ประชาสามัญของเรา

เมื่อนี้

(ลำนำพวงมาลัย-ทำนองลำนำนกกระทุง)

เจ้าพวงมาลัยเอย  
เพื่อนชีพพะนอชัย ร่วมใจร่วมงาน
สำอางองค์อนงค์นุช เมื่อมีบุตรเป็นแม่บ้าน
เจ้าเป็นหัวแรงแข็งงานการ เพื่อความสำราญของสามี
(ลูกคู่) พวงมาลัย และหรือจะไกลจากห้อง
ลอยละล่อง เข้าห้องไหนเอย
เจ้าช่อมาลาเอย  
ยามเหนื่อยงานนา เราก็มาล้อมวง
ขับรำทำเพลง แก้กันเองแล้วรับส่ง
ตะวันรอนอ่อนลง พระจันทร์ขึ้นทรงกลดเอย
(ลูกคู่) พวงมาลัย หอมเหมือนสไบบังอร
หอมประทิ่น[๑]กลิ่นเกสร นวลน้องเจ้าร้อยเป็นพวงกรอง
เจ้าพวงมาลัยเอย  
นุ่งใหม่ห่มใหม่ วันพระเจ้าไปวัดวา
ถึงเทศกาลงานปี นรนรี[๒]เล่นสะบ้า[๓]
ใครแพ้ต้องรำทำท่า สรวลเสเฮฮาร่าเริงใจ
(ลูกคู่) พวงมาลัย ควรหรือจะไกลจากห้อง
คงจะต้อง หวงห้องหับเอย
เจ้าพวงบุบผาเอย  
ในน้ำมีปลา ในนามีเข้า[๔]
ผักหญ้าหาง่าย จะเอาอะไรอีกเล่า
ดินแดนของเจ้า ช่างวิเศษจริงเอย
(ลูกคู่) พวงมาลัย จึงล้วนลอยไปลอยมา[๕]
งานหนักนั้นงานนา พอสิ้นหน้าก็เกร่อเอย
เจ้าพวกมาลัยเอย  
ถืองานเป็นใหญ่ เจ้าไม่อินังแก่เวลา[๖]
จึงมีว่างข้างเพลิดเพลิน[๗] แม้พระเจ้าเงินเจ้าก็ไม่บูชา
เจ้าไม่ยากเย็นเป็นข้า ขายตัวแก่เวลาบูชาเงิน[๘]
(ลูกคู่) พวงมาลัย เจ้าสมเป็นไทยฦๅชื่อ
สุภาพและซื่อ ไม่ดึงดื้อด้วยใจดี
เจ้าพวงมาลัยเอย  
นี้เองใช่ไหม ใหม่จะเรียนจากเจ้า[๙]
เขาไม่มีเวลา เขาเป็นขี้ข้านายเขา
คือเวลาและเฝ้า แต่ค่ำเช้าจะหาเงิน
(ลูกคู่) พวงมาลัย นี้หรือลอยไปก็ลอยมา
หมุนเวียนเปลี่ยนท่า สมอย่างท่านว่า ‘อนิจฺจํ’[๑๐]
เจ้าพวงมาลัยเอย  
เจ้าเกิดทุรนทุราย เพราะเจ๊กแขกเข้ามาล่อ[๑๑]
ทั้งเครื่องกินเครื่องใช้ เจ้าทนไม่ไหวจริงหนอ
แม้แต่เข้าก็ มีโรงรับจ้างสีเอย[๑๒]
(ลูกคู่) พวงมาลัย พระเจ้ามีชัยแก่เจ้า
เงินเป็นใหญ่หรือไม่เล่า เจ้าจำจะต้องบูชาเอย
เจ้าพวงมาลัยเอย  
รุ่นศีวิลัยสต์ แต่งกายก้อร่อ
เก่งข้างเที่ยวเกี่ยวข้างเล่น เขาใช้เงินเป็นกว่าพ่อ
การทันสมัยใครใครก็ บ่ชนะเจ้าละเอย[๑๓]
(ลูกคู่) พวงมาลัย ฐานะเจ้าไม่เหมือนเก่า
เจ้าจ่ายมากเข้า พระเจ้ากลับลงโทษเอย[๑๔]
เจ้าพวงมาลัยเอย  
เกิดโจรภัย ดกดื่นขึ้นด้วย
แต่พวกเจ้าไม่กลัวปล้น เขากลัวแต่คนร่ำรวย
เจ้ายังพอหยิบพอฉวย เจ้าก็คงนวยนาดเอย
(ลูกคู่) พวงมาลัย หาไปกินไปจนพออิ่ม
เจ้าได้คำชมว่าอมยิ้ม ยังกรุ้มกริ่มอยู่ตามเคย[๑๕]
เจ้าพวงมาลัยเอย  
จะเอาอะไร แก่โลกนี้นักเล่า
ยิ้มแย้มแจ่มใส มีเวลาไว้เป็นของเจ้า
ผู้เพาะพืชผลต้นข้าว ประโยชน์ไม่เบาเลยเอย[๑๖]
(ลูกคู่) พวงมาลัย ชีวิตของไทยอยู่ที่เจ้า
นับส่วนร้อยเลยเก้า- สิบล้วนพวกเจ้าจริงเอย

