บท ๑๕ ข่าวลามก

นายขบวนวางข้าพเจ้าลงบนที่นอน ขณะนั้นตวันตกดินมืดค่ำแล้ว ข้าพเจ้าโอดครวญสิ้นอายสหายเก่า จุกเจ่าเจ็บช้ำระกำใจอาไลยอาวรณ์ถอนสอื้น น้ำตาไหลมาได้พรากๆ เปียกหมอนหนุนนั้น ถ้าจะให้หายแค้น ข้าพเจ้าจะยิงเสียให้ตายก็ได้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้หายเสียดาย ไม่ทำให้หายอาไลย. บัดนี้แม่ปรุงได้เสียหายไปแล้ว เสียไปเหมือนลูกที่ตาย ลูกที่ตายแล้วเกิดใหม่ไม่ได้ฉันใด แม่ปรุงเสียหายไปแล้วไม่กลับสนิทดีได้ใหม่ฉันนั้น.

หากจะทำลายชู้ให้หายแค้นได้ ก็เหมือนได้กำจัดภูตผีตนหนึ่ง อันไม่ควรค่าแก่มือเราที่จะประหักประหารมัน ไม่ควรแก่เราซึ่งกำลังจะทวีในการเจริญ จะไปทำร้ายแก่ผู้จะพลันฉิบหาย.

นายขบวนเห็นไข้ในใจข้าพเจ้า เขาเลยเล่นอย่างจักกระจี้ ให้หลานสาวมาพยาบาลไข้ แม่รุ่นมานั่งพัดใกล้ มาจับมือข้าพเจ้า แลคลำอกข้าพเจ้าว่าใจหายสั่นหรือยัง แทบจะมาพยุงลุกพยุงนั่งให้ด้วย ข้าพเจ้ายิ่งขวยใจ ข้าพเจ้ายิ่งมันไส้หล่อน ข้าพเจ้ายิ่งมันไส้ตัวเอง ที่มานอนหอบหวนละห้อยหา ไหนว่าจะกล้า, ไหนว่าจะแขงใจ, ถูกพิษปืนแห่งรูปเสียงกลิ่นรสในหล่อนซึ่งเคยรักเข้าหน่อยเดียว ทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อครวญครางไปทีเดียวหรือ ?

ข้าพเจ้ามีมานะจะไม่นอน มิให้หลานสาวนายขบวนมาลูบคลำได้ ข้าพเจ้าไม่ใช่ชายที่จะชะนะความชั่วของเขาด้วยความชั่วของเรา เขาทำชั่วมา เราจะต้องพลอยทำชั่วไปเพื่ออะไร ข้าพเจ้าเคยสำนึกหวาดหวั่นต่อหญิงอื่น บัดนี้มีหญิงมาแอบอิงทำให้ข้าพเจ้าสอิดสเอียนกาย ข้าพเจ้าไม่ใช่คนขลาดเช่นนั้น พอภรรยาปั่นหัวให้เช่นเล่นชู้ ข้าพเจ้าก็จะเล่นชู้จู่เข้าทางเสพย์สุรานารีนั้นใช้ไม่ได้ ข้าพเจ้ายังขยะแขยงหญิงนอกจากภรรยาแต่ก่อนเพียงไร บัดนี้ก็ยังรู้สึกขยะแขยงยังไม่หาย นิสัยนั้นข้าพเจ้าชัง จะชมหญิงที่ไม่เสนหาเพียงไร ข้าพเจ้ายิ่งชังกายข้าพเจ้าที่มาคลุกเคล้ากับหญิงที่ข้าพเจ้าไม่รู้จักอยู่ตราบนั้น.

ข้าพเจ้าลุกขึ้นทันที เหมือนตุ๊กกะตาที่ล้มก็ลุกได้พลัน หรือเหมือนตุ๊กกะตากลหรือตลก นายขบวนถามว่า รู้สึกเปนอย่างไรบ้าง ข้าพเจ้าตอบว่า “ฉันไม่ป่วยพอที่จะต้องการนางพยาบาล.”

