วันที่ ๑๗

วันที่ ๕ มินาคม ๒๖ร.ศ. ๑๑๒

๖๑๙. จักกระจั่นสนั่นจ้า วนาสูง
ก๊อกก๊อกโต้งโห่งยูง ยเยือกร้อง
เกว๊าเก๊วากระเส่าฝูง ดุเหว่าวิเวก ไพรแม่
ไก่กระชั้นขันก้อง ป่าชื้นชนีโหย ๚ะ
๖๒๐. หนาวโอ๋ยหนาวเฉียบเนื้อ หนาวใจ จริงเฮย
เรื่อเรื่อสุริโยไทย พร่างแพร้ว
เชียบเสียงพวกพลใฉน นอนสลบ เสียรา
วันที่สิบเจ็ดแล้ว เร่งฟื้นพลันพลัน ๚ะ
๖๒๑. ปลูกกันเอิกเหริกให้ ออกเรือ เถิดรา
อ้ายหิตน้อยแรงเหลือ เรี่ยวน้ำ
บอกกันลั่นเสียงเครือ ครางร่น ระอาแม่
อันหิทธิ์อ้ายหิตปล้ำ ถ่อท้อถอยลำ ๚ะ
๖๒๒. ซ้ำอ้ายหิตใหญ่กั้น มรรคา
เชี่ยวก็เชี่ยวเกลียวชลา ลิ่วคว้าง
เห็นพื้นตืดตื้นสา รพัดยาก ไปแม่
กรวดใหญ่ใหลกลอกค้าง แก่งค้างเขินเรือ ๚ะ
๖๒๓. เหลืออะหร่อยหอยกาบกลิ้ง กลางคง คาแม่
พลโลดโดดชลลง ไล่คว้า
หอยเอ๋ยหมดมือปลง กายบลุบ ตุ๊บแม่
เหมือนจะคอยทางถ้า มนุษย์เลี้ยงกันกิน ๚ะ
๖๒๔. ฝั่งหินเห็นท่าเพี้ยน ผิดเสมอ
ไม้แมกแปลกทีเสนอ เนตร์ปลื้ม
ลุแก่งท่าช้างเจอ ชลเชี่ยว อีกแม่
คิดใคร่ง้อขอยื้ม เชือกช้างชวนจูง ๚ะ
๖๒๕. มีฝูงมยุเรศฟ้อน ฝั่งบก
พามยุระโปฎก ดื่มน้ำ
เรือเฉียดไร่ฉวยนก ยูงขยับ หนีนา
ปล่อยแต่ขนยุงย้ำ ยั่วให้กระหายหา ๚ะ
๖๒๖. ท่ากระแซแควควากต้อง ลงเข็น
หนาวก็หนาวเย็นเย็น เยือกน้ำ
ลับเรี่ยวก็แลเห็น หาดจอด เรือนา
เลี้ยงภักษ์พักเหนื่อยช้ำ เชี่ยวโอ้ลุยหนาว ๚ะ
๖๒๗. เป็นคราวโชคเหมาะแม้น เจ๊สัว ละฤๅ
พรานเพชรยิงไก่ตัว อวบได้
ปะเสือไล่ไก่มัว คลุกขลุ่ย อยู่แม่
พอย่องมองเห็นไผล้ ผละเต้นตกายหาย ๚ะ
๖๒๘. นายพลอยวางเบ็ดได้ ตเพียนโต
ใหญ่กว่าปลาเทโพ เพื่อมท้อง
ไก่นกเผ่นผกโผ ผวาล่อ ปืนแม่
หมดเคราะห์เหมาะแล้วจ้อง เปล่าเก้อเผยอแกน ๚ะ
๖๒๙. แล่นลุแห่งเรี่ยวใกล้ แก่งเสลียง
น้ำเชี่ยวชลใหลเพียง พุ่งล้อ
เห็นเขาลุ่มสุ่มเคียง ขนานอยู่ หน้าแม่
ถินอิ่มออกแรงก้อ แก่งข้ามเรือสบาย ๚ะ
๖๓๐. หาดทรายเห็นนาคเต้น ตามกัน
สองนาคเมียผัวผัน ผงาดจ้อง
เห็นเรือเลียบหาดหัด กระโจน ดิ่งดำแม่
เปล่าไม่ได้นาคร้อง นาคร้องวางอึง ๚ะ
๖๓๑. ถึงเรี่ยวสามเรี่ยวข้าม ถ่อทุเลา แรงแม่
พอลุก็ลุเขา ตกน้ำ
แลพิลิกเลิศลำเนา น่าพิศ วงเอย
เป็นโชงกโกรกชง่อนง้ำ แง่เงื่อมชลธี ๚ะ
๖๓๒. ผีเสื้อขาวพล่างไม้ มองขาว
พรึบพรึบบินพรูพราว เนตรพร้อย
สีนวลก็นวลวาว วนาเวศ แม่เอย
โศกก็โศกกลสร้อย โศกเสื้อสีผสม ๚ะ
๖๓๓. ถูกลมฤๅน้ำพัด ใผ่พัง
เกลื่อนหาดกลาดฝั่งสัง เวชโอ้
ล่อแหลมใผ่เพิกรัง ลงสิ ใผ่เอย
คนล่อแหลมจักโย้ อยู่ได้ฉันใด ๚ะ
๖๓๔. แลไปทางหาดช้าย เห็นเสา
โครงพลับพลาแรมเนา น่านนี้
เสียดายพี่หมายทุเลา โดยเสด็จ ค้างแม่
เพราะกิจผลการลี้ ลับแล้วมาเห็น ๚ะ
๖๓๕. เข็นข้ามเรี่ยวเกรี่ยงซ้ำ สองทลวง ใหลแม่
แลโน่นเขาทางหลวง สกัดโพ้น
ไป่หมดเรี่ยวเลยปวง พลอ่อน รอานา
มาอิกสองเรี่ยวโน้น โขตช้างของกัน ๚ะ
๖๓๖. นั่นคลองลุ่มสุ่มขึ้น ทางดร
ถึงเขตรอังกฤษยอน ย่านเลี้ยว
เป็นบ้านม่านเม็งมอญ ทวายอยู่ ป่าแม่
หมดชาติขาดงาเขี้ยว คิดแก้เมืองคืน ๚ะ
๖๓๗. เห็นคนยืนฝั่งบ้าน เรือนผา
เรือจอดขุนคเชนทร์ถลา รีบเต้า
ตามหลวงทิพมอญมา ถามระยะ ทางแม่
ต่อแต่ลุ่มสุ่มเข้า เขตรโพ้นพนาถึง ๚ะ
๖๓๘. ครู่หนึ่งเรือออกข้าม แก่งยาว
แก่งใช่แก่งหินราว เรี่ยวน้ำ
ต่อแก่งผักกูดสาว เชือกหลีก มาแม่
ถึงที่แพหนึ่งค้ำ จอดต้องการคน ๚ะ
๖๓๙. ขุนจุมพลมรรคผู้ ปลัดกอง
ตั้งซ่องตัดฝางของ ป่าค้า
ชำนาญเที่ยวทำนอง ป่าปรุ ใจแม่
คอยบอกมรรคาถ้า อยู่แล้วเรารอ ๚ะ
๖๔๐. ยกกระบัตรขอให้ปลัด เปียไป
กับพี่เที่ยวถึงไทร โยคด้วย
รับลงอุทกยานไคล คลาต่อ มาแม่
หน่อยหนึ่งก็ถึงห้วย ลุ่มน้อยหนองดง ๚ะ
๖๔๑. คนลงลากข้ามแก่ง วังตเคียน
ข้ามแก่งวังโพเพียร วุ่นค้า
ตเคียนใหญ่เรี่ยวใหญ่เฉนียน น้ำเชี่ยว ใหญ่แม่
แลตลิ่งเสลาง้ำ ฝั่งไม้ไสวชัน ๚ะ
๖๔๒. ลอนหลั่นสองชั้นเชิด เชิงหาด
พุ่มตใคร่กอใผ่ผาด พืดริ้ว
ขุยใผ่เฉกหญ้าดาษ เขียวสด ทรายแม่
ดอกกุ่มกลพุ่มคิ้ว ขอบเพิ้งผนังเขียน ๚ะ
๖๔๓. สายกระเษียรสาคเรศล้วน แลใส
เขียวสดแก่งทดใหล เรี่ยวคว้าง
หอยกาบเกลือกกรวดใน น้ำมาก มีแม่
ปลาล่อนปลาลึงค์สร้าง ซ่อยทั้งตเพียนทอง ๚ะ
๖๔๔. สองคลองแห่งใหญ่กั้น ทางเรือ
สองแพรกแยกทางเหลือ เชี่ยวแล้ว
ทางขวาบากเรือเฝือ ข้ามแก่ง ลึกแม่
ถ่าฉุดทลุดทลาดแคล้ว เรี่ยวเลี้ยวลำมา ๚ะ
๖๔๕. สายัณห์บรรลุท้าย เขากวาง
เขาสุนักข์แนมทาง โขดล้อม
เห็นหาดผ่านฉวากปาง เย็นหยุด แรมแม่
กลจอดเรือแอบอ้อม อ่างเลี้ยงปลาทอง ๚ะ
๖๔๖. เสวยของขัชโภชน์โอ้ อร่อยรส แม่เอย
ฤๅเบื่อฤๅเบือนอด อ่อนท้อง
เพราะเนาวนะบรรพต ผาเสงี่ยม ใจแม่
เงียบโสตรสนุกตาต้อง จิตรด้วยดงชม ๚ะ
๖๔๗. ปลัดเปียขลมเล่าล้วน สนุกหู
ยิงสัตว์เสือเนื้อหมู ไก่เก้ง
เที่ยวเขาเที่ยวป่าดู ฉกาจเก่ง นักแม่
ปืนแม่นแสนชงัดเป้ง ทุกครั้งคราวยิง ๚ะ
๖๔๘. ขันจริงเมื่อครั้งท่าน พระยา
สุรศักดิ์โห่เปล่าหา ไล่เนื้อ
ไม่ได้สักตัวมา ถึงปลัด เปียแม่
เห็นไก่ในบ้านเชื้อ ต่อต้องประสงค์ถาม ๚ะ
๖๔๙. แกตามใจท่านต้อง การบอก
ไก่ป่าขอรับหลอก ท่านปลื้ม
ยิงปืนลูกปลายตอก ตัวไก่ ล้มแม่
ชวดฆ่าไก่ป่ายื้ม ไก่บ้านแทนตัว ๚ะ
๖๕๐. พลางหัวเราะร่วนพื้น แกสนุก นักนา
เล่าเมื่อไฟป่าลุก ลวกหญ้า
พวกพระยาสุรศักดิ์คลุก คลิกราก ดับแม่
อึกทึกฮึกหาญกล้า แย่งให้ไฟโทรม ๚ะ
๖๕๑. พี่โลมเอ่ยนิดแล้ว ปลัดเปีย
คุยต่อล่อเสียเพลีย หลอดโอ้
ยามกว่าพี่ล่าเยีย ใดใคร่ ผทมแม่
แม้นอยู่วังเถิดโต้ รุ่งฟุ้งขอฟัง ๚ะ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