- คำนำ
- วันที่ ๑
- วันที่ ๒
- วันที่ ๓
- วันที่ ๔
- วันที่ ๕
- วันที่ ๖
- วันที่ ๗
- วันที่ ๘
- วันที่ ๙
- วันที่ ๑๐
- วันที่ ๑๑
- วันที่ ๑๒
- วันที่ ๑๓
- วันที่ ๑๔
- วันที่ ๑๕
- วันที่ ๑๖
- วันที่ ๑๗
- วันที่ ๑๘
- วันที่ ๑๙
- วันที่ ๒๐
- วันที่ ๒๑
- วันที่ ๒๒
- วันที่ ๒๓
- วันที่ ๒๔
- วันที่ ๒๕
- วันที่ ๒๖
- วันที่ ๒๗
- วันที่ ๒๘
- วันที่ ๒๙
- วันที่ ๓๐
- วันที่ ๓๑
- วันที่ ๓๒
- วันที่ ๓๓
- วันที่ ๓๔
วันที่ ๓
วันที่ ๓ วัน ๗ ๑ฯ ๒ ค่ำ ตื่นนอนถึงสามโมงเกือบสี่โมง ต้องโกรกหัว เมื่อคืนนี้ขี้มูกไหลนักไม่สบายแสบฅอ กว่าจะอาบน้ำเสร็จได้กินเข้าเช้า ๕ โมงเศษ แต่งตัวออกไปนั่งน่าพลับพลาพอย่ำเที่ยง มีพระยาโชฎึก พระศิริ๔๒ นำจีนโป๊๔๓ ขุนสุพรรณภาษี๔๔ จีนไส้๔๕ กับพระยาอนุรักษ์๔๖ นำจีนข้าหลวงเดิมอิก ๔ คนมาหาเอาของกำนันมาให้ พระยานครไชยศรี พระยาสมุสาครานุรักษ์๔๗ มาหาก็มีของมาให้เหมือนกัน ในของเหล่านี้ มีส้มโอเมืองนครไชยศรี ที่ขึ้นชื่อกันอยู่ด้วย ไม่มีส้มโอที่ไหนจะดีกว่าที่นี้ แต่ถึงดังนั้น ไม่ดีไปทั่วทั้งเมืองนครไชยศรี ดีแต่ที่อ้อมใหญ่อ้อมน้อยสองแห่ง ได้ถามถึงโรงหีบ ว่ามี ได้ทำการอยู่ ๔ โรงเท่านั้น ด้วยทุนผู้ที่จะให้ทดรอง จีนทำไร่อ้อยนั้นไม่ค่อยจะมี เพราะผู้ที่ลงทุนไปแล้ว ถ้าถูกฤดูไม่ดี ขาดทุนเสียก็เข็ดไป การเรื่องนี้เราเสียใจนัก แต่ก่อนน้ำตาลเมืองไทยได้เปนสินค้าออกจากกรุงเทพ ฯ มาก แต่ทีหลังมาเสียลงทุกที ๆ จนเดี๋ยวนี้น้ำตาลเมืองจีนเข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ แล้ว เมื่อปีก่อนเราได้ออกทุนให้พระภาษี๔๘ไปลองทำดู ปีแรกเขาได้กำไรถึง ๒๐๐ ชั่ง ๓๐๐ ชั่ง แต่มาปีนี้พระยาโชฎึกบอกว่า ไปรองทุนทดรองให้พวกจีนไร่อ้อย เห็นจะไม่มีกำไร แต่คงไม่ขาดทุน ได้แจกเสื้อให้พระยานครไชยศรี พระยาสมุทสาครานุรักษ์ พระสยาม แลจีนโป๊ จินไส้ กับจีนนอกนั้น ๙ คน กลับเข้ามาแล้วลงไปดูเรือนที่ข้างใน วันนี้ไม่มีการอะไร หยากจะอธิบายด้วยเรื่องที่วัง ซึ่งเรียกว่าพระนครปฐม แต่จะขอรอไว้จนเวลาบ่าย