ราชสดุดี

(โคลงดั้นบาทกุญชร)

สรวมพรไตรรัตน์เรื้อง เลอบุญ
สรวมเดชสยามเทวา - ธิราชเลี้ยง
สยามานุภาพสุน - ทรารักษ์
อยู่เพื่อนดินฟ้าเพี้ยง เพื่อนเกลอ
เสียม[๑]จักเสื่อมศักดิ์ด้วย เดชภุกาม[๒] งามฤๅ
เจ้าตากหากผันเผยอ แย่งไว้
พระพุทธยอดฟ้าตาม สถาปนะ
สยารัฐจึ่งขึ้นได้ ดั่งเดิม
พระพุทธเลิศหล้า นภาลัย
ราชฤทธิ์ประสิทธิ์เสริม สงบแผ้ว
จึ่งพระนั่งเกล้าฯ ไพ- บูลย์เพิ่ม
เศรษฐกิจกิจล้วนแล้ว รัฐประสงค์[๓]
สยามใหม่ได้เริ่มด้วย ดิถี นี้แล
เหตพระจอมเกล้าฯ ทรง ผนวชนั้น
เพื่อสร้างพระบารมี ยามเมื่อ
รัฐประศาสน์ใหม่ใกล้กะชั้น ถั่น[๔]ถึง
โชคไผทหน่วงไท้เพื่อ ศึกษา เสร็จฤๅ?[๕]
เพราะท่านไผทไทยจึง รอดเลี้ยง
ฤๅสยามเทวา- ธิราช บันดาล?
แขก[๖]พะม่าญวนล้วนเกลี้ยง กล่นชะเลย
เถลิงราชย์นำชาติพ้น ภัยขาว[๗]
ท่านบ่ขืนโลกเลย ท่านรู้
เปิดประเทศไป่ปิดคราว ปิดไม่ อยู่แล
เขมรปล่อย[๘]คอยแก้กู้ เกี่ยงสยาม
ซุงปิดปากน้ำไป่ เป็นการ
อาวุธยุทธสงคราม ใหม่ร้าย
เพื่อนประเทศเหตุฮึกหาญ ลาญ[๙]แหลก
มหาอุด[๑๐]อุดคล้าย ๆ อุดหนุน
ทรงศึกษาแตกทั้ง ต่างภาษา
สยามสว่างอ้างพระคุณ คู่แก้ว
พระดุจเนตรสว่างพา ตามืด[๑๑]
ทางโลกท่านเปลื้องแล้ว รัฐภัย[๑๒]
ทางธรรมงามยืดเยื้อ ยิ่งยง
เธียร[๑๓]ท่างแตกฉานไฉน ย่อมรู้
ลัทธิศาสนาทรง เผยแผ่
ธรรมรสโปรดล้วนกู้ รสธรรม[๑๔]
ชนชวนจักล้วนแต่ แส่ปา-ฏิหาริย์เฮย
สมัยชอบขลังคลั่งอำ- นาจเรื้อง
เจริญวิปัสสนาพา ปลุกเสก สมรรถแล[๑๕]
ปฏิบัติยักเยื้องเบื้อง แบบหลง
พระองค์พระผู้เอก อนุศา- สนาจารย์
คติโลกธรรมธำรง ร่วมแก้ว[๑๖]
พระผู้เนตรสว่างพา ตามืด
ฉลองเนตรท่านใช้แล้ว พระราชทาน
หน่อกษัตริย์, ผลัดพืชไว้ เผล็ดผล
งานจัด, งานปรุง, งาน เปลี่ยนแก้
ปิยมหาราชทวยชน รุมรัก พระเอย
ยอดกษัตริย์ถนัดถ้วนแท้ ทุกทาง
สยามจำแลงรูปลักษณ์ให้ ไทยตะลึง ลานเฮย
เก่าอยู่หยก ๆ พลาง เปลี่ยนแปล้[๑๗]
ตูสดับราชดำรัสถึง พระที่นั่ง อนันต์​ ฯ
ทรงตระหนักภายหน้าแท้ ถูกหยาม
ว่า “พระจุลจอมเกล้า ฯ​ คลั่ง ตึกฝรั่ง เหลือเกิน”
แท้ขาดสถาปนิกสยาม ท่านสร้าง
พระยาราชสงครามสั่ง นอกสัก โหลฤๅ?
ได้ดั่งใจล้วนจ้าง ช่างสวรรค์[๑๘]
“พระที่นั่งสร้างจักให้ ใช้ประโยชน์ ทันแล
สถาปนิกคนเดียวมัน ไม่แล้ว
จึ่งจำจักต้องโปรด แบบฝรั่ง” แม้กะนั้น
สวรรคตก่อนแล้วแคล้ว ราชประสงค์
สยามรัฐเปลี่ยนแล้วดั่ง กลับหลัง หันเฮย
เลิกทาสเป็นไทยคง ชื่อไว้[๑๙]
อิสสรภาพทั่วหน้าดัง แดนกฎ- หมายแสดง
อำนาจศาลให้ใช้ แต่ศาล[๒๐]
เกณฑ์ทหารทั่วหน้าหมด ปลดอา- ภัพเอย
ลูกหมู่น่าสงสาร เลิกสิ้น
ดั่งท่านปล่อยนกกา นาเนก
เกณฑ์เลิก, เบิกจ้างชิ้น ชอบธรรม[๒๑]
ราชอภัยทานเอกแท้ ตลอดถึง
เวนประเทศให้ไทยทำ ประเทศเรื้อง
ราชสมบัติเพื่อราษฎร์สึง[๒๒] หุ้นส่วน
แยกพระคลังตั้งเบื้อง ระเบียบเงิน[๒๓]
กลับหลังหันนั้นป่วน ปั่นเป็น ปกติ
ถ้าหากทำแต่เลิน- เล่อล้วน
ความสามารถท่านเห็น ประจักษ์ ชัดเจน
เลิศกษัตริย์ราษฎร์แท้ถ้วน จิตต์ถวาย
จัดรัฐราษฎร์นี้สัก แต่สั่ง ดั่งฤๅ ?
จึ่งฉลาด, สามารถ, หมาย คู่ใช้[๒๔]
กฎหมายปล่อยเหมือนดั่ง กระดาษเปล่า อย่ามี[๒๕]
ทุกช่างต่างต้องได้ เครื่องมือ
จอมช่างทรงสร้างเท่า มือมนุษย์ ทำได้[๒๖]
สองหนักสองหน้าคือ กิจท้าว
ทวียากแทบยากสุด แรงแหล่
ราชกิจมิตรถ้วนด้าว กล่าวชม
กินเมือง[๒๗]เรื่องรู้แน่ แก่ใจ
สำนักงานบ้านรมย์ รื่นแท้[๒๘]
หน้าที่รับสืบใน ทายาท
เบี้ยหวัดเล็กน้อยแม้ มั่งมี
กินเมืองปลดเปลื้องขาด พระราชทาน เงินเดือน
จัดกระทรวงงานที ละน้อย
ศึกษาเพื่อราชการ เริ่มก่อน
กองทัพบกน้ำคล้อย เคร่งวินัย
แสงใดบ่ห่อนให้ งมงาย
แสงนั่นพระจอมไทย ไป่ทิ้ง
ส่งราชบุตรทั้งหลาย ยังยุรป
เพื่อศึกษาพร้อมพริ้ง สะพรั่งคุณ
พระมงกุฎเกล้าฯ จบ เจนวิท- ยาท่าน
วีรกษัตริย์เลอบุญ ไม่น้อย
พระผู้ชะนะนิตย์[๒๙] ในโลก
พระเสด็จมาแล้วคล้อย เหมาะสมัย
ยามโลกวิโยคล้วน ทุรยุค
เพราะเหตุมหายุทธภัย เพิกหล้า[๓๐]
สยามอยู่ไม่เป็นสุข เสมือนเจตน์