นายขบวนหัวเราะ ข้าพเจ้าจึงว่า— “ฉันไม่ใช่ทารกที่จะให้เขาหมิ่นว่าอ่อนแอไม่แก่ไม่กล้า”

“หมายว่าเมียคุณเคยปรนิบัติรับใช้ ครั้นห่างเมีย ผมก็—”

“โอ้— อย่าพูด. ขอให้ไล่ ‘หลานฉัน’ ไปเสียก่อน ขอบอกเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฉันทราบ จะขอบใจมากกว่า.”

นายขบวนยอมปฏิบัติตาม.

ข้าพเจ้าว่า “ปลาดใจ แม่ปรุงทำไมนิยมอ้ายภูตนั้นได้?”

สหายตอบว่า ไม่ใช่แม่ปรุงนิยมภูต, มันเปนภูตนิยมแม่ปรุง.”

“ทำไมนางฟ้ากับเปรตชอบสมสู่กัน ?”

“คุณต้องเข้าใจว่าแม่ปรุงเผลอกาย, ลืมกาย, ไม่รู้ว่าหล่อนทำอะไร.”

“ถูกมนต์อะไรเข้าเล่า ?”

“มนต์ของมารนั้นแหละ จงคิดดูว่าแม่ปรุงนั้นไม่ใคร่สบายใจอยู่แล้ว พอเปนโอกาศแก่ภูตซึ่งหล่อนห่างจากผู้ปกครองคือสามี เกลอภูตมันก็เปนทีมัน. เกลอชวนให้เที่ยวชมบ้านชมตึกก่อน ซึ่งชมได้สนุกดีกว่าท้ายบ้านของคุณ เดิมแม่ประไพเปนบริษัทด้วย แล้วพอแม่ปรุงคุ้นมากเข้ากับเกลอ ๆ ก็ชวนเพลินกับแม่ปรุงแต่สองคน ชวนชมสวน ชวนดูของในตึก, สิ่งนั้นจะยกให้ สิ่งนี้จะให้ยืม การเพียงนี้ยังไม่สู้ร้ายกาจ.”

“อะไรเปนร้ายกาจ เล่นชู้กันนั้นหรือเปนร้ายกาจ.”

“แม่ปรุงติดใจเคยไปมาชินตาเข้ากระนี้ ก็ทำให้เพลินใจ แต่อะไรยังไม่ร้ายกาจเท่าการชวนประชุม “คอนเสิต” คือชวนให้หล่อนชมการบรรเทิง. คุณต้องเข้าใจได้ว่าการยั่วประเวณีในรูปเสียงกลิ่นรส มันชวนใจหญิงสาวมากเท่าไร ถ้าใคร ๆ ที่เปนผู้ดีไป เขาก็กล่อมเราเปนเพลินใจไปได้.”

“ตายจริง—”

“เมื่อหลงฟังขับขานแลดูระบำแลดื่มน้ำเย็น แลกินโต๊ะด้วยอาหารโอชา—“

“มันต้มหล่อนได้ง่ายจริงนะ—“

“แต่ยังไม่ชั่วกว่าการยั่วยวนชวนประโลม, จงนึกดูว่าหญิงพวกเขานั้นมันไม่มีหน้าอาย มันอาจจะทำแสดงการกระดางลางก็ได้ เมื่อดูการตระโบมโลมลูบกันบ่อยเข้า มันไม่นึกเสียแล้วว่าการเล่นเช่นนี้มันเปนการชั่วช้า จะให้หญิงหวนคิดถึงเจ้าของหล่อนที่ไหน หากว่ามันป้อยอล่อให้ดื่มสุราให้เมามึน เช่นนี้ถึงจะขืนใจก็ไม่ต้องขืนได้ยาก.”

“ตายจริง อกแตก.”

“เพราะฉนั้นเปนเสร็จมัน.”

“ทำไมฉันถึงไม่ตายเสียเสร็จก่อนกลับมากรุงเทพฯ หนอ.”

“อย่าเพ่อน้อยใจเกินเหตุ หญิงงาม, งูเห่า, ข้าเก่า, เมียรัก, ถูกมันผลาญก็ผลาญได้หนัก.”

