วันที่ ๒๑

วันที่ ๙ มินาคม ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๘๐๒. สลบไสลไสเยศกล้ำ กำศรวญ ทรวงเอย
ยี่สิบเอ็ดวันจวน รุ่งแล้ว
พลพายบ่ายเรือทวน อุทกยาต รานา
ผวาตื่นฟื้นองค์แล้ว ภักตร์พื้นเพดี ๚ะ
๘๐๓. พี่ส่องฉายภักตร์อ้วน อวบขึ้น นักแม่
องค์เบ่งทรวงเต่งครัน แต่คล้าม
หนามขีดข่วนชงฆ์อัน ตรายเสก็ด มากแม่
เพราะเที่ยวบกน้ำข้าม โขตห้วยละหารเพลิน ๚ะ
๘๐๔. เรือเดินสดุดเรี่ยวเลี้ยว หลีกหลัก หินแฮ
ถึงแห่งดึกดักคลัก คลักผล้าน
เชี่ยวหนักฉุดเรือหนัก เข็นหนัก แรงแม่
ตึกตักคลุกคลักคร้าน ครูดท้องเรือโครม
๘๐๕. สองฝั่งโทรมเนตร์ไร้ เขาตก น้ำนา
เป็นเทือกหินดินหมก หยากหญ้า
ไม้ทึบสกปรกรก แลจืด ใจแม่
ผูกแต่หวังตั้งน่า พุน้ำโจรคนึง
๘๐๖. ถึงแก่งม่องตี้แยก ทางสอง แควแม่
เรือหลีกขวามือมอง คลื่นคว้าง
ทลึ่งทลักคลักคลักคลอง แคบลิ่ว ลงแม่
กลางเซาะเป็นเกาะข้าง ถ่องน้ำลำใหล ๚ะ
๘๐๗. นึกได้เมื่อครั้งพี่ โดยเสด็จ
ถึงแก่งม่องตี้เข็ด ร่องซ้าย
หลงคลำค่ำมืดเอ็ด ตะโรรีบ มาแม่
น้ำปัดซัดเรือคล้าย มัดสิ้นตีนมือ ๚ะ
๘๐๘. หวือหวือลอยละลิ่ว ลำพะ
กิ่งตะไคร่ไม่รู้จะ คิดแล้ว
ต้องเกาะกิ่งตะใคร่ระ กิ่งผูก เรือแม่
ง็อนหง่อนอนงอแอ้ว แซ่วค้างคืนนอน ๚ะ
๘๐๙. คลื่นสท้อนเรือฟาดท้อง ถอยปรูด
กลัวจะฟาดหินขูด แบะขว้ำ
คนประคองล่องฉุดกรูด กรวดครืด ครืดแม่
เลยแก่งน้ำอับน้ำ เอ่อแล้วลอยดี ๚ะ
๘๑๐. เห็นมีไร่กล้วยกลาด ดรบน
ชายฝั่งตั้งเรือนคน ตัดไม้
แต่ใฉนมิได้ยล คนสัก ผู้เลย
แท้ว่าพากันใผล้ ป่าเข้าแสวงงาน ๚ะ
๘๑๑. เห็นเขาเทือกใหญ่ตั้ง โตตระ หง่านแม่
บ้างก็เรียกเขาพระ แผกเค้า
น้อยใจที่ไกลระกะ ชลมารค แม่เอย
เบื่อฝังรุงรังเฝ้า เผื่อนน้ำใจมอง ๚ะ
๘๑๒. ถึงช่องเรี่ยวน้ำแก่ง หลวงเหนือ
บ้างเรียกแก่งปะรอมเหลือ แน่ได้
อุตหลุดถ่อฉุดเรือ ไปฝ่าย ขวาแม่
ดูหาดทรายชายไม้ รกเรี้ยวรุงรัง ๚ะ
๘๑๓. บนฝั่งมีบ้านเรียก ท้ายไทร โยคแม่
เขาตัดไม้รวกใน ป่าถ้ำ
กะยาวหกวาไป ขายโป๊ะ ปลาแม่
