วันที่ ๑๘

วันที่ ๖ มินาคม ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๖๕๒. เพลาภาณุมาศใกล้ แกลภพ
มยุเรศร้องรงมคบ ค่าไม้
หอมป่ากลิ่นผกาตระหลบ เลวงจิตร กูเอย
ผวาตื่นฟื้นองค์ให้ ปลุกผู้คนขมัน ๚ะ
๖๕๓. วันที่สิบแปดเลี้ยว ลำลหาร
ถึงโขดสิงขรทยาน ย่ำน้ำ
เขาหมาไล่กวางนาน น่าพิศ วงแม่
หลายท่าหลายทีล้ำ เล่าแล้วเรียมตลึง ๚ะ
๖๕๔. เขาหมาฝั่งนี้โน่น เขากวาง แม่เอย
หกเที่ยวหกท่าทาง ที่อ้อม
เดี๋ยวหมาอยู่วังนาง กวางอยู่ หลังแม่
เดี๋ยวก็เขาหมาด้อม ดุจกั้นกวางหนี ๚ะ
๖๕๕. ถ้ำชนีพิลึกถ้ำ ชนีมี ชนีฤๅ
โหนช่องคูหาที ทุ่มร้อง
พี่มองพี่มุ่งสี ขเรศห่อน เห็นเลย
สดับแต่ปั๋วปั๋วก้อง โขตรเล้นกายหาย ๚ะ
๖๕๖. หลายแก่งหลายเรี่ยวล้วน สายชล เชี่ยวเฮย
ตระหน่ำกรำหนาวทน ถ่อเต้า
ฝั่งผาพฤกษผกากล ใครประดิษฐ์ ไว้ฤๅ
เหลืองอ่อนเกษรเช้า ฉ่ำคุ้งสุคนธ์รเหย ๚ะ
๖๕๗. เลยเรี่ยวหิดดาษล้วน ลอนหิน
ตละปุ่มตละป่ำถวิล ว่าปั้น
พี่โชงกก็ชเงื้อมสินธุ์ ซึ้งส่อง ฉายเอย
ไม้ช่อกลฉัตรชั้น เชิดก้านตระการผา ๚ะ
๖๕๘. เสลาพิลึกแล้ว เรียกสพาน หินแม่
หลายแห่งแห่งทึบสถาน เทือกป้าม
ควะคว้างควากลากเรือปาน เรือเชิด ชันแม่
เหนื่อยเหนี่ยวขืนเชี่ยวข้าม แก่งแล้วลอยลำ ๚ะ
๖๕๙. ชำเลืองแลใผ่ก้อง กอฟาก กระโน้นแม่
ไก่ป่าอิงป่าหลาก ทุกครั้ง
เสียงก๊อกก๊อกกระเต๊กกระต๊าก เตือนใข่ คนองเอย
พึบพับโผบินทั้ง เที่ยวคุ้ยขุยขรม ๚ะ
๖๖๐. พนมเนินเขินโขตรซ้อน สลอนตา
พอลับหมากวางมา หน่อยแล้ว
ยุ้งเข้าเอ๊ะยุ้งผา ผทุกสิ่ง ใดนอ
เป็นเหลี่ยมเยี่ยมโพยมแป้ว ใหล่ตั้งกลางหน ๚ะ
๖๖๑. มาดลแดนเรี่ยวร้อง เรียกพรุ ไพรแม่
แลควั่งผังผางดุ เดือดผลุ้ง
เรือเหนี่ยวหลุดเชี่ยวลุ ชลเอ่อ อับเอย
แจวครึบครึบเลียบคุ้ง เขยิบเลี้ยวลำมา ๚ะ
๖๖๒. ภูผาไกลฝั่งช้าง ภีภี
กลรูปคชโตที ตล่อมป้อม
รวกสยอยเฉกขนสี มอเมื่อม แม่เอย
ช้างใหญ่ไร้ชีพซ้อม เศิกรู้แทงใฉน ๚ะ
๖๖๓. ให้จอดท่าเกรี่ยงเลี้ยง กันสบาย
เห็นเกรี่ยงลงเรือพาย เลียบเยื้อง
แวะหาปลัดเปียถวาย ตัวพบ พี่แม่
พี่แจกเงินเฟื้องเฟื้อง หนึ่งให้รายตัว ๚ะ
๖๖๔. เกรี่ยงผัวตัวโจกนั้น นามนาย ลูแม่
พาเกรี่ยงเจเมียหมาย อวดหน้า
ถวายเสื้ออย่างเกรี่ยงลาย เกรี่ยงปัก ทอเอย
พี่ตอบเงินตอบผ้า ผ่อนให้ไปสงวน ๚ะ
๖๖๕. ส่วนเลโพเกรี่ยงผู้ ผัวพา
