- คำอธิบาย
- ๒๔๗ ประกาศมหาสงกรานต์ ปีฉลูสัปตศก
- ๒๔๘ ประกาศห้ามมิให้นายบ่อนทดรองเงินให้นักเลงเล่นเบี้ย อนุญาตให้ทำสารกรมธรรม์แทน
- ๒๔๙ ประกาศห้ามมิให้เขียนหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายด้วยหมึกดินสอที่จืดจาง
- ๒๕๐ ประกาศเรื่องจีนทำอัฐปลอม
- ๒๕๑ ประกาศพระราชทานชื่อวัดเงินวัดทอง
- ๒๕๒ ประกาศไม่ให้พิกัดราคาเข้า
- ๒๕๓ ประกาศห้ามมิให้เล่นแอ่วลาว
- ๒๕๔ ประกาศให้ภาษีตั้งอยู่กับด่าน
- ๒๕๕ ประกาศให้ใช้เบี้ยทองแดงซีกเสี้ยว
- ๒๕๖ ประกาศพระราชบัญญัติลักษณลักพา
- ๒๕๗ ประกาศพิกัดภาษีน้ำมันมะพร้าว
- ๒๕๘ ประกาศพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๒๕๙ ประกาศห้ามมิให้ผู้ที่มิได้สังกัดวังหน้าโกนผม เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ สวรรคต ที่ ๑
- ๒๖๐ ประกาศห้ามมิให้ผู้ที่มิได้สังกัดวังหน้าโกนผมเมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ สวรรคต ที่ ๒
- ๒๖๑ ประกาศเรื่องจะพระราชทานเบี้ยหวัดพระโอรสพระธิดา ในพระบวรราชวัง
- ๒๖๒ ประกาศมหาสงกรานต์ ปีขาลอัฐศก
- ๒๖๓ ประกาศพิกัดภาษีเรือตึกแพโรงร้าน
- ๒๖๔ ประกาศห้ามไม่ให้เอาเครื่องประดับทองเงินแต่งกายให้เด็ก ที่ยังไม่รู้จักหลีกหลบโจรผู้ร้าย
- ๒๖๕ ประกาศให้ใช้ทองแดงซีกเสี้ยวซึ่งทำบางกว่าครั้งแรก
- ๒๖๖ ประกาศให้เจ้าสำนักพรรคพวกของผู้ร้ายมาลุแก่โทษ
- ๒๖๗ ประกาศห้ามไม่ให้แต่งตัวเด็กด้วยเครื่องทองเงินแล้วปล่อยไปเที่ยวโดยลำพัง
- ๒๖๘ ประกาศเรื่องจำนำแลขายฝากกรรมสิทธิ์ที่ดิน
- ๒๖๙ ประกาศห้ามไม่ให้ข้าราชการคบหากับเศรษฐีบางแมวแลจีนทองเซ็ก
- ๒๗๐ ประกาศให้พวกที่อยู่แถวทิมในพระราชวังทำความสอาด
- ๒๗๑ ประกาศให้ผู้ติดใจสงสัยนายตุ้มมาสู้ความ
- ๒๗๒ ประกาศทรงปฏิญาณด้วยพระอาการกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส
- ๒๗๓ ประกาศให้ชำระคนไทยที่สูบฝิ่น
- ๒๗๔ ประกาศเลื่อน กรมหมื่นวรจักรธรานุภาพ แลกรมหมื่นราชสีหวิกรม เปนกรมขุน แลทรงตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ เปนกรมขุน
- ๒๗๕ ประกาศพระราชบัญญัติเพิ่มเติมเรื่องขายฝากแลจำนำกรรมสิทธิ์ที่ดิน
- ๒๗๖ ประกาศพระราชทานบรรดาศักดิพ่อค้าต่างประเทศ
- ๒๗๗ ประกาศห้ามไม่ให้ขุนศาลตระลาการเจ้าหนี้นายเงินทำหนังสือยอมความแลสารกรมธรรมโดยลูกความแลทาสลูกหนี้ไม่รู้ไม่เห็น
- ๒๗๘ ประกาศพระราชบัญญัติเรื่องผัวขายเมียบิดามารดาขายบุตร
- ๒๗๙ ประกาศห้ามมิให้พนักงานผู้ยิงปืนพิธีตรุษทำอย่างอ้ายนากอ้ายแย้ม
- ๒๘๐ ประกาศมหาสงกรานต์ ปีมะโรงสัมฤทธิศก
