วันที่ ๒๔

วันที่ ๑๒ มินาคม ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๙๙๐. วันที่ยี่สิบสี่เช้า มืดออก เรือนา
เขาฉอุ่มคลุมหมอกหมอก เมฆกลุ้ม
หนาวน้อยทุมากระฉอก ชลไม่ มากเลย
เห็นแต่อายเขาคลุ้ม เคลือบพื้นพโยมมัว ๚ะ
๙๙๑. น่ากลัวเมื่อข้ามแก่ง ขาลง
น้ำเชี่ยวเกลียวกระแสรลง วุ่นคว้าง
โยงเชือกเลือกถ่อประจง ชลอล่อง โรยแม่
ยามแล่นแม้นขวางข้าง แก่งแล้วเหลือใจ ๚ะ
๙๙๒. แก่งใหญ่ถึงใช้เชือก ชโลงยาน
แก่งเรี่ยวเป็นแต่กราน ถ่อค้ำ
แม้นเกยกรวดหินลาน ทรายท่อง เข็นแม่
วังอับจับแจวจ้ำ แล่นเจื้อยเฉื่อยฉิว ๚ะ
๙๙๓. ลอยละลิ่วเร็วรวดได้ ดังจิตร์
ทิวฝั่งนั่งชมชนิด มากไม้
ถึงเขาที่เพลินพิศ ดูชื่น ชมแม่
งามเกาะกลางชลใกล้ เนตร์เลี้ยวเรือจร ๚ะ
๙๙๔. แต่ก่อนน้ำตกน้อย แห่งเห็น
ขากลับรับฝนเย็น ป่าล้น
ตลิ่งฝั่งหลั่งทลักเป็น พุมาก มีแม่
เสียแต่ขุ่นโคลนข้น คลักคล้ำลำใหล ๚ะ
๙๙๕. แก่งใหญ่ที่ข้ามฉุด เชือกรับ เรือแม่
สีแห่งแห่งประรอมกับ ม่องตี้
แก่งดึกดักพักกลับ ดูค่อย สบายแม่
แต่แก่งต้ำเปอะนี้ เรี่ยวน้ำใหลแรง ๚ะ
๙๙๖. ถึงแก่งหางนาคเลี้ยว เรือรา
จอดท่าอาเหนียวหา กับเข้า
มอติเกรี่ยงหนุ่มมา มองพี่ ถามแม่
บอกว่าบ้านโคตร์เค้า อยู่ข้างบนดร ๚ะ
๙๙๗. แต่ก่อนอยู่บ้านสระ สี่มุม
บ้างก็อยู่สุมทุม ป่าโน้น
โรคพายุห่าใหญ่รุม รานชีพ
บุกป่าหนีมาโข้น ไร่ตั้งภูมิฐาน ๚ะ
๙๙๘. ขึ้นไปบ้านเกรี่ยงล้วน เกรี่ยงทำ ไร่แม่
พริกผักฟักมะเขือชำ หน่อกล้วย
น่าฝนหยอดเข้าประจำ ปี่ปลูก อ้อยเอย
สตว์ป่ามาตามห้วย แอบด้อมมองยิง ๚ะ
๙๙๙. สิงสู่อยู่กระท่อมน้อย รุงรัง
สกปรกหมกเหม็นสัง เวชกล้า
ไม่รู้ไม่เรียนหนัง สือทราบ เลยแม่
ถือต่อพ่อแม่ถ้า เช่นเชื้อเดรฉาน ๚ะ
๑๐๐๐. นายบ้านถูกเข้ากระ บวนเกณฑ์
ชายที่ฉกรรจ์เจน ป่าด้วย
เหลือหญิงกับชายเดน ชราโรค พิกาลแม่
ทำไร่ใช้ส่งกล้วย กับเข้าของเสบียง ๚ะ
๑๐๐๑. เลี้ยงชีพประสาขัดสู้ แสวงเพียร
ยังมิพ้นเบียดเบียฬ บ่อนใช้
คนยากยากจนเจียร ตัวไม่ รอดแม่
ควรจะออกเงินให้ ค่าคุ้มของมัน ๚ะ
๑๐๐๒. ภรรยามุสุคว้า เปราะหอม
เห็นที่เยี่ยมเรือยอม ยกให้
ฟังคำทักทายถนอม ใจแปลก หูฤๅ
เคยแต่ขู่รู่ใช้ เรียกเข้าเกณฑ์เกลือ ๚ะ
๑๐๐๓. มาเรือพวกเกรี่ยงร้อม ตามดู
