วันที่ ๗

วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๒๗๐. เจ็ดวันวิโยคน้อง เนาพนานต์
ประหนึ่งเจ็ดปีปาน เปรียบช้า
ปางทุกข์ทุรสถานกาล กลับถ่วง วันฤๅ
ยามสุขเสมือนหนึ่งหล้า โลกร้อนเรวหมุน ๚ะ
๒๗๑. พออรุญรเรื่อแล้ว เรียมหวัง
ขึ้นพระแท่นดงรัง รีบเมื้อ
หนีร้อนสุริยสัง เกตุรอด ได้แม่
หนีรักรักเรียมเรื้อ สุดร้างนิราหนี ๚ะ
๒๗๒. มีเกวียนสี่เล่มจ้าง จรดง
บันทุกของคนดง คู่เต้า
ตัวพี่ไม่มีประสงค์ ใคร่ขี่ เกวียนเลย
เกวียนกระทบกระแทกเย้า ยอกเนื้อเหลือทน ๚ะ
๒๗๓. จรดลเดินป่าปลื้ม ใจเพลิน
ชมพนัศะพนมเนิน น่านไม้
ล้วนใผ่สะแกเกิน ขนาดร่ม เลวงแม่
กลแปลกกลแปลงไว้ วิเวกเวิ้งวนาศรม ๚ะ
๒๗๔. รงมเสียงสุโนคแสร้ เสนาะกรรณ
กลกล่าวกลอนรำพรรณ พากย์แจ้ว
ไก่ป่าเกริกป่าขัน เอกอิเอ๊ก เอกแม่
กระเหว่ากระเว้า ๆ แก้ว แก๊กร้องกระเจิงโผ ๚ะ
๒๗๕. โประโดกโฮกโป๊กก้อง กังวาน วิเวกแม่
นกปูดปู้ดปู้ดขาน แข่งก้อง
ตีทองป็อกป็อกปาน ฆ้อนร่ำ ทองฤๅ
ปรอดกร๊อดแซงแซวร้อง แซ่วแซ้วเสนอหู ๚ะ
๒๗๖. จุกกรุ๊กกรูกรู่กรู้ คารม เขาเฮย
กร็อดกร๊อดเขาไฟขรม กร็อดกร้อ
เกริกกระทาปักกระทารงม ไพรทัก กระนา
จิกจีกจ้อยจิกจ้อ เจอะกิ้งเขนคราง ๚ะ
๒๗๗. กระแตหางบ่วงล้อ แมวเหมียว
นกกระต้อยติวิดเดี๋ยว โดดเพ้อ
กระแตแต้แวดเปรียว บินปราด หนีเฮย
เหนียงเหนี่ยงกิ้งโครงเคร้อ คร่ำครื้นเครงคง ๚ะ
๒๗๘. หัวขวานลงจับไม้ มองคยิก
อิแอ่นแล่นเสียงจิก จีดร้อง
ขมิ้นเหลืองอ่อนกรีกกรีก คอยกระ บินเฮย
บังรอกต๊อกต๊อกร้อง ร่ำแสร้ผสานกัน ๚ะ
๒๗๙. จักกระจั่นแจ๊กแจ๊กสร้า เสียงใส
กริ่งหริ่งเรไรไพร เพรียกอื้อ
เสียงค่างโครกครางไว ว่องโลด ตเลิดเอย
กลป่าวแตรวงชื้อ ชื่นน้ำใจเพลิน ๚ะ
๒๘๐. เดินเหนื่อยนั่งพักห้าม ระหวย กระหาย
ครู่ออกเดินออกสาย ออกร้อน
พบคนตัดฟืนหลาย คนแทบ ทางแม่
บ้างก็เข็นเกวียนต้อน อุสุภเข้าคามตน ๚ะ
๒๘๑. บางคนหาบเครื่องเลี้ยง ชีวิตร มาแม่
เกลือผักปลาอามิศ มากเข้า
พี่ทักพี่ถามทิศ ทางจัก ไปนา
เขาตอบเขาตามเต้า ไต่เต้าตามไป ๚ะ
๒๘๒. มาใกล้พระแท่นบ้าน โป่งถึง
