วันที่ ๓

วันที่ ๓ วัน ๗ ๒ ค่ำ ตื่นนอนถึงสามโมงเกือบสี่โมง ต้องโกรกหัว เมื่อคืนนี้ขี้มูกไหลนักไม่สบายแสบฅอ กว่าจะอาบน้ำเสร็จได้กินเข้าเช้า ๕ โมงเศษ แต่งตัวออกไปนั่งน่าพลับพลาพอย่ำเที่ยง มีพระยาโชฎึก พระศิริ๔๒ นำจีนโป๊๔๓ ขุนสุพรรณภาษี๔๔ จีนไส้๔๕ กับพระยาอนุรักษ์๔๖ นำจีนข้าหลวงเดิมอิก ๔ คนมาหาเอาของกำนันมาให้ พระยานครไชยศรี พระยาสมุสาครานุรักษ์๔๗ มาหาก็มีของมาให้เหมือนกัน ในของเหล่านี้ มีส้มโอเมืองนครไชยศรี ที่ขึ้นชื่อกันอยู่ด้วย ไม่มีส้มโอที่ไหนจะดีกว่าที่นี้ แต่ถึงดังนั้น ไม่ดีไปทั่วทั้งเมืองนครไชยศรี ดีแต่ที่อ้อมใหญ่อ้อมน้อยสองแห่ง ได้ถามถึงโรงหีบ ว่ามี ได้ทำการอยู่ ๔ โรงเท่านั้น ด้วยทุนผู้ที่จะให้ทดรอง จีนทำไร่อ้อยนั้นไม่ค่อยจะมี เพราะผู้ที่ลงทุนไปแล้ว ถ้าถูกฤดูไม่ดี ขาดทุนเสียก็เข็ดไป การเรื่องนี้เราเสียใจนัก แต่ก่อนน้ำตาลเมืองไทยได้เปนสินค้าออกจากกรุงเทพ ฯ มาก แต่ทีหลังมาเสียลงทุกที ๆ จนเดี๋ยวนี้น้ำตาลเมืองจีนเข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ แล้ว เมื่อปีก่อนเราได้ออกทุนให้พระภาษี๔๘ไปลองทำดู ปีแรกเขาได้กำไรถึง ๒๐๐ ชั่ง ๓๐๐ ชั่ง แต่มาปีนี้พระยาโชฎึกบอกว่า ไปรองทุนทดรองให้พวกจีนไร่อ้อย เห็นจะไม่มีกำไร แต่คงไม่ขาดทุน ได้แจกเสื้อให้พระยานครไชยศรี พระยาสมุทสาครานุรักษ์ พระสยาม แลจีนโป๊ จินไส้ กับจีนนอกนั้น ๙ คน กลับเข้ามาแล้วลงไปดูเรือนที่ข้างใน วันนี้ไม่มีการอะไร หยากจะอธิบายด้วยเรื่องที่วัง ซึ่งเรียกว่าพระนครปฐม แต่จะขอรอไว้จนเวลาบ่าย เที่ยงขี่ม้าดูอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียก่อน จึงจะมาว่าต่อเวลากลางคืน กินเข้ากลางวันแล้วเวลาบ่าย ๕ โมง ขึ้นม้าเจ้าพระยามโนไมย ออกจากวังไปโดยทักษิณพระปฐมเจดีย์ ที่มุมข้างตวันออกเฉียงใต้ ห่างจากพระปฐมเจดีย์ในระหว่างวัง มีศาลาฝากระดานทาแดง หลังคามุงกระเบื้องพื้นต่ำ ๆ ก่ออิฐ แต่ดูเปนของชำรุดอยู่แล้ว จะเปนกุฎิพระ ฤๅศาลาที่พักก็ไม่ทราบ ปลูกติดเรียงกันไปตามยาวทั้ง ๓ หลัง ข้างด้านใต้มีสระน้ำขุดไม่ได้ลงเขื่อนมีน้ำอยู่บ้าง แต่ในวันนี้เราละยังไม่พูดถึงองค์พระ เหมือนหนึ่งกับไม่เหลียวตามาข้างขามือของตัวเลย จะขอว่าแต่ในรอบนอกก่อน ต่อไปถึงมุมด้านตวันตกเฉียงใต้ พบคนแลเกวียนจอดอยู่ที่นั่นหลายเล่ม