สามสิบเจ็ดคนพรู พรั่งล้อม
พี่ออกเวทนาสู สังเวช ใจแม่
มีแต่เงินเฟื้องพร้อม จิตร์ให้เสมอกัน ๚ะ
๑๐๐๔. พัลวันตื่นเต้นรับ อามิส พี่เอย
เก็บผักหักอ้อยปลิด ลูกกล้วย
ตามประสาขัดสนคิด คุณตอบ คุณแม่
ขนส่งลงเรือด้วย ต่างปลื้มเต็มประดา ๚ะ
๑๐๐๕. เมื่อออกนาเวศคล้อย ลำลา
เหล่าเกรี่ยงลงกราบถลา ราบพื้น
เหมือนไหว้พระวันทา พระนึก พระฤๅ
นั่งเหม่อแลชเง้อสอื้น อกอั้นอาไลย ๚ะ
๑๐๐๖. ใกล้หาดตาเหล็กใกล้ ฝั่งเห็น
ชนีโลดโดดไม้เย็น ยะเยือกร้อง
ยั้วเยี้ยพฤกษาเอ็น ดูเยี่ยม มองแม่
เขาจอดโจนโห่ก้อง ไล่คว้าชนีหนี ๚ะ
๑๐๐๗. พี่ทายหมายถูกแม้น เหมือนทาย
คนย่องดินตเกียกตกาย จักคว้า
ชนีโหนกิ่งไม้หลาย ส่วนผิด กันแม่
สักครู่ดูเงียบหน้า ม่อยเก้อกลับจริง ๚ะ
๑๐๐๘. ถึงสิงขรปากถ้ำ ผีตี นางแม่
แอบจอดเชิงคีรี ร่มไม้
ชวนกันไต่ตลิ่งลี ลาลื่น ชันเฮย
ราวยี่สิบวาใกล้ ปากห้องคูหา ๚ะ
๑๐๐๙. โอฬาร์ดิเรกแล้ว เหลือปลาด
เขียวแก่แลผนังผาด พู่ระย้า
กว้างขวางพร่างพราวหยาด น้ำน่า ชมเอย
มีปล่องช่องผาถ้า ลดเลี้ยวหลายเชิง ๚ะ
๑๐๑๐. วงเวิ้งเพิงห้องสุด อัศจรรย์
กลคุหาชาลวัน ฉวากโพ้น
ชั้นชโงกหลืบโกรกชัน ชานชอก สลอนแม่
เที่ยวนี่ลัดที่โน้น เลียบเลี้ยวเลาผา ๚ะ
๑๐๑๑. ปางคูหาห้องแคบ ขยายใน
ว่างโว่งโล่งแลไพร โรจแล้ว
ซอนซอกกรอกเกริ่นไสว แลแปลก ตาแม่
ชมทั่วทุกถิ่นแพร้ว พี่ลี้ลาดง ๚ะ
๑๐๑๒. ตรงวิถีมีฉวากห้อง หินลึก
ย่อมกว่าถ้ำก่อนซึก ซอกเลี้ยว
กระโจมโพงพิศโล่งอะทึก ทีปลาด นักแม่
เล็กปากภาคย์ในเลี้ยว ออกกว้างขวางดี ๚ะ
๑๐๑๓. เชิงคิรีมีกล้วยฝาก แฝงเฌอ
ปีนถนัดตัดกิ่งเจอ จับได้
เหลืองเชียงใหม่มาเสนอ เนตรพี่ เองแม่
พี่ปลูกผูกกระเช้าไว้ หว่างข้างเก๋งชม ๚ะ
๑๐๑๔. สมหมายได้กล้วยพี่ อาวรณ์ หวังเฮย
กลับสู่นาวาจร จากถ้ำ
มาดลย่างสิงขร กินเรศร์ เจ้าเอย
จอดท่าคูหาง้ำ ชโงกให้เห็นงาม ๚ะ
๑๐๑๕. สุดพยายามขึ้นเยี่ยม คูหา
สูงละลิ่วแลละลานผา พืดย้อย
ถึงงามแต่มงามตา ชมฉวาก งามแม่
งามไม่เหมือนงามร้อย เท่าได้เดินชม ๚ะ
๑๐๑๖. ระดมดูกล้วยไม้แมก มรรคา ไลยเอย
จอดเก็บหลายคลาหา แต่กล้วย
ดอกเหลืองเนื่องเอนกมา สมมาตร์ มากแม่
สนุกตื่นชื่นชมด้วย สรบข้อคนึงหวัง ๚ะ
