วันที่ ๘

วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๓๒๑. แปดทิวามาสู่แคว้น พนาลี
ยังมิถึงกาญจนบุรี รีบเมื้อ
พออรญรุ่งรังษี เสียวสวาสดิ์
หนาวจิตรหนาวกายเนื้อ เหน็บฟื้นผทมถวิล ๚ะ
๓๒๒. ฤๅยินยุบลบ้างพี่ รำพึง แม่เอย
ยินแต่พลพายอึง ออกเต้า
คอยข่าวนุชตลึงถึง ถึงท่า สานแม่
เหลียวไม่เห็นสาส์นเจ้า ฝากทิ้งถึงเรียม ๚ะ
๓๒๓. เยี่ยมแกลแลรอบด้าว แดนผลู
ยลแต่ฟองชลฟู ฟ่องน้ำ
พึ่งเห็นน่าเอ็นดู ดูสิ หล่อนเอย
โอ๊ยพี่หลงชวนช้ำ อกโอ้อายสหาย ๚ะ
๓๒๔. พลพายจอดเลี้ยงครู่ เดียวเดิน ทางนา
เสนาะพิหคบันเลงเพลิน เพรียกคุ้ง
งามฉวากฉากหาดเมิล เหมือนรูป เขียนแม่
มีละเมาะเกาะทรายวุ้ง วิเวกวิ้ววนาสรวย ๚ะ
๓๒๕. แสนตอตอมากตั้ง แสนตอ เจียวฤๅ
สมชื่อแสนตอพอ เยี่ยมคุ้ง
ควะควั่งควั้งชละสอสอ แสนเชี่ยว ละแม่
เรือหลบตอเรือสดุ้ง สดุดด้วยตอขวาง ๚ะ
๓๒๖. พี่พ่างตอหม้อค้ำ เรือนเผือ ดอกเพื่อน
ตอใช่ตอตำเรือ ล่องโล้
อย่าถอยอย่าถีบเขือ ลอยล่อง เสียเลย
เผื่อขัดตัดฟืนโย้ แยบใช้เชิงหุง ๚ะ
๓๒๗. ลับคุ้งย่านเข้าย่าน หัวพง
หัวพี่ห่างนครคง เคอะบ้าง
ฝีปากป่าพงหลง เพ้อพูด ใฉนแม่
อดโทษโปรดอย่าอ้าง โอษฐ์เย้เลยหนอ ๚ะ
๓๒๘. ท่าตคร้อพี่ตครั่นตคร้อ ครวญองค์ แม่เอย
ถับเที่ยงถูกแดดตรง กรุ่นร้อน
พลพายเอิกเกริกลง น้ำลาก เรือแฮ
เขาโห่เขาเฮสท้อน พี่สท้านถอนใจ ๚ะ
๓๒๙. กระทุ่มใหญ่ใครกระทุ่มน้ำ วนาอึง แม่เอย
ฤๅกระทุ่มอุราผึง ผ่าวแค้น
ดอกกระทุ่มใหญ่ฤๅจึง เรียกกระทุ่ม ใหญ่แม่
ขอพี่ดอกเถิดแคว้น กระทุ่มแล้วจักลา ๚ะ
๓๓๐. ท่าแคพี่มุ่งค้น ทาแค
เห็นแต่พุดซาแล อื่นด้าว
หาดโตตลอดกระแสร ชลเชี่ยว
ลงถ่อถีบทางน้าว หนืดน้ำจำคลา ๚ะ
๓๓๑. อากาศฉรอุ่มครื้น คลอฝน
โปรยลอองอุทกหน หาดชื้น
แข่งขันศึกคนองคน เรือรื่น เริงแม่
ทวนถ่อบ่อรู้ลื้น ลุเวิ้งวังสิลา ๚ะ
๓๓๒. โน่นภูผาลลิ่วแล้ว แลเห็น
ชรอยว่าริมฝั่งเป็น ย่านถ้ำ
วังหินย่ำเย็นเย็น ใจพี่ แม่เอย
คราชื่นใคร่ฝังช้ำ ชอกไว้วังศิลา ๚ะ