เที่ยงขี่ม้าดูอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียก่อน จึงจะมาว่าต่อเวลากลางคืน กินเข้ากลางวันแล้วเวลาบ่าย ๕ โมง ขึ้นม้าเจ้าพระยามโนไมย ออกจากวังไปโดยทักษิณพระปฐมเจดีย์ ที่มุมข้างตวันออกเฉียงใต้ ห่างจากพระปฐมเจดีย์ในระหว่างวัง มีศาลาฝากระดานทาแดง หลังคามุงกระเบื้องพื้นต่ำ ๆ ก่ออิฐ แต่ดูเปนของชำรุดอยู่แล้ว จะเปนกุฎิพระ ฤๅศาลาที่พักก็ไม่ทราบ ปลูกติดเรียงกันไปตามยาวทั้ง ๓ หลัง ข้างด้านใต้มีสระน้ำขุดไม่ได้ลงเขื่อนมีน้ำอยู่บ้าง แต่ในวันนี้เราละยังไม่พูดถึงองค์พระ เหมือนหนึ่งกับไม่เหลียวตามาข้างขามือของตัวเลย จะขอว่าแต่ในรอบนอกก่อน ต่อไปถึงมุมด้านตวันตกเฉียงใต้ พบคนแลเกวียนจอดอยู่ที่นั่นหลายเล่ม ทางซึ่งจะไปพระแท่นนั้นอยู่ด้านตวันตก ริมกับเฉียงเหนือ ที่ตวันตกเฉียงเหนือนั้นมีบ้านหมู่หนึ่งหลายหลังเรือน มาข้างทิศตวันออกเฉียงเหนือ มีศาลา ๗ ศาลาเรียงกันมา ศาลาขวางอยู่ศาลาหนึ่ง กับอยู่ข้างขวามืออิกศาลาหนึ่ง มาในหว่างศาลาทั้งสอง ศาลาเหล่านี้ เปนศาลาสัปรุษพัก แต่ดูร้องหาการซ่อมแซมอยู่ทุกศาลา รอบองค์พระนั้นเปนแต่ต้นไม้รก ๆ แต่คราวนี้เห็นถางทางกว้างใหญ่กว่าแต่ก่อน อนึ่งที่ทิศตวันตกนั้นมีเก๋งเปนกุฏฝังศพอยู่กุฏหนึ่ง เมื่อก่อนนี้ ดูเหมือนเราได้ไปเที่ยวทางข้างหลังนั้น ได้พบกุฏศพแห่งหนึ่ง แต่จะเปนกุฏนี้ฤๅอย่างไรไม่แน่ มีผู้บอกว่าเปนที่ฝังศพของน้าเจ้าคุณกรมท่า เราไปเที่ยวคราวก่อนได้ไปวัดพระงามข้างหลังมีพระองค์เดียว เปนหมอเวทมนต์เศกว่านเศกน้ำมนต์ต่าง ๆ บอกหวยด้วย แต่จะยถาสัพพีก็ไม่เปน แต่เดี๋ยวนี้ได้ความว่า ขรัวองค์นั้นหายไปแล้ว มีองค์อื่นเปลี่ยนมาแทน ก็งึมงำข้างนั้นเหมือนกัน ท่านผู้หญิงหนูบอกว่าเห็นจะเสียจริต เมื่อขี่ม้ามาบรรจบรอบถึงศาลาที่มุมวัง ซึ่งสมเด็จกรมพระพัก แล้วออกทางมุมศาลาวังต่อไป ไปตามริมคลองข้างวัง คลองนั้นลงเขื่อนเปนคั่นบันไดทั้ง ๒ ฟาก จนถึงต้นมะขามใหญ่เปนหัวเขื่อนตลอด ฟากข้างโน้นเปนบ้านท่านผู้หญิงหนู มีเรือนอยู่ในนั้นดูเหมือนยังไม่แล้วทั้งบ้าน