ออกทุ่งถูกสุริยรึง รุ่มอ้าว
บพักด่วนเดินตบึง รบมบอบ มานา
ถึงป่ารังรหงง้าว ตแบกขึ้นเคียงตเคียน ๚ะ
๒๘๓. พี่รเมียรมขามป้อมเก็บ ผลกิน
ชื่นจิตรชุ่มใจชิน ชอบเปรี้ยว
เต็งรังสลั่งติณ ชาติดาษ ดินแม่
ทิ้งถ่อนสลอนทางเลี้ยว สลับต้นตโกคาง ๚ะ
๒๘๔. ถึงสี่แยกเมื้อ กาญจน์บุรี หนึ่งนา
หนึ่งประถมเจดีย์ แด่นเต้า
หนึ่งทางท่าเรือลี ลาร่ม ทางแม่
หนึ่งก็เป็นทางเข้า วัดเวิ้งวนาผา ๚ะ
๒๘๕. สองร้อยห้าสิบเส้น โดยสัง เกตุแม่
ถึงพระแท่นดงรัง แด่นเต้า
ออกจากท่าเรือยัง ย่ำรุ่ง อรุณเฮย
ถึงก็สามโมงเช้า เช่นนี้นิยมทาง ๚ะ
๒๘๖. เกวียนจ้างปลงจอดแล้ว เราพัก
ริมสระศาลสำนักดิ น่าปลื้ม
เมื่อหิวเมื่อหอบประดัก ประเดิดเที่ยว พนมนา
กินบ่อรู้อิ่มยิ้ม ปากท้องใครมา ๚ะ
๒๘๗. รสโอชาชอบให้ ยามหิว
หมอนเมื่ออดนอนฉิว ง่วงชื้อ
ยอยามเปรื่องยศปลิว เกียรติเฟื่อง เฟ้อแม่
ปรับทุกข์ปางอับอื้อ อร่อยต้องใจคน ๚ะ
๒๘๘. วายทุรนทุเรศแล้ว เรียมเดิน
สู่โบสถ์พระแท่นเนิน โขตโน้น
ประนมประนตเจริญ จิตรนมัศ การนา
เฉภาะพุทธนิพพานโพ้น เพื่อได้สวัสดี ๚ะ
๒๘๙. โลกีย์ล้วนกอบเกื้อ การหลง
ถวิลว่ามีผู้ทรง โลกสร้าง
วิงวอนพระองค์คง บำเหน็จ สุขนา
ปางผิดพระเจ้ามล้าง โทษให้ไปอบาย ๚ะ
๒๙๐. ฝ่ายพระพุทธศาสน์แจ้ง สัจจธรรม
สุขทุกข์เพราะผลกรรม ก่อสร้าง
สรรพธาตุใช่ตัวสำ คัญเที่ยง ใฉนนา
ผิวลุอำมฤตยมล้าง กิเลศแล้วเหลือเกษม ๚ะ
๒๙๑. พี่เปรมพี่ปลื้มศรัท ธาถวาย
ทอดอุทิศวจีกาย จิตรด้วย
แด่พระพุทธศาสน์หมาย เป็นที่ พึ่งนอ
ตราบพี่มอดพี่ม้วย พี่เมื้อเมืองสูญ ๚ะ
๒๙๒. บัณฑูรนีเทศเบื้อง บาฬี
แถลงว่าพระผู้มี ภาคย์เจ้า
ผทมแท่นศิลาลี สาละ วันเอย
ของพวกมลราชเข้า สู่สิ้นนิพพานกษัย ๚ะ
๒๙๓. ไฉนหนอพระแท่นนี้ เป็นหิน ป่าแม่
ใช่ที่ผทมนรินทร์ ราชสร้าง
พระสุคตบ่อเคยลิน ลาสู่ สยามเลย
แท้ว่าจำลองอ้าง เล่ให้ไทยนิยม ๚ะ
๒๙๔. พระบรมโลกนารถใช้ ลงโล หิตเฮย
ใฉนเลือดเป็นหินโต มากก้อน
ยังมีที่คนโม หะเชื่อ ฉนี้แม่
ถือพุทธเล่ห์ผิดย้อน แยบทิ้งธรรมเสถียร ๚ะ
๒๙๕. เขาจุดเทียนธูปเปลื้อง สใบถวาย