นางเกรี่ยงทองยามา ใฝ่เฝ้า
พี่ถามบอกทางหา กินถาก ไร่แม่
ปลูกผักผลไม้เข้า ค่อยเลี้ยงกันกิน ๚ะ
๖๖๖. ไม่ยินดีโลภดื้อ ดีหนอ
พออิ่มพอหลับพอ ชีพคุ้ม
เสื้อผ้าก็หาทอ ทำทุก สิ่งแม่
สารพัดหัดตัวอุ้ม อาตม์ง้อใครมี ๚ะ
๖๖๗. ที่นี่ใครขับเขี้ยว เข็ญระกำ ใจเฮย
ฤๅถูกโรคไภยทำ ไร่แล้ง
เกรี่ยงอพยบสำ มโนครอบ ครัวแม่
ไปอยู่ป่าโน้นแข้ง เพื่อนคล้ายปีกโผ ๚ะ
๖๖๘. ถึงโซสิงป่าแม้น แสนขัด ก็ดี
เกรี่ยงก็พอใจถนัด อยู่ไม้
ใครชวนสู่จังหวัด เมืองไม่ ชอบเลย
กลัวจะเจ็บจะไข้ จะต้องตายสลาย ๚ะ
๖๖๙. ใหนสบายอยู่นั่นสู้ หากิน
เหมือนอย่างปักษินบิน ป่ากว้าง
เป็นสุขแก่กายยิน ดีแก่ ใจนา
แต่บ่อเห็นเหตุสร้าง โลกให้เจริญ ๚ะ
๖๗๐. ตาขุนทำเชื่องแม้ เรียมถาม ใดแม่
บอกแต่ไม่ทราบยาม อยากแจ้ง
ไปใหนผิไกตาม ไปจัก ไปนา
บยอกแต่อยากอยากแกล้ง หลอกห้ามตามวิธี ๚ะ
๖๗๑. แม้นมีใครสมัคเข้า มาขัน นำแม่
แอบขู่กำชับกัน โชกด้วย
ครูแกชั่งแก่ขยัน แต่บิด ตะกูดเฮย
ถนัดแต่ขู่ชาวห้วย ป่าอ้างสินบน ๚ะ
๖๗๒. จนเกรี่ยงมาเยี่ยมปลื้ม ใจนับ ถือนา
เถ้าโผล่ดอดบังคับ ขู่ฟ้อ
ให้ร้องแลให้ขับ ลำเกรี่ยง ถวายแม่
ต้องไล่ให้เถ้าท้อ ฤทธิ์รู้สึกตน ๚ะ
๖๗๓. เรียกคนเตรียมออกเมื้อ ชลมรรค
พวกเกรี่ยงบ่ออยากจัก ใคร่เต้า
ปูผ้ากราบสามพัก เพียงกราบ พระแม่
อิ่มแต่ยินดีเฝ้า ส่งพ้นตาเรียม ๚ะ
๖๗๔. เยี่ยมถึงวังใหญ่เวิ้ง วังวน
พบแต่เรี่ยวฉวางชล เชี่ยวคว้าง
วังใหญ่ใช่วังวล วังพี่ ดอกแม่
ใหญ่ว่าใหญ่โตสล้าง สลับล้วนเลาผา ๚ะ
๖๗๕. ชายตาแลฝ่ายเบื้อง ปฤษฎางค์
เห็นแต่เขาปิดทาง เทือกซ้อน
ภายหน้าก็ผาขวาง หน้าอุด ทางแม่
เหตุแม่น้ำยอกย้อน ตลบเลี้ยวหลายขบวร ๚ะ
๖๗๖. ผนังล้วนหินใหญ่ก้อน โตกอง
ชเงื้อมแง่แลลึกมอง ร่มง้ำ
เรือเล็กน่าจอดกรอง ผกาพากย์ พี่เอย
ชมฉากวิ้วฉวากน้ำ นิเทศเวิ้งวนาผา ๚ะ
๖๗๗. มาถึงห้วยกุ้งแห่ง สกัดลำ
คนลากหลังโกงทำ เทียบกุ้ง
กุ่มตใคร่ใผ่ผนังกำ แพงพืด ทางเฮย
สีสอดแลตลอดคุ้ง คดครึ้มแสนงาม ๚ะ
๖๗๘. ยามเที่ยงเพียงพี่กลุ้ม กลางใจ พี่เอย
วังกร่างบ่อเห็นไกร กร่างบ้าง
งอกกลางเกาะใดใบ บังจอด เรือนา
วังกร่างโกร่งกร่างข้าง แก่งกลิ้งกรวดผา ๚ะ
๖๗๙. เห็นเขาท่าตะกั่วซ้าย มือลิบ ลิบเอย
แสงแดดเผายิบยิบ ย่านโน้น
เรือฝืดตืดกระดิบกระดิบ ดูอัด ใจแม่
ค่ำและถึงท่าโน้น แน่ค้างคืนปอง ๚ะ
