๒๕๗ ประกาศพิกัดภาษีน้ำมันมะพร้าว

ณวันอังคาร เดือนยี่ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลูสัปตศก

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่เจ้าภาษีนายอากร แลราษฎรผู้ต้มน้ำมันมะพร้าวในกรุงเทพฯ แลหัวเมืองให้รู้ทั่วกันว่า พระยาราชพงศานุรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองสมุทสงครามกรมการมีใบบอกมาวางเวรกรมท่า ว่ามีจีนราษฎรเข้าชื่อกัน ๖๖ คน ร้องกล่าวโทษเจ้าภาษีน้ำมันมะพร้าว ว่าเก็บภาษีผิดพิกัดท้องตรา เจ้าจำนวนกรมพระคลังมหาสมบัตินำข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีตุลาการชำระได้ความจริงสมดังคำร้องจีนมีชื่อ ให้ลูกขุนศาลหลวงปฤกษาทำโทษ ปรับไหมเจ้าภาษีหลงจู๊เสมียนจีนเตงเสร็จแล้ว ตั้งแต่นี้สืบไปให้เจ้าภาษีน้ำมันมะพร้าว ทำตามข้อพิกัดให้ถูกต้องตามพิกัดท้องตราทุกประการ

ข้อ ๑. ว่า ให้ขุนเตลาธิกรณ์เรียกภาษีแต่ราษฎรมีชื่อผู้ต้มน้ำมันมะพร้าว ๑๐ ยิบหนึ่ง ถ้าราษฎรเสียภาษี ๑๐ ยิบหนึ่งให้เจ้าภาษีแล้ว ให้เจ้าภาษีทำตั๋วฎีกาให้แก่ราษฎรทุกราย ให้ราษฎรซื้อขายน้ำมันมะพร้าวได้โดยสดวก

ข้อ ๒. ว่า ถ้าราษฎรมีชื่อจะต้มน้ำมันมะพร้าวจำหน่ายใช้สอยแลกเปลี่ยน ให้มารับตั๋วต่อเจ้าภาษีไปตั้งต้มน้ำมัน ถ้าต้มน้ำมันได้มากน้อยเท่าใดให้มาบอกแก่เจ้าภาษีๆ จะได้เรียกภาษีตามน้ำมันมากแลน้อย น้ำมันที่เรียกภาษีแล้วนั้นเจ้าของจะขายให้แก่เจ้าภาษีก็ได้ จะขายให้ผู้ใดผู้หนึ่งราคาถูกราคาแพงก็ได้ แต่ผลมะพร้าวนั้นราษฎรเจ้าของกับลูกค้าจะซื้อขายกันราคาถูกแพงเท่าใดไม่ห้าม.

ข้อ ๑ ว่าห้ามอย่าให้ราษฎรที่ไม่ได้มารับตั๋วต่อเจ้าภาษีนั้นลักต้มน้ำมันมะพร้าว ซื้อขายใช้สอยแลกเปลี่ยนเปนอันขาด ถ้าลักต้มน้ำมันมะพร้าวมีผู้รับสินบนจับได้จะปรับไหมใช้เงินภาษีสามวันเปนเงิน ๖ ชั่ง ๕ ตำลึง ให้เปนสินบลแก่ผู้นำจับเงิน ๑๕ ตำลึง

ข้อ ๑ ว่าแต่ก่อนเมื่อยังไม่ได้ตั้งภาษีน้ำมันมะพร้าวนั้น ราษฎรมีชื่อต้มน้ำมันมะพร้าวจำหน่าย ซื้อน้ำมันมะพร้าวไว้จำหน่าย น้ำมันจำหน่ายไม่หมดเหลืออยู่มากน้อยเท่าใด ถ้าถึงกำหนดวันเจ้าภาษีเขาเรียกภาษีแล้ว ให้ราษฎรมาบอกเจ้าภาษีน้ำมันมะพร้าวเสียก่อนจึงจำหน่ายได้ ถ้าใม่มาบอกเจ้าภาษีเอาน้ำมันไปจำหน่ายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งก็ดี มีผู้รับสินบลจับได้จะปรับไหมเหมือนอย่างผู้ลักต้มน้ำมันขาย