บ้างอยู่งานพัดหมาย ชอบสร้าง
บ้างผเดียงภิกษุนิกาย มาสดับ ปกรณ์แม่
พี่ก็ตามอย่างบ้าง แบบเฝ้าประเพณี
๒๙๖. เทือกผาพี่เที่ยวเลี้ยว หลังโบสถ์
ดูที่ล้างพระโอษฎ์ บ่อบ้วน
ครุคระชง่อนโขด เขากปุ่ม กป่ำแม่
แดดผ่าวราวป่าล้วน เหล่าไม้ใบโกร๋น ๚ะ
๒๙๗. โพ้นพรรณมิ่งไม้พึ่ง สุริยัน
ปางฉรอับขับแสงขัน แข่งกล้า
ผลพุ่มพฤกษาสรรพ์ สลดล่วง ใบนา
เฉกนิกรประชาข้า พึ่งเจ้าจอมไผทย ๚ะ
๒๙๘. หญ้าร้องไห้พี่ให้ คนถอน
หญ้าถูกแดดเผาหยอน วิโยคแห้ง
หรืออาจเดินดร ดงเลี่ยง ใฉนเลย
ยามชุ่มหญ่าชื่นแห้ง เที่ยวร้อนรรานผลู ๚ะ
๒๙๙. สู่เขาเขาเรียกเวิ้ง ถวายเพลิง
เนินนิเวศวนาเชิง โขดขึ้น
ปูอิฐอัฒจรรย์เริง รุ่มแดด
ย่างเหยียบอายรอุอื้น อุรร้อนรทมใจ ๚ะ
๓๐๐. บันใด่ใครนับถ้วน เท่าใด ก็ดี
เขาว่าอายุไขย เท่านั้น
ฉนี้ฤๅพุทธเวนัย แน่วศรัท ธาแม่
ศิลพัตรชัดเชื่อหมั้น วิโมขษ์ได้ใฉนมี ๚ะ
๓๐๑. ถึงที่มณฑปแม้น เมรุเผา
มีพระพุทธบาทเขา ก่อไว้
มีรูปพระกสปเหงา ยืนง่วง อยู่แม่
มามิทันสุคตได้ นอบเบื้องบทมาลย์ ๚ะ
๓๐๒. พักนานพอสร่างร้อน เรียมมา
ถ้ำนาคคูหาผา ลุ่มพื้น
เห็นหินบดยายา ทุกอย่าง แลพ่อ
เขาว่าบดกินฟื้น โรคได้ดังประสงค์ ๚ะ
๓๐๓. จำนงค์ทานอุทิศให้ เถรสงฆ์
ที่อยู่บริเวณวง วัดนี้
มีเทศน์เรื่องพุทธองค์ ปรินิพ พานแม่
ขรัวอ่านคำภีร์ชี้ เชี่ยวข้อเคยแถลง ๚ะ
๓๐๔. เอ่ยถึงสุภัทธ์ผู้ ปริพพา ชกเอย
เยือนสุคตยามอา พาธแล้ว
ฟังธรรม์เทศนาปรา โมชสมัค บวชพ่อ
บันลุอรหรรตแผ้ว ภพสิ้นสรรพไภย ๚ะ
๓๐๕. อาไลย์ในบทเบื้อง บรมศาส ดานา
องค์พระอานนท์อนารถ สอื้น
พระปลอบโปรดโอวาท วรอนุช อนนท์เอย
ขรัวพี่โอคครวญครื้น ครู่โอ้เอวัง ๚ะ
๓๐๖. ยังมีภิกษุสู้ สมาทาน
ถือธุดงกันดาร เด็ดดื้อ
กรดขาวดาษดงพนานต์ แนวรุกข์ รังเฮย
บิณฑบาตร์เลี้ยงชีพมื้อ มุ่งสร้างแสวงบุญ ๚ะ
๓๐๗. พี่การุณอยากให้ ปัจจัย
เพราะบ่อมีอันใด อิกด้วย
พระป่าไม่อาลัย รับลาภ เงินเลย
รับแต่อาหารกล้วย ซ่มเข้าของฉัน ๚ะ
๓๐๘. ตวันบ่ายวายบอบแล้ว ลากลับ
ถูกเหมาะเคราะห์ดีดับ เดือดร้อน