๑๐๑๗. มากระทั่งถึงแก่งลว้า โวยวาย
ชลเชี่ยวเกลียวใหลพราย คลื่นคว้าง
เหนี่ยวเชือกเถลือกถลนหลาย คนช่วย รดมแม่
น้ำปัดซัดเรือตั้ง ถ่อค้ำประจำการ ๚ะ
๑๐๑๘. ผ่านเขาเคียงเขตร์ท้อง ไอยรา
งามชโงกเสลาผา ชง่อนเงื้อม
รวยระรื่นกลิ่นผกาสา ยัณฑ์วิเวก วนาเอย
ลูกชนีน้อยเอื้อม หัดห้อยโหนกระเจิง ๚ะ
๑๐๑๙. เชิงสิงขรกล้วยเกาะ ไม้สูง
สุดมุ่งป่ายปีนจูง แกะได้
เลยชมมัจฉาฝูง คลาคล่ำ
เพลินจิตร์จนมาใกล้ พุท้องคเชนทร ๚ะ
๑๐๒๐. จอดนอนตรงฝั่งท้อง ช้างชม พุเอย
พลบบ่อเห็นลอองลม ร่วมย้อย
สดับเสียงพุเพนียงขรม คระครึกครั่น โครมแม่
กระนั้นพี่ยังนั่งชม้อย เนตร์แล้วหลงเพลิน ๚ะ
๑๐๒๑. บนเขินสีขเรศร์แสร้ เสียงเสนาะ
มยุเรศร์สู่รังเกาะ กิ่งร้อง
เกริกกรอนกฉอเลาะ เลวงสนั่น ไพวแม่
กดเปิดคอนเสิดพร้อง เพราะเวิ้งวนาสถาน ๚ะ
๑๐๒๒. พรานเพชร์เด็ดนักเต้น ตามเสียง
เจอะคู่มยุระจับเคียง คู่ฟ้อน
เขม็งยืนลั่นปืนเพนียง เพลิงพลุ่ง ปึงแม่
ถูกอกนางนกซ้อน เสียบหน้าผวาลง ๚ะ
๑๐๒๓. สงสารนกผู้กระ เจิงสูญ
พรานยิ่งไล่ยิงมยูร ยิ่งลี้
นางนกตกดินพูน เทวศมอด ม้วยแม่
เอาแต่ตัวรอดนี้ นกรู้เหมือนกัน ๚ะ
๑๐๒๔. เรายลยูงอย่างปลื้ม ทุกตัว คนแม่
สนุกนี่เหลือเสียงหัว เราะครื้น
สรวลเสเบียดเฮมัว ดูแฉละ หมังเฮย
เป็นที่ปีติตื้น จิตร์ด้วยสมประสงค์ ๚ะ
๑๐๒๕. หนังส่งสั่งล้างเมือก ยาสตับ
ดีส่งสั่งคีบตับ ผึ่งปิ้ง
เนื้อส่งสั่งแกงกับ ทอดสู่ เสวยแม่
ไส้ส่งสั่งให้ทิ้ง เหยื่อป้อนฝูงปลา ๚ะ
๑๐๒๖. ราตรีมีประทีปขึ้น แขวนบน พุเอย
เรื่อเรื่อริมสายชล พร่างพร้อย
งามเวิ้งวนาสนฑ์ สราญน่า ชมแม่
โสมส่องแสงโคมน้อย หรี่รย้าพาเกษม ๚ะ
๑๐๒๗. เปรมปรีดิ์พี่ให้แต่ง ชานเรือ
ผูกกระเช้ากล้วยเครือ พฤกษ์ห้อย
กระเทียมช้างปลูกอ่างเหลือ งามประดับ ประดาเอย
โคมกระดาดแขวนระยะย้อย ยั่วชื้นชวนเสวย ๚ะ
๑๐๒๘. ไม่เคยกินมากแม้น เหมือนวัน นี้เลย
อะหร่อยโอษฐ์อิ่มอุราครัน ครากท้อง
แต่ปากพื่อยากสรรพ์ วรโภชน์ อิกแม่
กายไม่ตามใจต้อง อยุดต้องตามพนอ ๚ะ
๑๐๒๙. นั่งหัวร่อระรื่นโจ้ เจรจา
สรวลสนั่นขันเฮฮา ครึกครื้น
จนสี่ทุ่มเพลา ภิรมย์นิท ราแม่
สู่ที่นอนนอนชื้น จิตร์เคลิ้มคลาเกษม ๚ะ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