ทางซึ่งจะไปพระแท่นนั้นอยู่ด้านตวันตก ริมกับเฉียงเหนือ ที่ตวันตกเฉียงเหนือนั้นมีบ้านหมู่หนึ่งหลายหลังเรือน มาข้างทิศตวันออกเฉียงเหนือ มีศาลา ๗ ศาลาเรียงกันมา ศาลาขวางอยู่ศาลาหนึ่ง กับอยู่ข้างขวามืออิกศาลาหนึ่ง มาในหว่างศาลาทั้งสอง ศาลาเหล่านี้ เปนศาลาสัปรุษพัก แต่ดูร้องหาการซ่อมแซมอยู่ทุกศาลา รอบองค์พระนั้นเปนแต่ต้นไม้รก ๆ แต่คราวนี้เห็นถางทางกว้างใหญ่กว่าแต่ก่อน อนึ่งที่ทิศตวันตกนั้นมีเก๋งเปนกุฏฝังศพอยู่กุฏหนึ่ง เมื่อก่อนนี้ ดูเหมือนเราได้ไปเที่ยวทางข้างหลังนั้น ได้พบกุฏศพแห่งหนึ่ง แต่จะเปนกุฏนี้ฤๅอย่างไรไม่แน่ มีผู้บอกว่าเปนที่ฝังศพของน้าเจ้าคุณกรมท่า เราไปเที่ยวคราวก่อนได้ไปวัดพระงามข้างหลังมีพระองค์เดียว เปนหมอเวทมนต์เศกว่านเศกน้ำมนต์ต่าง ๆ บอกหวยด้วย แต่จะยถาสัพพีก็ไม่เปน แต่เดี๋ยวนี้ได้ความว่า ขรัวองค์นั้นหายไปแล้ว มีองค์อื่นเปลี่ยนมาแทน ก็งึมงำข้างนั้นเหมือนกัน ท่านผู้หญิงหนูบอกว่าเห็นจะเสียจริต เมื่อขี่ม้ามาบรรจบรอบถึงศาลาที่มุมวัง ซึ่งสมเด็จกรมพระพัก แล้วออกทางมุมศาลาวังต่อไป ไปตามริมคลองข้างวัง คลองนั้นลงเขื่อนเปนคั่นบันไดทั้ง ๒ ฟาก จนถึงต้นมะขามใหญ่เปนหัวเขื่อนตลอด ฟากข้างโน้นเปนบ้านท่านผู้หญิงหนู มีเรือนอยู่ในนั้นดูเหมือนยังไม่แล้วทั้งบ้าน ข้างน่าเปนแต่ก่ออิฐเปล่า ๆ ยังไม่ได้ถือปูน จะว่าแล้วฤๅจะว่าชำรุดพังก็ว่าได้ ต่อไปนั้นโรงครัวท่านกรมท่าปลูกใหม่ อยู่ในระหว่างบ้านท่านกรมท่า แลบ้านท่านผู้หญิง ที่บ้านเจ้าคุณกรมท่านั้นมีหอนั่ง แต่เห็นเอาฝาจากขึ้นกั้นไว้ ข้างน่ามีเรือนตึกหลายหลัง แลกลับมาฟากข้างเราไปพอสิ้นกำแพงวัง ถึงตึกของเราแต่ก่อน ซึ่งเจ้าคุณกรมท่าทำให้อยู่ เปนตึกสามห้องมีเฉลียงรอบ ข้างน่าเปิดโถงกั้นฝาครึ่งเรือน แลในฝาข้างในกั้นเปนสามตอน มีห้องเล็กสำหรับอาบน้ำแลอื่น ๆ เรือนเปนสองชั้น แต่รูปเปนอย่างของท่าน หลังคาข้างบนกระเบื้องเกล็ด เฉลียงเปนกระเบื้องจีน ข้างน่าเปนบันไดสองข้างลงถึงถนน สองข้างเรือนนั้นมีเรือนเล็ก ๆ อีกสองหลังสำหรับบ่าวทำครัว ต่อจากหมู่เรือนนี้ไป เปนตลาดมีเรือนหลังคาจากติดกัน เปนถนนกว้างประมาณ ๕ ศอกเศษ ๖ ศอก แต่มิใช่ถนนทำ เปนแต่ถนนทางคนเดิน โรงติด ๆ กันไปทีเดียวนั้นข้างขวามือ ซ้ายมือขาดระยะกันบ้าง ไปทางประมาณ ๑๗ เส้น ๑๘ เส้น มีของขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามธรรมเนียม ของกินมีเจ็กผัดหมี่แลทำขนมขายผู้ที่มานมัศการพระบ้าง ตลอดทาง ต่อนั้นมีโรงเปนหย่อม ๆ ไป ขายขนมบ้างอะไรบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ระยะไม่สู้ห่างกันนัก มีศาลาสำหรับสัปรุษพักเปนระยะ ๆ กันไป ศาลาหนึ่งห่างกันประมาณเส้น ๑ ฝากระดานปนอิฐหลังคามุงกระเบื้อง อยู่ ๗ ศาลา ๆ หนึ่งไม่มีฝา ต่อไปข้างปลายมืออิกศาลาหนึ่ง เปนศาลาเล็กกว่าศาลาที่ว่ามาแล้ว แต่ชำรุดยับทุกศาลา บางแห่งฝาพังต้นไม้ขึ้นเหมือนหนึ่งกับเปนที่ร้าง เช่นศาลาที่ว่ามาแต่ก่อน ฟากข้างโน้นก็มีศาลาเปนระยะเหมือนกัน นับได้ ๗ ศาลา แต่ชำรุดน้อยกว่าฟากข้างนี้ มีคนขึ้นอาไศรยอยู่บ้าง อนึ่งในที่มีศาลาอย่างนี้ ข้างหลังออกไปมักมีสระน้ำ มีน้ำขังอยู่ บางทีใหญ่เหมือนกับเปนหนอง ที่หนองแห่งหนึ่งมีเปนดินแห้ง ยื่นลงไปอยู่ในหนองดูงามดี พบน้ำบ่อย ๆ ต่อนี้ไปศาลาไม่มี แต่ยังมีหนองที่ได้พบ บ้านคนยังมีอยู่ที่น่าหนองนั้นราย ๆ ลงไปจนตลอดถึงห้วยจรเข้ ที่ห้วยจรเข้นั้นเปนลำคลองใหญ่ แต่มีจอกมีสวะเต็ม สองข้างลำห้วยมีต้นไผ่เปนเถาคดไปคดมาตามลำห้วย ในกลางดูสวะแลจอกเขียวเปนพื้นราบ แลดูไปได้ไกลเห็นงามดี น้ำในลำห้วยนั้นใช้ได้มากพอคนกิน ถ้าคนมามากก็ได้อาไศรยน้ำในห้วยจรเข้นี้เปนพื้น ครั้งนี้ท่านกรมท่าให้ลงทำนบกั้นไว้ ทางไปแต่วังสัก ๕๐ เส้นเศษ พบนายชิต๔๙ จอดเรืออยู่ที่นั่น ดูห้วยแล้วกลับตามทางเดิม ขึ้นปฐมเจดีย์ทีเดียว วันนี้มีสวดมนต์สมโภชพระ ที่วิหารตวันออก นิมนต์พระวัดปฐมเจดีย์ทั้งวัด สามสิบแปดทั้งพระครู ถานา แลอธิการวัดอื่น ๆ ในเมืองนี้อิก ๕ รูป พระกรุงเทพ ฯ ที่ออกมาอิก ๑๑ รูป ในหมู่นี้มีราชาคณะ ๒ องค์ คือ พระอมรเมธาจาริย์๕๐ แลพระคุณาจาริยวัตร๕๑ พระครู ๔ เปรียญ ๒ ถานา ๓ รวมเปนพระ ๕๔ รูป สวดมนต์วันนี้ เปนเสียงพระชาวบางกอกเรา มากกว่าพระหัวเมืองที่มีจำนวนมากกว่าพระบางกอก รอดตัวที่ได้ขรัวคำ๕๒ เสียงแกดังเท่ากับพระ ๕ องค์ แล้วชักสวดมนต์ แลสวดเพราะด้วย เมื่อคืนนี้ซ้อมคืนเดียว สวดจบเร็ว ฟังสวดมนต์อยู่หน่อยหนึ่แล้ว มาพูดกับสมเด็จกรมพระ แล้วมาพูดกับท่านกรมท่า เวลาสวดมนต์จบนิมนต์พระออกไปเดินเทียน เราถวายเทียนพระทั่วทุกองค์ แล้วพระทำวัดอย่างโยสันนิสินโน ฯ พอจบลงก็ประโคมเดินเทียน พระศรีสุนทร๕๓คัดท้าย