เมื่อหน้า

เจ้าพวงมาลัยเอย  
เจ้าร่วงพรูไป กลับกลายเป็นลูกจ้าง
ไร่นาหาไม่ ได้อาศัยเขาบ้าง
หรือมิฉะนั้นนายห้าง ก็หาที่ให้อยู่เอง
(ลูกคู่) แรงงานไทย เจ้าศีวิลัยสต์ไปจากนา
ที่ดินทวีค่า ตัวเจ้าก็น่าจนจริง[๑๗]
เจ้าแรงงานเอย  
เปลี่ยนจากงานบ้าน กลายเป็นงานฉุกละหุก
บ่อทองบ่อถ่าน บ่อน้ำมันเหมืองดีบุก
บ่อพลอยพลอยสนุก หรือพลอยทุกข์ก็ตามที
(ลูกคู่) กรรมกร กรรมหรือจู่จรจัดให้
ทิ้งนาทิ้งไร่ ไพล่เป็นกรรมกรเอย
เจ้าแรงงานเอย  
ต้องปฏิบัติการ ตามกำหนดของสำนัก
เหงื่อไหลไคลย้อย วันละน้อยชั่วโมงพัก
นับว่าเป็นงานหนัก ตามศักดิ์ลูกจ้างเอย
(ลูกคู่) เจ้าแรงงานไทย จะถึงต้องไกลจากบ้าน
ไปเที่ยวหางาน ฐานลูกจ้างเอย
เจ้าแรงงานเรา  
ไร่นาพ่อค้าเขา มีทุนมาลงมากมาย
เจ้าสู้ไม่ได้ เจ้าก็ไพล่โอนขาย
ตัวเจ้าจึ่งกลาย เป็นลูกจ้างเอย
(ลูกคู่) แรงงานเรา จะมีแต่เบารายได้
เขาทำการใหญ่ ไล่เจ้าจนแต้มเอย[๑๘]
เจ้าลูกจ้างเอย  
เจ้าถนัดข้าง ไร่นาหรือโรงงาน
การใหญ่ใช้คนมาก มีหลายหลากทุกถิ่นฐาน
ตั้งบริษัทจัดการ ทุนหมื่นแสนล้านรุ่งเรืองจริง
(ลูกคู่) ลูกจ้างโรงงาน สานกระสอบป่านทอผ้า
ทำสวนพริกไทยไร่ยางยา มะพร้าวข้าวปลาสารพัน
เจ้ากรรมกรเอย  
อยู่ในนคร หรือป่าดอนชนบท
เวลาเป็นของเขา ไม่ใช่ของเจ้าทั้งหมด
ขาดเงินทองก็ต้องอด ทุกสิ่งกำหนดค่าเอย[๑๙]
(ลูกคู่) กรรมกร บมิแน่นอนว่าหางานได้
ทั้งงานก็ไพร่ ไม่อิสสระเหมือนกสิกร
เจ้ากรรมกรเอย  
ขาดเตร่พเนจร เจ้าติดงานมากมาย
มีงานทำเจ้าจำชอบ งานสมประกอบหาไม่ง่าย
นึกถึงลานนาน่าสบาย ชีวิตเจ้ากลายไปแล้วเอย[๒๐]
(ลูกคู่) ชาวไร่ชาวนา เสมือนเวลาเป็นของเจ้า
ทำฤๅหยุดเล่า แล้วแต่เจ้าจริงเอย

๒๑ ธันว์. ๗๒



[๑] ประทิ่น เครื่องหอม

[๒] นรนรี ผู้ชายผู้หญิง

[๓] สะบ้า เป็นกีฬาของไทยชนิดหนึ่ง ที่เล่นแบ่งกันเป็น ๒ พวก พวกหนึ่งตั้งแต่ ๑ ถึง ๑๒ คน ใช้ลูกสะบ้า หรือไม้ เขา งา ที่กลึงคล้ายลูกสะบ้า ใช้ทอยบ้าง ล้อบ้าง นิ้วดีดบ้าง ฯลฯ ให้ถูกที่หมายข้างหน้า ถ้าฝ่ายใดเล่นไม่ได้ครบท่าก็แพ้