๓๓๓. มาถึงซ่มเซี่ยวเลี้ยว ลานหาด
เตียนรื่นเป็นลอนปราด โล่งด้วย
ซ่มเซี่ยวเข็ดเคี้ยวฝาด เฝื่อนโอษฏ์ พี่เอย
ย่านซ่มใยอุดมกล้วย เกลื่อนขึ้นแทนนาม ๚ะ
๓๓๔. ชุกมตูมตามชื่อต้อง มตูมชุก สิแม่
สารพัดอ่อนห่ามสุก น่าเค้น
มตูมใฉนไม่ชุกฉุก สมชื่อ บางเลย
ชุมแต่คนถ่อเต้น ตกน้ำตูมตูม ๚ะ
๓๓๕. ถึงภูมิพนาเวศบ้าน สำรอง
หาดใหญ่ฝ่ายเฉวียนมอง มากบ้าน
สำรองสิ่งใดปอง ใดบอก เถิดรา
ส่วนพี่สำรองท่า ทุกข์ถ้าถึงตน ๚ะ
๓๓๖. บนหาดเห็นรั้วรอบ เรือนแพ
ทราบว่าลุงเราแก พักค้า
พี่ทักพี่ถามแล ฤๅปะ ใครเลย
เห็นยิ่งสังเวชล้า รลึกแล้วเลวงหวัง ๚ะ
๓๓๗. กำลังครั่งพิโรธรู้ รงับใฉน
ดาบหอกปืนไฟไภย ห่อนคร้าม
หมดรักหมดอาลัย หมดโลก เจียวแม่
บากบั่นครั้นสุดด้าม โกรธรู้สึกสกนธ์ ๚ะ
๓๓๘. คิดค้าขนไม้เหลี่ยม หมอนรถ ไฟแม่
ขายส่งกรุงเทพฯ ทด ค่าซื้อ
กำไรนั่นกำหนด ท่อนละ เฟื้องนา
ชาวป่าพากันอื้อ ตื่นตั้งตัดขาย ๚ะ
๓๓๙. ออกอุบายล่อพวกค้า เข็นเกวียน
ให้เล่นจับฉลากเพียร ลากไม้
ไปพักออกเงินเวียน ส่งสี่ เที่ยวแม่
จับฉลากเคราะห์ดีได้ ตลับตุ้มหูแหวน ๚ะ
๓๔๐. คนขนแล่นล่องเข้า ไปถึง กรุงนา
อีกท่อนละสามสลึง ลาภได้
ห้างคลากก์รับซื้อขึง พิกัดบาท ครึ่งแม่
ท่อนละสิบสลึงให้ พวกสร้างทางรถา ๚ะ
๓๔๑. ชาวป่าสิต่อต้อง ปันกำ ไรนา
แท้ก็ชาวดงทำ ทุกต้น
ใครฉลาดฉาบฉวยสำ เหร็จประโยชน์ ง่ายแม่
โง่ถากมากถูกปล้น ภาคน้อยผอยโทรม ๚ะ
๓๔๒. พโยมหนมลมืดสิ้น สุริย์ศรี
จอดหาดพักราตรี เกร่อไม้
พี่สรงสระทรายปรี ดาอิ่ม อุราแม่
เพลินคัดโคลงนิราษไว้ ฝากน้องเนาหลัง ๚ะ
๓๔๓. หลายตังปืนบ่อนบ้าน สำรอง ยิงแม่
เป็นเครื่องสัญญาผอง พวกร้าย
ชวนมาเล่นพนันลอง ดูเล่น งิ้วฤๅ
เหลือเอกเจ๊กเอ๋ยย้าย แยบปล้นคนสยาม ๚ะ
๓๔๔. จักข้ามฟากโน้นเที่ยว ตามเพลง
ออกเบี่อเรือนโกรงเกรง กร่อนบ้าน
พิมพ์พจน์บทบันเลง นิราษเพลิด เพลินแม่
จวนดึกรู้ศึกคร้าน หน่อยแล้วเรียมนอน ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