“หากว่าจะชั่วสักทีดีสักหน แต่ทำไมไปหลงมัน”

“เกลอนั้นมันล่อใจเก่ง มันให้ของกำนันตะบันไป, ดูสิ—ดูตุ้มหูที่หล่อนใส่ เดิมมันได้มาทั้งคู่พร้อมกัน แต่ควงหัวตุ้มหูใส่หัวแหวน แสร้งให้มาแต่เพชร์เม็ดเดียวก่อน แลแสร้งว่ากำลังเสาะหาให้ได้คู่กันอิกเม็ด แท้จริงเกลอคอยหาโอกาศจะให้อิกเม็ดหนึ่ง แต่ยังไม่ได้โอกาศ ครั้นวันนั้นเปนวันซึ่งขันตีของท่านหญิงแตก, โดยถูกลวงให้หลงจนถูกบ้อมยอมนอนค้างทั้งคืน—“

“ตายจริง กระนั้นเจียวหรือ.?”

“รุ่งขึ้นหล่อนขยาดอย่างไรไม่ทราบ ก็ไม่ไป รุ่งขึ้นอิกวันมันคิดถึงด้วยติดอกติดใจละสิ มันให้แม่ประไพมาบอกอย่างเปนข่าวสำคัญว่า แหน้ะ, แม่ปรุง, คุณป๋าได้เพชร์ที่เสาะหามาได้อิกเม็ด เข้าคู่กับเม็ดเก่าได้แล้ว คุณป๋าให้เชิญไปบัดนี้ เอาเม็ดเก่าไปเปรียบเทียบด้วย แม่ปรุงก็ใส่แหวนไปปร๋อแต่กลางวันแสก ๆ เกลอภูตก็นำจู่สู่เข้าห้องปิดประตูทีเดียว เพราะได้เก็บเพชร์ไว้ใต้ฟูกบนเตียงมุกนั้น.

“โอ้ หยุดที ฉันฟังต่อไปอิกไม่ได้ ฉันจะเปนบ้าคลั่งไป นี่เปนบทร้ายที่สุดของเรื่อง นี่เปนตอนหยาบช้าสาธารณ์ที่สุด ขอให้เล่าถึงข่าวแม่ประไพ หล่อนเปนอย่างไรบ้าง ฉันคิดถึงหล่อน, เกลอแกลบรังแกได้หรือเปล่า ป๋าหล่อนยกให้มันหรือเปล่า.?”

“ป๋ายกให้มันแล้ว—”

“ตายจริง, ตายจริง, ยกให้มันทำไม.?”

“คุณอยากฟังถึงเรื่องแม่ประไพ, คุณไม่อยากฟังเรื่องคุณภักตร์บ้างหรือ.?”

“คุณภักตร์ ตัวภูตเปนอย่างไร. ?”

“จนสิ้นตัว หนี้ท่วมหัว ถึงว่ามีบ้านช่องใหญ่โตระโหฐานกระนั้น เขาจะให้เกลอล้มละลาย เกลอดิ้นรนผ่อนปรนมาเกือบเดือน ดูเหมือนมีอาการหนัก ในกรมก็ช่วยเกลอไม่ได้ เจ้าคุณของเกลอเห็นหนักหน้า เจ้าคุณก็ไม่รับรอง ญาติพี่น้องไม่มีพอที่จะช่วยเกลอได้ เจ้าหนี้ได้ฟ้องให้ล้มละลาย เกลอเห็นโอกาศอิกช่อง”

“ช่องไหน. ?”

“ถ้าเกลอยกบุตรสาวให้คุณแกลบได้ เกลอเปนสิ้นทุกข์.”

“ไฉนเปนกระนั้น.?”

“เกลอหนักหน้าเข้าเต็มทีก็ยกแม่ประไพจะให้แต่งงานกับคุณแกลบ เพราะคุณพระบิดาคุณแกลบนั้น ค้าขายมั่งมีจนไม่ต้องทำราชการ เกลอหมายจะพึ่งบิดาของลูกเขยได้.”

“ตายจริง ทำไมจะเอาแม่ประไพไปขายให้ชายเลวเช่นนั้น นี่ตกลงกันแล้วหรือ.?”

