บทที่ ๓

โรงเรียนจะเปิดแล้ว ฉอ้อนกลับมาอยู่บ้านตามเดิม ฉอ้อนมองดูแอ่งน้ำใต้ต้นจิกยังมีน้ำไม่พอลงว่าย มองไปยังแม่น้ำเห็นมีแอ่งค่อนข้างลึกอยู่ตรงกลางร่องน้ำ แต่อยู่ไกล ถ้าจะไปให้ถึงก็จะต้องท่องน้ำไปนาน แต่ก่อนนี้การนุ่งผ้ากระโจมอกท่องน้ำหรือว่ายน้ำในแม่น้ำดูไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ในระยะนี้ เหตุใดฉอ้อนจึงรู้สึกขลาด ได้แต่มองน้ำอย่างหิวกระหาย เพราะไม่ได้ว่ายน้ำเล่นมาเดือนกว่า กำลังคิดลังเลอยู่ในใจไปมา น้องชายของฉอ้อน เฌอ ก็เข้ามาขบปัญหาให้โดยชวนหล่อนไปลงเล่นน้ำกับตน

ฉอ้อนรู้สึกแปลกใจมาก เฌอเป็นเด็กผู้ชายที่รักพี่สาวแปลกจากเด็กอื่น ชอบเอาของเล่นมาอวด หรือบางทีก็สอนให้ฉอ้อนทำสิ่งที่ฉอ้อนไม่นึกจะทำ เช่นเฌอจับจิ้งหรีดมาแล้วก็สอนให้ฉอ้อนเป็นเพื่อนเล่นกัดจิ้งหรีดกับตน แมลงทับเฌอหามาให้ฉอ้อนเลี้ยงและชวนเชยชมสีเขียวเลื่อมพรายของมัน ช่วยกันหาหีบมีฝาเจาะรูให้แมลงทับได้ใช้เป็นที่อยู่ เฌอเคยช้อนไข่กบซึ่งดูเหมือนวุ้นใสๆ มาจากริมนาหลังบ้านเอามาไว้ในบ่อริมเรือนใหญ่ แล้ววุ้นนั้นก็เกิดมีลูกกบน้อยๆ ว่ายเต็มไป แล้วจะเปลี่ยนเป็นกบตัวเล็กๆ กระโดดขึ้นจากบ่อ และท่องเที่ยวตามประสาของสัตว์ที่ไม่รู้จักโลก จนในที่สุดก็ถูกทำลายหรือหายไป คงเหลือกบอยู่ในทุ่งหลังบ้านตามจำนวนเดิมที่เคยมี แต่การที่เฌอมาชวนเล่นน้ำนี้แปลกไปกว่าทุกคราว เพราะเฌอไม่สนุกที่จะเล่นน้ำกับพี่สาว เฌอชอบเล่นกับเพื่อนเด็กผู้ชาย ได้โลดเต้นครึกครื้นและทำอะไรที่น่าหวาดเสียวได้โดยมารดาไม่สนใจดู

อย่างไรก็ตาม ฉอ้อนก็ปลื้มใจมากเมื่อได้ยินเฌอชวน ทำให้หล่อนหายขลาดหายกระดากที่จะเดินท่องน้ำออกไปไกล และต้องขึ้นไปทางเหนือของเรือนใหญ่เล็กน้อย ซึ่งมีหนุ่มๆ ลูกศิษย์ของคุณพ่อจับกลุ่มกันเล่นน้ำหรือนั่งเล่นหมากรุกกันที่ริมน้ำ หรือหาความเพลิดเพลินอย่างอื่น ทำให้แม่แสดงความไม่พอใจเมื่อฉอ้อนเข้าไปใกล้เขาโดยลำพังตัว แต่ถ้าไปกับเฌอแล้วแม่ย่อมไม่เห็นเป็นเรื่องควรตำหนิ ซึ่งที่แท้จริงหนุ่มเหล่านั้นก็ได้เห็นโฉมร่างของฉอ้อนเท่ากัน ไม่ว่าจะมีเฌออยู่ด้วยหรือไม่