ข้างน่าเปนแต่ก่ออิฐเปล่า ๆ ยังไม่ได้ถือปูน จะว่าแล้วฤๅจะว่าชำรุดพังก็ว่าได้ ต่อไปนั้นโรงครัวท่านกรมท่าปลูกใหม่ อยู่ในระหว่างบ้านท่านกรมท่า แลบ้านท่านผู้หญิง ที่บ้านเจ้าคุณกรมท่านั้นมีหอนั่ง แต่เห็นเอาฝาจากขึ้นกั้นไว้ ข้างน่ามีเรือนตึกหลายหลัง แลกลับมาฟากข้างเราไปพอสิ้นกำแพงวัง ถึงตึกของเราแต่ก่อน ซึ่งเจ้าคุณกรมท่าทำให้อยู่ เปนตึกสามห้องมีเฉลียงรอบ ข้างน่าเปิดโถงกั้นฝาครึ่งเรือน แลในฝาข้างในกั้นเปนสามตอน มีห้องเล็กสำหรับอาบน้ำแลอื่น ๆ เรือนเปนสองชั้น แต่รูปเปนอย่างของท่าน หลังคาข้างบนกระเบื้องเกล็ด เฉลียงเปนกระเบื้องจีน ข้างน่าเปนบันไดสองข้างลงถึงถนน สองข้างเรือนนั้นมีเรือนเล็ก ๆ อีกสองหลังสำหรับบ่าวทำครัว ต่อจากหมู่เรือนนี้ไป เปนตลาดมีเรือนหลังคาจากติดกัน เปนถนนกว้างประมาณ ๕ ศอกเศษ ๖ ศอก แต่มิใช่ถนนทำ เปนแต่ถนนทางคนเดิน โรงติด ๆ กันไปทีเดียวนั้นข้างขวามือ ซ้ายมือขาดระยะกันบ้าง ไปทางประมาณ ๑๗ เส้น ๑๘ เส้น มีของขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามธรรมเนียม ของกินมีเจ็กผัดหมี่แลทำขนมขายผู้ที่มานมัศการพระบ้าง ตลอดทาง ต่อนั้นมีโรงเปนหย่อม ๆ ไป ขายขนมบ้างอะไรบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ระยะไม่สู้ห่างกันนัก มีศาลาสำหรับสัปรุษพักเปนระยะ ๆ กันไป ศาลาหนึ่งห่างกันประมาณเส้น ๑ ฝากระดานปนอิฐหลังคามุงกระเบื้อง อยู่ ๗ ศาลา ๆ หนึ่งไม่มีฝา ต่อไปข้างปลายมืออิกศาลาหนึ่ง เปนศาลาเล็กกว่าศาลาที่ว่ามาแล้ว แต่ชำรุดยับทุกศาลา บางแห่งฝาพังต้นไม้ขึ้นเหมือนหนึ่งกับเปนที่ร้าง เช่นศาลาที่ว่ามาแต่ก่อน ฟากข้างโน้นก็มีศาลาเปนระยะเหมือนกัน นับได้ ๗ ศาลา แต่ชำรุดน้อยกว่าฟากข้างนี้ มีคนขึ้นอาไศรยอยู่บ้าง อนึ่งในที่มีศาลาอย่างนี้ ข้างหลังออกไปมักมีสระน้ำ มีน้ำขังอยู่ บางทีใหญ่เหมือนกับเปนหนอง ที่หนองแห่งหนึ่งมีเปนดินแห้ง ยื่นลงไปอยู่ในหนองดูงามดี พบน้ำบ่อย ๆ ต่อนี้ไปศาลาไม่มี แต่ยังมีหนองที่ได้พบ บ้านคนยังมีอยู่ที่น่าหนองนั้นราย ๆ ลงไปจนตลอดถึงห้วยจรเข้ ที่ห้วยจรเข้นั้นเปนลำคลองใหญ่ แต่มีจอกมีสวะเต็ม สองข้างลำห้วยมีต้นไผ่เปนเถาคดไปคดมาตามลำห้วย ในกลางดูสวะแลจอกเขียวเปนพื้นราบ แลดูไปได้ไกลเห็นงามดี น้ำในลำห้วยนั้นใช้ได้มากพอคนกิน ถ้าคนมามากก็ได้อาไศรยน้ำในห้วยจรเข้นี้เปนพื้น ครั้งนี้ท่านกรมท่าให้ลงทำนบกั้นไว้ ทางไปแต่วังสัก ๕๐ เส้นเศษ พบนายชิต๔๙ จอดเรืออยู่ที่นั่น ดูห้วยแล้วกลับตามทางเดิม ขึ้นปฐมเจดีย์ทีเดียว วันนี้มีสวดมนต์สมโภชพระ ที่วิหารตวันออก นิมนต์พระวัดปฐมเจดีย์ทั้งวัด สามสิบแปดทั้งพระครู ถานา แลอธิการวัดอื่น ๆ ในเมืองนี้อิก ๕ รูป พระกรุงเทพ ฯ ที่ออกมาอิก ๑๑ รูป ในหมู่นี้มีราชาคณะ ๒ องค์ คือ พระอมรเมธาจาริย์๕๐ แลพระคุณาจาริยวัตร๕๑ พระครู ๔ เปรียญ ๒ ถานา ๓ รวมเปนพระ ๕๔ รูป สวดมนต์วันนี้ เปนเสียงพระชาวบางกอกเรา มากกว่าพระหัวเมืองที่มีจำนวนมากกว่าพระบางกอก รอดตัวที่ได้ขรัวคำ๕๒ เสียงแกดังเท่ากับพระ ๕ องค์ แล้วชักสวดมนต์ แลสวดเพราะด้วย เมื่อคืนนี้ซ้อมคืนเดียว สวดจบเร็ว ฟังสวดมนต์อยู่หน่อยหนึ่แล้ว มาพูดกับสมเด็จกรมพระ แล้วมาพูดกับท่านกรมท่า เวลาสวดมนต์จบนิมนต์พระออกไปเดินเทียน เราถวายเทียนพระทั่วทุกองค์ แล้วพระทำวัดอย่างโยสันนิสินโน ฯ พอจบลงก็ประโคมเดินเทียน พระศรีสุนทร๕๓คัดท้าย พระวุฒิการ๕๔พายหัว เดินเรียงกันเปนแถวดูพระเดินเร็ว ได้ลองให้พระวุฒิการถือนาฬิกาสำหรับนับก้าว ดูรอบหนึ่งได้ ๘๙๖ ก้าว คิดก้าวละศอกเปน ๑๑ เส้น ๔ วา เดินใน ๔ มินิตบรรจบรอบ เดินเทียนแล้วลงมาจุดดอกไม่้ตามเคย แล้วกลับมาวังเวลา ๒ ทุ่มที่วังพระนครปฐม ว่าโดยแลดูรอบนอกโดยกว้างตามเหนือตามใต้ประมาณ ๑ เส้น ๖ วา โดยยาวตามตวันตกตวันออก ประมาณ ๒ เส้น ๑๒ วา ด้านเหนือตวันออกเปนเขื่อนเพ็ชร์เพิงพล ทั้งข้างนอกข้างในตลอดทั้ง ๒ ด้านแต่ด้านตวันตกกับด้านใต้ เปนเขื่อนเพ็ชร์ดังด้านตวันออกด้านเหนือมาหยุดอยู่เพียงโรงลคร กั้นด้วยเฟี้ยมเพื่อจะได้เปิดให้คนเข้ามาดูลครได้ ตรงน่าพลับพลาที่เปนท้องพระโรง มีประตูริมเกยช้างบรรจบกันกับโรงน่าโรงลคร ในวังเขื่อนเพ็ชร์ที่ว่านี้ ด้านตวันตกข้างน่า ข้างใต้เปนโรงลคร มีโรงมีปั้นหย่าสำหรับคนดูเสมอด้านหุ้มกลองทั้ง ๒ ด้าน ๆ หลังเปนที่แต่งตัว เหนือขึ้นมาเปนพลับพลาช่อฟ้าใบรกาจัตุรมุข ผนังก่ออิฐถือปูน มุขด้านตวันตกเปนท้องพระโรง มุขด้านตวันออกเปนข้างใน มุขใต้เปนที่เสด็จออกตรงโรงลคร มุขเหนือเปนบันไดขึ้นพระที่นั่ง ข้างด้านต่อกับมุขนั้น พระที่นั่งตึกทำใหม่ ๗ ห้องเฉลียงรอบ ขื่อ ๓ วาเฉลียง ๕ ศอกเดี่ยวชั้นต่ำสูงประมาณ ๒ ศอกกิบหรือ ๗ ศอก ชั้นบนเดี่ยวประมาณ ๓ วา ที่มุมพระที่นั่งด้านตวันตก ชักหอทรงพระอักษรไปบรรจบพลับพลา ชักหอพระไปบรรจบกำแพง เขื่อนเพ็ชร์กันเปนข้างน่าข้างใน ด้านหุ้มกลองพระที่นั่งข้างตวันออก มีห้องพนักงานสูงเสมอพื้นพระที่นั่งเต็มน่าด้านหุ้มกลอง ขื่อกว้าง ๒ ศอก อิกหลังหนึ่งในพระที่นั่งกั้นเปนสามห้อง หัวท้ายกั้นสองห้อง ตอนกลาง ๓ ห้อง ๆ ข้างตวันตก เปนที่รับแขกคล้าย ๆ ที่กินเข้าที่นี่ ห้องกลางมีเฟี้ยมยี่ปุ่นกั้น อิกชั้นหนึ่ง ๒ ห้องเปนที่นอน ห้องหนึ่งเจาะเปนประตู ออกไปเฉลียงด้านเหนือ ห้องข้างตวันออก เปนห้องสำหรับออกข้างใน เฉลียงด้านตวันออกเปนห้องอาบน้ำ เจลาปิดประตูห้องกลาง แลประตูเฉลียงด้านตวันตกเปนข้างน่าได้ แต่ทาสีในพระที่นั่งทั้งปวงหมด ทาด้วยดินเหลืองดินแดง บานน่าต่างประตูทาน้ำมัน มีสิ่งที่เปนฝีมือช่างเรียบร้อยอยู่ คือบันไดแลพนักที่ท้องพระโรง แลบันไดขึ้นพระที่นั่ง ลูกหีบใช้ไม้ลายฝังเปนลวดลายงามดี มีประหลาดอยู่หน่อยหนึ่ง ถ้าผู้ที่ไม่สังเกตก็จะไม่เห็น จะเข้าใจว่าเปนลำบากมากในการที่จะทำลายไม้ฝังในไม้ ที่พรึงแสที่เสามหวดยกพื้นที่ท้องพระโรง แต่ที่จริงนั้นใช้ไม้แดงสลักเปนลายแล้วเอาปูนน้ำมันฝังทาน้ำมันทับ ดูเหมือนยังกับฝังด้วยไม้โมกมัน เปนฉลาดทำทีเดียว เฟอนิเชอร์นี้ใช้ในพระที่นั่ง เปนอย่างบอมเบ ห้องตวันตกมีตู้หนังสือตู้หนึ่ง เก้าอี้นอนหนึ่ง อามแชร์ ๒ เก้าอี้เล็ก ๖ โต๊ะข้างฝาหนึ่ง โต๊ะกลางหนึ่งหมด ห้องกลางที่เปนห้องนอน มีเตียงนอนสลักอย่างบอมเบเตียงหนึ่ง โต๊ะอย่างบอมเบโต๊ะหนึ่ง