“ยังเลย ฝ่ายบิดาผู้หญิงตกลงแล้ว แต่บิดาผู้ชายยังไม่ยอมตกลง.”

“มันขัดอะไรเล่า.?”

“คุณพระท่านว่าแม่สาวนั้นรูปไม่สวย, กิริยาไม่ดี, ยังไม่รู้ประสาอะไร, ไม่สมควรจะเปนสะใภ้ท่าน.”

“อ้าย··· มันว่าหล่อนได้เจียวหรือ คุณพระนั่นแหละเปนเสือเถ้าหละ, ฉันเห็นแก่ตาทีเดียว เกี้ยวผู้หญิงละเด็ดนัก ที่พี่แกพูดติหล่อนกระนั้นหน้ะ มันจริงหรือ?”

“ไม่จริงเลย—“

“มันพูดได้.”

“คุณยังไม่รู้เหตุว่าทำไมคุณพระพูดเช่นนั้น ท่านไม่ต้องประสงค์ จะให้แม่ประไพมาเปนบุตรสะใภ้ท่าน ท่านต้องประสงค์อย่างอื่น.”

“ประสงค์อะไร.?”

“อะไรหล้ะ, คุณทราบแล้วสิ แม่ประไพหน้ะ ช่างน่ารักน่าชมนี่กระไร สวยมากพอใช้ ใคร ๆ เห็นก็ต้องรัก มารดาหล่อนงดงามยิ่งนัก เปนผู้มีตระกูลสูงใหญ่ แต่ไม่สมคู่กับพ่อภูต จึงอยู่ไม่นานได้ เกิดบุตรคนเดียวหล่อนจึงตาย แม่ประไพอยู่ในวังมานาน บัดนี้พึ่งออกมาอยู่นอกวัง ปีนี้อายุได้สิบหกแล้ว ดูสิ, คุณไม่เห็นบ้างหรือว่าหล่อนช่างน่ารักน่าชมนี่กระไร, กิริยามารยาตรเปนผู้ดีแท้ทีเดียว เลือดเนื้อข้างแม่มาปรนปรุงอยู่มาก—”

“ฉันเห็นหละ, ว่าหล่อนดีอย่างไร เมื่อหล่อนหันหน้ามาพึ่งฉัน ฉันช่วยหล่อนไม่ได้ ยังนึกถึงนายขบวน.”

“ห้ะๆ ๆ คุณมันดีเกิน มัวใจตรงหลงใหลจนชวด— ภรรยา.”

“บัดนี้แม่ประไพเปนอย่างไร.?”

“บอกว่าคุณพระท่านไม่ต้องประสงค์จะเอาหล่อนเปนลูกสะใภ้ ท่านประสงค์อย่างอื่น.”

“อย่างอื่น อย่างไหน.?”

“คือท่านอยากเอาเปนเมียเสียเอง.”

“อ้าย··· ! คนบ้าสาวแหละไหมละ, ฉันเห็นฤทธิ์เดชพ่อเสือเถ้าทีเดียว ว่าการละเล่นเช่นนี้ท่าถนัดมาก ป๋าหล่อนยอมไหม, ห๋ะ.?”

“ความในใจข้อนี้ยังไม่มีใครรู้ทั่ว แต่ผมทราบชัดแล้วแลเสียใจที่จะบอกว่า— ยอม.”

“งั้นเจียวหรือ ยกแม่สาวให้กับพ่อแก่.”

“ไม่มีสิ่งไรจะห้ามใจป๋าหล่อนได้ ถ้าใครจะช่วยให้รอดหน้าครานี้ได้แล้ว ถึงว่าจะต้องยกบุตรสาวให้แก่ฝรั่งมังฆ่าหรือจีนจามสยามภาษาก็ยอมทั้งนั้น.”

“อ้ายเกลอนั่นมันเปนภูตจริง ๆ.”

“แต่มีอิกเรื่องหนึ่ง ผมนึกขึ้นมาอดหัวร่อไม่ได้ ห๊ะ ๆ –“

“เรื่องอะไร น่าขัน.”