หกบาทส่งปากน้ำ ต่อร้อยลำขาย ๚ะ
๘๑๔. เห็นเรือพายล่องร้อง ถามฝี พายแม่
ว่าพระยากาญจน์บุรี ท่านใช้
มาสืบว่าว่าใครลี ลาบอก เร็วพ่อ
พวกพี่นิ่งยิ่งใกล้ เฉียดเข้ามาแล ๚ะ
๘๑๕. ชแง้หน้ามาเจอะหน้า เราหมอบ
เหมือนจะรู้จักตอบ อ่อนน้อม
พี่ถามเหตุใดลอบ รู้ว่า มานา
เขาว่าคนล่างอ้อม แอบขึ้นมาเรียน ๚ะ
๘๑๖. ขุนเสมียรมีชื่อตั้ง จำนงค์
รับสั่งมาหวังประสงค์ สืบเค้า
ไปเสนอเหตุใครตรง มาสู่ แคว้นนา
ราชกิจติดพันเร้า เร่งร้อนใฉนมา ๚ะ
๘๑๗. บัดนี้พระยาผู้ว่า ราชการ เมืองเฮย
กับท่านข้าหลวงทหาร ฝรั่งด้วย
ยังพักอยู่ท่าสถาน ไทรโยค นั้นพ่อ
จวนจะเดินบกห้วย ป่าพร้อมเพรียงเตรียม ๚ะ
๘๑๘. เรียมบอกเรียมใช่ผู้ เชิญราช กิจพ่อ
มาเที่ยวเล่นตามมาตร์ ใคร่เมื้อ
เขาทราบรีบกระวีกระวาด พายกลับ ไปแม่
ดูนี่ชั่งเอื้อเฟื้อ รับใช้กระไรหนอ ๚ะ
๘๑๙. พอถึงหน้าบ้านพระ นิโครธา พิโยค
แพก็มากเคหา มากด้วย
ปรำเรือจอดฝั่งขวา มีมาก ลำแม่
คนมากยืนเยียดย้วย ย่านบ้างกางเต็น ๚ะ
๘๒๐. เสาหงษ์เห็นตั้งช้าย ทีวัด
แต่ไม่เห็นสงฆ์สงัด เงียบร้าง
ฝั่งขวาออกแออัด คนแน่น หนาแม่
ไทยเกรี่ยงไทยยืนช้าง ท่ากลุ้มรมดู ๚ะ
๘๒๑. พระยาสุรินทร์ผู้รั้งเขตร์ กาญจน์บุรี
เห็นพี่ซุบซิบที คิดบ้า
หลบกายวุ่นวายตลี ตลานแอบ พี่แม่
กลัวจะผิดที่ช้า ราชใช้ไปการ ๚ะ
๘๒๒. นายทหารคนหนึ่งนั้น ฉับเฉง
วุ่นแต่สรวมกางเกง สอดเสื้อ
ดีร้ายจะอายเกร้ง เสียชื่อ กระมังแม่
เผื่อพี่เห็นนั่งเนื้อ หน่อยรู้ถึงนาย ๚ะ
๘๒๓. วุ่นวายเพราไม่รู้ ถนัดใคร จรแฮ
นีกว่าข้าหลวงใน นิเวศเต้า
แม้นทราบพี่ทรามไอย สวริยะศักดิ์ มาแม่
คงไม่กาหลเฝ้า ตื่นเต้นตึกตัก ๚ะ
๘๒๔. สองฝรั่งหนึ่งนั้นชื่อ คอลิน
นายหนึ่งนามสไมต์ชิน ชอบข้า
เมื่อมาก็ลายิน ดีบอก เรานา
มองพี่ไม่เห็นหน้า นึกส้อนนอนสาย ๚ะ
๘๒๕. ดีร้ายพวกตรวจแคว้น แสนมณ ฑลนา
จักขัดคชพาหน หน่วงช้า
ฤๅเกิดกีดขวางกล ใดสัก สิ่งรา
จึ่งพิลิกนึกเห็นถ้า ถ่วงถ้ากาหล ๚ะ
๘๒๖. พลางยลพลางยาตร์เลี้ยว ลำเรือ มานา
