- ๑. ราชสดุดี
- ๒. สภาพพ้อ
- ๓. พหูสูต
- ๔. ภาพทะเลเวลาเดือนหงาย
- ๕. ล้อมรั้ว-เรี่ยไรสร้างเรือรบพระร่วง
- ๖. เรือรบพระร่วง
- ๗. นายพลเอกพิเศษแห่งกองทัพอังกฤษ
- ๘. ราชสดุดี-ดอนเจดีย์
- ๙. สงครามโลก ศตวรรษที่ ๒๕
- ๑๐. จอมพลฟช
- ๑๑. ดุษฎี"เอ็มเด็น"
- ๑๒. การบินเยี่ยมอินเดีย
- ๑๓. ศานติคณะของเค็ลลอก
- ๑๔. ระยะต่างๆ
- ๑๕. วิถีของผู้นำกับผู้ตาม
- ๑๖. ผู้เล็งผลเลิศ กับ ผู้เพ่งผลสำเร็จ
- ๑๗. มาตราวัดราคาคน
- ๑๘. ความมีจนของประเทศ
- ๑๙. หนีเสือปะจระเข้
- ๒๐. อั้งยี่
- ๒๑. นิทานที่ข้าพเจ้าชอบ
- ๒๒. ทหารเอกสยามสู้เศรษฐสงคราม
- ๒๓. พันธุ์เจริญ
- ๒๔. ต่อรอง
- ๒๕. รุกเงียบเงียบ
- ๒๖. ลาแล้วพันธุ์เจริญ
- ๒๗. อเมริกา กับ อเมริกัน
- ๒๘. อารยธรรม
- ๒๙. ฐานะของไทย
- ๓๐. ขุมทรัพย์ ๔
- ๓๑. ประชาสามัญของเรา
- ๓๒. ทำไมโจรผู้ร้ายจึงชุกชุม
- ๓๓. ศาสนาวันนี้
- ๓๔. เกร็ดเรื่องภาษี
- ๓๕. คณะเพาะปลูก
๑๕. วิถีของผู้นำกับผู้ตาม
เนื่องด้วย
Demand กับ Supply[๑]
Quantity กับ Quality[๒]
(ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)
ประเทศเด่นดำเนิรหน้า | เจริญกว่าประเทศหลาย |
เสมือนมัคคุทเทศก์ผาย | เผยอแบบฉะบับผอง[๓] |
ดำเนิรอารยธรรมนำ, | สมัยคลำสมัยลอง, |
มิมีแบบฉะบับสนอง | เพราะเป็นแบบฉะบับเอง[๔] |
จะช้าเร็วมิเป็นไร | บ่กลัวใครจะข่มเหง |
ดำเนิรนำมิยำเยง | ผิยอกย้อนก็ก่อนสมัย[๕] |
มิเหมือนเหล่าประเทศล้า | จะเดิรช้าก็ไม่ได้ |
จำต้องลัดตะพัดไป | เพราะเวลามิรอคอย |
สะดวกดีก็ที่รู้ | วิธีอยู่ บ อ้อยสร้อย |
มิต้อง ‘ตรัสรู้’[๖] พลอย | ประจักษ์ถูกและผิดถม |
สำรวจทั่วมิมัวลอง | เสมือนต้องริเริ่มงม |
สำคัญปรับตำรับสม | สมุตถานประเทศหนอ ![๗] |
วิธีการแห่งประเทศริเริ่ม
อุทาหรณ์บริเตน[๘]เห็น | ประจักษ์เป็นพะยานพอ |
ริเริ่มรอบประกอบก่อ | ก็มากร้อยฉนำ[๙]หงำ |
ประชาราษฎร์เจริญแล้ว | มิคลาดแคล้วคระไลนำ |
อำนวยรัฐบาลทำ | บริติชรัฐบาลตาม[๑๐] |
อะไรมี ‘ดิมานด์’ มาก | ก็รัฐหากพยายาม |
อำนวยผลพะนอความ | สำเร็จล้วนจะ ‘สับปลาย’ |
วิธีการแห่งประเทศตามหลัง
ประเทศเพิ่งจะจัดเล่า | ประดุจเราและรัฐ[๑๑]หลาย |
จะรอช้าก็อย่าหมาย | วิเศษมากเสมือนเขา |