“มันเปนแปลนของคุณภักตร์ ที่เกลอจะต้องยกบุตรสาวให้แก่ผู้ที่มั่งมี ถ้าผู้ที่มั่งมีจะให้ยืมเงินช่วยให้รอดหน้า. แลมันเปนแปลนของเกลอด้วยที่จะจัดหาภรรยาที่มั่งมี เพราะฉนั้นเกลอก็เห็นอยู่แต่แม่กลึง.”

“แม่กลึงลูกคุณพระห่าม ๆ นั้นหรือ.?”

“นั่นแหละ, เพราะฉนั้นคุณภักตร์เกลอพยายามสองต่อ คุณรู้ไหมว่าเขาจะไล่นับวงษ์วานกันอย่างไร คือเขาจะคิดให้คุณพระเปนพ่อตาเขา แลเขาจะเปนพ่อตาคุณพระด้วยอิกซ้ำ ห้ะ ๆ ๆ ๆ.”

“สนุกใหญ่สิ แลซึ่งคุณท่านจะมาเปนพ่อผัวแม่ประไพนั้นเห็นจะต้องงด.”

“ทุกสิ่งจวนตัวคุณภักตร์ ทุกสิ่งจวนตัวแม่ประไพ.”

“ท่าหล่อนจะวิตกโศกครวญมาก—ว่าแต่แม่ปรุงทำไมไม่รู้เหตุนี้.”

“รู้แล้ว แต่ใช่ว่าหล่อนเกี่ยวข้องด้วย.”

“ไม่เกี่ยวข้องก็ไปคบมันทำไม? เออ, ฉันปลาดใจ ทำไมแม่ปรุงไปหลงเล่ห์ประเวณีอ้ายคนพรรณนั้น.”

“จริงหละ หลงเล่ห์ประเวณีมัน แต่เห็นจะไม่หลงรักมัน.”

“ฉันอยากถามว่าทำไมไม่หลงรักมัน แลทำไมหลงเล่ห์มัน. ?”

“คุณต้องเข้าใจว่าในสถานบ้านเกลอนั้นมีเครื่องบรรเทิงทุกอย่าง มีสิ่งยั่วยวนใจทุกชนิด น่าติดอกติดใจ มีของยวนใจทั้งฝรั่งทั้งไทย.”

“นั้นหมายความว่ากระไร.?”

“ผมหมายความว่าเกลอชวนรื่นเริงได้สำราญใจ แลมียาเสน่ห์ทั้งฝรั่งทั้งไทย.”

“โอ้ ลามกที่สุด บทในเรื่องนี้เปนบทร้ายที่สุด หยุดพูดถึงเสียที หาไม่ฉันจะแค้นใจอาไลยดังไฟจี้.”

ข้าพเจ้านอนเหยียดลงบนเก้าอี้หวายด้วยความอ่อนใจ.

“สูบบุหรี่ไหม ?” ท่านสหายถาม. แล้วก็ส่งบุหรี่ฝรั่งมาให้ ข้าพเจ้าได้ดูดซิกาอันมีค่า ค่อยใจกล้าค่อยฝืนอารมณ์ระงับดีเดือด ค่อยข่มใจอ่อนแอให้หายท้อแท้.

แต่ให้พะวงคิดถึงมารดาผู้ป่วย ที่ข้าพเจ้าไม่ไปนั่งปรนิบัติมารดาได้ทั้งนี้ ก็เพราะภรรยาทำการกาลี. ทั้งคิดถึงภรรยา, ความโสภาน่ารักยังตำตาข้าพเจ้า ที่โกรธนั้นกลายเปนแค้น ยิ่งเห็นความโสภาของหล่อนอันน่ารัก ยิ่งทำให้รู้สึกหึงษา ใจเตือนทุกที ยิ่งคิดว่าบัดนี้หล่อนกำลังฉอเลาะกับชาย ชายซึ่งข้าพเจ้าชิงชัง ที่ข้าพเจ้าหวงห้ามแลฤษยา ได้คิดว่าหล่อนกำลังคลอเคลียกับเกลอ เอาความชื่นไปสู่เจือจาน เอาความงามไปให้เปนกำนันมัน เอารูปเสียงกลิ่นรสไปประโลมมัน.