ถึงเที่ยงบ่อถึงเหลือ แสบท้อง
ลุย่านลูกเสือเสือ คลอดลูก ไว้ฤๅ
หิวบ่อกลัวเสือร้อง สั่งให้เรือรอ ๚ะ
๘๒๗. เห็นแต่กอตะไคล่ขึ้น คลุมชาย ฝั่งนา
มองไม่เห็นหาดทราย รื่นเกลี้ยง
สองฟากมากไม้หมาย ฤๅเหมาะ ใหนเลย
จำจอดพงตะไคล่เลี้ยง โภชน์เข้าเบาหิว ๚ะ
๘๒๘. ดูฉิวนิ่วหน้าแทบ ทุกคน
ใครเอ่ยอันใดกล หอกจิ้ม
เจ็บหูเจ็บใจจน ใจคลั่ง หิวแฮ
เปีบสักสามคำยิ้ม ออกสิ้นโทโษ ๚ะ
๘๒๙. ให้โล้เรือรีบเต้า ตามแคว
วังพระเขาพระแล ลิ่วเลี้ยว
เห็นพวกซ่องผูกแพ รวกปลูก กระท่อมแม่
ตั้งทับรับไม้เขี้ยว ขับซื้อขายของ ๚ะ
๘๓๐. ใครปองเสื้อผ้าเครื่อง กินหมาย ใฉนแม่
ยิงสัตว์ตัดรวกขาย แลกได้
มอญเกรี่ยงข่าลว้าหลาย พวกประ ชุมแม่
เป็นตลาดป่าดงใช้ รวกแม้นเงินตรา ๚ะ
๘๓๑. นาวาเลยข้ามแก่ง ปรังเข็น
น้ำเชี่ยวเรี่ยวแรงเป็น ที่เลี้ยว
แก่งปรังว่าปรังเย็น ขอเปรียบ ปรังเฮย
อกพี่เป็นปรังเกี้ยว ทุกข์น้อยใจเหมือน ๚ะ
๘๓๒. ที่เจื่อนที่จืดเปลื้อง แปรเฉียด สนุกแม่
ถึงแม่น้ำน้อยเอียด ฝั่งซ้าย
มีเขาปากช่องเบียด บนหาด น้อยเฮย
ละสิ่งละอย่างคล้าย ใหญ่น้อยถอยกเษียร ๚ะ
๘๓๓. รเมียรดรมะพร้าวค่าย ไทรโยค
มีหาดหัวแหลมโคก เขตร์บ้าน
เขาทิ้งถิ่นเดิมวิโยค ย้ายอยู่ ล่างแม่
เห็นแต่หาดรกร้าง ไร่ล้วนลาพัง ๚ะ
๘๓๔. เมื่อครั้งเสด็จประพาสครั้ง ปีฉลู
เป็นที่พลับพลาผลู ย่านนี้
ปากทางหว่างเขาประตู ป่าใหญ่ แม่เอย
พลางพี่จอดเรือชี้ ช่องให้เหรธ ๚ะ
๘๓๕. มีธ่อธารน้ำตก ต่อเขา
จดหาดเห็นลำเนา น่ายั้ง
แผนผาพืดใหญ่เลา ป่ารื่น รมย์แม่
สมพักสำนักตั้ง ทับน้อยเนาเกษม ๚ะ
๘๓๖. พี่เปรมปรีดิ์ที่ได้ มาถึง
สมจิตรคิดหวังคนึง มุ่งเต้า
สุดรอฤทธิใจพึง ใจอยาก เห็นแม่
ลงสู่เรือแหวดเข้า เขตร์น้ำใจโจร ๚ะ
๘๓๗. แรมรอนทางระยะเวิ้ง จุลวัน
ออกจากปากแพรกบัน ลุแคว้น
ไทรโยคหาดหลวงขันธ์ เขตร์ค่าย นี้แม่
ถึงสิบราตรีแม้น มุ่งเมื้อชมงาม ๚ะ
๘๓๘. สามพันเจ็ดร้อยวัด มรรคา
ห้าสิบห้าเส้นปรา กฏอ้าง
ผิรีบผิเร่งมา มีกิจ ใดแม่
เขาว่าห้าวันค้าง ลุด้าวโดยประสงค์ ๚ะ