เฌอลงน้ำที่หน้าเรือนของฉอ้อน แล้วก็พาฉอ้อนท่องขึ้นไปทางเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว แต่ฉอ้อนไม่พอใจ หล่อนชอบลงนอนพังพาบกับทรายที่ก้นแม่น้ำเป็นระยะๆ ทั้งที่ทรายนั้นหยาบไม่อ่อนนุ่ม แต่มันทำให้ฉอ้อนรู้สึกสบายอย่างประหลาด เฌอก็รู้ใจพี่สาว ไม่เร่งรัดจนเกินไป เขาเดินล่วงหน้าไป แล้วก็กลับมานั่งเก็บกรวดทรายใกล้หล่อนแล้วก็ค่อยๆ นำหล่อนให้ไกลเรือนไปทุกที ในที่สุดก็ไปถึงบันไดท่าน้ำหน้าเรือนใหญ่ ในฤดูนั้นน้ำยังไม่ขึ้นถึงบันได ยังคงมีแต่ทรายเปียกๆ แต่เฌอก็พยายามฉุดบ้างเดินนำหน้าบ้าง จนฉอ้อนไปนั่งบนบันไดขั้นต่ำสุด

เมื่อพี่สาวนั่งลงบนบันไดแล้ว เฌอกลับขึ้นไปบนท่าน้ำ ฉอ้อนเห็นเฌอไปหยิบกางเกงซึ่งเขาถอดไว้ที่กิ่งไม้ริมน้ำมา ควักกระเป๋ากางเกงอยู่สักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ดึงเอาซองจดหมายสีฟ้าออกมาจากกระเป๋านั้น ลงบันไดมาถึงขั้นสุดท้าย มองซ้ายมองขวาเห็นว่าเป็นที่ลับตาคนพอสมควรแล้วก็ส่งให้ฉอ้อนพี่สาวรับซองนั้นมาแล้วก็จ้องหน้าน้องชายอย่างฉงน

“อ่านดูซิพี่” เฌอว่า “คุณวิทูรฝากมาให้พี่ กำชับอย่าให้ใครเห็นเป็นอันขาด”

ใจของฉอ้อนเริ่มเต้นถี่ และมือสั่นริกๆ หล่อนกลั้นยิ้มไม่ได้ แต่อายน้องชาย จึงเบือนหน้าหนีเขา มือรับเอาซองจดหมายมาถือไว้ นัยน์ตาสอดส่ายดูว่าจะมีใครเห็นหล่อนอ่านจดหมายหรือไม่ เฌอเร่ง

“รีบอ่านซีพี่ เดี๋ยวใครมาเสียก่อน ถ้าแม่ถามฉันจะบอกว่ายังไงนะพี่”

ฉอ้อนเอามือเปียกขึ้นเช็ดกับบันได และพยายามฉีกซองจดหมาย มือทำงานไม่ได้ดีเพราะสั่นด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อฉีกซองสำเร็จแล้ว ดึงจดหมายออกมาจากซอง เขียนด้วยกระดาษสีฟ้าเหมือนซองและมีกลิ่นหอมนิดๆ ฉอ้อนอ่านสารนั้นมีใจความว่า

“ยอดรักของพี่

ทำไมพี่จะได้พบหน้าน้อง ทุกวันทุกคืนพี่นอนถอนใจเพราะความคิดถึง พี่จะขอให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเร็วๆ นี้ เพื่อนพี่เขาสีบว่า คุณพ่อคุณแม่ของน้องไม่รังเกียจ แต่มีคนอื่นที่น้องรักและนับถือยังไม่อยากให้น้องเป็นของพี่ ซึ่งไม่ใช่ธุระของเขาเลย แต่พี่ก็เห็นว่าเขาก็หวังดี เขาอยากให้น้องเรียนสูงขึ้นไปอีก แต่น้องจ๋า พี่ทนไม่ไหวแน่ พี่ไม่เป็นอันทำงานทำการ มันทำให้พี่ก้าวหน้าในราชการไม่ได้ พี่สอบไล่ได้ดีมากตอนออกจากโรงเรียนนายร้อย เพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์ก็ว่าพี่มีหวังเป็นนายพล ถ้าไม่ถูกลูกท่านหลานเธอบังหน้า คนอย่างพี่ต้องไปถึงสูงสุด คิดดูเถิดน้องจ๋า น้องฉอ้อนยอดที่รัก น้องทำให้ความหวังเหล่านี้สูญสิ้นไป เพราะไม่ว่าจะทำอะไร จะหัดทหารหรือนั่งฟังผู้ใหญ่ปรึกษาราชการ ใจพี่ก็ลอยไปเห็นน้อง น้องต้องช่วยพี่ น้องคนเดียวจะช่วยพี่ได้ น้องต้องยอมรับว่าน้องกับพี่รักกัน แล้วเราก็จะแต่งงานกันเร็วที่สุด ทางผู้ใหญ่ของพี่จะไม่ขัดข้องอะไร น้องรับคำนะจ๊ะ น้องพยายามเขียนจดหมายถึงพี่ แล้วพี่จะได้ค่อยนอนหลับบ้าง อย่าทำลายความหวังของพี่เลยนะจ๊ะ ยอดที่รัก ยอดดวงใจของพี่