เหตุการบำเรอได้ปรากฎแก่ข้าพเจ้า โดยได้เห็นการ “โชว์” ทางบำเรอแล้ว ความสัญญาในการตระหง่านตาของข้าพเจ้าทำให้หยั่งใจถึงดวงจิตภรรยาข้าพเจ้าว่าหลงตึกรามห้องงามอย่างเพลิดเพลินใจนี่กระไร ข้าพเจ้าเห็นภาพต่าง ๆ ซึ่งเขาประโลมกัน ข้าพเจ้าเห็นห้องงามซึ่งเกลอภูตจัดไว้ แลว่านี่เปนห้องทิพย์พิเศษสำหรับสาวสรรค์ ข้าพเจ้าเคยได้เห็นประกายไนยตาของเกลอแล้วคราวเมื่อได้เห็นแม่ปรุงก้มลงจูบบุตรซึ่งแผ่อยู่กลางฟูก เห็นได้ว่าตาเกลอเต็มไปด้วยกิเลศแลความมุ่งมาท ไม่มีสิ่งไรที่เกลอจะไม่พยายามจนกว่าจะสมความปราถนาของเกลอได้.

ใจข้าพเจ้ายิ่งตื่น, ใจข้าพเจ้ายิ่งเห่อหื่นทยาน ใจข้าพเจ้าวุ่นวายอย่างวุ่นวายตะกายฝา, ใจข้าพเจ้ายิ่งคิดฤษยา, ใจยิ่งอยากพบ อยากเห็นสิ่งปลาดที่ในโลกนี้. อยากเห็นแก่ตาในข้อพิศวงซึ่งมานึกได้ว่าหญิงแลชายอาจจะทำการได้ถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าร้อนใจอย่างอกจะแตก ถ้าไม่ได้ออกไปดูให้ได้พบได้เห็นจะอบอยู่เสียแต่ในเรือน ใจเตือนเหมือนจะแตกทำลาย ข้าพเจ้าอดรนทนไม่ได้ จึงถามนายขบวนว่า “แกยังทราบไหมว่าแม่ปรุงเมื่อกี้หล่อนไปไหน?”

สหายตอบว่า “หล่อนขี่รถยนต์, ๆ มารับตัวไป คุณก็ทราบแล้วว่านั่นเปนรถยนต์ของใคร หล่อนนั้นก็ไปหาเจ้าของรถยนต์นั้น ทั้งแต่งตัวยั่วยวนกรุ้งกริ่งก็แสดงให้เห็นว่าแต่งไปล่อตัณหา”

ข้าพเจ้าถอนใจถามว่า “เขาทั้งสองบัดนี้จะอยู่ที่แห่งใด คุณยังทราบไหม?”

“ไม่ทราบแน่ คุณจะทำไม?”

“โอ้— ฉันร้อนใจเผ่า ๆ อยากเห็นการนี้ไปให้ตลอด ถ้าจะอุดอยู่แต่ในห้องอกเต้นร้อนใจแทบจะแตก เธอกับฉันจะต้องทำอะไรสักอย่าง.”

“คุณกับฉันจะทำอย่างไร?”

“เธอจงไปกับฉันสักหน่อยเถิด ไปตามหาเขาทั้งสอง จะได้รู้ได้เห็นว่าเขาทำอะไรกันอยู่ ดูให้ถึงที่สุดเหตุแก้พิศวงใจสักหน่อย ไม่กระนั้นนอนไม่หลับ ฉันต้องดูไปให้ถึงที่สุด.”

“ยินดีจะไปกับคุณอย่างที่สุด ไม่มีสิ่งใดที่ผมชอบกว่าการไปมองดูชู้สาวเขาประโลมกัน.”

“อย่าพูดให้แสลงใจนัก, แต่งตัวเร็วเถิด ใจฉันเตือนเต้นเต็มที เราต้องดูเขาให้ถึงที่สุด, นี่จะตรงไปที่ไหนดีจึงจะพบจะเห็นเขา.”