ป่วนดั่งไฟไหม้ฟ้า ฟ่องลาม
เป็นกลางอย่างประเทศน้อย ยากนัก
อำนาจไม่พอตาม ปกป้อง
รังแต่ถูกค้อนควัก ขวักไขว่[๓๑]
เนตรทิพย์กะซิบให้ต้อง ตื่นตัว
เข้าฝ่ายไหน? นั้นไม่ ใช่ปัญ- หาเลย
เข้าเมื่อไร? น่ากลัว, ผิดร้าย[๓๒]
วีรกษัตริย์ตรัสตอบพลัน ฤๅพลาด?
ยามจัดสะพรึบพร้อมคล้าย ละคร[๓๓]
ตื่นนอนเห็นประกาศต้อง ตาตะลึง
ข่าวจับข้าศึกตอน ดึกด้วย
ยุทธภาวมาถึง สยามรัฐ
เรียกสมัครไทยสู้มวย มากอาสา
รักธรรมจำเข้าขจัด อธรรม
กองรถ กองบิน มหา- สมุทรข้าม[๓๔]
ธงสยามชื่อสยามนำ สยามสู่ สมรภูมิ
เสียมศักดิ์จักต้องคร้าม เศิกไฉน?
ได้เรียนได้รู้, อยู่ ดูทำ จริงแล[๓๕]
ได้ช่วยรบช่วยประลัย ร่วมบ้าง
สัญญาอย่าทัพจำ- เพาะตก ลงกัน
ชัยชนะพระเจ้าช้าง เผือกเฉลียว
สงครามตามยกให้ ซึ่งเกียรติ สยามเฮย
ในลัดนิ้วมือเดียว เด่นได้
ปกติผิจะเพียร เร็วเร่ง ขึ้นฤๅ ?
ชัยชนะพระให้ไว้ แก่เรา
สมรภูมิชัยให้เพ่ง ชัยเบ็ด- เสร็จด้วย
คือสิทธิ์อิสสระเทา ประเทศได้
สิทธิ์ศาล, สิทธิ์ภาษี, เสร็จ สมปลด สัญญา[๓๖]
มิตรจิตต์มิตรแก้ให้ มากหลาย[๓๗]
ผองภัยไทยทั้งหมด ยังมี มโนภัย
เป็นโรคกินลึกหาย ยากแท้
คือเราอบรมวิถี ธรรมเทอด ทนุตน[๓๘]
คณะปล่อย, พลอยต้องแก้ เพื่อตัว เองเอย
ใฝ่พระทัยใคร่ให้เกิด การถือ ชาติ[๓๙]ขึ้น
ดีกว่าต่างเมามัว มอบไว้[๔๐]
เสือป่าลูกเสือกะพือ กำเนิด
เพราะพระแต่งตั้งให้ ปลุกกมล
งานยากหากช้าเกิด ก่อมรรค ผลฤๅ?
งานก่อนกาลก่อนคน พรักพร้อม[๔๑]
สมาคมคติใหม่นัก บ่ถนัด
เสือป่าจึ่งห้อมล้อม ราชการ[๔๒]
ลูกเสือต่างด้าวจัด โดยสมา- คมจริง
เราบ่เทียบเขางาน ก็ไร้
เรามอบส่วนศึกษา สิทธิ์ประสาท[๔๓]
เหล่าลูกเสือขึ้นได้ ดั่งประสงค์
พระเชิดชูกู้ชาติ พะนอชัย
ปลุกราษฎร์เปรอชาติยง ยิ่งแกล้ว
ไทยแรงเพราะใจไทย ถือชาติ
ไทยขาดคุณนี้แล้ว จักมลาย
ไทยรอศึกล้อมราช อาณาจักร
จึ่งจักร่วมใจหมาย ต่อสู้
บัดศึกเศรษฐกิจยัก เยื้องฆาต
แหลกบ่ทันให้รู้- สึกสลาย[๔๔]
จอมทหารชาญปราชญ์ด้วย กะเดื่องไกล[๔๕]
ออกตกยกย่องมาย- มากแล้ว
บุรุษโลกโลกอวยชัย เชิงฉลาด[๔๖]
องค์เด่นเมืองได้แก้ว เด่นตาม
สยามสู่สันนิบาตชั้น ชุมนุม โลกนอ[๔๗]
โลกค่อยรู้จักสยาม สักน้อย
นามสกุลก็เพิ่งคุม กันติด[๔๘]
การศึกษาได้คล้อย สู่สมัย[๔๙]
สยามได้แรกสฤษฏ์ตั้ง มหาวิท- ยาลัย[๕๐]
เกณฑ์ศึกษาใช้ใน ยุคนี้[๕๑]
สองอย่างพ่างชีวิต แห่งศึก- ษาเทียว
ยังมิแล้วล้วนชี้ ช่องทาง
เสร็จศึกสำนึกข้อ ทดแทน
สุรุ่ยสุร่ายภายในพลาง เผล็ดร้าย
เสด็จสวรรค์ครรไลแสน สยามอก ไหม้เอย
พิศพ่างข้างหน้าคล้าย ธนภัย[๕๒]
สยามได้พระปกเกล้าฯ เจ้าสยาม
ร่มราษฎร์เริงธนชัย ใช่น้อย
เสด็จมาเหมาะเมื่อยาม ธนขาด
ครั้นจะมัวอ้อยส้อย จักเสีย[๕๓]
เถลิงราชย์ทรงตั้งราช หฤทัย
ตัดจ่าย, ตัดคน, เยีย เยี่ยงให้
งานทรงอยู่อย่างไร ไม่ขาด
บำเหน็จชีพเลี้ยงได้ ทุกคน โดยควร[๕๔]
ตั้งต้นตัดเบื้องราช สำนัก ก่อนแล[๕๕]
แล้วตัดทุกกระทรวงจน จบถ้วน
งบได้กับจ่ายประจักษ์ ดุลยภาพ เพ็ญแล[๕๖]
ภัยหมดปลดเปลื้องล้วน เลิศลอย
ต่อนั้นพลันได้ลาภ เงินเหลือ มากมาย
การจ่ายฝ่ายบำรุงพลอย สะดวกได้[๕๗]
การประหยัดตัดเหลือเฟือ ธนกิจ รัดกุม
ยังไม่ถึงต้องใช้ วิธี ภาษี[๕๘]
บัดสิทธิ์อิสสระทั้ง สองสถาน ถึงเข้า[๕๙]
ร้อยชักสามภาษี เพิ่มได้[๖๐]
ตันตื้นติดมานาน นักเหตุ สัญญา
จึ่งผนวกรายได้ให้ แผ่นดิน
งามความสำเร็จล้วน ควรค่า เมืองเอย
งามพระสยามินทร มิตรถ้วน
พระเชื่อมพระเชิญชวน พิชัยญาติ
สมานสมัครพรักพร้อมล้วน ราชพลังค์[๖๑]
ขอพระปกเกล้าฯ ราษฎร์ รมย์สยาม ยั่งยืน
ราชกิจสิทธิ์เสมือนดัง สิทธิ์แล้ว[๖๒]
ทรงชัยชนะสงคราม เศรษฐกิจ[๖๓]
ทรงเดชดั่งด้วยแก้ว เจ็ดประการ[๖๔]
ขอพรจตุรพิธ[๖๕]แผ้ว ผยององค์
สองกษัตริย์มหาสาร[๖๖] สอดคล้อง
ใดเป็นราชประสงค์ จงสบ สมเทอญ
อริราชคลาดแคล้ว, ต้อง ตกไป
บวงสรวงเทพเจ้าครบ องค์อดีต มหาราช
เชิญพิทักษ์ไผทไทย เทอดท้าว
ชนต่างชาติกลาดกีด- กัน[๖๗]กด หมดเทอญ
เสียมสืบชาติเชื้อก้าว เกี่ยงชัย[๖๘]