ที่ล้างหน้าสำรับหนึ่ง ลับแลหนึ่ง ที่ในห้องนอน นอกห้องนอนมีตู้ยี่ปุ่นข้างฝาตู้หนึ่ง ตู้ผ้าตู้หนึ่ง ลับแลกระจกตรงประตูห้องตวันออกลับแลหนึ่ง ตรงประตูข้างใต้ขึ้นมามีลับแลกระจกตั้งอยู่ที่เฉลียงอิกอันหนึ่ง ห้องตวันออกมีเตียงไม้ลายเตียงใหญ่เตียงหนึ่ง เตียงลดเตียงหนึ่ง ทำเรียบร้อยทาน้ำมันงาม เปนที่สำหรับนอนเล่น มีโต๊ะอย่างบอมเบดังกล่าวเก้าอี้อิก ๖ ตัว โต๊ะอย่างบอมเบติดฝามีกระจกติดหลังโต๊ะอันหนึ่ง โต๊ะน้ำชาอย่างบอมเบสองโต๊ะหมดในห้องนั้น ที่พลับพลานี้ลับแลกระจกลับแลหนึ่ง ในบริเวณพระที่นั่งหลังนี้ในเขื่อนเพ็ชร์เพิงพล ด้านตวันตกกั้นสกัดเปนข้างน่าอิกชั้นหนึ่ง มีทหารมหาดเล็กเข้ามาอยู่รักษา คุณแพทำครั้งที่นั่นด้วย มีอัฒจันท์ลงจากพระที่นั่งนี้ ๔ อัฒจันท์ ด้านตวันตกหนึ่ง ต้านใต้ลงไปพลับพลาหนึ่ง ลงพื้นดินสอง เฉลียงด้านเหนือแลที่นอนลมพัดเป็นสบาย ตรงนั้นลงไปเปนส่วนก่อด้วยอิฐเปนลายฝรั่งอย่างบุราณ เฉลียงด้านตวันตก แลเห็นพระปฐมเจดีย์ นั่งดูพระปฐมเจดีย์ได้สบาย เรือนนี้อยู่พอสบาย ถ้าจะอยู่จริง ๆ ก็อยู่ได้ดีกว่ากรุงเก่ามาก เรือนข้างในมี ๔ ห้องสองหลัง ๕ ห้อง ๔ หลัง ๖ ห้อง ๒ หลัง ๗ ห้องหลังหนึ่ง แถว ๑๕ ห้องหลังหนึ่ง มีห้องเครื่อง ๗ ห้องเฉลียงรอบหลัง ๓ สระมีสระ ๑ แต่น้ำแห้ง เรือนก็ยังดีกว่าที่กรุงเก่าเปนหมดที่ก่อสร้างในวัง นอกวังด้านใต้มีโรงม้า ๒ โรง โรงทหารปืนใหญ่โรง ๑ โรงรถอิกสกัดด้านตวันออกมาถึงเขื่อนเพ็ชร์โรง ๑ อนึ่งเวลากินเข้ากลางวัน ๆ นี้ ดิศ๕๕ได้ใบไม้เปนสัตวมาตัวหนึ่ง ว่าจับอยู่บนใบมัดกา มีหัวออกที่ตรงก้านใบ มีหนวดสั้น ๆ ๒ เส้น แลในตามีหัวอยู่แต่เพียงฅอ ต่อนั้นไปเปนใบไม้เรียวตามรูปใบไม้ สีคล้าย ๆ ใบมะขามเทศ ที่กลางตัวนั้นยังมีแกนกระดูกไป ๆ จนถึงปลายใบ ๆ พับเปนข้อ ๆ เหมือนกับหักใบไม้ยกขึ้นได้ เหมือนหางแมลงป่อง มีตีน ๖ ตีน ๆ หลังเหมือนกับฉิกออกจากใบ ที่หางก็เปนรอยแหวะ ตีนคู่กลางก็เปนใบไม้ฉีก ตีนคู่น่ากว้างกว่าตีน ๒ คู่ที่ว่ามาแล้ว ที่ริม ๆ ตีนเปนรอยใบแห้งเหมือนกับฉีกใบไม้ไว้ค้าง