- ๒๘๑ ประกาศให้ใช้พระนามสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอแลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ในหนังสือกราบบังคมทูล
- ๒๘๒ ประกาศให้ผู้จะตั้งตุลาการเลือกสรรตุลาการที่ลูกความไม่รังเกียจ
- ๒๘๓ ประกาศพระราชบัญญตลักษณลักพา
- ๒๘๔ ประกาศห้ามไม่ให้นักโทษร้องถวายฎีกาในเวลาเสด็จพระราชดำเนิน
- ๒๘๕ ประกาศให้เรียกนามวัดราชประดิษฐให้ถูก
- ๒๘๖ ประกาศสุริยุปราคาหมดดวง
๒๘๓ ประกาศพระราชบัญญตลักษณลักพา
ณวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะโรงสัมฤทธิศก
มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศให้ทราบทั่วกัน คนมีแผลคันถ้าจะห้ามไม้ให้เกายังมีที่ว่าควรจะห้ามอยู่ เพราะว่าเกาเข้าหนังถลอกฤๅที่คันนั้นจะเปนเม็ดยอดสำคัญก็ให้โทษมาก ก็ผู้มีบุตรหญิงจะมาขังไว้ไม่ให้มีผัวนั้นจะต้องการอะไร ถ้าผู้มีบรรดาศักดิ์จะกักบุตรหญิงไว้ไม่ให้มีผัวเพราะกลัวจะปนระคนด้วยชาติต่ำช้า เพราะบุตรเกิดมาเขานับถือขึ้นชื่อตามหมู่บิดา ถ้าชายชาติต่ำช้ามาเปนผัวหญิงบุตรผู้ดี มีบุตรเกิดขึ้นก็คงจะต้องรู้ต้องเรียกเปนบุตรไพร่ ตามตระกูลบิดาจะเชิดชูตามฝ่ายมารดามิได้ ด้วยเหตุนี้บิดาของหญิงที่มีบรรดาศักดิ์จะขังจะกักบุตรหญิงของตัวไว้ ด้วยกลัวจะปะปนระคนด้วยคนต่ำๆ ก็ควร เพราะฉนั้นถ้าบิดาหญิงฤๅมารดาหญิงที่มีศักดินาสูงตั้งแต่ ๔๐๐ ขึ้นไป ถ้าฝ่ายตระกูลชาย คือตัวชายฤๅบิดาของชายปู่ตัวปู่ข้างชิดๆ ของชาย มีบรรดาศักดิ์สูงเสมอบิดาหญิงฤๅสูงกว่าบิดาหญิง ถ้าปู่แลบิดายังมีตัวอยู่มาเปรียบเทียบตกลงกับบิดาของหญิงก็เปนดี ถ้ามิตกลงก็ต้องตัดสินว่าตามแต่ใจหญิงสมัค เพราะฝ่ายชายเปนผู้มีบรรดาศักดิ์มิใช่ไพร่ ก็ถ้าฝ่ายชายฤๅบิดาแลปู่ของชายต่ำศักดิ์กว่าบิดาของหญิงต้องสุดแต่ใจบิดาของหญิง เมื่อบิดาของหญิงไม่รังเกียจเสียใจด้วยบุตรช้ำชอกแล้วนั้น จะเรียกเอาตัวคืนก็ได้ เพื่อจะเอาตัวมากักขังไว้รักษาตระกูลบรรดาศักดิ์ ก็สุดแต่ใจของบิดาหญิงที่มีบรรดาศักดิ์ จะยอมยกให้ก็ได้ ไม่ยอมยกให้จะเรียกตัวคืนมาแล้วไปยอมยกให้คนอื่นก็ได้ ชายที่ต่ำศักดิ์มาล่วงเกินจะให้ทำโทษให้ ฤๅจะให้ปรับไหมเปนเบี้ยลเมิดให้ก็ได้ ถึงมาขอสมาแล้วก็ไม่คุ้มเบี้ยลเมิดได้ แต่การอย่างนี้ว่าแต่ในเรื่องฝ่ายข้างบิดาหญิงมีบรรดาศักดิ์สูง ฝ่ายชายมีบรรดาศักดิ์ต่ำ ก็ถ้าฝ่ายชายฝ่ายหญิงมีบรรดาศักดิ์สูงด้วยกันก็ดี บรรดาศักดิ์ต่ำด้วยกันก็ดี ให้ตัดสินเอาตามใจหญิงสมัคอย่างเดียว ถ้าหญิงสมัคจะกลับมาอยู่กับบิดามารดาก็ให้กลับมา ถ้าสมัคจะไปกับชายชู้ก็ให้ไป ถ้าได้มาขอสมารับผิดแล้ว ข้างบิดาข้างมารดารับสมาก็ดี ไม่รับก็ดี ไม่มีเบี้ยลเมิด แต่สิ่งของๆ ฝ่ายบิดาฝ่ายมารดาหญิงหายไปเมื่อเวลาลักพากันเท่าใดให้เจ้าทรัพย์สาบาลตราสินไว้ โดยไม่ได้ตราสินด้วยเข้าใจว่ามิใช่ผู้ร้ายอื่น เมื่อมาให้การกำหนดของแม่นยำ ว่าฉเพาะหายในวันนั้นเวลานั้นเท่าใดสาบาลได้ เมื่อจะยอมให้แก่บุตรหญิงไปเท่าใดก็ยอม เหลือนั้นให้ชายผู้ลักพาต้องใช้จงสิ้น แต่ผู้ชักสื่อแลพวกเพื่อนที่มากับชาย แลเจ้าสำนักที่ต่างๆ ถ้าแม้นลักพากันสูญหายไป ไม่ได้ตัวหญิงไม่ได้ตัวชายฤๅไม่ได้ทั้งสองคน จึงควรต้องฟ้องต้องเกาะครองเร่งรัดให้ส่งให้นำ ถ้าได้ตัวหญิงตัวชายมาแล้ว โทษผู้ชักสื่อแลผู้มาเปนเพื่อนผู้ลักพาแลเจ้าสำนักให้ยกเสีย แต่การข้างผู้มีบรรดาศักดิ์ยังมีในที่จะว่าไปหลายอย่างอยู่ ถ้าที่อยู่ของบิดามารดาเปนวังเจ้าบ้านขุนนางผู้ใหญ่มีข้างหน้าข้างในกำหนดกฎชามั่นคง คนผู้ล่วงเกินเข้าไปจะต้องให้มีโทษสมควรแก่วังใหญ่วังน้อย ตามบรรดาศักดิ์ใหญ่น้อยของท่านเจ้าของวังเจ้าของบ้าน อนึ่งผู้มีบรรดาศักดิ์สูงต่ำจะว่าตามบรรดาศักดินาเปนแม่นยำก็ไม่ได้ เพราะผู้มีศักดินาสูงลางจำพวกก็เปนแต่ผู้ดีชั้นเดียว เมื่อมาข้องมาเกี่ยวกับผู้มีบรรดาศักดิ์สืบตระกูลมาหลายชั่วแผ่นดินก็จะต้องรู้ว่าผู้มีบรรดาศักดิ์ชั้นเดียวเหมือนกับไพร่ แต่การในเรื่องอย่างนี้ก็ไม่เปนวิสัยที่ลูกขุนจะตัดสินได้ ต้องเรียนท่านเสนาบดีให้ตัดสิน ฤๅกราบทูลพระกรุณาให้ทรงทราบตัดสิน เพราะในการในทิศในทางที่ไม่เคย ถ้าตัดสินไม่ชอบกลก็จะเปนเยี่ยงเปนอย่างไป ต้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ตัดสินจึงควร แต่ในการผู้มีบรรดาศักดิ์ต่อผู้มีบรรดาศักดิ์ด้วยกัน ในการที่เหมือนๆ กัน เคยสมาคมกันอยู่แล้วก็ให้ตัดสินว่าสุดแต่ใจหญิงฤๅสุดแต่ใจบิดามารดาฝ่ายหญิง แลบิดามารดาทั้งสองข้างปรานีปรานอมกัน ตามยศบรรดาศักดิ์ทั้งสองฝ่าย ถ้าบิดาหญิงเปนสูงศักดิ์ตัดอาลัยไม่เอาเปนธุระ ไม่พอใจที่จะว่าถึง ถ้าผู้หญิงคบชายที่ไม่ควรแท้ พระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงพระราชดำริห์ตัดสินให้ทำโทษชายแลจำจองหญิงตามอำนาจแผ่นดินไม่ให้เสื่อมเสียเกียรติยศแก่ราชตระกูล แต่ในการเช่นนี้ไพร่ผู้ไม่มีบรรดาศักดิ์แลเชื้อสายตระกูลสูงที่ได้รู้อยู่ทั่วๆ กันแล้วแลมีศักดินาต่ำกว่า ๔๐๐ ไร่ลงไปทั้งสองฝ่าย ไม่ควรที่จะนำมาทำวุ่นวาย เอาอย่างท่านผู้มีบรรดาศักดิ์สูงเลย บุตรหญิงของใครๆ จงระวังรักษาเอง จงหาผัวให้เปนที่ชอบใจเร็วๆ เถิด ถ้าเกิดเหตุติดตามผู้ชายไป ก็จะต้องคงลงให้ถามตามใจหญิงสมัค ผู้ลอบลักพาถ้าไม่ได้ขอสมาก็ให้มีเบี้ยลเมิด ของซึ่งหายในเวลาหญิงหนีตามชายไป เจ้าทรัพย์สาบาลได้ว่าหายในเวลานั้น ผู้ลักพาก็ต้องใช้ต้องเร่งรัดให้ใช้เจ้าของทรัพย์จงเต็ม