๖ มิถุน. ๗๒

[๑] เสียม คำเดียวกับสยาม ใช้ทั้งสำหรับคนไทยและประเทศสยาม

[๒] ภุกาม พะม่า

[๓] ......ประสงค์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงทำการค้าขายกับต่างประเทศ ท่านมีสำเภานำสินค้าไทย มีวัตถุดิบเป็นพื้น ส่งไปขายเมืองจีนและนำสินค้าจีนเข้ามายังเมืองไทย เวลานั้นยังไม่มีการแยกพระคลังข้างที่กับคลังแผ่นดินเฉียบขาดเหมือนเดี๋ยวนี้ การค้าขายที่ทรงกระทำนั้นจึงเป็นการค้าขายของรัฐบาลนั่นเอง

[๔] ถั่น เร็ว, พลัน

[๕] ......ฤๅ? ถ้าขาดรัชชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เสด็จขึ้นทรงราชย์ก่อนได้ทรงศึกษาความรู้โลกแตกฉาน การจะเป็นอย่างไรบ้าง ? เหตุที่มีรัชชกาลที่ ๓ ให้ทรงศึกษาได้นานจึงนับเป็นโชคแผ่นดินและต้องนับว่าสยามใหม่ได้เริ่มแต่รัชชกาลที่ ๓ นั้น

[๖] แขก อินเดีย, ชะวา, มะลายู, ฟิลิปปินส์

[๗] ภัยขาว ยุโรปใช้ศัพท์ว่า Yellow Peril หมายถึงจีนในอนาคต เมื่อได้กลับเป็นปึกแผ่นในแผนความเจริญสมัยปัจจุปบันแล้ว จะเป็นที่ยำเกรงครั่นคร้ามแม้สำหรับชาวยุโรป. ภัยขาวในที่นี้ ก็คือชาติผิวเนื้อขาวชาวยุโรปนั่นเอง ในความหมายทำนองเดียวกัน

[๘] เขมรปล่อย เมื่อฝรั่งเศสดอดไปทำสัญญากับเขมรรับคุ้มครองประเทศเขมรนั้น เขมรก็มีเกี่ยวข้องกับเรามาก เราจะยกเหตุนั้นขึ้นพูดบ้างก็พอพูดได้ แต่ทรงเห็นว่ามีแต่ภัย รักษาสยามไว้ให้อยู่ดีกว่า จึงทรงสงบไว้ด้วยพระราชกุศโลบาย

[๙] ลาญ แตก, ทำลาย

[๑๐] มหาอุด เป็นชื่อของการปลุกเสก ที่เชื่อกันตามลัทธินั้นว่าอุดปืนได้ คือปืนยิงไม่ออก

[๑๑] ......มืด ชาวตะวันออกสมัยนั้น ไม่ทราบความเป็นไปแห่งยุโรป ไม่รู้จักประมาณกำลังเรากำลังเขา จึงได้เสียบ้านเมืองไปตาม ๆ กัน ชาวสยามก็ตกอยู่ในฐานเช่นนั้น

[๑๒] ......ภัย ท่านได้ทรงปลดเปลื้องภัยทั้งทางคติโลกคติธรรม ภัยทางคติโลกคือ เวลานั้น ตกสมัยที่อำนาจทางยุโรปกำลังแผ่อาณาเขตต์มาทางตะวันออกและอาฟริกา, ประเทศอินเดีย, พะม่า, มะลายู, สุมาตรา, ชะวา, ฟิลิปปินส์, ในชมพูทวีปได้ตกเป็นชะเลยไปตาม ๆ กัน