อะไรร้อยฉนำทำ | สำเร็จ, แม้สำหรับเรา |
จะต้องจ้ำและทำเอา | สำเร็จด้วยฉนำเดียว |
กระบวนรัฐประศาสน์[๑๒]ขาด | ประชาราษฎร์ชำเลืองเหลียว |
ลำพังรัฐบาลเทียว | กระทำถูกฤผิดที |
อะไรใหม่ ‘ดิมานด์’ ยัง | มิมีดั่งจะควรมี |
ประกอบก่อ ‘สับปลาย’ที่ | จะเผยแผ่ ‘ดิมานด์’ กัน |
ประสงค์ ‘ควอนติตี้’ ด่วน | ผิส่วน ‘ควอลิตี้’ นั้น |
จะยังก่อนก็ช่างมัน | จะมาได้ ณ ภายหลัง |
เพราะทำรู้มิทำลอง[๑๓] | และทำเร็วมิช้าดัง |
ประเทศเริ่มริเก้กัง | กำเลา[๑๔]เจ้าจะค่อยลอง |
ตัวอย่างการทำ ‘สับปลาย’ เพื่อปลูก ‘ดิมานด์’
อุทาหรณ์กระหายปลูก | ดิมานด์, ถูกทำนองครอง |
ก็โรงเรียนดรุณผอง | สนองบุรพศึกษา |
เสมือนจ้างจะให้เรียน | เพราะเครื่องเขียนและอ่านหา |
จำแนกให้บ่คิดค่า[๑๕] | สะดวกสารพัตรหนอ ! |
สมัยนี้สิเสียทรัพย์ | สถานกลับมิเพียงพอ[๑๖] |
ดิมานด์เฉิดกำเนิดปร๋อ | ประสิทธิ์ข้อริสับปลาย[๑๗] |
อนึ่งรัฐหัดแพท- | ยแผนปัจจุบันหมาย |
สะกิดเกิดดิมานด์วาย | วิเวกว้าและล้าหลัง |
ประชาชนมิชอบใช้ | ก็ช่วยให้ละชิงชัง |
ประโยชน์เพิ่งจะแผ่ดัง | ดิมานด์ค่อยขยับมี[๑๘] |
ตัวอย่างรวบ ‘ควอนติตี้’ ก่อน
ค่อยแก้ ‘ควอลิตี้’ ทีหลัง
ประเด็น ‘ควอนติตี้’ ก่อน | อุทาหรณ์แสดงดี |
ก็กฎหมายกำกับพี- | รแพทย์ผู้เผชิญชนม์[๑๙] |
ผิรอ ‘ควอลิตี้’ แล้ว | จะคลาดแคล้วประโยชน์ผล |
ฤกฎหมายจะรอจน | จะมีหมอเสมือนเขา[๒๐]? |
จำนง ‘ควอนติตี้’ ไว้ | และแก้ ‘ควอลิตี้’ เอา |
มิดีกว่าจะรอเปล่า | เพราะห่วง ‘ควอลิตี้’ หรือ? |
อนึ่งสรรพศึกษา | ประสงค์สิทธิ์ประเทศคือ |
จะสั่งสอนและฝึกปรือ | ประชาราษฎร์ลำพังเอง[๒๑] |
ฉะนั้นจึ่งจะเกณฑ์อ่าน | มิปล่อยพล่านฤตามเพลง |
จะรอหัดครุครบ[๒๒]เกรง | จะงาไหม้และไทยศูนย์[๒๓] |
ผิครูอ่อนก็สอนด้วย | ตำราช่วยบำเพ็ญพูน[๒๔] |
ริอบรม[๒๕]ลุสมบูรณ์ | มิช้าหน่อยจะค่อยดี |
กระทำ ‘ควอนติตี้’ พอ | ก็กวด ‘ควอลิตี้’ ซี |
กระหน่ำฝึกครุมากมี | ลุเก่าไปและใหม่มา[๒๖] |
แถลงเรื่องวิถีเทา[๒๗] | ประเทศเก่าและใหม่สา- |
รพัตรเพื่อมิกังขา | ก็จบลง ณ เพียงนี้ |
๑๔ กันย์. ๗๒
[๑] Demand กับ Supply ความต้องการกับการจำหน่ายให้ตามต้องการ
[๒] Quantity กับ Quality ปริมาณหรือจำนวน กับรศคือชะนิดดีเลวเพียงไร