จากพี่ผู้ที่จะรักน้องจนชีวิตหาไม่

วิทูร”

อ้า ฉอ้อนถอนใจใหญ่ ช่างถูกต้องตามตำราเสียนี่กระไร ช่างเหมือนกับหล่อนได้เคยอ่านหนังสือ “ประโลมโลก” ช่างจับใจฉอ้อนสาวน้อย ทำให้หล่อนหวนคิดถึงความฝันเมื่อคืนก่อนที่จะพบเขา แต่หล่อนจะทำอย่างไร หล่อนจะติดต่อกับเขาทางจดหมายได้อย่างไร หล่อนมองไปรอบๆ ตัว ดูว่าจะมีใครเห็นหล่อนนั่งอ่านหนังสือที่เชิงบันไดติดกับทรายก้นแม่น้ำหรือไม่ กำลังพะวักพะวน เฌอก็เอ่ยขึ้น

“พี่ตอบเขานะพี่” ฉันสัญญาเขาว่าฉันจะเอาจดหมายตอบจากพี่ไปให้เขา

ฉอ้อนถอนใจอีกครั้ง รู้สึกว่าเลือดวิ่งขึ้นหน้าเพราะมันร้อนวูบวาบ หล่อนแข็งใจถามด้วยเสียงเครือ

“เฌอพบเขาที่ไหน ไปสัญญงสัญญากันยังไง”

“ฉันพบเขาที่ปากทางนี่แหละพี่” เฌอตอบพลางเกลี่ยทรายไปมา เหมือนกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด

“เฌอรู้ไหมว่าถ้าพ่อรู้ว่าเฌอเอาจดหมายนี่มาให้พี่ พ่ออาจเฆี่ยนเฌอหลังลาย” ฉอ้อนถาม

“ก็กลัวเหมือนกันพี่” น้องชายของหล่อนตอบ “แต่คุณวิทูรเขาว่าถ้าพี่ตอบจดหมายเขา แล้วพี่กับเขาคิดอะไรสำเร็จ ฉันจะได้เป็นทหารเหมือนเขา”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ฉอ้อนรำพึงดังๆ “แล้วจะเก็บจดหมายนี่ไว้ยังไง ขืนถือไปแม่ก็ต้องเห็น”

“ฉันเก็บเองพี่” เฌอพูดอย่างง่ายๆ อีก พลางยื่นมือมารับเอาจดหมายไปจากหล่อน เอายัดใส่ในกระเป๋ากางเกงซึ่งชื้น และมีรอยเปียกบางตอน แล้วก็เอากางเกงขึ้นแขวนกับกิ่งไม้ริมน้ำ “ฉันจะขึ้นไปเรือนใหญ่ล่ะ พี่จะกลับเรือนพี่ทางน้ำหรือทางบก” เขาถามหล่อน

ฉอ้อนสั่นหน้า แล้วก็เดินออกไปกลางน้ำ หล่อนไปหาที่นั่งที่มีน้ำพอทรวงอกหล่อนมิดน้ำ นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาที แล้วจึงลุกขึ้นท่องน้ำกลับลงไปถึงหน้าเรือนของหล่อน แล้วจึงขึ้นจากน้ำที่บันไดหน้าเรือน มารดาออกมาจากข้างในเรือนพอดี มองดูหล่อนแล้วไม่กล่าวอะไร ฉอ้อนหลบหลีกเข้าไปผลัดผ้าโดยไม่มีผู้ใดกล่าวถึงอะไรที่หล่อนหวาดว่าจะได้ยิน

