- คำนำ
- พระนิพนธ์คำนำในการพิมพ์ครั้งแรก
- ๑. สมุททโฆสชาดก
- ๒. สุธนชาดก
- ๓. สุธนุชาดก
- ๔. รัตนปโชตชาดก
- ๕. สิริวิบุลกิตติชาดก
- ๖. วิบุลราชชาดก
- ๗. สิริจุฑามณิชาดก
- ๘. จันทราชชาดก
- ๙. สุภมิตตชาดก
- ๑๐. สิริธรชาดก
- ๑๑. ทุลกบัณฑิตชาดก
- ๑๒. อาทิตชาดก
- ๑๓. ทุกัมมานิกชาดก
- ๑๔. มหาสุรเสนชาดก
- ๑๕. สุวรรณกุมารชาดก
- ๑๖. กนกวรรณราชชาดก
- ๑๗. วิริยบัณฑิตชาดก
- ๑๘. ธรรมโสณฑกชาดก
- ๑๙. สุทัสนชาดก
- ๒๐. วัฏฏังคุลีราชชาดก
- ๒๑. โบราณกบิลราชชาดก
- ๒๒. ธรรมิกบัณฑิตราชชาดก
- ๒๓. จาคทานชาดก
- ๒๔. ธรรมราชชาดก
- ๒๕. นรชีวชาดก
- ๒๖. สุรูปชาดก
- ๒๗. มหาปทุมชาดก
- ๒๘. ภัณฑาคารชาดก
- ๒๙. พหลาคาวีชาดก
- ๓๐. เสตบัณฑิตชาดก
- ๓๑. ปุปผชาดก
- ๓๒. พาราณสิราชชาดก
- ๓๓. พรหมโฆสราชชาดก
- ๓๔. เทวรุกขกุมารชาดก
- ๓๕. สลภชาดก
- ๓๖. สิทธิสารชาดก
- ๓๗. นรชีวกฐินทานชาดก
- ๓๘. อติเทวราชชาดก
- ๓๙. ปาจิตตกุมารชาดก
- ๔๐. สรรพสิทธิชาดก
- ๔๑. สังขปัตตชาดก
- ๔๒. จันทเสนชาดก
- ๔๓. สุวรรณกัจฉปชาดก
- ๔๔. สิโสรชาดก
- ๔๕. วรวงสชาดก
- ๔๖. อรินทมชาดก
- ๔๗. รถเสนชาดก
- ๔๘. สุวรรณสิรสาชาดก
- ๔๙. วนาวนชาดก
- ๕๐. พากุลชาดก
- ปัญญาสชาดก ปัจฉิมภาค
- ปัญจพุทธพยากรณ์
- ปัญจพุทธศักราชวรรณนา
- อานิสงส์ผ้าบังสุกุล
ปัญจพุทธศักราชวรรณนา
ภิกษุทั้งหลาย เบญจพุทธศักราชวรรณนาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแล้วอย่างนี้ ถ้าใครได้กระทำตามโดยความเคารพแล้ว เมื่อจุติโลกนี้ไปย่อมได้ไปบังเกิดในเทวโลก
ในปฐมกัปป์นั้น พระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ได้บังเกิดขึ้นเป็นลำดับๆ กัน พระกุกกุสันธพุทธเจ้าได้เสด็จปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางพราหมณีชื่อวิสาขา อันเป็นเอกอัครภรรยาของอัครปุโรหิตอันมีนามว่าอัคคิทัต อันเป็นปุโรหิตของพระเจ้าเขมันตรในเขมวดีนคร มีพระชนมายุได้สี่หมื่นปี ได้บังเกิดในโลกในกิติยุค ประชาชนที่ได้เกิดในพระศาสนา ครั้นจุติจากมนุษย์โลกก็ได้บังเกิดในสวรรค์ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นมีพระวรกายสูง ๑๔ ศอก ได้ตรัสรู้ในภายใต้ไม้ซึก๑ แล้วปรินิพพาน
แผ่นดินงอกงามงามหนาขึ้นอีกแปดพันวา แต่นั้นมาพระโกนาคมนพุทธเจ้าได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของนางอุตรพราหมณี อันเป็นเอกอัครภรรยาของยัญญหทัตตพราหมณ์ในโสภีตนคร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นมีพระชนมายุสามหมื่นปี ประชาชนที่ได้บังเกิดในพระศาสนา ครั้นจุติจากมนุษย์โลก คนสามส่วนไปบังเกิดในอบายภูมิส่วนหนึ่ง อีก ๒ ส่วนได้ไปบังเกิดในสุคติภพ คนที่ไปบังเกิดในอบายภูมิ เพราะไม่ปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาท พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น มีพระวรกายสูง ๓๐ ศอก ได้ตรัสรู้ ณ ภายใต้ไม้มะเดื่อแล้วและปรินิพพาน
เมื่อแผ่นสูงขึ้นเห็นปานนั้น ต่อแต่นั้นมาพระกัสสปพุทธเจ้าจึงได้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของนางธรวดี๒พราหมณี อัครภรรยาพรหมทัตพราหมณ์ในเมืองพาราณสี พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นมีพระชนมายุสองหมื่นปี ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลก ชนทั้งหลายที่ไม่กระทำตามพุทโธวาทย่อมไปบังเกิดในอบายภูมิ พระองค์มีพระวรกายสูง ๒๐ ศอก ได้ตรัสรู้ ณ ภายไต้ไม้ไทรแล้ว และดับขันธปรินิพพาน
เมื่อแผ่นสูงขึ้นอย่างนั้น ต่อแต่นั้นมา พระโคดมพุทธเจ้าได้ถือปฏิสนธิในครรภ์พระนางมหามายาเอกอัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช ในพระนครกบิลพัสดุ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงพระชนมายุ ๘๐ ปี ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลก มีพระวรกายสูง ๘ ศอก ได้บรรลุพระโพธิญาณในภายใต้ไม้โพธิ์ แล้วปรินิพพาน