พระวุฒิการ๕๔พายหัว เดินเรียงกันเปนแถวดูพระเดินเร็ว ได้ลองให้พระวุฒิการถือนาฬิกาสำหรับนับก้าว ดูรอบหนึ่งได้ ๘๙๖ ก้าว คิดก้าวละศอกเปน ๑๑ เส้น ๔ วา เดินใน ๔ มินิตบรรจบรอบ เดินเทียนแล้วลงมาจุดดอกไม่้ตามเคย แล้วกลับมาวังเวลา ๒ ทุ่มที่วังพระนครปฐม ว่าโดยแลดูรอบนอกโดยกว้างตามเหนือตามใต้ประมาณ ๑ เส้น ๖ วา โดยยาวตามตวันตกตวันออก ประมาณ ๒ เส้น ๑๒ วา ด้านเหนือตวันออกเปนเขื่อนเพ็ชร์เพิงพล ทั้งข้างนอกข้างในตลอดทั้ง ๒ ด้านแต่ด้านตวันตกกับด้านใต้ เปนเขื่อนเพ็ชร์ดังด้านตวันออกด้านเหนือมาหยุดอยู่เพียงโรงลคร กั้นด้วยเฟี้ยมเพื่อจะได้เปิดให้คนเข้ามาดูลครได้ ตรงน่าพลับพลาที่เปนท้องพระโรง มีประตูริมเกยช้างบรรจบกันกับโรงน่าโรงลคร ในวังเขื่อนเพ็ชร์ที่ว่านี้ ด้านตวันตกข้างน่า ข้างใต้เปนโรงลคร มีโรงมีปั้นหย่าสำหรับคนดูเสมอด้านหุ้มกลองทั้ง ๒ ด้าน ๆ หลังเปนที่แต่งตัว เหนือขึ้นมาเปนพลับพลาช่อฟ้าใบรกาจัตุรมุข ผนังก่ออิฐถือปูน มุขด้านตวันตกเปนท้องพระโรง มุขด้านตวันออกเปนข้างใน มุขใต้เปนที่เสด็จออกตรงโรงลคร มุขเหนือเปนบันไดขึ้นพระที่นั่ง ข้างด้านต่อกับมุขนั้น พระที่นั่งตึกทำใหม่ ๗ ห้องเฉลียงรอบ ขื่อ ๓ วาเฉลียง ๕ ศอกเดี่ยวชั้นต่ำสูงประมาณ ๒ ศอกกิบหรือ ๗ ศอก ชั้นบนเดี่ยวประมาณ ๓ วา ที่มุมพระที่นั่งด้านตวันตก ชักหอทรงพระอักษรไปบรรจบพลับพลา ชักหอพระไปบรรจบกำแพง เขื่อนเพ็ชร์กันเปนข้างน่าข้างใน ด้านหุ้มกลองพระที่นั่งข้างตวันออก มีห้องพนักงานสูงเสมอพื้นพระที่นั่งเต็มน่าด้านหุ้มกลอง ขื่อกว้าง ๒ ศอก อิกหลังหนึ่งในพระที่นั่งกั้นเปนสามห้อง หัวท้ายกั้นสองห้อง ตอนกลาง ๓ ห้อง ๆ ข้างตวันตก เปนที่รับแขกคล้าย ๆ ที่กินเข้าที่นี่ ห้องกลางมีเฟี้ยมยี่ปุ่นกั้น อิกชั้นหนึ่ง ๒ ห้องเปนที่นอน ห้องหนึ่งเจาะเปนประตู ออกไปเฉลียงด้านเหนือ ห้องข้างตวันออก เปนห้องสำหรับออกข้างใน เฉลียงด้านตวันออกเปนห้องอาบน้ำ เจลาปิดประตูห้องกลาง แลประตูเฉลียงด้านตวันตกเปนข้างน่าได้ แต่ทาสีในพระที่นั่งทั้งปวงหมด ทาด้วยดินเหลืองดินแดง บานน่าต่างประตูทาน้ำมัน มีสิ่งที่เปนฝีมือช่างเรียบร้อยอยู่ คือบันไดแลพนักที่ท้องพระโรง แลบันไดขึ้นพระที่นั่ง ลูกหีบใช้ไม้ลายฝังเปนลวดลายงามดี มีประหลาดอยู่หน่อยหนึ่ง ถ้าผู้ที่ไม่สังเกตก็จะไม่เห็น