[๑๓] เธียร นักปราชญ์

[๑๔] .....ธรรม ภัยทางคติธรรม คือ การปฏิบัติศาสนาของเราในสมัยโบราณหนักไปข้างอิทธิปาฏิหาริย์ ความรู้จริงในทางปรมัตถยังหายากเต็มที เมื่อได้ทรงศึกษาทางพระศาสนาลุ่มลึกยิ่งๆ ขึ้นไปในระหว่างที่ทรงอุปสมบท ถึงแก่ทรงสลดพระทัยในความบกพร่องแห่งการปฏิบัติศาสนาของเราในสมัยนั้น จึงได้ทรงเผยแผ่ความรู้และทางปฏิบัติพระธรรมวินัย โดยธรรมานุธรรมปฏิบัติ คือ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ได้ทรงตั้งคณะธรรมยุตติกนิกายขึ้นเมื่อ ปีวอก พ.ศ. ๒๓๖๗

[๑๕] ......แล การปลุกเศก ลงเลขยันตร์ คาถาอาคม เชื่อลางเชื่อขลัง แต่ก่อนเชื่อกันมากกว่าเดี๋ยวนี้ เพราะพร่องการศึกษา. ถึงแม้ศาสนาปฏิเสธสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วก็ดี คนก็กลับเอาศาสนานั้นเองเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับให้ขลัง และอ้างความศักดิ์สิทธิ์โดยอาศัยอำนาจ ‘คุณพระ’ การเจริญภาวนา ซึ่งเป็นมรรคานำไปสู่ปรมัตถประโยชน์ กลับนำไปสู่อิทธิปาฏิหาริย์เพื่อความขลังต่าง ๆ

[๑๖] ......แก้ว พระองค์คือดวงแก้ว หรือประทีปที่ให้แสงสว่างแก่เราทั้งคติโลก คติธรรม ทั้ง ๒ ทาง

[๑๗] .....แปล้ พระนครเป็นเรือสวนไร่นา มีแต่ทางเดิร หาถนนใหญ่ยาก ก็ได้มีถนน ใช้รถม้า เกิดตึกร้านสง่างาม ฝ่ายขนบธรรมเนียมตลอดจนการปกครองก็ได้ทรงแก้จนเกือบเก่ากับใหม่จะจำกันไม่ได้ ดังมีกล่าวถึงในโคลงต่อ ๆ ไป.

[๑๘] ผู้แต่งเรื่องนี้ได้เข้าเฝ้ากับท่านเจ้าพระยาพระเสด็จ เมื่อยังเป็นพระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ ที่พระที่นั่งอภิเศกดุสิต เพื่อถวายแบบตึกโรงเรียนสวนกุหลาบทอดพระเนตร. เป็นแบบอย่างไทยที่นายฮีลีเขียนแบบหนึ่ง กับแบบสามัญที่ได้ใช้ปลูกสร้างนั้นอีกแบบหนึ่ง. โปรดแบบไทย ทรงทำนายว่าฝรั่งคนนี้ ถ้าได้เรียนแบบไทยไปนาน ๆ จะใช้ได้ (นายฮีลีนี้ภายหลังเป็นผู้ออกแบบสร้างตึกใหม่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้) แต่แบบดังที่เขียนเวลานั้นก็ยังใช้ไม่ได้อยู่เอง จึงมีพระราชปรารภต่อไปถึงพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเวลานั้นกำลังเริ่มสร้างว่า พระราชประสงค์ใคร่จะให้เป็นแบบไทย แต่มีพระยาสงครามเป็นช่างทำได้อยู่คนเดียว ที่ไหนจะสามารถทำให้เรียบร้อยและแล้วทันพระราชประสงค์ จึงจำพระทัยจำสร้างแบบฝรั่ง ซึ่งจะสั่งช่างวิเศษมาสักโหลหนึ่งก็ได้ทันที. อุปสรรคอันนี้ทรงแสดงพระราชโทมนัสมากถึงแก่รับสั่งว่า ต่อไปข้างหน้าเขาคงพากันติฉินว่า สมัยพระจุลจอมเกล้าฯ นี้ช่างโปรดตึกฝรั่งเสียจริง ๆ

[๑๙] ......ชื่อไว้ ประถมราชกรณีย์ในรัชชกาลที่ ๕ คือ พอเสด็จขึ้นทรงราชย์ก็ประกาศเกษียณอายุเลิกทาส เด็กเกิดแต่ปีนั้นไปจะซื้อขายเป็นทาสกันไม่ได้. วิธีนี้ตรงข้ามกับวิธีเลิกทาสของพะม่าเหนือ มีข่าวว่าเมื่อ ศก ๒๔๗๑ ว่า เนื่องจากความตกลงในสันนิบาตชาติ รัฐบาลอังกฤษได้สั่งให้รัฐบาลเมืองพะม่าจัดการเลิกทาส ซึ่งยังมีอยู่ทางเหนือให้หมด เจ้าพนักงานได้ไปจัดการสำเร็จแล้วก็รายงานเป็นที่เรียบร้อย ไม่ช้าทาสที่ถูกปล่อยหมดแล้วนั้น โดยมากกลับหันเข้ามาพึ่งนายเงินอีก ปรากฏว่าไม่เคยเอาตัวรอด บัดนี้ได้อิสสรภาพออกไปแล้วก็เอาตัวไม่รอด ต้องหันกลับมาพึ่งนายตามเดิม

[๒๐] ......ศาล แต่ก่อนนี้ทะบวงการต่างๆ เคยตั้งศาลของตัวเอง โปรดเกล้า​ฯ ให้เลิกและรวมมาจัดตั้งเป็นศาลหลวงในกระทรวงยุติธรรม ดำเนิรการตามวิธีของศาลปัจจุปบัน ฝึกหัดเนติบัณฑิตเป็นผู้พิพากษาและทนายความ จึงเป็นอันได้ทรงสถาปนาอำนาจศาลให้เป็นอิสสระไม่ต้องขึ้นแก่ใคร แม้กระทรวงยุติธรรมก็บังคับได้เพียงทางธุระการเท่านั้น

