วันที่ ๒

วันที่ ๒ วัน ๖ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีฉลูนพศกจุลศักราช ๑๒๓๙ เวลาย่ำรุ่งครึ่ง ดูเธอมอเมตเตอร์อยู่ ๗๘ ดีครี ล้างหน้าแต่งตัวแล้วเรียกคนลงเรือ เมื่อเวลาคืนนี้น้ำลงเชี่ยว เวลาดึกสวะติดต้องปลด เวลาเช้าน้ำกลับขึ้นแรง สวะติดอิกเปนปึกโต เรือเข้าจอดที่เรือปิกนิกลำน่าไม่ได้ เจ้านายแลขุนนางต้องลงเรือเล็กมาลงเรือ โมง ๑ กับสามส่วน ออกเรือเข้าในคลอง น้ำลึก ๔ ศอก เข้าไปสัก ๑๐ มินิต น้ำตื้นขึ้นเปน ๓ ศอกคืบ ต่อไปอิก ๑๐ มินิต เหลือ ๓ ศอก ๔ นิ้ว เข้าไปอิก ๓๐ มินิต น้ำคงแต่ ๓ ศอก คลองกว้างประมาณ ๔ วา ข้างต้นคลองตลิ่งต่ำ ค่อย ๆ สูงเข้าไปจนเกือบจะถึงพลับพลา ๔ ศอก ๕ ศอก ๖ ศอกก็มี ที่ปากคลองมีโรงเผาปูนอยู่โรงหนึ่ง ต่อเข้ามาเปนท้องนามีดงสะแกอยู่สองหมู่สามหมู่ ต่อเข้ามาข้างในเปนกอไผ่หย่อม ๆ ในท้องทุ่ง แต่ดูใบแห้งแดงโดยมาก ถึงพลับพลาที่อำผาง ๒ โมง ๒๔ นาที ทางตามพันจันทว่าตั้งแต่ปากคลองถึงวังปฐมเจดีย์ ๓๖๗ เส้น หักทางบกเสียคง ๑๑๒ เส้น มา ๓๙ นาทีถึง ขึ้นพลับพลาพบท่านกรมท่า พระยานครไชยศรี พระยานนท์๒๘ พระสยามพลภักดี กับกรมการสองคนมาคอยรับ คุณแพ๒๙ล่วงน่าเข้ามาแต่เวลาเข้า จัดเข้าเช้าไว้คอย กินเข้าแล้วคอยอยู่ครู่หนึ่ง เวลา ๓ โมงจึงได้ออกเดิน หลาน๓๐บอกว่าทางขี่รถได้สบาย เขาเตรียมรถไว้ให้ แต่เราหยากจะลองขี่ม้าด้วยไม่ได้ขี่มานานแล้ว จึงได้ขึ้นม้ามณีนาคสวาสดิ์ศรีเขียวม้าไทยของพระเทพสงคราม๓๑ ปลัดเมืองจันทบุรีให้ พึ่งเป็นระวางใหม่ เดินเรียบร้อยดี ม้าทหารเปนม้าไทย ดูเตี้ยไปกว่าแต่ก่อนทั้งกระบวน วันนี้เคราะห์ดีแดดไม่มีเลย ตั้งแต่เช้าจนกระทั่ง ๔ โมงเศษจึงฅ่อยมีบ้างเล็กน้อย ต่อขึ้นไปถึงบนลานพระจึงมีแดดกล้า เดินทางวันนี้แรกออกเดินหง่อยเต็มที ได้ตรวจนาฬิกาทุกหลัก เขาปักหลักละ ๕๐ หลักแรกที่ห้วยตะโก ๒๔ มินิต หลักที่ ๒ ถึงธรรมศาลา ๔๒ มินิท รวมกันใน ๑๐๐ เส้นเดินถึงโมง ๑ กับ ๖ มินิต ช้ากว่าฝีตีนช้างอยู่ถึง ๒๖ มินิต หลักที่ ๓ เร็วขึ้นถึงบ้านเกาะ ๑๑ มินิต ถึงหลักที่ ๔ ห้วยจรเข้ ๒๔ มินิต ๑๐๐ ที่สอง ๓๕ มินิต เร็กกว่า ๑๐๐ ที่หนึ่ง ๓๓ มินิต มาถึงตะพานหลักที่ ๕ เดิน ๑๖ มินิต มาอิก ๓ มินิตถึงพระเจดีย์ รวมทางเดิน ๒๕๕ เส้นมาโมง ๑ กับ ๓๖ นาที ช้ากว่าที่เคยเดินป่าแต่ก่อนสักครึ่งโมง แต่ยังนั้นเมื่อลงม้าแล้ว เมื่อยขาจัดทีเดียว เพราะไม่ได้ถูกหลังม้าช้านานมาแล้ว ตามทางที่มาตอนตั้งแต่พลับพลาถึงธรรมศาลา