ฤๅตามใจเจ้าทรัพย์จะยอมลดยอมให้บ้าง จะให้ว่ายิ่งกว่านี้ไปไม่ได้เพราะบิดามารดาแลญาติผู้ใหญ่เลี้ยงบุตรหลานไม่ดี ว่านี้ตามการปกติ ถ้าการวิปริต คือชายหลอกลวงลักพาหญิงไปแล้ว ไปฆ่ารันตีแย่งชิงสิ่งของฤๅไปชวนชายอื่นมาข่มขืนทำยับเยิน แลเอาไปขายเปนคนชั่ว ฤๅหญิงไม่สมัคคุมพวกพ้องมาฉุดคร่าเอาตัวไปด้วยพละการ การเช่นนี้ถึงผู้มีบรรดาศักดิ์สูงเปนเจ้าเปนนายทำก็มีโทษมีความผิดต่อแผ่นดินกระบิลเมือง ควรต้องลงพระราชอาญาเสมอ ฤๅใกล้กับโทษผู้ร้ายปล้น บรรดาศักดิ์แลตระกูลไม่คุ้ม ผู้ที่ถูกพิพาทอย่างนี้ถึงจะไม่ได้ฟ้องโรงศาลด้วยเห็นการว่าจะเนิ่นช้าไป จะมาร้องถวายฎีกาทีเดียวก็จะรับแต่การจะเปนอันฉุดฤๅไม่เปนอันฉุด จะต้องฟังเอาคำหญิงคนกลางเปนประมาณ เพราะการลางเรื่องฉุดล้มๆ กันก็มี ถ้าหญิงสมัคอยู่กับชาย แล้วจะเอาเรื่องฉุดขึ้นว่าไม่ได้ อนึ่งหญิงซึ่งตามชายไปโดยความสมัครักใคร่กันเองบิดามารดาไม่ได้ยอมยกให้ ไม่ได้แต่งมีทุนมีสินสอดอย่างนี้ก็ชื่อว่าเปนหญิงไม่ดี ชายจะถือว่าเปนเมียไม่ได้ ก็เมื่อไม่สมัคอยู่กับชายจะหนีกลับมาหาบิดามารดาแลญาติพี่น้องก็ดี จะตามชายอื่นไปก็ดี ชายที่เรียกว่าเปนผัวนั้นจะตามฟ้องร้องเร่งรัดเอาตัว ฤๅจะเอาเบี้ยปรับแก่ชายชู้ใหม่ไม่ได้ เพราะมันมาฉันใดให้มันไปฉันนั้น จะตามว่ากล่าวได้แต่สิ่งของของตัวที่หญิงลักฉกไปเมื่อวันหนี แลที่ได้ทำตราสินสาบาลไว้ ฤๅหนี้สินเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอย่างไรเมื่ออยู่ด้วยกัน ก็ถ้าเมื่อหญิงอยู่ในเรือนชาย คบชายอื่นเปนชู้เข้ามาในเรือนตัว ชายที่เปนผัวจับได้ ถ้าสืบความได้ชายที่เปนผัวควรจะร้องฟ้องว่ากล่าว ให้มีเบี้ยปรับใหมเหมือนอย่างผู้ร้ายขึ้นเรือน แต่เรื่องทำชู้ในเมียให้ยกเสีย เพราะเมียเปนหญิงไม่ดีมาแต่เดิมแล้ว ถ้าบิดามารดาของหญิงกลับมาดีด้วยบุตรหญิงอุปถัมภ์ค้ำชูให้ทุนรอนทาสกรรมกรเครื่องเย่าเรือน ฤๅหญิงนั้นมีบุตรกับชายที่ตัวตามมา บิดามารดากลับรับรักใคร่ว่าเปนหลาน ตั้งแต่กาลเมื่อหญิงนั้นดีกับบิดามารดา แลบิดาแลมารดาของหญิงนับถือชายนั้นว่าเปนเขยเรียกใช้สอยกิจการต่างๆ เปนปรกติไป เมื่อนั้นชายจะว่าหญิงนั้นเปนเมีย ถ้าหญิงนั้นมีชู้จะฟ้องร้องชายชู้ตามลักษณะผัวเมียก็ได้ เพราะโทษที่ให้เปนร้ายกลายเปนดีเสียแล้ว ประกาศนี้ให้รู้ทั่วไปทุกโรงทุกศาลว่าเปนพระราชกำหนดกฎใหม่ ให้สุภาตระลาการถือตาม แลอย่าให้ลูกความเก็บเอาการที่ว่าในกฎหมายเก่า ซึ่งเปนอันขัดแก่พระราชบัญญัติใหม่นี้ มาว่าจู้จี้เปนสำนวนถุ้งเถียงวุ่นวายไป
ประกาศพระราชบัญญัติใหม่ มาณวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีมะโรงสัมฤทธิศกจุลศักราช ๑๒๓๐