[๒๑] ......ธรรม ประเพณีแต่ก่อน เนื่องแต่มีลูกหมู่ไพร่หลวง เจ้าหมู่มูลนาย อาจเกณฑ์คนของตัวมาใช้โดยไม่ต้องจ้าง การเกณฑ์เป็นวิธีที่ใช้ในราชการทั่วไป ภายหลังโปรดเกล้า ฯ​ ให้เลิกวิธีนั้นแล้ว จึงใช้จ้างโดยบังคับให้รับจ้างเรียกว่า ‘เกณฑ์จ้าง’ ทุกวันนี้ตามหัวเมืองก็ยังมีใช้อยู่

[๒๒] สึง คำเดียวกับ สิง แปลว่า อยู่, เข้าถึง

[๒๓] ......เงิน เมื่อโปรดเกล้า ฯ ให้จัดกระทรวงทะบวงการ ก็ได้ตั้งกระทรวงพระคลังมหาสมบัติขึ้นเป็นส่วนหนึ่ง เงินแผ่นดินกับเงินพระคลังข้างที่จึงแยกกันเฉียบขาดแต่นั้นมา

[๒๔] ......ใช้ ลำพังฉลาดก็เข้าภาษิตว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” ลำพังสามารถ ก็ต้องมัวทำแล้วแก้เล่า อันใดที่เป็นความรู้ประจำโลกแล้ว ก็ต้องมัวไปคิดค้นทดลองเสียแรงเสียเวลา เข้าแบบที่ว่า “จะตรัสรู้เอาเอง” เสียทั้งหมด เป็นลักษณะโง่ หาใช่ฉลาดไม่ ความฉลาดที่แท้ต้องอาศัยความรู้ และความฉลาดกับสามารถ ต้องอาศัยกันและกัน

[๒๕] ......อย่ามี กฎหมายออกไปแล้ว ใช้ หรือปฏิบัตตามนั้นไม่ได้ เรียกว่ากระดาษเปล่า หรือกฎหมายบนแผ่นกระดาษ ของเราก็มี

[๒๖] ......ทำได้ การจัดราชการบ้านเมือง ต้องทรงฝึกหัดข้าราชการด้วย เท่ากับนายช่างต้องทำทั้งงานและสร้างทั้งเครื่องมือ จึงเป็นการยากทวีคูณ. ยิ่งการเปลี่ยนหัวเก่าให้เป็นหัวใหม่ ต้องถอนของเก่าออกหมดก่อน แล้วจึงหัดของใหม่ให้ ยิ่งเป็นการที่เกือบจะไม่มีทางสำเร็จได้เลย บ้านเมืองในเวลานั้นก็เต็มไปด้วยข้าราชการรุ่นเก่า จึงต้องรับว่าพระราชกรณีย์ที่ได้ทรงทำให้ลุล่วงไปนั้น เป็นวิเศษสุดที่มือมนุษย์พึงทำได้แล้ว ท่านเป็นอัจฉริยบุทคลจริง ๆ

[๒๗] กินเมือง คำนี้ใช้ในราชการ เช่นให้คนนั้นไปกินเมืองนั้น แม้พระเจ้าแผ่นดินเสด็จขึ้นทรงราชย์ ก็เรียกว่า “เสวย” ราชย์. แท้จริงการก็สมกับถ้อยคำที่ใช้ เพราะเท่ากับเป็นสมบัติหยิบยกให้ พระเจ้าแผ่นดินก็เป็นเจ้าของแผ่นดินจริงๆ เป็นเจ้าของตลอดไปถึงชีวิตของราษฎร จึงเรียกว่า ‘เจ้าชีวิต’ เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้ใครไปกินเมืองใด คนนั้นก็ไม่อำนาจสิทธิขาดในเมืองนั้นคล้ายเป็นเจ้าของ เบี้ยหวัดที่พระราชทานนั้นไม่พอที่จะเลี้ยงชีพเลย เป็นเบี้ยเครื่องหมายเกียรติยศอย่างศักดินาที่คงใช้อยู่เดี๋ยวนี้เท่านั้น

[๒๘] ......แท้ ในสมัยนั้นยังมิได้ตั้งกระทรวงทะบวงการ ใครว่าที่อะไร บ้านก็มักเป็นสำนักงานอยู่ในตัว เสมียนทะนายจึงเป็นคนในบ้านนั้นเองเกือบหมด. การที่คนอื่นแท้ๆ จะมารับหน้าที่แทนต่อไปจึงเป็นการยาก

[๒๙] ......นิตย์ มีพระราชอัธยาศัยมุ่งต่อความชะนะเสมอ อย่าว่าแต่การรบ แม้เพียงการซ้อมรบก็เช่นนั้น. ภาษิตมีว่า “ที่ไหนมีความตั้งใจจริง ที่นั่นก็มีช่องทาง”

[๓๐] ......หล้า มหาสงครามโลกเริ่มแต่วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ และเซ็นสัญญาเลิกรบเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ สยามเข้าสงครามวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ซึ่งจารึกไว้เป็นชื่อถนนว่า ถนน ๒๒ กรกฎ

[๓๑] ......ไขว่ สยามได้ประกาศความเป็นกลางก่อน แต่เดี๋ยวก็ถูกฝ่ายนี้ทักว่า ทำไมยอมให้ฝ่ายนั้นทำอย่างนั้น เดี๋ยวก็ถูกฝ่ายนั้นทักว่า ทำไมยอมให้ฝ่ายนี้ทำอย่างนี้ การรักษาความเป็นกลางของเรา ดุจคนเข้าไปห้ามคู่ชก รวนจะถูกชกเข้าด้วยเสมอ

[๓๒] ......ร้าย ทำการสงครามยืดยาว ถ้าทำจริงไม่สักแต่ขึ้นชื่อ ย่อมเปลืองมากทั้งทรัพย์ทั้งชีวิต เราไม่มีจะเปลืองมากทั้ง ๒ อย่าง. อนึ่งถ้าเข้าช่วยเมื่อจะแพ้ชนะกันเสียแล้ว การช่วยนั้นก็มีประโยชน์เท่า “ชะนะไหนเข้าด้วยช่วยกะพือ” เท่านั้น เวลาที่เราเข้าสงครามนั้นเป็นเวลากำลังฉุกเฉินหวุดหวิดเหมาะเหลือเกิน กองเครื่องยนต์ของเราได้เข้าช่วยในทางลำเลียง กองอากาศยานก็ได้เข้าโรงเรียนได้วิชชาจริงมาด้วย

[๓๓] ......ละคร การประกาศสงครามจัดอย่างเงียบสนิท พอตื่นเช้าก็ได้เห็นประกาศปิดทั่วเมือง แต่ชนชาติศัตรูนั้นได้เชิญไปเข้าที่คุมขังเสร็จแล้ว เริ่มการแต่เวลากลางดึก สมบัติของเขารัฐบาลก็เข้าปกปักรักษาเรียบร้อยทันที, ทุกอย่างทำได้โดยละม่อม การส่งทหารอาสาลงเรือไปถึงยุโรป ก็ทำได้เรียบร้อยด้วยการตระเตรียมแยบคายไม่น้อยกว่าชั้นประกาศสงครามเลย.