๘๓๙. พี่หลงละเลิงเล่นแม้น หมายสนุก
ฤๅเร่งพลพายรุก รีบเต้า
ทั้งเรือก็เหลือสุข เสมือนเย่า เรือนแม่
ใหญ่เฉกโย้เรือนเข้า เขตร์เวิ้งวนาสถาน ๚ะ
๘๔๐. จากธารที่จอดเลี้ยว เรือจร
เป็นตลิ่งสิงขรยอน ยืดอ้อม
หินปีกพฤกษาสลอน เรียงขอบ บนแม่
ผาชโงกโกรกเหมือนย้อม แหย่แต้มต่างสี ๚ะ
๘๔๑. ใครมีมานะตั้ง ต่อยขัด
ลายจะงามตามถนัด เลือกได้
เหลืองแดงม่วงดำปัด ขาวทุก ชนิดแม่
น่าเลียบปูเรือนใช้ เช่นซื้อฝรั่งมา ๚ะ
๘๔๒. น่าผาเป็นซุ้มซึก ซอกเห็น งามแม่
มีพุพุ่งกระเด็นเซ็น ตกเตี้ย
แอบเรือจอดร่มเย็น บังแดด ฝนเอย
ถึงเหนื่อยหายเมื่อยเปลี้ย ทุกข์ปลื้มใจถวิล ๚ะ
๘๔๓. กินตาคราแอบเงื้อม เขาบัง
ดูรูปร่างเล็กสัง เกตุเพี้ยน
ใครพูดก็ก้องดัง ล้อกระ เทือนแม่
หลอกโสตร์หลอกตาเมี้ยน นิมิตร์แม้นเมืองกล ๚ะ
๘๔๔. ฝั่งเฉวียนยลย่านไม้ เชิงชัฏ
เดี๋ยวเปลี่ยนเขาถัด เทือกซ้าย
เดียวสดำหน่อยเฉวียงผลัด ทีกลับ ขวาแม่
แปลกท่าผายืดย้าย ยั่วให้เห็นเพลิน ๚ะ
๘๔๕. ผเอิญปุ่มหินงอกงิ้ว เหมือนจริง
คนแอบสอดสีชิง หลอกซ้ำ
ชโงกตระหง่านดุจศาลสิง สุรเทพ จีนแม่
ยืนเหยี่ยบชง่อนผาง้ำ เงื่อนเจ้ากวนอู ๚ะ
๘๔๖. ยิ่งดูยิ่งชักปลื้ม ใจเพลิน
งามหลืบลานชันเชิญ เชิดชี้
สามเรี่ยวพี่หลงเมิร ชมชวาก ผาแม่
สวลระริกซิกซี้ สนุกน้ำใจตลึง ๚ะ
๘๔๗. ถึงพุแรกพิลึกน้ำ โจนดัง
ตกแต่ยอดตลิ่งดัง ตื่นสร้า
ขาวพลายประกายพัง พุลิ่ว ลงแม่
กระทบกระทั่งฝั่งผล้าระย้า เยือกน้ำเพนียงฟอง ๚ะ
๘๔๘. หูสองกลแสร้งหลั่ง ชโลทก
ขาวซร่านผ่านผาตก คล่ำคลื้น
ดุจเทดุจทุ่มยก พยุไล่ ชลฤๅ
เสียงแต่ตึงตึงพื้น พลังน้ำลำไหล ๚ะ
๘๔๙. แลไปตรงฝั่งน้ำ โจรเห็น
หินดาดกลซีเม็น เมือกไล้
เขาตะเข็บเฉกเย็บเอ็น ผาเชื่อม กันแม่
ไปสู่คูหาใกล้ ท่าถ้ำทางงาม ๚ะ
๘๕๐. ถึงพุสามตะไคร่ครึ้ม คลุมพุ
เสียงแต่ตึงตึงทลุ โลดผลั้ง
ชายท่าไม่แลาดุ ดุจพุ สองเลย
เห็นแต่สายชลควั้ง ควากเลี้ยวไหลลง ๚ะ
๘๕๑. จอดเรือตรงพุให้ ฟันถาง
แหวกตไคร่ไปเป็นทาง ช่องน้อย
