ลาแล้วพันธุ์เจริญ

(กลอนดอกสร้อย)

เพื่อนเอ๋ยเพื่อนเก่า เสียแรงเราร่วมรักสมัครสมาน
เจ้าเป็นเชยคู่คิดช่วยกิจการ เกิดลูกหลานน่ารักนักพันธุ์เจริญ
ได้เขยดีพันธุ์ดีเป็นศรีเมือง จนรุ่งเรืองเปลื้องร้ายวายฉุกเฉิน[๑]
ถึงคราวสุข[๒]สิมาพรากหากเผอิญ[๓] ต้องขวยเขินเป็นแขกแปลกไปเอย
เขยเอ๋ยเขยเก่า เขากับเราเป็นแขกแปลกเพศหนอ
ยามเป็นเขยเคยคำนึงถึงเหล่ากอ ยามเป็นแขกแขกก็เป็นแขกกัน
น่าขายหน้าหย่าแล้วยังร่วมเรือน ทำตัวเหมือนคู่แข่งแย่งงานลั่น
ซ้ำพาลูกเมียมามากหน้าครัน เขยสำคัญคนนี้ยอดดีเอย
เจ้าเอ๋ยเจ้าสาว อกผ่าวศูนย์พันธุ์อันปราร์ถนา[๔]
หย่าร้างเหย้าร้างยังมีครา แสวงหาคู่ใหม่ได้สมนึก
นี่ร้างหย่าแต่ว่ายังอยู่เหย้า เขากับเรากลายมาเป็นข้าศึก
ในทางเศรษฐสงครามงามพิลึก หล่อนรู้สึกสู้ได้หรือไรเอย[๕]
น่าเอ๋ยน่าสงสาร มันเป็นบ้านของเราเจ้าแม่เอ๋ย
จะรับแขกหรือจะทำสงครามเลย มาเฉยเมยเหมือนไม่มีใจคิด
จะอย่างหนึ่งก็อย่างใดให้เข้าเรื่อง รับแขกเมืองต้องเลือกตามชอบจิตต์
การรับแขกทำกันเป็นฉันมิตร ไม่ใช่กิจขันแข่งแย่งชิงเอย
ชิงเอ๋ยชิงชัย สมัยนี้พูดกันแต่สันติ[๖]
การสงครามซึ่งสยามไม่พักริ ต้องดำริแต่ทางข้างแขกเชิญ
เมื่อเลือกได้ทำไมไม่เลือกบ้าง ให้เหมือนอย่างอเมริกาไม่น่าเขิน
จำกัดส่วนจำนวนคนไม่กล่นเกิน[๗] แม่มหาจำเริญเชิญรอเอย
ต่างเอ๋ยต่างด้าว จะยืนยาวอยู่กับใครไม่เดียดฉันท์
ต้องเคล้าคละปะปนระคนกัน[๘] กับชาวเมืองเป็นอันหนึ่งอันเดียว
อันจะหัวเห็ดย้ำทำอย่างแขก ไม่เขาแตกก็เราต้องเปล่าเปลี่ยว
เขาอาจหับทวารไม่ให้เข้าเชียว เว้นแต่เทียวไปมาคราครั้งเอย
เจ้าเอ๋ยเจ้าบ้าน ยังต้องการคนมากไม่สงสัย[๙]
แต่ต้องการตามประสงค์จำนงใคร ถ้าตามเราต้องให้เข้าเคล้าคละ
แม้ไม่ได้จำใจหับทวาร ทิ้งไว้นานนับวันจะเกะกะ
มันเข้ารอยรุกเงียบเพียบนักละ เจ้าบ้านจะแม่นมั่นศูนย์พันธุ์เอย
คนเอ๋ยคนกลาง เขานึกอย่างใครดีชนะได้[๑๐]
จะเป็นเขาหรือเราไม่เข้าใจ ช่างเป็นไรได้เลิศยิ่งเลิศดี
สยามไหนจักไม่คงสยาม ดำรงความอิสสระประเสริฐศรี
แต่คนไทยใคร่ให้ไทยได้มี อิสสระคงที่ทุกกาลเอย

๗ มิถุน. ๗๑


[๑] ......ฉุกเฉิน หมายถึงสมัยที่ประเทศทางตะวันออกนอนตาไม่หลับ เพราะอารยธรรมใหม่กำลังแผ่มาจากตะวันตก พายุแห่งการชิงเอาดินแดนไปเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกกำลังพัดกล้า เรียกกันว่าสมัย Colonisation สยามก็ได้ประสพเหตุการณ์ทั้งฝ่ายแม่น้ำโขงและฝ่ายแหลมมะลายู ได้เสียดินแดนไปมาก และถ้าไม่ได้อาศัยพระราชกุศโลบายอันสุขุม สยามก็อาจไม่รอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ เมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๓๖

[๒] คราวสุข คือ พ้นสมัย และหมดเขตต์พายุเช่นนั้นมาแล้ว

[๓] เผอิญ มีธรรมเนียมโบราณที่ถือกันทั้งในอินเดียและจีน ที่ห้ามมิให้สตรีข้ามทะเล ถือกันว่าเป็นกาลกิณี แท้จริงก็เป็นความหวงแหนของบุรุษอย่างหนึ่ง ต่อมาธรรมเนียมนั้นค่อยคลายเข้า หญิงจีนและแขกก็ข้ามสมุทรมาสู่สยามมากเข้า ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มีใครแกล้งบันดาลให้เป็น จึงเรียกว่าเผอิญ

[๔] ปราร์ถนา คือพันธุ์เจริญที่จำต้องสูญไป เพราะความเปลี่ยนแปลงเข้ามาบังคับให้มีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เว้นแต่จะได้จัดการแก้ไข

[๕] ......เอย เจ้าหล่อนเป็นกสิกรแท้ๆ ถนัดแต่ทำนา ทำสวน ไหนเลยจะสู้เขาผู้ชำนาญการค้า มีเลือดพาณิชมานานแล้ว ในทางเศรษฐกิจอย่างสมัยใหม่ได้

[๖] ......สันติ ตั้งแต่เข็ดเขี้ยวเรื่องสงครามโลกคราวนี้แล้ว ก็มีสัญญาแวรไซส์ สัญญาโลคาโน สัญญากลุ่มเค็ลลอก สัญญาปลดอาวุธ ฯลฯ ล้วนแต่เพื่อสันติภาพทั้งนั้น ใครได้ชื่อว่าเป็น Peace maker ผู้นั้นย่อมเป็นที่ชื่นชมของโลก เช่นเดียวกับ Mischief maker เป็นที่จงเกลียดจงชังของโลก

[๗] ......เกิน ส.ป.ร. อเมริกา มีกำหนดเป็นปีๆ ไปว่า จะรับชาวยุโรปชาติไหนเข้าเมืองเท่าไร มากน้อยตามความต้องการและความพอใจทั้งสิ้น

[๘] ......กัน Assimilation

[๙] ......สงสัย สยามมีดินแดนใหญ่กว่าญี่ปุ่นหรือเกาะอังกฤษ แต่มีสำมะโนครัวเพียง ๑ ใน ๖ ของเขา แผ่นดินเจริญมากเพราะได้คนเป็นแรงงานมาก

[๑๐] ......ได้ Survival of the fittest

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