วันที่ ๒๘

วัน ๔ ๑๑ ๓ ค่ำ วันนี้พระอธิการหน่าย๑๕๙ วัดตาลมีเขากวางงอกมาให้ ไล่เลียงดูว่าวัดธรรมยุติกามีหลายวัดที่เมืองราชบุรีแต่เปนพวกวัดโสมนัศทั้งนั้น ตั้งติดได้ทุกแห่งดูเปนคราวชตาขึ้น เมืองพิศณุโลกเมืองลพบุรีลองตั้งดูก็ตั้งไม่ติด วัดตาลนี้ก็เปนวัดธรรมยุติกา ยังวัดอรยิกที่พระยาธรรมจรรยา๑๖๐มาสร้าง เปลี่ยนชื่อวัดจำเริญธรรมวิหาร วัดบางคนทีวัดท่าโขลง ทั้งวัดสัตนารถปริวัตรของเราด้วย รวมเปนวัดธรรมยุติกาที่นี่ถึง ๕ วัด ยังมีเคร่งอย่างวิเศษจนเกินดีอิกวัดหนึ่ง เปนวัดมหานิกาย พระวุฒิการว่าใครไปไม่รับเลย พระถานาเปรียญที่มาแต่กรุงเทพ ฯ พากันไปที่วัดมหาธาตุปิดประตูกุฎีเสียไม่ให้ขึ้น กลัวนิส์คีจะไปติด พระวิไนยมุนีซึ่งเปนเจ้าคณะไปที่หนึ่ง ต้องทำทางให้ขึ้นใหม่ ครั้นจะให้ขึ้นตามทางเดิมก็กลัวนิส์คีย์จะแปบปน เคร่งยิ่งกว่าธรรมยุติกาหลายเท่า แต่ว่าสมเด็จเจ้าพระยาไปทำโบถให้ใหม่ เดิมกรมการเมืองราชบุรีถือน้ำที่วัดตาล ภายหลังทำโบถวัดมหาธาตุขึ้นก็เปนไปถือน้ำที่วัดมหาธาตุ ตั้งแต่ปีนี้ไปให้มาถือน้ำบนพระที่นั่งเหมือนอย่างเมืองเพ็ชรบุรี

วันนี้หมื่นสาสนามาหา ได้ไล่เลียวถึงโรงหีบอ้อยที่เห็นเมื่อวานซืนนี้ ได้ความว่าโรงหีบเปนของหมื่นสาสนา ๒ โรง อิก ๓ โรงนั้นเปนของจีนไหหลำบ้าง จีนฮกเกี้ยนบ้าง ลงทุนให้ราษฎรปลูกอ้อยไร่ละ ๔ ตำลึง แต่ต้องให้ล่วงน่า ๘ บาท ไร่หนึ่งได้อ้อย ๑๘ เกวียนบ้าง ๒๐ เกวียนบ้าง อ้อยนั้นเปนอ้อยแดง แต่หีบได้น้ำแลรศดีเหมือนกับอ้อยจีน ตั้งแต่ทำมา ๑๒ ปีแล้ว อ้อยไม่เคยเสียไม่เคยตายเลย แต่ปีนี้น้ำมากท่วมอ้อยเสียไปสัก ๑๓๐ ไร่ ด้วยทำอยู่ปีละ ๔๐๐ ไร่ ๓๐๐ ไร่ได้ทำการอยู่ ๕ เดือน แต่ต้องยุดหย่อนบ้างที่ได้ทำจริงอยู่ ๔ เดือน น้ำตาลนั้นได้ดี ๔ หวดได้ ๑๐๐ ชั่งจีน ปีหนึ่งน้ำตาลได้ออกมากๆ แต่ต้องไปจำหน่ายเองถึงกรุงเทพ ฯ ได้กำไรอยู่ในปีละ ๑๐๐ ชั่ง ๑๐๐ ชั่งเศษ ลูกจ้างนั้นใช้ลูกจ้างไทยมากกว่าจีน ถ้าจีนต้องจ้างวันละสลึงเฟื้องบ้างสองสลึงบ้าง ลูกจ้างไทยวันละสลึงเดียวก็พอ ลูกจ้างทั้งจีนทั้งไทยมีอยู่ใน ๑๐๐ เศษ ตั้งแต่ทำมาขาดทุนน้อยนักเพียง ๒๐ ชั่ง ๓๐ ชั่ง มีกำไรมาก ๆ ทุกปีที่ปลูกอ้อยนั้นได้แต่เหนือขึ้นไป ต่ำลงมาน้ำท่วมใช้ไม่ได้ ว่าที่ดินข้างบนดีนัก ถ้าปลูกเผือกหัวโต ๆ สามสิบหัวก็ได้หาบ ๑ แต่ขัดอยู่ด้วยน้ำ ถ้าเวลาน้ำแห้งเสียแล้ว บรรทุกลงมาขายไม่ใคร่จะได้ ในเมืองนี้ไม่เปนเมืองที่ทำนา เหมือนกันกับเมืองกาญจนบุรี ด้วยนาคราวจะมากก็มากหนักไป แล้วก็มาเร็วไม่ทันรู้ตัว ถึงคราวจะลดก็ลดเร็วนัก ตามราษฎรปลูกกล้วย แลทำไร่แตงมาก ยาก็มีบ้าง แต่ไม่สู้มากนัก เดี๋ยวนี้กำลังปลูกงา ด้วยเปนสินค้าสำคัญขึ้นในเร็ว ๆ นี้ ราษฎรทำมากขึ้นทุกปี ๆ ต้นพุดซาเปนของป่ามีชุมที่บ้านกระ เปนพุดซาอย่างเปรี้ยว ราษฎรเก็บมาทำเปนพุดซาแผ่น ขายออกจากเมืองมาก เสาไม้ที่ในเมืองนิ้ก็มีน้อย ไม่เหมือนเมืองกาญจนบุรี แต่เปนเมืองท่าสำหรับเสาเมืองกาญจนบุรีต้องล่องลงทางนี้ จึงเปนเมืองมีไม้เสาบริบูรณ์หาได้ง่าย ผลไม้ของสวนมีบริบูรณ์มาก ด้วยใกล้กันกับเมืองสมุทสงคราม ทางไปทางมาไม่ไกลกันพอของสดขึ้นมาขายได้บริบูรณ์กว่าเมืองกาญจนบุรีมาก แต่เดิมเมื่อยังไม่ได้ขุดคลองภาษีเจริญ คลองดำเนินสดวก เรือลูกค้าต้องเดินทางเมืองสมุทสงคราม ช้าหลายวันมากกว่าจะเข้าไปถึงกรุงเทพ ฯ ของสดในเมืองราชบุรี ไม่เข้าไปถึงกรุงเทพ ฯ ได้ ครั้นขุดคลองภาษีเคริญ คลองดำเนินสดวกขึ้นแล้ว พวกจีนพากันจับทำสวนพริกสวนหอมสวนกะเทียม สองฝั่งฟากคลอง ที่ดินเปนที่อุดมดี มีผลประโยชน์มาก พริกหอมกะเทียม เปนสินค้าออกจากกรุงเทพฯ ปีหนึ่งก็มากแต่มีเวลาเสียอยู่บ้าง บางคราวก็น้ำมากเกินไป เหมือนดังปีนี้ ตามลำแม่น้ำสองฟาก ตั้งแต่ต่อเขตรแดนเมืองกาญจนบุรีลงมา ก็มีบ้านผู้เรือนคนติด ๆ กันมาไม่ใคร่จะขาด บนฝั่งไม่ใคร่จะมีต้นไม้ เปนที่โก่นสร้างทำไร่ตลอดลงมาคนในพื้นเมืองเปนไทย จีนมีเปนพื้นเขมรแลมอญมีหลายพวกหลายเหล่ามาก มอญเจ็ดเมืองก็อยู่ในแขวงราชบุรีทั้งนั้น เขมรนั้นเปนเขมรเชลย แต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ามากลาวก็มีบ้าง แต่ถึงดังนั้นคนยังน้อยกว่าที่แผ่นดินอยู่มาก ในวันนี้มีแต่รับเขกผู้หญิงผู้ชายมากเหมือนวันก่อน จน ๕ โมงครึ่งจังขี่ม้าลงไปเชิงเขาพบคุณสุรวงษ์ พูดถึงเรื่องจะรับแขกเมือง แล้วขี่ม้าไปอ้อมรอบเขาแดงจันทน์ชั้นในว่าทาง ๗๐ เส้น ถนนเปนดินแขงดูเปนดานทีเดียว สีแดงชักรถได้คล่อง ทางจะไกลสักเท่าไร ม้าก็เห็นจะไม่ใคร่จะเหนื่อย แผ่นดินเหล่านั้นเปนที่ราบเสมอ ไม่ใคร่จะเปนสูง ๆ ต่ำ ๆ ต้นไม้ก็มีแต่ต้นไม้รวกแลต้นไม้เล็ก ๆ ใต้ต้นแลเห็นโปร่งตลอดไป ไม่ใคร่จะรก หนทางนั้นดูเหมือนว่าจะทำง่ายนัก ถ้าจะตัดต้นไม้เสียแล้ว กวาดใบไม้ที่แห้งเรี่ยรายอยู่ก็จะเปนหนทางไปได้ ด้วยไม่มีหญ้าสูงเหมือนดังกรุงเทพ ฯ มีแต่หญ้าแพรกเสมอพื้นแผ่นดินตลอดไปทั้งนั้น แต่ทางรอบในนี้ถ้าจะใช้รถเห็นจะมีที่ขัดอยู่แห่งหนึ่ง เปนรากเขายื่นออกไปขวางอยู่กลางถนน ที่นั่นต้องขึ้นนูนสูงขึ้นไปไม่มากนัก แต่มีศิลาเปนก้อน ๆ อยู่บ้าง ถ้าจะเอารถขึ้นไปก็ลงไปได้ แต่ละต้องลำบากอยู่หน่อยหนึ่ง เรามารอบเขาแดงจันทน์ แวะที่มอเล็กเตี้ยอันหนึ่ง ริมกับทางรอบในทีเดียว ที่นี่เดิมเปนเรือนคุณสุรวงษ์แล้วรื้อเสีย ลงจากมอนั้นมาที่มอท่านเล็กอยู่ มอนี้ตั้งอยู่ริมทางรอบเขาแดงจันทน์รอบนอกสูงกว่ามอที่เสด็จยายอยู่ มีทางรถขึ้นไปตลอดถึงเรือน ข้างทาง มีรั้วไม้สำหรับกันรถตกตลอดขึ้นไป บนหลังมอนั้นเปนเรือนชั้นเดียวฝาขัดแตะถือปูนหลังคามุงกระเบื้องหลังหนึ่ง เปนจัตรมุขมีเฉลียงรอบ ในประธาน ๓ ห้องชื่อ ๒๐ ศอก ตามยาวกั้นฝาตลอด เฉลียงเปนห้องนอน ๒ ห้อง ๆ กินเข้าห้องหนึ่ง มุขน่ามุขหลังยกพื้นสองห้องเปนพื้นดินอยู่ห้อง ๑ มีห้องเล็กห้องน้อยบ้าง มุขน่าที่รับแขกรับลมตะเกา เรือนนี้ดูเปนเรือนบ้านนอกสบายดีทีเดียว ด้วยเปนที่ชอบใจของเราเพราะหลังคาคลุมลงไปมาก กันได้ทั้งฝนทั้งแดดมีที่ห้อง ทำครัวแลเรือนบ่าวเล็กน้อย พออยู่ครัวหนึ่งได้สบาย มีอัฒจันท์ตรงไปลงไปทางน่าเรือนถึงเชิงเขา เดินขึ้นลงได้ง่าย ออกจากที่อยู่ท่านเล็ก มาเฝ้าเสด็จยายอิกแล้วกลับมา วันนี้ได้รับหนังสือเมล์ท่านกลางอิกฉบับ ๑ อนึ่งเขาแดงจันทร์นั้น วัดด้วยบารอมเมเตอรยอดสูง ๓๘๕ ฟิต คิดเปนไทย ๒ เส้น ๑๗ วา ๓ ศอก ยอดต่ำ ๒๖๐ ฟิต คิดเปนไทย ๑ เส้น ๑๙ วา วันนี้ฟังเสภาแลพิณพาทย์อิก

  1. ๑๕๙. พระสมุหมุนี (หน่าย) วัดสัตนารถบริวัตร

  2. ๑๖๐. พระยาธรรมจรรยา (เจริญ)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