คืนนั้นทั้งคืน ฉอ้อนหลับแล้วก็กลับผวาตื่น หลายครั้งหลายหน หล่อนจะตอบจดหมายนั้นอย่างไร จะไปเขียนที่ไหนจึงจะพ้นตาของบิดามารดา หล่อนลองลุกขึ้นจากที่นอน ค่อยๆ ขยับตัวออกจากมุ้ง คลานอย่างค่อยที่สุดไปทางประตูห้อง เสียงกระดานเอี๊ยดอ๊าดๆ ทำให้ฉอ้อนเองสะดุ้งสุดตัว แล้วแม่ผู้ที่นอนไวตามปรกติของคนชนบทส่วนมากก็ตื่น และถามอย่างงัวเงียว่า “อะไรน่ะ ฉอ้อนใช่ไหม ออกไปห้องน้ำรึ” ฉอ้อนก็ตอบว่า “จ้ะ” แล้วก็เลยเลิกล้มความตั้งใจที่จะจุดตะเกียงเขียนจดหมายตอบที่บันไดหลังครัว เมื่อเข้าไปทำกิจในห้องน้ำเสร็จแล้วก็เข้านอน

พอเช้ารุ่งขึ้น ฉอ้อนก็คิดออก พุทโธ่ ทำไมหล่อนจึงโง่อยู่ได้เป็นนาน ฉอ้อนบอกพ่อและแม่ว่าต้องไปหาครูใหญ่ เพราะใกล้เวลาจะเปิดเรียนแล้ว แล้วฉอ้อนก็เดินออกไปที่ถนนใหญ่ เรียกได้จักรยานสามล้อคันหนึ่ง ตกลงราคา แล้วก็บอกให้ไปส่งที่โรงเรียน

ครูใหญ่กับ “แหม่ม” หมายถึงสตรีชาวอเมริกันผู้ดำเนินงานทางวิชาการที่แท้จริงของโรงเรียน แสดงความยินดีมากที่ฉอ้อนบอกว่ามาถามถึงงาน ว่าจะต้องตระเตรียมอะไรบ้างสำหรับเวลาเปิดเรียน “แหม่ม” ถึงกับเอาแขนโอบไหล่และพูดซ้ำหลายครั้ง “ฉอ้อนดีจริงๆ ดีจริงๆ” ส่วนครูรุ่นผู้ใหญ่ที่มาเตรียมงานเปิดโรงเรียนก็ยิ้มแย้มพอใจความเอื้อเฟื้อของฉอ้อนบ้างก็ว่า “เห็นไหมคะแหม่ม ถ้าเป็นเด็กของเราเอง อยู่กับเรามาแต่เล็กๆ ละก็ มักจะเข้าใจอะไรๆ ดีกว่าคนมาเข้าใหม่ จริงไหม” หลายเสียงสนับสนุนความเห็นนั้น แล้วครูใหญ่ก็บอกแก่ฉอ้อนว่า เมื่อได้มาแล้ว ก็ไม่ควรให้เสียเวลาไปเปล่า จึงมอบให้ฉอ้อนเขียนรายชื่อนักเรียนเก่าที่ซ้ำชั้น และนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนใหม่สำหรับจะรายงานไปยังคณะมิชชั่นและอาจส่งให้ศึกษาธิการจังหวัดด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่สุด เพราะฉอ้อนรับเอาบัญชีรายชื่อไปนั่งเขียนในห้องว่างห้องหนึ่ง เขียนชื่อนักเรียนไปได้สองสามคนแล้ว ก็นำกระดาษเขียนจดหมาย ซึ่งหล่อนแอบหยิบมาจากห้องครูใหญ่ออกมาวางบนบัญชี แล้วก็เขียนจดหมายตอบวิทูรอย่างสั้นๆ

“คุณที่รักของฉอ้อน

ฉอ้อนเขียนตอบคุณยาวไม่ได้ ต้องรีบตอบสั้นๆ ว่า ฉอ้อนเต็มใจที่สุด ขอให้คุณส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอโดยเร็ว ฉอ้อนจะคอยนับวัน การติดต่ออย่างอื่นไม่ได้ทั้งนั้น ชาวเมืองเพชรเขายังโบราณกันมาก ไม่ใช่กรุงเทพฯ ถ้าคุณจะเขียนจดหมายฝากน้องมาอีก ก็ต้องระวังให้ดี สู้รีบมาขอไม่ได้ บางทีจะได้พบได้พูดกันบ้าง เช่นที่โรงเรียน หรือที่บ้านท่าน แต่ที่บ้านฉอ้อนเองนั้น คุณพ่อไม่ยอมแน่ๆ ขอตอบคุณเท่านี้ก่อน ด้วยความ . . .

