- ๑. ราชสดุดี
- ๒. สภาพพ้อ
- ๓. พหูสูต
- ๔. ภาพทะเลเวลาเดือนหงาย
- ๕. ล้อมรั้ว-เรี่ยไรสร้างเรือรบพระร่วง
- ๖. เรือรบพระร่วง
- ๗. นายพลเอกพิเศษแห่งกองทัพอังกฤษ
- ๘. ราชสดุดี-ดอนเจดีย์
- ๙. สงครามโลก ศตวรรษที่ ๒๕
- ๑๐. จอมพลฟช
- ๑๑. ดุษฎี"เอ็มเด็น"
- ๑๒. การบินเยี่ยมอินเดีย
- ๑๓. ศานติคณะของเค็ลลอก
- ๑๔. ระยะต่างๆ
- ๑๕. วิถีของผู้นำกับผู้ตาม
- ๑๖. ผู้เล็งผลเลิศ กับ ผู้เพ่งผลสำเร็จ
- ๑๗. มาตราวัดราคาคน
- ๑๘. ความมีจนของประเทศ
- ๑๙. หนีเสือปะจระเข้
- ๒๐. อั้งยี่
- ๒๑. นิทานที่ข้าพเจ้าชอบ
- ๒๒. ทหารเอกสยามสู้เศรษฐสงคราม
- ๒๓. พันธุ์เจริญ
- ๒๔. ต่อรอง
- ๒๕. รุกเงียบเงียบ
- ๒๖. ลาแล้วพันธุ์เจริญ
- ๒๗. อเมริกา กับ อเมริกัน
- ๒๘. อารยธรรม
- ๒๙. ฐานะของไทย
- ๓๐. ขุมทรัพย์ ๔
- ๓๑. ประชาสามัญของเรา
- ๓๒. ทำไมโจรผู้ร้ายจึงชุกชุม
- ๓๓. ศาสนาวันนี้
- ๓๔. เกร็ดเรื่องภาษี
- ๓๕. คณะเพาะปลูก
ภาพทะเลเวลาเดือนหงาย
ณ หาดทรายแห่งหนึ่งในอ่าวสยาม
(วสันตดิลกฉันท์ ๑๔)
แลสูงก็แสงศศิสว่าง | พิศพ่าง[๑]พิมานแมน |
แลโลกก็ล้วนสมุทรแดน | ขจิจด[๒]จุไร[๓]ชล |
แสงโสมสนานสลิล[๔]แนบ | วิจิ[๕]แวบวะวับวน[๖] |
พร่างพรายประกายอุทกยล | ดุจเยื่อลำยองทอง |
โสมแสงสนองกษิรน่าน[๗] | บสนานสนุกผอง[๘] |
เลือกแหล่งสำแดงสิริลำพอง | พิศอ้อก็เงาจันทร์ |
ปุ่มปุ่มตะคุ่มคิริสมุทร[๙] | ชลผุดชะโงกงัน |
รำไรอุไร[๑๐]วิบุล[๑๑]บรร- | พตโพ้นพะนอสรวง[๑๒] |
อ้าโสมประโลมรุจิรรัง- | สิ[๑๓]สุวรรณเยื่อยวง |
คำหยาดวิภาสพิภพปวง | ปถพีพิลัยแล[๑๔] |
นวลจันทร์กะสันกษิรจับ | ขจิรับกะนวลแข |
คำยวง ณ ห้วงสลิลแด | ดนุน้อมคำนึงขวัญ[๑๕] |
เรียมฤๅสราญศริรรม- | ย[๑๖]ณ แท่งถมอ[๑๗]มัน |
แมกหาดสะอาดอุดมพัล- | ลภ[๑๘]ล้วนหิรัญทราย |
ซ่าแซ่กระแสชลกระฉอก | ลุระลอก ณ ฝั่งหมาย |
โอบหาดบขาดชลประกาย | กรโอบก็กลกัน[๑๙] |
หนุนเนื่องเมลืองพลสมุทร[๒๐] | ประลุรุดระลอกผัน |
ฟอกผาและวาลุก[๒๑]นิรัน- | ตรครึ้มคระหึมเสียง |
พักกายสบายหทยแทบ | สุขแท่นทะเลเคียง |
หูตาและอารมณเพียง | จะระเห็จระหนหาว |
ฟังเพลินเจริญยนทอด | จิร[๒๒]จอด ณ เดือนดาว |
สุขเรียมก็เทียมทิพยราว | สุขเทพทิพาลัย |
อ้าขวัญมหัณณว[๒๓]สยาม | วรยศจะเยีย[๒๔]ไฉน |