[๓] ......ผอง เหมือนผู้นำทางที่ทำแบบอย่างไว้ให้คนทั้งหลายเอาอย่าง
[๔] ......เอง ผู้นำในทางปลูกความเจริญต้องคลำทาง ทำผิดบ้างถูกบ้าง ผิดไปแก้ไป เพราะไม่มีเยี่ยงอย่างจะดู ตนเป็นผู้ก่อเยี่ยงอย่างเอง
[๕] ......สมัย เป็นผู้ออกหน้า ถึงจะยอกย้อนในการคลำหาทางก็ไม่ต้องกลัวใคร เพราะตัวเป็นผู้นำ ยังไม่มีใครตามทัน
[๖] ตรัสรู้ การค้นหาความรู้ได้เองโดยมิต้องเอาอย่างใครนี้ สำหรับใช้เมื่อความรู้นั้นยังไม่มีใครรู้ เป็นความรู้ใหม่ต่อยอดขึ้นไป ท่านยกย่องว่าเป็นความฉลาดเลิศ แต่ถ้าความรู้ใดมีผู้รู้กันอยู่ แล้วไปหลงพยายามจะตรัสรู้ กลับเป็นความโง่
[๗] หนอ ! การเอาอย่างสำคัญที่เอามาปรับปรุงให้พอเหมาะแก่ความต้องการของประเทศ
[๘] บริเตน อังกฤษ
[๙] ฉนำ ปี่
[๑๐] ......ตาม นิติธรรมของประเทศอังกฤษนั้น ราษฎรเป็นผู้เลือกตั้งผู้แทน. คณะการเมืองที่ได้จำนวนผู้แทนมาก ก็ได้ตั้งรัฐบาล ๆ จึงฟังเสียงประชาชนทั่วๆ ไป ที่เรียกว่า ‘ปับลิก โอปิเนียน’
[๑๑] รัฐ แคว้น, ประเทศ
[๑๒] รัฐประศาสน์ การปกครองบ้านเมือง
[๑๓] ......ลอง ผู้ทำทีหลังย่อมทำด้วยความรู้ เพราะเหตุเยี่ยงอย่างที่เขาทำแล้วมีอยู่ ผู้ริเริ่มสิต้องทดลองถูกแล้วผิดเล่า แก้กันไปแก้กันมา ต้องกินเวลามาก
[๑๔] กำเลา โง่, อ่อน
[๑๕] ......ค่า ในสมัยที่ผู้แต่งหนังสือนี้แรกเข้าโรงเรียน (พ.ศ. ๒๔๒๘) อย่าว่าแต่ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แม้เครื่องเรียนเช่น สมุด, ดินสอ, กะดานชะนวน รัฐบาลก็แจกให้
[๑๖] ......พอ พ.ศ. ๒๔๗๒ ค่าเล่าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลอัตราสูงเขยิบขึ้นเป็นปีละ ๘๐ บาท นักเรียนกรุงเทพฯ สอบมัธยม ๖ ได้แล้ว ยังหาที่เรียนมัธยม ๗-๘ ไม่ได้ ต้องเลิกเรียนเสียเป็นอันมาก
[๑๗] ......สับปลาย ความนิยมเรียนมัธยมสูงเป็นของดี ควรอุดหนุนให้มีที่เรียนพออยู่เสมอ เพราะอุตดมศึกษาทุกแผนกควรรับแต่นักเรียนจบมัธยมแล้ว จะได้เข้าฐานมหาวิทยาลัย อนึ่งความรู้ชั้นมัธยม ๖ ยังทึมทึก จะไปต่ำก็หัวสูง จะไปสูงก็ไปไม่รอด จนกว่าจะได้มีวิสามัญศึกษาเหมาะสำหรับชั้นนั้นคอยรับให้เกลื่อนกลาด