จะเข้าใจว่าเปนลำบากมากในการที่จะทำลายไม้ฝังในไม้ ที่พรึงแสที่เสามหวดยกพื้นที่ท้องพระโรง แต่ที่จริงนั้นใช้ไม้แดงสลักเปนลายแล้วเอาปูนน้ำมันฝังทาน้ำมันทับ ดูเหมือนยังกับฝังด้วยไม้โมกมัน เปนฉลาดทำทีเดียว เฟอนิเชอร์นี้ใช้ในพระที่นั่ง เปนอย่างบอมเบ ห้องตวันตกมีตู้หนังสือตู้หนึ่ง เก้าอี้นอนหนึ่ง อามแชร์ ๒ เก้าอี้เล็ก ๖ โต๊ะข้างฝาหนึ่ง โต๊ะกลางหนึ่งหมด ห้องกลางที่เปนห้องนอน มีเตียงนอนสลักอย่างบอมเบเตียงหนึ่ง โต๊ะอย่างบอมเบโต๊ะหนึ่ง ที่ล้างหน้าสำรับหนึ่ง ลับแลหนึ่ง ที่ในห้องนอน นอกห้องนอนมีตู้ยี่ปุ่นข้างฝาตู้หนึ่ง ตู้ผ้าตู้หนึ่ง ลับแลกระจกตรงประตูห้องตวันออกลับแลหนึ่ง ตรงประตูข้างใต้ขึ้นมามีลับแลกระจกตั้งอยู่ที่เฉลียงอิกอันหนึ่ง ห้องตวันออกมีเตียงไม้ลายเตียงใหญ่เตียงหนึ่ง เตียงลดเตียงหนึ่ง ทำเรียบร้อยทาน้ำมันงาม เปนที่สำหรับนอนเล่น มีโต๊ะอย่างบอมเบดังกล่าวเก้าอี้อิก ๖ ตัว โต๊ะอย่างบอมเบติดฝามีกระจกติดหลังโต๊ะอันหนึ่ง โต๊ะน้ำชาอย่างบอมเบสองโต๊ะหมดในห้องนั้น ที่พลับพลานี้ลับแลกระจกลับแลหนึ่ง ในบริเวณพระที่นั่งหลังนี้ในเขื่อนเพ็ชร์เพิงพล ด้านตวันตกกั้นสกัดเปนข้างน่าอิกชั้นหนึ่ง มีทหารมหาดเล็กเข้ามาอยู่รักษา คุณแพทำครั้งที่นั่นด้วย มีอัฒจันท์ลงจากพระที่นั่งนี้ ๔ อัฒจันท์ ด้านตวันตกหนึ่ง ต้านใต้ลงไปพลับพลาหนึ่ง ลงพื้นดินสอง เฉลียงด้านเหนือแลที่นอนลมพัดเป็นสบาย ตรงนั้นลงไปเปนส่วนก่อด้วยอิฐเปนลายฝรั่งอย่างบุราณ เฉลียงด้านตวันตก แลเห็นพระปฐมเจดีย์ นั่งดูพระปฐมเจดีย์ได้สบาย เรือนนี้อยู่พอสบาย ถ้าจะอยู่จริง ๆ ก็อยู่ได้ดีกว่ากรุงเก่ามาก เรือนข้างในมี ๔ ห้องสองหลัง ๕ ห้อง ๔ หลัง ๖ ห้อง ๒ หลัง ๗ ห้องหลังหนึ่ง แถว ๑๕ ห้องหลังหนึ่ง มีห้องเครื่อง ๗ ห้องเฉลียงรอบหลัง ๓ สระมีสระ ๑ แต่น้ำแห้ง เรือนก็ยังดีกว่าที่กรุงเก่าเปนหมดที่ก่อสร้างในวัง นอกวังด้านใต้มีโรงม้า ๒ โรง โรงทหารปืนใหญ่โรง ๑ โรงรถอิกสกัดด้านตวันออกมาถึงเขื่อนเพ็ชร์โรง ๑ อนึ่งเวลากินเข้ากลางวัน ๆ นี้ ดิศ๕๕ได้ใบไม้เปนสัตวมาตัวหนึ่ง ว่าจับอยู่บนใบมัดกา มีหัวออกที่ตรงก้านใบ มีหนวดสั้น ๆ ๒ เส้น แลในตามีหัวอยู่แต่เพียงฅอ ต่อนั้นไปเปนใบไม้เรียวตามรูปใบไม้ สีคล้าย ๆ ใบมะขามเทศ ที่กลางตัวนั้นยังมีแกนกระดูกไป ๆ จนถึงปลายใบ ๆ พับเปนข้อ ๆ เหมือนกับหักใบไม้ยกขึ้นได้ เหมือนหางแมลงป่อง มีตีน ๖ ตีน ๆ หลังเหมือนกับฉิกออกจากใบ ที่หางก็เปนรอยแหวะ ตีนคู่กลางก็เปนใบไม้ฉีก ตีนคู่น่ากว้างกว่าตีน ๒ คู่ที่ว่ามาแล้ว ที่ริม ๆ ตีนเปนรอยใบแห้งเหมือนกับฉีกใบไม้ไว้ค้าง ที่ปลายขามีเส้นเล็กกลมเหมือนดังขาตักแตนแต่ยังเล็กอยู่ เปนตีนทั้ง ๖ ตีน ปลายหางแตกออกเปนสองแหยมแต่ยังสั้นอยู่ ข้างหลังสัตวนั้นเปนเหมือนหลังใบไม้ ข้างน่าสีเข้มเหมือนน่าใบไม้ สัตวนี้เปนด้วยใบไม้เปนแท้ ไม่ต้องสงไสยเลย โดยยาวตั้งแต่หัวตลอดปลายหางนิ้วหนึ่งกับกระเบียดครึ่ง โดยกว้างที่ตรงหาง ๒ กระเบียดครึ่ง มือเหนียวเอาขึ้นวางบนมือต่ายตามแขนทั่วไปเหมือนสัตวที่เปนตัวแล้วจริง ๆ ขาหลังนั้นเวลาตั้งขึ้นทำท่าทางเหมือนตักแตน วิธีจะเดินก็คล้ายตักแตน เสียบเข็มก๊าดประกับไว้วันยังค่ำแล้วยังไม่ตาย เปนแต่ใบไม้ที่เปนหางยกงอไม่ขึ้นเหมือนแต่ก่อน ช่องที่เสียบเข็มนั้นแห้งขาว เหมือนหนึ่งใบไม่ถูกเหล็กแทงขาด สัตวอย่างนี้ได้เห็นแต่ก่อนทีหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนจะใหญ่ยาวกว่านี้ เห็นจะเปนด้วยใบไม้อื่น คราวนี้ได้ชอบใจอยู่จะไปไว้มิวเซียม อนึ่งเวลาค่ำวันนี้ สมเด็จกรมพระเอาหอยมาให้พานหนึ่ง จำเพาะมีข้างแถบนี้มากเรียกว่าหอยทราย เปนทักษิณาวัฏทั้งสิ้น สำหรับทำตลับขี้ผึ้งแลผูกบั้นเอวเด็กว่ากันต่าง ๆ ฤๅเปนมงคล ถ้าขัดเสียก็งามดี มีเปนตลับอยู่ในพานพระขันหมากหอยหนึ่งฝาประดับเพ็ชร์ ได้เห็นอิกแห่งหนึ่งท่านกลางผูกบั้นเอวอยู่เมื่อเล็ก ๆ เวลา ๒ ยาม เธอมอเมตเตอร์ ๘๐ ถ้วน

  1. ๔๒. พระยานครไชยศรี (จุ้ย)

  2. ๔๓. พระทวีประชาชน (โป๊)

  3. ๔๔. ขุนสุพรรณภาษี

  4. ๔๕. จีนไส้ (เปนคนทำภาษีอากรมีคนรู้จักมาก)

  5. ๔๖. พระยามหานิเวศนานุรักษ์ (เผือก)

  6. ๔๗. พระยาสมุทสาครานุรักษ์ (สุด) นอกราชการ

  7. ๔๘. พระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม)

  8. ๔๙. เจ้าหมื่นเสมอใจราช (จู)

  9. ๕๐. พระธรรมเจดีย์ (อยู่) วัดโมฬีโลกย์

  10. ๕๑. พระคุณาจาริยวัตร (คำ) วัดมหาธาตุ

  11. ๕๒. คือพระคุณาจาริยวัตร

  12. ๕๓. พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย)

  13. ๕๔. เจ้าพระยาวิชิตวงษ์วุฒิไกร (ม.ร.ว คลี่)

  14. ๕๕. พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