ข้อ ๑ ว่าถ้าราษฎรมีชื่อที่มารับทำหนังสือสัญญาต่อเจ้าภาษีไปตั้งต้มน้ำมันนั้น ต้มน้ำมันไว้แล้วมาบอกเจ้าภาษี ให้เจ้าภาษีไปเรียกภาษีในวันนั้น ถ้าเจ้าภาษีมีธุระจะไปไม่ได้ในวันนั้น ก็ให้เจ้าภาษีทำหนังสือผัดให้ราษฎรผู้ต้มน้ำมัน มีกำหนดว่าในสองสามวันให้เปนแน่นอน ให้ราษฎรผู้ต้มน้ำมันทำตั๋วลงชื่อลงวันแลเวลานั้น ได้มาบอกเจ้าภาษีแล้วให้รับหนังสือผัดของเจ้าภาษีไปไว้ ถ้าเจ้าภาษีนิ่งเสียฤๅบิดพลิ้วไปไม่ไปตามนัดก็ดี ผัดเกินสองวันก็ดีสามวันก็ดี ไม่ทำหนังสือผัดให้แก่ราษฎรก็ดี ไม่รับตั๋วที่ราษฎรทำมาให้ไว้นั้นก็ดี ทำให้น้ำมันของราษฎรค้างเนิ่นช้าจะจำหน่ายก็ไม่ได้ ให้ราษฎรมาร้องต่อเจ้าพนักงานกรมพระคลังมหาสมบัติ ให้เอาใบผัดแลตั๋วยื่นที่เจ้าภาษีไม่รับนั้นมาเปนสำคัญด้วย จะได้ทำโทษเจ้าภาษีตามโทษานุโทษ

ข้อ ๑ ว่าน้ำมันที่บรรทุกเรือเข้ามาแต่ต่างประเทศก็ได้เสียภาษีร้อยชักสามแล้ว ห้ามไม่ให้ขุนเตลาธิกรณ์เรียกภาษีเปนสองซ้ำได้

ข้อ ๑ ว่าถ้ามีผู้รับสินบลนำจับผู้ลักลอบต้มน้ำมันมะพร้าวในแขวงเมืองนั้นๆ ให้ขุนเตลาธิกรณ์แลหลงจู๊เสมียนคนใช้ไปขอกรมการกำนันต่อผู้ว่าราชการเมืองกำกับไปจับให้ทุกคราว ถ้าจับได้ตัวผู้ลักลอบต้มน้ำมันมะพร้าวมาแล้ว ให้ผู้ว่าราชการเมืองกรมการแลเจ้าภาษีตัดสินตามพิกัดท้องตรา ถ้าตัดสินไม่ตกลงให้บอกส่งมาตามกระทรวง เจ้ากระทรวงจะได้ส่งให้เจ้าจำนวนชำระตัดสินให้แล้วแก่กัน

ข้อ ๑ ว่าถ้าขุนเตลาธิกรณ์เสมียนคนใช้ แลผู้รับช่วงจำหน่ายน้ำมันมะพร้าวในแขวงเมืองนั้นๆ ไปจับผู้ลักลอบต้มน้ำมันมะพร้าวแต่ลำพังพวกเจ้าภาษี ไม่ได้ขอกรมการกำนันต่อผู้ว่าราชการเมืองกำกับไปด้วย แลมีผู้มาร้องฟ้องพิจารณาเปนสัตย์จะปรับไหมมีโทษแก่เจ้าภาษี เหมือนโทษผู้ลักลอบต้มน้ำมันมะพร้าวเหมือนกัน ห้ามอย่าให้ราษฎรทำน้ำตาลมะพร้าวใหญ่ ให้ผลมะพร้าวน้อยไปเปนอันขาด ให้เจ้าภาษีแลราษฎรทำตามพิกัดท้องตรา แลคำประกาศนี้เถิด

ประกาศมาณวันอังคาร เดือนยี่ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีฉลูสัป๑๕ตศก ศักราช ๑๒๒๗ เปนวันที่ ๕๓๓๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