“นี่ยามหนึ่งแล้ว บางทีเขาจะเที่ยวตากอากาศแถวสระปทุมหรือคลองเตยเสร็จแล้ว แลกลับมากินโต๊ะอยู่กะบ้านก็เปนไปได้ ถ้าเราไปบ้านจะเห็นการบรรเทิงอิกที คุณรู้ทางหนีทีไล่แล้วไม่ใช่หรือ ว่าแต่จะเอาเครื่องกันตัวไปอย่างไรดี ปืนเปรานิงหรือกฤช ?”

“เอาไม้ตะพดไปคนละอัน ตีควายให้หัวแตก ให้มันได้อายสักทีเปนไร ?”

“ตามใจคุณ แฮะ, แม่หลานสาวเอ๋ย บอกเด็กไปผูกรถโรงนายดำเร็วหน่อย.”

เราทั้งสองแต่งตัวเร็วตามแต่จะได้ นายขบวนนั้นแต่งเร็วทันใจข้าพเจ้านี่กระไร เพื่อนรู้ใจของข้าพเจ้าว่าร้อนจัด เพื่อนรู้จักกาละเทศะ ควรเร็วก็เร็ว ควรช้าก็ช้า.

เมื่อแต่งกายเสร็จ เราตกลงกันว่าจะเดินสวนทางไปยังโรงรถเช่า เพื่อจะได้จับรถไปทันใจ เร็วกว่าที่จะคอยให้รถมารับเรา.

เราเดินถือไม้ตะพดไปคนละอัน ข้าพเจ้าเห็นรถยนต์ผ่านไปก็ใจหายใจคว่ำเสียวสลดใจถึงภรรยา เมื่อเห็นรถม้าเขาขี่นั่งคู่ผัวตัวเมียกันไป ยิ่งคิดถึงภรรยาที่เคยไปเที่ยวกันคราวงานเฉลิม ทำให้รู้สำนึกได้ว่ากำลังนี้หล่อนกำลัง “โชว์” ใหญ่แลปล่อยจริตแลพิศวาศใหญ่เต็มที่ นี่เปนผลของการ “โชว์” ที่ได้หว่านพืชไว้แต่ครั้งนั้นแล้ว.

เราขึ้นรถไปทางล่าง นั่งรถขับไปโดยเร็วทำให้ข้าพเจ้าค่อยบรรเทาหายการที่ถูกเผาใจจี้ ยังคงร้อนใจอยู่ดี แต่สร่างกลุ้มกลัดกว่าที่จะอยู่ในเรือน. เห็นรถเที่ยวในเวลากลางคืนทำให้ข้าพเจ้าแสบไส้ บัดนี้ข้าพเจ้าเปนผู้อ้างว้างใจแล้ว ข้าพเจ้าได้เสียแล้วซึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าถนอม.

รถมาใกล้บ้านใหญ่อันเรารู้กันว่าเปนบ้านนามร้าย. ยิ่งใกล้, ใจข้าพเจ้ายิ่งเตือน เมื่อมาใกล้เข้าอิก ข้าพเจ้าบอกรถม้าค่อย ๆ ขับเดินผ่านน่าบ้านไป บ้านนั้นเงียบสงัด ไฟในตึกมิได้จุดสว่าง ไม่มีการเอิกเกริกรื่นเริงเหมือนดังข้าพเจ้าคิดมาทหมายไว้ว่าคงพบแม่ปรุงนั่งดูหญิงบำเรออันถอดเสื้อเหลือแต่เสื้อฅอชั้นในร้องลำทำเพลงแล้วจับระบำให้ดูแลทำกระดางลางให้ ไม่เหมือนอย่างคาดหมายไว้ว่าจะเห็นหล่อนกับชู้กำลังนั่งกินโต๊ะกันอย่างโอชาแลเพลิดเพลิน.

บ้านนั้นเงียบ ตึกนั้นมืด นี่ก็ยามกว่าแล้ว แท้จริงก็ไม่ใช่เวลานอน มีแต่ไฟฟ้าชายสนามหนึ่งดวงที่น่าตึก กับเห็นไฟฟ้าวับ ๆ อยู่ท้ายบ้านอิกหนึ่งดวง.