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระตถาคตบรินิพพานในปีมะเส็ง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ศาสนาจักดำรงอยู่ถ้วน ๕,๐๐๐ พรรษา เมื่อศาสนาล่วงไป ๕๐๐ ปี ภิกษุณีก็หมด เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๑,๐๐๐ ปี พระอรหันต์หมด เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๒,๐๐๐ ปี จะมีราชาผู้ปราศจากธรรม ทำลายล้างพระศาสนาของพระตถาคต กระทำกุลียุคให้เกิดขึ้นเป็นการใหญ่ มหาอุปัทวต่างๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่ประชาชนชาวโลก จักปรากฏดังพยากรณ์นี้ ครั้นล่วงไป บุคคลผู้ทรงธรรมก็จะละทิ้งธรรมเสีย ในปีฉลูนั้น ปัจจามิตรจะกระทำไมตรีจิตทอดสนิทคิดฆ่ามิตรของตนเสีย บุคคลผู้เป็นบัณฑิตจะกลับกลายเป็นคนอันธพาลดุจคนใบ้ และเป็นคนลามกประกอบแต่อกุศลกรรม ถืออาวุธคอยแต่จะประหัตประหารซึ่งกันและกัน ยังมหาชนทุกแหล่งให้ถึงซึ่งความพินาศ เมื่อถึงปีเถาะ พวกอันธทมิฬจักกระทำอันตรายแก่พระศาสนา แลย่ำยีพระศาสนา มหาชนจักถือเอาแต่ข้างมิจฉาทิฐิ ตามพวกอันธทมิฬไปหมด ถึงปีมะโรง หมอกแห่งความตายจักปรากฏแก่มหาชนเป็นอันมาก ถึงปีมะเส็ง พวกอันธทมิฬจักได้รับความสุข คนซึ่งเป็นบัณฑิตตามชนบทต่าง ๆ จักถึงซึ่งความเป็นคนยากจนเข็ญใจ ถึงปีมะเมีย พวกประชาชนพลเมืองจักพากันทิ้งเหย้าเรือนเคหสถานเข้าหาป่าเป็นที่อยู่ บ้านจะกลายเป็นป่า ป่าจะกลายเป็นบ้าน จะปรากฏในกาลข้างหน้า ถึงปีมะแม ประชาชนต่างจะได้รับมหันตทุกข์ ต้องจากบุตรภรรยาสัญจรไปในต่างทิศ ถึงปีวอก สมณะพราหมณาจารย์จักพากันทิ้งอาวาสสถาน พากันไปเร้นอยู่ตามอรัญประเทศ ถึงปีจอ บุตรจักฆ่าบิดาและรบราฆ่ากันเอง ถึงปีกุน พระราชาแลมหาอำมาตย์ท้าวพระยาทั้งปวงจะต้องเคารพนบนอบต่อคนอนาถา บ้านเมืองจักเจริญขึ้น ในปีกุนนั้น จักได้เห็นผู้มีบุญ เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๒,๒๕๐ ปี เอกศกนั้น ประชาชนจักได้เห็นผู้มีบุญญาธิการ แล้วผู้มีบุญญาธิการก็หมดไป เบื้องหน้าแต่นั้น เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๓,๐๐๐ ปี การประชุมแห่งอุโบสถของอนาคาริกบุคคล (บุคคลที่มิได้อยู่ครองเรือน) จักสิ้นไป เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๔,๐๐๐ ปี วินัยปิฎกก็อันตรธานเสื่อมสิ้นไป เมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๕,๐๐๐ ปี บุคคลที่เป็นพระโสดาบันก็หมดสิ้นไป จะมีแต่โคตรภูสงฆ์ เอาผ้าเหลืองห้อยหูเที่ยวไปด้วยสำคัญว่าตนเป็นบรรพชิต ในกาลเมื่อโคตรภูสงฆ์ละทิ้งผ้ากาสาวพัตรเสียเมื่อใดแล้ว บรรพชิตเพศย่อมอันตรธานศูนย์ไป ในคราวนั้นพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายทั้งปวง จักมาประชุมกันที่โพธิบัลลังก์ เปล่งฉัพพรรณรังสีในที่นั้น เปลี่ยนเพศเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุดมด้วยพระฉวีดุจแท่งทองคำเปล่งพระรัศมี ๖ ประการ สว่างไปทั่วทิศานุทิศ เทพดาในหมื่นจักรวาฬจักมาประชุมพร้อมกันกระทำสักการบูชา ในที่นี้มนุษย์เรามิได้เห็น ครั้นแล้วจักบังเกิดเตโชธาตุโพลงขึ้นสังหารพระพุทธสรีระแล้ว พระพุทธสรีระก็อันตรธานไปในกาลครั้งนั้น เทพดาทั้งหลายต่างพากันประหารอุระประเทศของตน ต่างคร่ำครวญปริเทวนาการว่า ชาวเราทั้งหลายจักมิได้พบได้เห็นพระรูปพระโฉมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกต่อไปแล้ว และกล่าวกันว่า ชาวเราจักปรารถนาพบพระพุทธเจ้าในอนาคต พระเมตตรัยพุทธเจ้าจักอุบัติขึ้น ชาวเราจักได้เชยชมพระพุทธเจ้าองค์นี้จักทรงพระชนม์อยู่แปดหมื่นปีแล้วปรินิพพาน
จบปัญจพุทธศักราชวรรณนา
----------------------------