[๓๔] ......ข้าม เราส่งกองอากาศยาน พร้อมทั้งพนักงานเครื่องยนต์และแพทย์ พวกเครื่องยนต์เสร็จการฝึกหัดก่อน จึงได้ออกทำการช่วยเหลือทางแผนกขับรถยนต์ลำเลียง พวกแพทย์ก็ได้เข้าช่วยเหลือตามสถานพยาบาลต่างๆ

[๓๕] ......แล บรรดาทหารที่เรียกระดมในมหาสงครามคราวนี้ ทุกเหล่าต้องเข้าฝึกหัดก่อน เมื่อเสร็จแล้วจึงส่งเข้าสมรภูมิ. กองทหารอาสาของเราพอไปถึงก็ได้เข้าโรงเรียนฝึกหัดตามแผนก. พวกนักบินต้องฝึกหัดนาน ประจวบการเลิกสงครามมาถึงเข้า จึงได้แต่ความรู้ไม่ทันถึงเสียชีวิตเพราะรบ เมื่อเรียกกองอาสาเหล่านี้กลับ เรายังได้เลือกแพทย์ไว้เรียนวิชชาพิเศษต่างๆ ที่ยุโรปเป็นประโยชน์ต่อไปอีกชั้นหนึ่ง

[๓๖] ......สัญญา เมื่อยุโรปเริ่มแผ่การค้าขายมาทางตะวันออก ได้เกิดสัญญาทางพระราชไมตรีมัดประเทศตะวันออกในทางยึดอำนาจตั้งศาลกงสุลและสถานทูต เพื่อชำระคดีเกี่ยวกับคนในสังกัดของเขาตามกฎหมายของเขา เรียกว่า Extra-Territorial-Right กับจำกัดอัตราเก็บภาษีขาเข้า อันเป็นสินค้าของเขา ไม่ให้เกินร้อยละ ๓ สำหรับประเทศสยาม เว้นแต่สินค้าพิเศษบางอย่างเช่น แอลกอฮอล์เป็นต้นที่ยอมให้เก็บสูงหน่อย ตามอัตราที่ระบุไว้ในสัญญา. ข้อมัดเหล่านี้เมื่อตกมาถึงคราวที่ประเทศได้จัดเข้ารูปใหม่แล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นการล้าหลังสมัย เป็นเครื่องถ่วงความเจริญของประเทศ ญี่ปุ่นได้สลัดข้อมัดเหล่านี้ลุล่วงไปก่อน ส่วนสยาม ได้โอกาสแห่งมหาสงคราม พอเสร็จแล้วจึงได้เริ่มลงมือเจรจากับประเทศต่างๆ เพื่อแก้สัญญาให้เราได้มี Judicial Autonomy กับ Fiscal Autonomy คือมีอำนาจในการศาลกับการเก็บภาษีเต็มที่ ซึ่งควรเป็นสิทธิของเราในประเทศเราไม่ว่าเกี่ยวกับคนในสังกัดของประเทศใดๆ

[๓๗] มากหลาย การแก้ไขสัญญานี้ ได้ลุล่วงไปแล้วโดยมาก ยังเหลืออยู่อีกสองสามประเทศเท่านั้น ก็มาเสด็จสวรรคต

[๓๘] ......ตน เราทำบุญหมายเอาบุญ, ไปสู่สุคติ, สำเร็จมรรคผล, เหล่านี้ล้วนเพื่อตน แม้ทำบุญแก่พระก็หมายเพื่อตนนั่นเอง การคณะเช่นการบำรุงท้องถิ่น หรือบ้านเมืองหรือหมู่คณะเลยจืดจางไปหมด อะไร ๆ รัฐบาลต้องทำให้ทุกอย่าง ตนจะขวนขวายก็ด้วยเหตุเกี่ยวกับประโยชน์ตนเท่านั้น อันนี้เป็นภาวของคนไทยดั่งได้เคยเป็นมาแล้วเกือบทั่วไปในสมัยที่ใช้วิธีมีเลขไพร่สมเจ้าหมู่มุลนายจัดบ้านเมืองอย่างกองทัพ

[๓๙] การถือชาติ  Nationalism คือความรู้สึกพรักพร้อมของประชาชนเพื่อชาติ

[๔๐] ......มอบไว้ คือมอบเหมาให้รัฐบาลทำให้ทุกอย่าง ไม่คิดช่วยตัวเองบ้างเลย นอกจากเกี่ยวกับประโยชน์ส่วนตัว

[๔๑] ......พรักพร้อม การเปลี่ยนใจคนเป็นการยากต้องสำเร็จช้า เหมือนเอาผ้าคร่ำมาย้อม ต้องถอนคร่ำออกให้หมดเสียก่อนจึงให้สีใหม่สำเร็จ ไม่ง่ายเหมือนย้อมผ้าขาวที่ลงสีได้ทีเดียว กิจการของเสือป่าเป็นการก่อนเวลาและก่อนคนพรักพร้อมด้วยเหตุนั้น. การก่อนเวลานี้เป็นการตรงข้ามกับการล้าหลังเวลา

[๔๒] ......ราชการ การตั้งสมาคมทำสาธารณประโยชน์ยังเป็นของใหม่สำหรับเราๆ เคยแต่คอยให้รัฐบาลทำให้. สมาคมของเราที่ตั้งอยู่ได้ล้วนอาศัยราชการทั้งสิ้น แม้สมาคมเสือป่า เดิมจะไม่นับเป็นราชการ ลงปลายก็ต้องนับเป็นแอบอิงทางราชการ

[๔๓] ......ประสาท โรงเรียนเป็นที่ตั้งกองลูกเสือ ครูเป็นผู้กำกับ วิชชาลูกเสือเข้าอยู่ในหลักสูตรหลวง