[๑๘] ......มี โรงเรียนแพทย์หัดแพทย์ประกาศนียบัตรขึ้นแล้ว แพทย์เหล่านั้นก็ต้องเป็นแพทย์หลวงก่อน จะหากินตามภูมิลำเนายังไม่มีใครนิยมใช้. ความรังเกียจยาแผนใหม่ ความกลัวโรงพยาบาล ค่อยเปลี่ยนไปทีละน้อยๆ กลายเป็นความนิยมขึ้นบ้างแล้ว เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลไม่มีที่พอรับคนไข้ และแพทย์ประกาศนียบัตรตั้งร้านจำหน่ายยาและตรวจโรคทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง
[๑๙] เผชิญชนม์ งานของแพทย์เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์
[๒๐] ......เขา คือมีแต่แพทย์ปริญญา หรือประกาศนียบัตร ที่ได้ศึกษาสำเร็จจากโรงเรียนแพทย์เท่านั้น จนพอแก่จำนวนราษฎร
[๒๑] เอง สมัยนี้ถือกันว่า การศึกษาของพลเมืองเป็นสิทธิของประเทศเราก็ถือเช่นนั้น จึงมีพระราชบัญญัติประถมศึกษาคุ้มครองโรงเรียนประถมทั่วไป และพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร คุ้มครองโรงเรียนของบุทคลหรือคณะทั่วไปด้วย
[๒๒] ......ครบ คือรอจนมีครูประกาศนียบัตรพอแก่จำนวนเด็ก ดังที่ปรึกษากระทรวงพระคลังแย้มไว้ในรายงานกระทรวงพระคลัง พ.ศ. ๒๔๗๑ นี้
[๒๓] ......ศูนย์ มีภาสิตโบราณว่า ‘กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้’
[๒๔] ......พูน ตั้งแต่เริ่มจัดการศึกษาแผนใหม่ ครูก็อ่อนกว่างานตลอดมา วิชาใหม่ๆ มีภาษาต่างประเทศและวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ครูก็ต้องเรียนพลางสอนพลางไม่ใช่จัดอย่างอินเดีย หรือฟิลิปปินส์จะได้ขนครูจากอังกฤษหรืออเมริกานับร้อยๆ การจัดเกณฑ์ศึกษาสมัยนี้ก็ต้องอาศัยวิธีเดียวกัน อันเป็นวิธี ‘ตำข้าวสารกรอกหม้อ’ ของเรานั้นเอง
[๒๕] อบรม อบรมด้วยการตรวจโดยแก้ไขและสอนให้ดู ๑ เรียกครูมารวมกันเรียนเป็นแห่งๆ เวลาโรงเรียนหยุด ๑ วางหลักสูตรให้ครูเรียนเองเพื่อสอบไล่เอาประกาศนียบัตรครู ๑ ให้โรงเรียนประจำจังหวัดหรืออำเภอทำหน้าที่เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประชาบาล ๑
[๒๖] ......มา ครูตามชนบทก็คือนักเรียนโตๆ นั้นเอง พวกนี้ยังไม่มีครอบครัวพอได้ครูประกาศนียบัตรมาแทน ก็เรียกพวก ‘นักเรียนสอน’ เหล่านี้กลับไปเข้าโรงเรียนครูมูลตามหัวเมืองที่ใกล้และสะดวกเป็นการถ่ายเทกันอยู่ในตัว สำคัญที่ต้องไม่เลือกผู้ใหญ่เข้าเป็นครูประชาบาลหรือนักเรียนสอน
[๒๗] เทา เต้า ดำเนิรไป