[๔] ......เข้า คำของพ่อขุนรามคำแหง กรุงสุโขทัย ที่จารึกในศิลาขึ้นชื่อเสียง

[๕] ......มา เพราะบ้านเมืองบริบูรณ์ คนจึงไม่ต้องทำงานหนัก ลอยนวลได้มาก ชายมีอำนาจเหนือหญิง อาศัยแรงหญิงด้วย หญิงจึงเป็นงานเป็นการมากกว่าชายโดยปกติ

[๖] ......เวลา ข้าพเจ้าเปลี่ยนเอาคนไทยเข้าทำการสวนที่บ้านแทนจีน หรือแขก แกไม่ยอมทำและหยุดตามเวลานาฬิกา เวลาขี้เกียจแกก็ไถลไม่ทำ เวลาขยันแกจะทำให้แล้ว กลางวันแกก็ไม่ยอมหยุด เพราะแกกินเพียงเช้ากับเย็นเท่านั้น ความอบรมตามบ้านนอกเป็นเช่นนี้ ตามวิธีของผู้ไม่มีเวลามาบังคับ

[๗] ......เพลิน คือ ที่อังกฤษเรียกว่า Leisure time หรือเวลาที่เป็นของตัวจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่ใช่เวลาของนายจ้างที่เราต้องจำทำงานให้แก่เขา

[๘] ......เงิน คติใหม่ที่บูชาเงิน The Almighty Dollar เป็นเหตุให้คนหาเวลาว่างมิได้ ตีราคาเวลาเป็นเงินเสียทั้งนั้น ถึงตนเองจะไม่ไยดีเช่นนั้น ความจำเป็นก็บังคับเพราะทุกอย่างมีค่า ตนจะอยู่ได้ก็ด้วยมีเงินซื้อ จึงจำต้องอาบเหงื่อหาเงิน เซอร์รพินทรนาถ ตกูร กล่าวว่าอารยธรรมใหม่ตัดความปฏิบัติทางนามธรรมซึ่งเป็นเนื้อ ให้ไปชุลมุนวุ่นวาย ปฏิบัติทางรูปธรรมซึ่งเป็นเปลือก เพราะมนุษย์ไม่มีเวลาเสียแล้วคือ ได้ขายตัวเป็นทาษของเวลาเพราะเหตุบูชาเงินนั่นเอง

[๙] ......เจ้า ตะวันออกได้เรียนอารยธรรมใหม่จากตะวันตก แต่ชาวตะวันตกก็รู้สึกตัวแล้วว่า อารยธรรมเก่าของตะวันออกก็มีอะไรที่จะสอนชาวตะวันตกมากเหมือนกัน คือ ความเจริญส่วนนามธรรม Moral and Spiritual Sciences อันจะให้เกิดประโยชน์ยิ่งไปกว่า Physical Sciences ธนการเป็นปัจจัยแห่งอารยธรรมใหม่ แต่เศรษฐกิจที่ประณีตยิ่งขึ้น ไม่ได้เป็นแต่พระเจ้า ย่อมเป็นมารด้วย Socialism ที่ปราร์ถนาศาสนาพระศรีอารย์ ก็พยายามขบปัญหาข้อนี้ และคงจะได้เรียนจากความรู้และวิธีของอารยธรรมเก่ามาก มีเรื่องว่างหรือไม่ว่าง มีเวลาหรือไม่มีเวลา นี้เป็นอย่างหนึ่งละ

[๑๐] ......อนิจฺจํ อารยธรรมเดิรจากเก่าไปหาใหม่ แล้วเดิรต่อไปเข้ารูปเก่า เท่ากับหมุนไปประจบรอบ แต่ไม่ใช่เข้าที่เดิม ย่อมเคลื่อนที่ทำวงใหม่ต่อไป

[๑๑] ......ล่อ ทั้งพ่อค้าจีนและแขกพาเสื้อผ้างามๆ เป็นต้น ไปขายถึงท้องนาด้วยแล้ว

[๑๒] ......สีเอย โรงสีเล็กๆ ตั้งขึ้นตามบ้านนอกเกลื่อน ทั้งซื้อข้าวสีส่งกรุงเทพฯ (ส่งข้าวสารแทนข้าวเปลือก เล่นเอาโรงสีใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ โทรมไปตามกัน) และรับจ้างสีข้าวเพียงเกวียนละราว ๔ บาท เอาปลายข้าวเสียด้วย ชาวนาเห็นเกินคุ้มความลำบากที่ต้องตำซ้อมสีข้าวกินเอง ทั้งได้ข้าวขาวน่ากินด้วย จึงพากันใช้โรงสีมากขึ้นแต่ข้าวที่ขัดขาวนั้นก็ทิ้ง Vitamine ในปลอกข้าวเสียด้วย