[๔๔] ......สลาย ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่รักชาติ. เมื่อเวลาเกิดศึกสงคราม ไทยเราก็พร้อมที่จะพลีชีวิตและเลือดเนื้อเสมอ ดังปรากฏมาแล้วในพงศาวดาร แต่สงครามเศรษฐกิจเป็นของใหม่สำหรับเรา เราถูกรุกเงียบๆ จะเข้าตาจนโดยไม่รู้ตัวอยู่ แล้วที่อัศวพาหุทำความเผยแผ่เรื่องจีนจนจีนชัง ก็เพื่อจะปลุกใจชาติ ดุจปลุกคนหลับให้ตื่นเถิดเท่านั้น

[๔๕] ......ไกล พระราชนิพนธ์ในรัชชกาลที่ ๖ มีมากมายทั้งโคลงฉันท์กาพย์กลอน และร้อยแก้ว ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ เรื่องละครมีมากเพราะโปรดมาก เล่ากันว่า เซอร์เฮนรี เออร์วิง ตัวละครเอกของอังกฤษได้เคยออกปากชมแต่เมื่อยังเสด็จทรงศึกษาอยู่ในยุโรปว่า ถ้าพระองค์ไม่ต้องทรงรับพระราชภารเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จะทรงหากินทางวิชชานาฏศาสตร์ก็ได้ดีถมไป. เมื่อนึกถึงว่าในเวลาราว ๒๐ ปีที่มีพระราชภารทางการบ้านเมืองมาก รวมทั้งก่อนเสด็จขึ้นทรงราชย์ได้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นสมุดรวมกว่า ๑๐๐ เล่ม ที่คนชอบใจอ่าน ท่านก็เป็นทั้งนักปราชญ์และกวีชั้นเยี่ยมมาก

[๔๖] ......ฉลาด บุรุษโลกนั้นคือคนที่ขึ้นชื่อและมีผู้นับถือไปทั่วโลก นับเป็นฐานที่ถึงได้ด้วยยาก พระมงกุฎเกล้าฯ ท่านได้ขึ้นถึงฐานเช่นนั้น ไม่ใช่ในทางเป็นกษัตริย์หรือเป็นทหาร ท่านขึ้นถึงได้ในทางเปรื่องปราชญ์ คือโดยพระราชนิพนธ์และพระราชดำรัสต่าง ๆ

[๔๗] ......นอ แต่ก่อนสยามเป็นประเทศลี้ลับ ไม่ค่อยมีใครรู้จักว่าเป็นประเทศอิสสระ สยามเคยถูกเหมาว่าอยู่ในเมืองจีนบ่อยๆ ก่อนรัชชกาลที่ ๕ เสด็จยุโรป สยามก็ขึ้นชื่อด้วยนายอินนายจัน ไทยฝาแฝดเท่านั้น แต่ต่อมาในสมัยรัชชกาลที่ ๖ สยามได้เริ่มมายืนเข้าแถวในบรรดาชุมนุมชาติแห่งโลก ดูเหมือนค่อยนับเป็นชาติหนึ่งได้ มีอะไรๆ ก็ได้รับติดต่อบอกเล่าเชื้อเชิญ พอเกิดสันนิบาตชาติขึ้น เราก็ได้เข้าเป็นสมาชิกด้วยชาติหนึ่งทีเดียว

[๔๘] ......ติด คนเกิดภายหน้า จะนึกไม่ออกว่าคนไทยอยู่ได้ด้วยไม่มีนามสกุลอย่างไร แต่พระราชบัญญัติขนานนามสกุลก็เพิ่งออกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ และได้ทรงเร่งให้สำเร็จด้วยพระราชทานนามสกุลแก่ผู้กราบบังคมทูลขอ ชั้นต้นก็ทรงคิดพระราชทานเอง ภายหลังต้องถึงตั้งเจ้าหน้าที่

[๔๙] ......สมัย แผนศึกษาเก่าปล่อยให้ใครเรียนได้เรียนเอา แต่แผนใหม่จัดเป็นการศึกษาสำหรับชาติ คือเด็กเกิดมาต้องได้รับการศึกษาตามควรแก่อัตตภาพของตนๆ ทุกคน รัฐบาลสงวนสิทธิในการให้ศึกษาแก่พลเมือง และอำนวยให้มีสถานศึกษาทุกประเภทครบครันตามรัฐประศาสโนบาย

[๕๐] ......ลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแรกและแห่งเดียวในประเทศสยาม สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ.​๒๔๕๙

[๕๑] ......นี้ พระราชบัญญัติประถมศึกษาออกเมื่อ พ.ศ.​๒๔๖๔

[๕๒] ......ภัย พระคลังข้างที่ซึ่งเคยแต่เป็นเจ้าหนี้กลับเป็นลูกหนี้ เงินสำรองในท้องพระคลังหลวงหมดลง งบประมาณแผ่นดินขาดทุนติดๆ กันหลายปี การกู้เงินต่างประเทศมาใช้ เมื่อฐานการเงินตกต่ำ ถ้ากู้ได้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยแพงใจหาย ได้ทรงตั้งกรรมการองคมนตรี ๓ พระองค์ ดำริจัดการตัดรอน Retrenchment  พอดีเสด็จสวรรค์คต เพิ่งมาสำเร็จและทำรายงานกราบบังคมทูลในรัชชกาลปัจจุปบัน

[๕๓] ......เสีย การจ่ายเงินแผ่นดินฝืดเคืองย่อมจะเกิดความเสียหายใหญ่โต. การกู้เงินต่างประเทศ ถ้าฐานการเงินของเราไม่ดีก็กู้ได้ยาก หากได้ก็คงจะต้องเสียดอกเบี้ยแพง. อนึ่งเจ้าหนี้ต่างประเทศก็จะเกิดกวดขันให้เป็นที่เดือดร้อนต่าง ๆ

[๕๔] ......ควร ข้าราชการทุกคนที่ต้องออกจากราชการเพราะการตัดรอนคราวนั้น โปรดเกล้าฯ ให้ถือเหมือนเลิกตำแหน่ง ได้รับพระราชทานบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญทุกคน

[๕๕] ......แล โปรดเกล้าฯ ให้เริ่มตัดข้าราชการในราชสำนักทั้งหมดก่อน คงเลือกไว้แต่ตำแหน่งที่จำเป็นเท่านั้น เป็นเยี่ยงอย่างให้ทุกกระทรวงทะบวงการได้โดยเสด็จในพระราชกรณีย์อันสำคัญนี้

[๕๖] ......แล งบประมาณแผ่นดินสำหรับ พ.ศ.​๒๔๖๙ ได้สู่ดุลยภาพทันที คงมีรายได้สูงกว่ารายจ่าย ๒๑๑,๘๑๒ บาท เป็นอันสิ้นวิตก แต่จำนวนได้จ่ายจริงสำหรับศกนั้น ภายหลังปรากฏว่า รายได้จริงสูงกว่ารายจ่ายจริงถึง ๑๗,๗๕๘,๓๗๔ บาท ซึ่งหมดความจำเป็นเรื่องจะต้องกู้เงินต่างประเทศมาใช้อีก แท้จริงงบประมาณของเราได้ประมาณอย่างระวัง รายได้จริงสูงกว่างบประมาณมากเสมอมา

[๕๗] ......ได้ การคมนาคม, การทดน้ำเป็นต้น ซึ่งต้องรอมา ได้มีเงินจัดขยายการทันที แต่การศึกษายังได้เพิ่มน้อย และเพิ่งได้บ้างเมื่อศกหลังๆ มา

[๕๘] ......ภาษี ใช้วิธีตัดรายจ่ายลงทางเดียวพอแล้ว จึงไม่จำเป็นใช้วิธีหาเงินด้วยการเก็บภาษีใหม่เพิ่มขึ้น

[๕๙] ......เข้า คือการแก้สัญญากับนานาประเทศสำเร็จลงทุกประเทศแล้ว ศาลกงสุลและสถานทูตเลิกหมด คงใช้แต่ศาลต่างประเทศของเรา. กับภาษีขาเข้าที่สัญญาเดิมจำกัดอัตราไว้ บัดนี้เราก็เขยิบขึ้นได้ตามชอบใจ เป็นอันเราได้สิทธิเหล่านี้คืนมาเป็นอิสสรภาพของเรา

[๖๐] ......ได้ ภาษีสินค้าเข้าเดิมเก็บร้อยละ ๓ เราได้เลื่อนขึ้นแต่ศก ๒๔๖๙ เป็นเก็บอย่างต่ำร้อยละ ๕ ครั้นจะเก็บให้สูงกว่านั้น ความหนักก็จักตกอยู่แก่คนของเราเอง เพราะพ่อค้าย่อมเพิ่มราคาขายให้สูงขึ้นจนคุ้มค่าภาษี แต่เอาอาจอุดหนุนสินค้าที่ทำในเมืองเราให้เจริญได้โดยเก็บภาษีขาเข้าของสินค้าต่างประเทศ เช่นเดียวกันให้สูงจนไม่สามารถแข่งกับสินค้าของเราในเมืองเราได้

[๖๑] ......พลังค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เมื่อยังเป็นพระราชโอรสก็เป็นพระยอดปิโยรสแห่งพระบรมชนกชนนี ในรัชชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ทรงอาศัยและมอบพระราชภารในหน้าที่อุปัฏฐากเพื่อพระราชสำราญในพระบรมราชชนนีพันปีหลวง. พระองค์เป็นพระอนุชายอดรักในพระบรมเชษฐาธิราช ได้ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งพระอนุชาธิราช. เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงราชย์ก็ได้ทรงประกอบพระปฏิการคุณแด่พระประยูรญาติ ทรงตั้งพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ไว้ในตำแหน่ง อภิรัฐมนตรี ที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน. พระองค์เป็นที่โปรดปรานในหมู่พระประยูรญาติ และนับวันแต่จะเป็นที่รักของราษฎรทั่วพระราชอาณาจักรสยาม. ทั้งหมดนี้ประมวลเข้าเป็นพระราชพลังค์

[๖๒] ......แล้ว พระราชกรณีย์ต่อไป ขอให้สำเร็จงดงามดุจประถมราชกรณีย์ที่ได้ทรงกำจัดธนภัยให้ประลาตไปแล้วอย่างสง่า.

[๖๓] ......เศรษฐกิจ มหาสงครามสิ้นสุดลงแล้ว โลกพากันคำนึงถึงความจำเป็นแห่งศานติ แต่สงครามเศรษฐกิจกำลังเข้าแทนที่สงครามอาวุธ คนไทยตั้งตัวไม่ทัน กำลังพ่ายแพ้แก่ชนต่างด้าวในดินแดนของตัวเอง ขอชัยจงมีแด่องค์สมเด็จพระมัคคุทเทศก์แห่งสยาม

[๖๔] ......ประการ สมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว

[๖๕] จตุรพิธพร พร ๔ คือ อายุยืน, วรรณ (ผิวและสง่าราศี) งาม, สุข, พล (กำลัง) แข็งแรง

[๖๖] กษัตริย์มหาสาร เป็นคำเรียกกษัตริย์ผู้ประกอบด้วยเดชาภินิหาร. กษัตริย์โบราณผู้มีรถมาก เชี่ยวชาญในการใช้รถเพื่อการสงคราม (รถเป็นเหล่าหนึ่งในจตุรงคเสนา) ได้พระนามว่า ‘มหารถ’ ช้างก็เคยใช้เป็นเหล่าหนึ่งในกระบวนทัพ คำว่า ‘มหาสาร’ จึงอาจเป็นคำยกย่องกษัตริย์ผู้มีช้างเป็นพาหนะมาก หรือทรงเชี่ยวชาญในยุทธหัตถีได้ทำนองเดียวกัน มหาศาลก็ใช้ และใช้สำหรับกษัตริย์, พราหมณ์, และคฤหบดีผู้มีทรัพย์มากเหลือล้น ออกจากคำมหาสาร ซึ่งหมายเอาธนสาร

[๖๗] ......กีดกัน บัดนี้ตกอยู่ในยุคที่ชาวต่างประเทศเข้ามาทำให้แก่เราแทบทุกอย่างในประเทศสยาม เกือบกล่าวได้ว่า คนไทยทำแต่ราชการกับทำนาเท่านั้น

[๖๘] ขอให้ไทยได้ชัยในทางเศรษฐกิจด้วย ชัยแห่งบ้านเมืองของตัวให้ได้เป็นของตัวสืบเชื้อชาติกันต่อๆ ไปเถิด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