เปนทางมาตามคันคลองเปนดินปราบใหม่ แล้วเปนดินโคลนท้องคลอง ไม่มีฝุ่นมาสบายดี ที่ริมคลองมีราวไม้ไผ่ด้วย แลที่ลุ่มข้างในก็มีบ้าง ทางกว้าง ๘ ศอกถึงธรรมศาลาแล้วจึงเลี้ยวเข้าทางเดิมเปนทางเกวียนเกลี่ยใหม่ ห่างคลองประมาณ ๑๕ วาบ้างเส้นหนึ่งบ้าง แต่ฝุ่นมากขึ้นทุกที ๆ แต่ตัวเราไม่สู้ถูกมากนัก เพราะไล่ตำรวจออกไปห่าง ตามทางที่มาห่างคลองนั้นสองข้างทาง มีไร่เปนหย่อม ๆ ไร่แมงลักเห็นมีหลายแห่ง ดูเปนเวลาตัดแล้ว เห็นมีแต่ต้นเปนตออยู่เปล่า ๆ มาก วิธีเขาจะทำอย่างไม่ไม่รู้ มีไร่ไน้หน่าต้นใหญ่ ๆ แต่ ดูใบแห้งแลพื้นไร่ก็รก แต่ไน้หน่ามีออกจากที่นี้มาก เพราะเปนที่ดอน ธรรมดาไน้หน่าชอบที่เปนอิฐเปนปูนเก่า ๆ แลเปนที่ดอนเหมือนอย่างที่กรุงเก่า ในเมืองมีไน้หน่ามาก ที่ลพบุรีมีกองไน้หน่าหลวง ขึ้นอยู่ในเจ้าพระยายมราช ปลูกที่ในวังแลริมวัง ได้มาส่งปีละมาก ๆ ทุกปี ราษฎรก็ทำมาก ที่ดินเมืองลพบุรีเปนที่ดินดำร่วนแห้ง มีอิฐปนมาก เวลาร้อน ๆ จัด เหมือนหนึ่งทางพระพุทธบาท ที่นี้ดินเปนดินร่วนแห้ง แล้วเห็นจะมีรากอิฐปูนมาก ในเรื่องพระปฐมเจดีย์ของเจ้าคุณกรมท่า ที่ตายแต่ง ได้กล่าวว่าทูลกระหม่อมได้ทรงตรวจในหนังสือต่าง ๆ แลผู้ไปพบเห็นในป่าที่พระปฐมเจดีย์นี้ เห็นจำเดิมเปนที่พระนครใหญ่ ชื่อเมืองนครไชยศรินทร เปนเมืองหลวงโบราณของแผ่นดินสยาม มีพยานหลายอย่าง ที่ยังแลเห็นอยู่ คือพระเจดีย์ใหญ่ ๆ ในป่ายังมีอยู่อีกหลายตำบล สังเกตได้ว่าเปนวัดติดเนื่อง ๆ กันไปไม่ขาดระยะยิ่งกว่ากรุงเก่า ที่วังเดิมอยู่ข้างตวันตกพระปรฐมเจดีย์ ประมาณ ๓๐ เส้น มีถานปราสาทแลท้องพระโรงโบถพราหมณ์ สระน้ำกำแพงชั้นในชั้นนอกก็ยังปรากฏอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้พวกจีนไปตั้งทำไร่ รื้อทำลายที่สำคัญเสียเปนอันมาก ท่านกล่าวได้ดังนี้ เมื่อเรามาตามทางเมื่อวานนี้ ริมไร่ไน้หน่าได้เห็นรอยรากอิฐมีอยู่เทือกหนึ่ง เปนอิฐแผ่นโต ก็คงจะเปนของเก่าที่ก่อสร้าง เห็นว่าตามแถบนี้ที่ทำไร่ต่าง ๆ คงจะพบรากเดิมเปนที่อิฐดังนี้มีโดยมาก ยังมีไร่ยาสูบแลไร่อื่น ๆ อิกบ้างตามระยะทาง มีต้นมะม่วงบ้างไม่มากนัก นาเข้าเกี่ยวบ้างยังไม่ได้เกี่ยวบ้าง มีตลอดทางมา ที่เชิงตะพานปูนทางมานั้นมีสระน้ำ แต่จะมีน้ำฤๅไม่มีไม่ทราบ ที่นี่ต้องใช้น้ำบ่อมาก เพราะน้ำในคลองเวลาแห้งเกือบจะแห้งหมดทีเดียว ต้องใช้น้ำบ่อ ถ้ากินตามธรรมเนียมปรกติก็พอ ถ้าเปนเวลาเสด็จคนมามากแล้วไม่ใคร่จะพอ ต้องใช้น้ำห้วยจรเข้ด้วย