือนจากอิกหลังหนึ่ง ที่เปนเรือนเดิมอยู่เคียง ๆ กัน เดิมพระสัจจจาอยู่ที่นั่น ต่อนั้นไปถึงวัดสัตนารถอยู่ข้างริมน้ำ วางท่วงทีเหมือนกับวัดโคกไม้ มีกำแพงล้อมรอบประตูเข้าข้างหลัง ๒ ประตู ในระหว่างประตูทั้งสองนั้น มีศีลาสูงขึ้นไปเสมอกำแพงหลังหนึ่ง เข้าไปในวัดนั้นเห็นมีกุฎีรายไปริมกำแพง ตามยาวข้างวัดสองด้าน ข้างละ ๔ หลัง มีพระเจดีย์องค์ ๑ กำแพงแก้วล้อมรอบ มีวิหารพระนอน องค์พระนอนยาว ๔ วาสองศอกองค์ ๑ ข้างน่าเปนโบถ ๕ ห้องเฉลียงรอบ ริมกำแพงข้างน่ามีศาลาระหว่างประตูเหมือนข้างหลัง การที่ทำนั้นเปนอย่างฝีมือราษฎรทีเดียว พระกุศลธรรมธาดา๑๕๘ เปนผู้ทำ ได้พบพระครูบอกว่าสบายดีอยู่ ไม่สู้จะขัดสน แต่ที่เปนเวลาขัดสนทีเดียวก็มีบ้าง ได้ออกเงินถวายเลี้ยงทั้งวัด ๑ ชั่งแล้วกลับมา แถบนั้นมีบ้านเรือนอยู่บ้าง เปนเรือนพวกลาวหลายสิบหลัง ออกจากวัดนั้นกลับมาพบหยาดกับพร้อม อยู่ที่น่าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แวะเข้าไปหาแลล่วงเข้าไปในบ้านสมเด็จเจ้าพระยาด้วย ที่บ้านนั้นข้างน่ามีรั้วไม้ เข้าไปตามทางสองข้างทางถึงประตูบ้าน ที่ประตูนั้นทำเปนสามช่อง ๆ กลางเปนทางรถ สองข้างเปนทางคนเดิน เขียนหนังสือไว้ที่หลังประตูว่า หิสเกรตธีรีเยนต์ ๑๘๗๓ สองข้างทางประตูนั้นมีสระน้ำ ทางเข้าไปถึงน่าเรือนเปนวงกลม ที่เรือนนั้นทำเปนสามชั้น แต่ข้างน่ามีเสาใหญ่รับชาน ไม่มีหลังคาที่เขาเรียกกันว่าดาดฟ้า คราวนี้เราไม่ได้ขึ้นไปบนเรือน ทางนี้คราวก่อนได้ขึ้นไปคราวหนึ่งแล้วที่เรือนนั้นทำใหญ่โต แต่ข้างในนั้นกั้นห้องทำหลายห้องซุกซิก เราเดินลงไปทางข้างเรือน ทางริมน้ำมีโรงรถโรงม้าอยู่ข้างขวามือข้างซ้ายมือมีเรือน ๓ หลัง ข้างต้นริมเรือนสมเด็จเจ้าพระยานั้นเปนเรือนหยาดหลัง ๑ แล้วต่อไปเปนเรือนยาวอิกหลัง ๑ ได้แนวกันไปข้างริมน้ำจึงเปนเรือนอิกหลัง ๑ ยาวไปตามริมน้ำ จะรับทูตโปรตุเกตอยู่ในที่นี้ ที่ลานหลังบ้านนั้นเตียนหมดจด มีต้นมะขามใหญ่หลายต้นแล้วเราขึ้นไปทางบันไดหลังเรือน เข้าไปที่ห้องบิลเลียดซ์ เปนห้องยาวตลอดมา แต่เปนหลังคาสังกะสีเพดานดาดด้วยแผงฝาไม้โปร่ง ๆ เมื่อขึ้นไปถึงหมายว่าปูด้วยพรมน้ำมัน ต่อเหยียบลงไปจึงรู้ว่าเปนพื้นกระเบื้องลายดูงามดีจริง ๆ นั่งพูดอยู่กับสมเด็จเจ้าพระยาหน่อยหนึ่ง แล้วกลับมาที่น่าเรือนนั่ง เรายังลืมไปหน่อยหนึ่งตรงน่ากระดานบัวที่ดาดฟ้า มีหนังสือเขียนไว้สามช่อง ช่องหนึ่ง ยัสติส ช่องหนึ่งว่า ปาวเวอร์ ช่องหนึ่งคำ ดิสครีชั่น ขี่รถกลับมากลางคืนแล้วแต่ว่าเดือนสว่าง เห็นไฟติดที่เขาใกล้ ๆ กันถึง ๒ เขา สว่างมากทีเดียวเปนไฟป่า มาสัก ๓๐ เส้นถึงเขาสัตนารถ ดูเปนเขาราวกับ อิลลุมมิเนชั่น นี้ไฟมากแดงไปทั้งนั้น วันนี้ให้ซองทองคำพระสัจจาซองหนึ่ง ที่เขาได้รับรองมาตามทางตลอดตั้งแต่พระแท่นมาถึงนี่ วันนี้เอาพิณพาทย์แลเสภามาทำให้ฟังด้วย ฤดูหนาวนี้หมดสิ้นทีเดียวไม่มีเลย เวลากลางวันปรอทขึ้นถึง ๙๐ กลางคืนก็อยู่ใน ๘๐ เศษ รอดตัวที่มีลมมากจึงค่อยสบาย เขาว่าข้างล่างร้อนจัดนัก

  1. ๑๕๘. พระกุศลธรรมธาดา วัดไชยพฤกษ์มาลา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