พอเยี่ยมพุน้ำผาง ผังแผ่ ลงแม่
กระทบปุ่มเสลาพร้อย พร่างฟุ้งฟองกระจาย ๚ะ
๘๕๒. สายสินธุ์ขาวสอาดโอ้ เอนดู
ล้นหลั่งลั่นใหลพรู พร่างย้อย
เป็นอ่างอ่างวางตรู ตาป่าย ปีนแม่
ไม้ทอดกิ่งใบห้อย ปรกครึ้มธารสนาน ๚ะ
๘๕๓. อ่างเล็กปานแอ่งน้ำ เคยสรง
อ่างใหญ่กลสระลง ว่ายได้
ซ้อนกันถั่นทางวง เวียนเลียบ มาแม่
อ่างสุดสุดทางไม้ ใผ่ล้มขวางทาง ๚ะ
๘๕๔. ให้ถางหว่างซอกเลี้ยว หลีกเดิน
ไปก็เป็นอ่างเนิน เนื่องน้ำ
ถึงทำนบคลองเขิน ขังอุทก ธารเฮย
ต่อก็เป็นธารล้ำ ท่อเลี้ยวใหลมา ๚ะ
๘๕๕. เวลาเคราะห์ร้ายละะ เปียเอ๋ย
เขาสนุกสุขสบายเลย เล่นน้ำ
ลเลิงเที่ยวเหนี่ยวใผ่เคย ตัวชล่า นักพ่อ
ใผ่ผุหักถล่มพล้ำ พลาดเท้าแทงบวม ๚ะ
๘๕๖. ลุยน้ำท่วมเข่าข้าม อ่างกลับ
ชลกระฉอกกลอกฉุบฉับ เปียกเสื้อ
กระเซ็นพล่าถึงท่าขยับ เย็นทั่ว กายแม่
เรือบากจากท่าเมื้อ มุ่งเลี้ยวลอยมา ๚ะ
๘๕๗. จอดท่าธารถัดขึ้น พุสถาน กลางแม่
มากอ่างอ่างโตปาน สระแก้ว
อ่างน้อยก็น้อยประมาญ หอยกาบ หนะแม่
และสลับซับซ้อนแพร้ว พร่างน้ำเพนียงงาม ๚ะ
๘๕๘. ข้ามอ่างใหญ่น้ำลึก เพียงคอ
ถึงที่น้ำโจนรอ เลี่ยงอ้อม
ฉานฉ่าทุ่งสอสอ แสนพิลึก ละแม่
โผล่อาบพลั่งพลั่งบ้อม บ่าฟุ้งฟองกระจาย ๚ะ
๘๕๙. สราญกายสรงน้ำตก จากผา
แอบแอ่งเสลาถลา เลือกก้อน
โครมโครมคลุกคลองพา องค์กระเพื่อม
ถั่นทดลดใหลย้อน เฮือกสท้อนตัวปลิว ๚ะ
๘๖๐. หวิวจิตร์ฤทธิอุทกสท้าน ทรวงเสทิน
หลงเล่นจนเย็นเพลิน พุน้ำ
มะเดื่อแดงดาษธารเกิน โตเก็บ กันแม่
ไม้ดอกออกช่อล้ำ เล่าล้วนแลไสว ๚ะ
๘๖๑. เถาใบรากไม้เครื่อง โอสถ
มากอย่างต่างต่างรศ เลือกกว้าน
ลุยเที่ยวลัดเลี้ยวบท จรไต่ ธารแม่
จนสั่นพรั่นทรวงสท้าน ออกท้อทนหนาว ๚ะ
๘๖๒. แพรวพราวราวกับแก้ว กระเด็นดาษ
เสียงคะคึกครึกโครมฉาด ฉ่าสร้า
เมื่อสรงบ่อเบื่อปราร์ถ นาใคร่ ชมเลย
จำละอาไลยล้า พุแล้วลงเรือ ๚ะ
๘๖๓. แลเหลือไพโรจแล้ว ละลานจิตร์ กูเอย
ขาวฉ่าพืดผาดิษฐ์ เด่นด้น
พี่เหลียวพี่หลงติด ใดพุ กลางแม่
ฤๅใครละลาพ้น พุน้ำโจนเลย ๚ะ