๖๘๐. ถึงทับตองแทบต้อง จอดประทับ
ชลเชี่ยวเรี่ยวแรงผับ ผับผุ้ง
ล้มตะครุบลากตุบตับ ต่างเถลือก ถลนแม่
หลุดแก่งทับตองคุ้ง อับอ้อมแจวมา ๚ะ
๖๘๑. ถึงแก่งสารวัดก้อน หินขวาง
กลางนทีมีทาง เลียบอ้อม
ฝั่งขวาน่ากลัวปาง ลือชื่อ ดอกแม่
ครั้นเมื่อจริงพรักพร้อม ฉุดขึ้นเร็วสบาย ๚ะ
๖๘๒. บ่ายลงสรงสริระห้อง แก่งหิน
รับเรี่ยวเกลียวกระแสรสินธุ์ ชร่าฟุ้ง
สารวัดอยู่สกัดดิน แดนตรวจ ใครรา
พี่ไม่นึกปึกสดุ้ง แก่งด้วยอันใด ๚ะ
๖๘๓. ให้ออกเรือรีบร้อน เร็วลี ลาแม่
สองฟากมากหินมี เกาะน้อย
ตใคร่ครึ้มน่ายินดี จอดนั่ง เล่นแม่
หากบ่ายสุริยฉายคล้าย พี่คล้อยคลาเลย ๚ะ
๖๘๔. ชเง้อเงยเห็นตระหง่านเงื่อม ดงไกล
เขาสระสี่มุมใน ภาคโน้น
ยามเย็นลบัไรไร ลาโลก แล้วแม่
พิศโขตรสิงขรโพ้น พ่างน้ำเงินขึง
๖๘๕. ถึงเมืองท่าตกั่วให้ พลพาย
จอดหาดหนองกระแซชาย ฝั่งข้าม
เรือนมอญตัดไม้หลาย หลังอยู่ แรมแม่
ทำไร่ไม่เข็ดคร้าม ใคร่เลี้ยงดูครัว ๚ะ
๖๘๖. มโดดตัวเอกโอ้ อนาถา
ท้องป่องผมเซิงตา เหลือกปลิ้น
น่ากลัวน่าเกลียดสา รพัดพิรุธ โทษแม่
เสือกเสออะเลอะเทอะลิ้น ล่อยเพ้อโผงอึง ๚ะ
๖๘๗. อวดถึงของวิเศษข้าง อาคม
บัวเหล็กคงกระพันถม เวชแกล้ว
แกบวชสวดเรียนสม ถะเที่ยว ธุดงค์แม่
ถึงเมาะตะมะแล้ว ลาภได้ของดี ๚ะ
๖๘๘. สี่ก้อนถลุงแล้วเหล็ก บัวเอก
สองลูกขออวยเศก ป่าให้
ไม่อยากรับของเกก มะเหรกคลั่ง ชนี้แม่
แต่ขัดแกไม่ได้ รับแล้วรางวัล ๚ะ
๖๘๙. ขันขันครูวิเศษเถ้า มอญบอ
ถูกพวกเรารุมขอ ออกกลุ้ม
ยาว่านแร่ขลังยอ แกส่ง ตลุยแม่
บอกแต่อุปเท่ห์คุ้ม ทุกข์ข้อแขนงพราย ๚ะ
๖๙๐. นายพลอยสรวงเหล้าสู่ ตามะ มอญเอย
ดื่มเอือกตาเหลือกผละ เหล็กให้
ลูกเดียวติดตัวจะ ยออย่าง ไรแม่
เป็นไม่ยอมให้ได้ ดุจต้องประสงค์ขอ ๚ะ
๖๙๑. พอเสวยเสาวโภชน์แล้ว เรียมแล
เห็นมะมอญเมาทแย อยู่ฟุ้ง
รำเต้นเล่นออกแอ๋ เอ็ดหาด มอญเฮย
คุยเที่ยวถึงย่างกุ้ง กระทั่งด้าวมัณฑเล ๚ะ
๖๙๒. โซเซมาจากแคว้น เมืองทวาย
ไข้ป่ากินเกือบตาย ซูบก้าง
ถึงเมืองท่าตะกั่วหมาย พักรัก ษานา
ยิ่งอยู่ยิ่งเพลินค้าง อยู่สิ้นสองปี ๚ะ
๖๙๓. ราตรีแสงสว่างด้วย เผาดง
ฉายเฉกไฟฟ้าลง แหล่งน้ำ
น่าพินิจพิศวงวง วนาท่า ตะกั่วแม่
แปลกเนตรสังเกตุล้ำ เล่าแล้วลาที ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