บ้านเงียบ นายขบวนกระซิบว่านี่เปนอาการแสดงให้เห็นว่าไม่ช้าความหายะนะจะมาถึงบ้านนามร้ายนี้ แล้วข้าพเจ้ากระซิบว่าเรือนในรั้วสังกะสีต่อไปนั้น เปนสถานีของสุรานารี หากเขาจะพากับไปเล่นกลยั่วกามกันในสถานีนั้นกระมัง.

ทุกสิ่งเงียบสงัด นายขบวนสั่นศีร์ษะ แลเราเห็นรถยนต์จอดอยู่ที่น่าบ้านคันหนึ่งในถนนซึ่งเราอยู่ เราอยากจะรู้ว่านี่เปนรถยนต์ของผู้ใด เราจึงหยุดรถแลตั้งใจคอยดู โดยลงจากรถแอบใต้ต้นไม้ข้างถนนอยู่ พอมีเจ๊สัวผู้หนึ่งเดินออกมากับคนใช้ ผู้ใส่เสื้ออย่างเย็นเติลแมน, เจ๊สัวเดินสาบาลมาพลางที่คอยอยู่เปนนานไม่ได้พบเจ้าของบ้านตามปราถนา ต้องกลับมาจะขึ้นรถยนต์กลับบ้านเปล่า.

นายขบวนกระซิบอิกครั้งว่านี่เปนอาการแสดงความฉิบหายอันจะมาถึงบ้านนี้ในไม่ช้า เพราะเจ๊สัวนี้ก็เปนเจ้าหนี้ผู้หนึ่ง. พอตาแก่คนทำสวนในบ้านเดินตามมาส่งด้วย เจ๊สัวพูดสั่งตาแก่แล้วก็ขับรถยนต์ไป.

นายขบวนใส่หมวกปิดหน้ากระโดดเข้าไปถามว่า “ตาขา นายผู้ชายไปไหน.” ตาแก่บอกความว่าหมู่นี้คุณภักตร์รำคาญด้วยคน (เจ้าหนี้) มารบกวน เวลาค่ำไปกินเข้าที่ “โฮเต็ล” ไม่มา “ดินเนอร์” ที่บ้าน.

นายขบวนจึงซักไซ้ไล่เลียงก็พอได้ความว่าในสองสามวันนี้คุณภักตร์ชอบ “ดินเนอร์ที่โฮเต็ล” วันนี้มีท่านหญิงมาจริง แลได้พากันไปจริงแต่เมื่อพลบค่ำ เมื่อคืนนี้ได้ไปเช่นนี้แลกลับมาดึก ครั้งหนึ่งท่านหญิงมิได้กลับมาด้วย แต่รถยนต์ได้เลยไปส่งที่บ้านท่านหญิงก่อน แล้วจึงกลับมาด้วยคุณภักตร์ยังบ้านนี้ ค่ำวันนี้ไม่ทราบว่ารถยนต์จะส่งท่านหญิงเสียที่บ้านก่อน หรือว่าท่านหญิงจะตรงมาพักที่บ้านนี้ก่อน.

เราได้ความว่าโรงกินอาหารซึ่งคุณภักตร์ได้เคยมาแวะกินอาหารในพระนครนั้นอยู่แถวไหน ถนนไหน นายขบวนก็รู้จักว่าเปนถนนไม่คึกคัก มีที่กินที่นอนชั้นบนสุขสบาย นายขบวนดีใจก็ลามาขึ้นรถกับข้าพเจ้า พูดว่าเราจะตรงไปยังโรงอาหารซึ่งเขาได้หมายตาไว้ แล้วที่นั่นเปนที่พักคนเดินทางกลาย ๆ แต่เปนที่กว้างใหญ่สำหรับผู้ดีกินอาหารแลดื่มสุราในที่ลับก็ได้ เราก็เร่งรถให้ตรงมา. โดยความร้อนใจของข้าพเจ้า ๆ ไม่ทันคิดที่จะตรงไปเยี่ยมเยือนดวงไฟซึ่งอยู่หลังบ้าน แลผู้ซึ่งอยู่ใกล้ดวงไฟนั้น.

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