[๑๓] ......เอย ญี่ปุ่น จีน สู้เราไม่ได้ เพราะเขามีการถือชาติ Nationalism แรงกว่าเรามาก จีนยังสูบยาแดง ญี่ปุ่นสูบบุหรี่ที่ญี่ปุ่นทำ แต่ชาวนาของเราทิ้งบุหรี่ไทยหันเข้าสูบบุหรี่นกอินทรี เราเปลี่ยนง่ายเพราะ Nationalism ของเราอ่อนเหลือเกิน เราเป็นคนของโลกมากกว่าเป็นคนของชาติ เป็นอารยธรรมที่กำลังจะหมายถึงในอนาคตอันไกล

[๑๔] ......โทษเอย หาได้ไม่พอใช้ก็จำนองนา ในที่สุดก็เช่านาเขาทำ นี้เป็นการลงโทษของพระเจ้าเงิน ซึ่งแต่ก่อนเมื่อยังไม่เสด็จเข้ามา (คือ เงินไม่ได้เป็นนาย ศักดิ์เงินเป็นเพียงทาษรับใช้ฉะเพาะที่จำเป็น) ชาวนาก็ไม่ต้องรับโทษเหล่านี้

[๑๕] ......เคย ชาวต่างประเทศชมเราว่าเป็นสุข หน้าชื่นบาน ร่าเริง ดูหนังสือข่าวต่างๆ

[๑๖] ......เอย ทั้งที่กสิกรไม่ต้องเป็นทาษแห่งเวลา มีสีหน้าแจ่มใส ไม่ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด (เว้นแต่เรื่องขาดเงิน) ไม่ต้องกล่าวว่า “ฉันไม่มีเวลา” กสิกรก็ยังเป็นพวกที่ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศของตัวมากมาย จนได้ชื่อว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติอยู่นั่นเอง

[๑๗] ......จริง คนเราแต่ก่อน ถ้าไม่ต้องอยู่บ้านนาย ก็มีบ้านของตัวอยู่ บ้านเช่าสำหรับแต่ชาวต่างประเทศเท่านั้น เดี๋ยวนี้คนไทยต้องเช่าที่เขาอยู่ เช่านาเขาทำมีมากขึ้นทุกที ประเทศยิ่งศีวิลัยสต์ ที่ดินยิ่งตกเป็นสมบัติของผู้มั่งมีมากขึ้น ยิ่งคนเจริญไม่ทัน ประเทศก็ยิ่งเป็นลูกกะโล่ของชาวต่างประเทศมากขึ้น

[๑๘] ......เอย บุทคลหรือบริษัทที่ทำสวน นา มากๆ จะมีมากขึ้น มีทุนใช้เครื่องแทนแรงคนแรงสัตว์ ตัดเวลาและโสหุ้ยได้มากขึ้น กสิกรผู้ทำการแต่เล็กน้อยตามกำลังของตัว จะสู้ไม่ได้ จะไม่แต่หาได้น้อยลง จะทนอยู่ไม่ได้ต้องทิ้งไร่นาไปหางานอื่นทำพอยังชีพให้เป็นไป โรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ๆ Mass production ได้ทำลายอุตสาหกรรมตามบ้าน Home Industry แล้วอย่างไร น่ากลัวว่าภายหน้าสวน นาใหญ่ๆ จะทำลายสวนนาเล็กๆ เช่นเดียวกัน

[๑๙] ......เอย “ในน้ำมีปลา ในนามีเข้า” อย่างอารยธรรมโบราณ ไม่ต้องสำเร็จด้วยเงิน สำเร็จด้วยแรงเท่านั้น แต่สำหรับอารยธรรมใหม่ทุกอย่างต้องสำเร็จด้วยเงิน ไม่มีเงินซื้อก็อด เงินจึงมีอำนาจมากมาย จนคนต้องบูชาเป็นพระเจ้าผู้ให้สุขทุกข์ได้แท้จริง

[๒๐] ......เอย กลายจากผู้เป็นไทยมีอิสสระแก่ตัวไปเป็นลูกจ้างผู้มีนายจ้าง และเงินค่าจ้างของเขาบังคับ อยู่

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