หลวงจงส่งม้ารับ เรียมสู่ ท่าแม่
เห็นท่าว่าแปลกย้อน ส่งม้ามาสรวง ๚ะ
๓๐๙. ล่วงดงรังเยี่ยมเบ้า สุมทุม
สองฟากมรคาคลุม ใผ่ครึ้ม
แดดอ่อนชอุ่มลลุม ลมเฉื่อย ฉิวแฮ
เสนาะแต่เสียงกระหึ่มฮื้ม พิหคร้องรงมรัง ๚ะ
๓๑๐. มากระทั่งถึงท่าล้า ลลานนัก
จำหยุดชายหาดพัก ผ่อนเปรี้ย
ฝูงชนต่างสมัคทัก ถามข่าว พี่แม่
พี่ตอบถ่อมตัวเตี้ย ไปต้องการภูมิ ๚ะ
๓๑๑. อูมพยูมพรรคพวกเมื้อ มาเกวียน
เกวียนอยุดพักโคเจียร ค่ำโอ้
อนารถเดินบุกพนมเพียร กลับอ่อน ระอานา
เพราะว่ากลัวจักโพล้ จักเพล้กลางทาง ๚ะ
๓๑๒. เดินไพรกรำแดดสท้าน ทีประชวร
อาบอุทกอกรัญจวน ปวดเกล้า
ทุกคนบ่นออดครวญ ครางครั่น ตัวนา
บ้างอ่อนนอนซบเซ้า แทบสิ้นสนุกสนาน ๚ะ
๓๑๓. มีการล้างรูปต้อง นอนดึก
ตุปตุปปวดเศียรนึก แต่บ้าน
กายสุขพี่เพลินฮึก เฮเที่ยว สนุกนา
ปางป่วยคิดครั่นคร้าม ใคร่เมื้อคืนเมือง ๚ะ
๓๑๔. เนืองเนืองชาวบ้านต่าง มาหา
ขนเครื่องกำนัลมา เยี่ยมให้
ขอบใจแต่ตัวตา เทศนัก สุราแม่
ตามติดพี่ชิดใช้ เชื่องเต้นตัวเกลียว ๚ะ
๓๑๕. มาเที่ยวออกเบื่อด้วย คนตอม
ต้องแจกสุดจักออม อดด้าน
คราวไปลพบุรีงอม หลายชั่ง เทียวแม่
พี่เข็ดคิดขี้คร้าน ใคร่เอื้อนอำนาม ๚ะ
๓๑๖. เสียความเพราะบ่าวเลี้ยว หลงทาง มาแม่
พบพวกตัดฟืนกลาง ป่าไม้
เขาซักไป่ชักพราง นายบอก ตลุยเฮย
ออกท่าโอ่ตัวให้ ส่งพ้นไภยดง ๚ะ
๓๑๗. เขาสงสัยท่าแล้ว เห็นที แผกฮือ
ชรอยจะเป็นคนมี ศักดิกล้า
พอทราบครู่เดียวตลี ตลานเล่า ลือแม่
พี่แจกเงินแจกผ้า ทั่วผู้มาเยือน ๚ะ
๓๑๘. เที่ยวเถื่อนไว้ยศไว้ ภูมฐาน ก็ดี
ลำบากแก่กรมการ ไพร่ด้วย
ตัวเราก็รำคาญ ซ้ำทรัพย์ เปลืองแม่
ยามย่างคนตามย้วย หยุดล้อมวงรวัง ๚ะ
๓๑๙. พี่ฟังชาวบ้านร้อง ปรับทุกข์
ถึงแต่เรื่องโจรชุก ฆ่าปล้น
มีทรัพย์บ่อมีสุข แสนทุเรศ แล้วแม่
ทางบกทางเรือค้น คอกต้อนโคควาย ๚ะ
๓๒๐. ทั้งหลายหลงเพ้อพูด ทำไม เพื่อนเอย
พี่หมดเสียงใดไป ช่วยป้อง
เบื่อหูเบี่อหัวใจ เจื่อนโลก แล้วรา
เลยพี่กลับสู่ห้อง นิทร์แล้วลานอน ๚ะ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