เพ็ชรวาง ณ ข้างวิถิฤใคร | จะมิม่ง[๒๕]จำนงขวัญ |
ควรแล้วจะล้อมกษิรรั้ว[๒๖] | ดุจเรือนอุไรอัน |
รองรับวิโรจน์วชิร[๒๗]วรร- | ณ[๒๘]วิเศษสยามหวง |
[๑] พ่าง เพียง เช่น
[๒] ขจิ ขจี เขียวอ่อน
[๓] จุไร ไรจุก ไรผม ขอบหน้า จุไรชล หมายเอาขอบฟ้า ที่น้ำกับฟ้าจดกันเป็นแนวสนิท เหมือนขอบหน้าผมที่กันแล้วใหม่ๆ
[๔] สลิล น้ำ
[๕] วิจิ วีจิ คลื่น ลูกคลื่น
[๖] วน โบราณใช้ ‘วังวน’ หมายเอาห้วงที่กว้างใหญ่ลึก น้ำนิ่งหรือไหลช้า ทำให้เยือกเย็น เช่น วังที่อยู่ของจระเข้
[๗] กษิรน่าน น่านน้ำนม หมายเอาทะเลดุจกษีรสมุทร เกษียรสมุทร กษีรสาคร
[๘] ......ผอง แสงจันทร์ไม่อาบน้ำทะเลสนุกไปทุกแห่ง (เงาพระจันทร์ในน้ำแลเห็นแห่งเดียว)
[๙] ......สมุทร ทะเลมีเขาเป็นเกาะโผล่ขึ้นจากน้ำเป็นลูกๆ คิริสมุทรในที่นี้แสดงเขาระกะ ในทะเลอย่างที่ท่านใช้เรียกเมืองเขาว่า ‘คิรินคร’
[๑๐] อุไร ทอง
[๑๑] วิบุล วิบูล ใหญ่โต
[๑๒] พะนอสรวง สูงขึ้นไปคลอเคลียฟ้า
[๑๓] รุจิรังสิ รัศมีเรื่อเรือง
[๑๔] ......แล แสงจันทร์ดุจหยาดทองคำส่องสว่างทั่ว ทำให้แผ่นดินดูงามมาก
[๑๕] ......ขวัญ ยวงคำที่ห้วงน้ำเตือนใจตูให้นึกถึงขวัญเจ้า
[๑๖] ศริรรมย พักร่างกายสบาย
[๑๗] ถมอ หิน
[๑๘] พัลลภ คนสนิท ในที่นี้หมายถึงนั่งอยู่ที่แท่งหินเกลี้ยงใหญ่ที่หาดทราย มีทรายขาวสะอาดห้อมล้อมอยู่อย่างบริวารอันสนิท
[๑๙] ......กัน อาการของคลื่นที่หนุนเนื่องตามกันเป็นลูกๆ เข้ามากระทบฝั่งด้วยความกระฉอกของทะเลนั้น เป็นลูกยาวกระทบหาดซ่าๆ ทำประกายน้ำเป็นฟองขาวดุจอ้าแขนโอบกระทบฝั่งก็ปานกัน
[๒๐] พลสมุทร ลูกคลื่น
[๒๑] วาลุก พาลุก วาลุกา ทราย
[๒๒] จิร ไกล
[๒๓] มหัณณว มหรรณพ ทะเล
[๒๔] เยีย ทำ
[๒๕] ม่ง มุ่ง (โบราณใช้ม่ง)
[๒๖] ล้อมกษิรรั้ว ขณะนั้นกำลังทรงเริ่มการเรี่ยไรเงินสร้างเรือรบพระร่วง เพราะอ่าวสยามต้องการเรือพิฆาตไว้สำหรับคุ้มครองป้องกันบ้าง ได้ทรงตั้งราชนาวีสมาคมขึ้น และโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แต่งนี้เป็นกรรมการคนหนึ่งด้วย
[๒๗] วชิร เพ็ชร
[๒๘] วรรณ พรรณ ผิว สมบัติ คุณธรรม ทั้งวรรคหมายถึงอ่าวสยามเป็นสมบัติวิเศษที่สยามหวง และคำ ‘วชิร’ ก็เป็นพระบรมนามาภิไธยในพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นมงคลนิมิตที่เลยได้เล่นศัพท์ด้วย