เราผ่านมาตามทางตำหนักเสด็จที่วัด๓๒ แลที่เราอยู่แต่ก่อน ไปหยุดที่น่าประตูระเบียงชั้นต่ำพระเจดีย์ ลงจากม้าขึ้นไปนมัศการในวิหารทิศตวันออก แล้วเดินทักษิณรอบทนึ่ง มีพระยาโชฎึก๓๓ พระยานานา๓๔ หลวงอินทรโกษา๓๕ ขุนนางในกรมท่า แลหัวเมืองมาคอยรับ อยู่บนพระเจดีย์ประมาณสักครึ่งโมงกลับมาวัง พบคุณปริก๓๖ คุณนวม๓๗ เนิน๓๘ กับเมียจมื่นสุรเดช๓๙ มาคอยรับ ผ้านุ่งห่มยังไม่มาถึง บ่ายแล้วจึงได้มาถึง กินเข้ากลางวันบนพระที่นั่งแล้วนอน เพราะเมื่อคืนนี้คัดจะมูกนักตื่นแต่ดึก บ่าย ๔ โมงตื่นขึ้นรับตลับเมียพระยานครไชยศรี แล้วท่านผู้หญิงหนู๔๐มาหา สนทนากันตามคุ้นเคยแต่ก่อน อยู่จนพลบจึงขึ้นไปบนปฐมเจดีย์ พบเสด็จยาย๔๑ ท่านขึ้นไปก่อน สนทนากันอยู่บ้าง แล้วไปจุดรูปเทียนนมัศการพระที่วิหารตวันออก มีเทียนเจ้าเซ็นด้วยคู่หนึ่ง เทียนเจ้าเซ็นอิกคู่หนึ่ง ขึ้นไปจุดที่ซุ้มคูหาพระพุทธรูปด้านตวันออก แลมีเทียนคู่จุดทั้ง ๔ ทิศ รายเทียนรอบทักษิณทางบน เวลาจุดเทียนรายแล้ว เดินเทียนปทักษิณ ๓ รอบ พร้อมด้วยเจ้านายแลมหาดเล็ก สมเด็จกรมพระท่านเดินได้รอบเดียวต้องหยุด แล้วสนทนากับสมเด็จอยู่บ้างเล็กน้อย กลับลงมาขึ้นที่โปรยทานพระระเบียงชั้นนอก ดูหนังจุดดอกไม้เพลิง เปนการสมโภชพระเจดีย์ จะมีต่อไปอิกสองวัน เปนสามวันทั้งคืนวันนี้ กลับมาถึงวัง ๒ ทุ่ม กินเข้ายามหนึ่ง แล้วให้เทวัญเขียนเยอแนลนี้บ้าง แต่พูดกันมากนักต้องค้างไว้คราวหนึ่ง เจ็ดทุ่มนอน เธอมอเมตเตอร์เวลากลางคืน ๘๕

  1. ๒๘. พระยานนทบุรี

  2. ๒๙. ท้าวราชกิจวรภัตร (แพ)

  3. ๓๐. จ้าพระยาเทเวศรวงษ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. หลาน)

  4. ๓๑. พระยาวิชยาธิบดี (แย้ม)

  5. ๓๒. สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

  6. ๓๓. พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก)

  7. ๓๔. พระยานานาพิธภาษี (โต)

  8. ๓๕. พระยาราชสัมภารากร (เลื่อน)

  9. ๓๖. คุณปริก ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์

  10. ๓๗. คุณนวม ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์

  11. ๓๘. เนิน ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์

  12. ๓๙. ภรรยาพระยาราชานุประพันธุ์ (ทุ้ย)

  13. ๔๐. ท่านผู้หญิงหนู ภรรยาเจ้าพระยาทิพากรวงษ์

  14. ๔๑. สมเด็จกรมพระยาสุดารัตนราชประยูร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