๘๖๔. ถึงเคยคราหนึ่งแล้ว ลืมเห็น
ถึงสุดสนานกายเย็น อยากซ้ำ
ถึงเที่ยวก็ยังเอ็น ดูใคร่ ต่อแม่
ถึงจากยังเหลียวกล้ำ รักเลี้ยวแลหลัง ๚ะ
๘๖๕. ถึงฝั่งพุแรกให้ จอดเรือ
ปีนป่ายต่ายมะเดื่อเครือ ใหญ่เต้า
ที่ท่าจืดตาเฝือ ใจจืด ใจแม่
เพราะท่าเรือพร่าเคล้า ละลอกน้ำงามเหมือน ๚ะ
๘๖๖. ครั้นเลื่อนถึงเขตร์ขึ้น เขาโจน
เลียบล่างพล่างชลโผน ตกเงื้อม
ซู่ซ่าฉ่าฉานโชน ใหลพลุ่ง พลั่งแม่
มีช่องคูหาเอื้อม อาบได้สบายดี ๚ะ
๘๖๗. เสียดายที่อาบแล้ว หนาวองค์ พี่เอย
แม้นมิสรงจักสรง สระนี้
น่าสนานน่าหลงลง ลุยเล่น นักแม่
สรงสนุกจุกจิกจี้ กว่าน้ำโจนกลาง ๚ะ
๘๖๘. พุกลางพ่างหนุ่มน้อย ทรามคนอง
พุแรกเปรียบชายครอง คู่แล้ว
พุสุดเฉกชราปอง กุศลสว่าง ใจแม่
สามพุสามไวยแผ้ว ผ่องล้วนควรเห็น ๚ะ
๘๖๙. คงเป็นปูนเปือกเคล้า วารินทร์
เอิบเกาะกิ่งใบหิน ห่อไม้
ใครหลงดื่มกินสินธุ์ กระแสรพุ โจรแม่
เกรงจะก่อเกิดใข้ นิ่วน้ำทำตาย ๚ะ
๘๗๐. บ่ายแล้วจำแคล้วจาก พุงาม
ปีนป่ายต่ายอ่างตาม เทือกน้ำ
มาถึงที่อุทกทราม ซกตก พรูแม่
เห็นพระธาตุปากถ้ำ พุคว้ามาเรือ ๚ะ
๘๗๑. เหลือสนุกสนานน่านน้ำ โจรเย็น ใจเอย
เหลือเหตุตามเนตร์เห็น ปลาดล้ำ
เหลือสบายจิตร์กายเป็น สุขรื่น รมย์แม่
เหลือวิเวกโสตร์เสนาะน้ำ ตกครื้นโครมโครม ๚ะ
๘๗๒. โสมนัศพลัดบ้านเที่ยว ทุรทาง
เปล่าจิตร์วังเวงหมาง เมื่อไร้
มาประสรพสิ่งเกษมกลาง ไพรเพลิด เพลินแม่
เสมือนนักเลงสุราได้ ดื่มเหล้าเมาเผลอะ ๚ะ
๘๗๓. บำเรอปีติด้วย ดงชล
เกษมสนุกสุขใจจน จืดเศร้า
ถึงที่จอดเรือยล สำนัก สบายแม่
พราะปลัดกรมเราเฝ้า อุส่าห์สร้างปรำถวาย ๚ะ
๘๗๔. ระหวยกายปวดเกล้าออก ระอาองค์ พี่เอย
เพราะสระเกษาสรง พุน้ำ
ยามเสวยโภชนางง งึมไม่ สบายเลย
คิดใคร่ไสยากล้ำ โรคให้หายเอง ๚ะ
๘๗๕. อลเองจี๊ดจ๊าดอื้อ เขาแล ตลึงแม่
ถวิลว่าเป็ดไซ้แหน จุดคล้าย
พโยมหนมืดมนต์กระแสร ชลเงียบ แม่เอย
สักครู่จึ่งรู้อ้าย ค่างก้องกัดกัน ๚ะ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