ที่ปลายขามีเส้นเล็กกลมเหมือนดังขาตักแตนแต่ยังเล็กอยู่ เปนตีนทั้ง ๖ ตีน ปลายหางแตกออกเปนสองแหยมแต่ยังสั้นอยู่ ข้างหลังสัตวนั้นเปนเหมือนหลังใบไม้ ข้างน่าสีเข้มเหมือนน่าใบไม้ สัตวนี้เปนด้วยใบไม้เปนแท้ ไม่ต้องสงไสยเลย โดยยาวตั้งแต่หัวตลอดปลายหางนิ้วหนึ่งกับกระเบียดครึ่ง โดยกว้างที่ตรงหาง ๒ กระเบียดครึ่ง มือเหนียวเอาขึ้นวางบนมือต่ายตามแขนทั่วไปเหมือนสัตวที่เปนตัวแล้วจริง ๆ ขาหลังนั้นเวลาตั้งขึ้นทำท่าทางเหมือนตักแตน วิธีจะเดินก็คล้ายตักแตน เสียบเข็มก๊าดประกับไว้วันยังค่ำแล้วยังไม่ตาย เปนแต่ใบไม้ที่เปนหางยกงอไม่ขึ้นเหมือนแต่ก่อน ช่องที่เสียบเข็มนั้นแห้งขาว เหมือนหนึ่งใบไม่ถูกเหล็กแทงขาด สัตวอย่างนี้ได้เห็นแต่ก่อนทีหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนจะใหญ่ยาวกว่านี้ เห็นจะเปนด้วยใบไม้อื่น คราวนี้ได้ชอบใจอยู่จะไปไว้มิวเซียม อนึ่งเวลาค่ำวันนี้ สมเด็จกรมพระเอาหอยมาให้พานหนึ่ง จำเพาะมีข้างแถบนี้มากเรียกว่าหอยทราย เปนทักษิณาวัฏทั้งสิ้น สำหรับทำตลับขี้ผึ้งแลผูกบั้นเอวเด็กว่ากันต่าง ๆ ฤๅเปนมงคล ถ้าขัดเสียก็งามดี มีเปนตลับอยู่ในพานพระขันหมากหอยหนึ่งฝาประดับเพ็ชร์ ได้เห็นอิกแห่งหนึ่งท่านกลางผูกบั้นเอวอยู่เมื่อเล็ก ๆ เวลา ๒ ยาม เธอมอเมตเตอร์ ๘๐ ถ้วน
-
๔๒. พระยานครไชยศรี (จุ้ย) ↩
-
๔๓. พระทวีประชาชน (โป๊) ↩
-
๔๔. ขุนสุพรรณภาษี ↩
-
๔๕. จีนไส้ (เปนคนทำภาษีอากรมีคนรู้จักมาก) ↩
-
๔๖. พระยามหานิเวศนานุรักษ์ (เผือก) ↩
-
๔๗. พระยาสมุทสาครานุรักษ์ (สุด) นอกราชการ ↩
-
๔๘. พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม) ↩
-
๔๙. เจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู) ↩
-
๕๐. พระธรรมเจดีย์ (อยู่) วัดโมฬีโลกย์ ↩
-
๕๑. พระคุณาจาริยวัตร (คำ) วัดมหาธาตุ ↩
-
๕๒. คือพระคุณาจาริยวัตร ↩
-
๕๓. พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย) ↩
-
๕๔. เจ้าพระยาวิชิตวงษ์วุฒิไกร (ม.ร.ว คลี่) ↩
-
๕๕. พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ ↩