ฉอ้อนชะงักมือไว้ หล่อนรักเขาแล้วหรือ หล่อนจะบอกเขาว่าหล่อนรักเขาหรือ โอ หล่อนรู้สึกกระดากจนมือชา เขียนต่อไปไม่ได้ แล้วตัดสินง่ายๆ คือไม่เขียนให้จบประโยค ทิ้งช่องว่างให้เขาเติมเอาเอง ลงชื่อหล่อนแล้วก็พับเข้าซอง ผนึกซองแล้วสอดไว้ในเสื้อชั้นใน เพื่อจะได้ให้แก่น้องชายเอาไปส่งให้เขา

โดยที่หล่อนเป็นคนจำเหตุการณ์ในชีวิตได้ละเอียดลออ รู้ว่าคนรุ่นหนุ่มสาวนั้นเป็นอย่างไร ฉอ้อนจึงมีความเห็นใจพร้อมที่จะอภัยแก่เด็กๆ ในสมัยปัจจุบันอยู่เสมอจนหล่อนเคยถูก ท่าน สามีกล่าวหาว่าหล่อนเป็นคนใจอ่อนปกครองใครไม่ได้ก็หลายครั้ง

พอบ่ายลงแดดค่อยอ่อน ฉอ้อนก็อำลาครูรุ่นผู้ใหญ่ที่มาทำงานอยู่โรงเรียนในวันนั้น ส่งบัญชีที่หล่อนเขียนแล้วเรียบร้อยด้วยลายมือสวยอ่านชัดเจนของหล่อนให้ครูใหญ่ แล้วก็กลับบ้าน หล่อนไปตามหาเฌอที่เรือนใหญ่เหนือน้ำ พบเฌอกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับลูกศิษย์ระนาดของคุณพ่อคนหนึ่ง หล่อนทำอาณัติสัญญาณให้เขาเข้าใจว่าให้เขาไปหาที่เรือนของหล่อน แล้วในที่สุดก็ส่งจดหมายให้แก่บุรุษไปรษณีย์นอกทางการได้สมประสงค์

อีกไม่กี่วันหล่อนก็ได้รับจดหมายจากร้อยตรีหนุ่มอีก เฌอเป็นผู้รับมาส่งให้หล่อนอีกเหมือนดังคราวก่อน ในจดหมายนั้นมีข้อความรำพันรักเหมือนฉบับแรก และแจ้งข่าวว่า นายทหารผู้ใหญ่คนหนึ่งได้เริ่มทาบทามที่จะสู่ขอตัวหล่อนให้ได้แต่งงานกับเขา

แล้วต่อจากนั้นมาอีกไม่กี่วัน คุณพ่อกับแม่ก็พาฉอ้อนไปที่บ้าน “ท่าน” ระหว่างที่คุณพ่อสนทนากับท่าน แม่พาฉอ้อนไปหานางกระจ่างหรือป้าจ่าง แม่บ้านของท่าน เมื่อกลับมาหาท่านอีก ท่านก็ชวนฉอ้อนให้ค้างอยู่ที่บ้านท่านคืนหนึ่ง ซึ่งฉอ้อนก็รับคำชวนด้วยความเต็มใจ มาที่บ้านท่านคราวใด ฉอ้อนจะต้องได้รับความพึงพอใจอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ ได้รับประทานอาหารแปลกหรือฟังเรื่องราวแปลก หรือฟังคำสนทนาแปลก ฉอ้อนมีความสนใจไปทุกอย่าง

คืนนั้นหลังจากที่ท่านรับประทานอาหารแล้ว และฉอ้อนก็รับประทานกับป้าจ่างแล้ว ท่านก็เรียกให้ฉอ้อนเข้าไปหา ท่านนั่งเล่นที่ชานหน้าห้องพระตามเคย เดือนขึ้นแล้วเป็นเสี้ยวเล็กๆ ฉอ้อนนั่งตะแคงตัวมองเห็นเดือนได้ชัด ฉอ้อนรักพระจันทร์เมื่อเป็นเสี้ยวน้อยๆ นี่กระไรเลย มองดูเดือนพลางก็ฟังท่านพูด

“ฉอ้อน รู้ไหมว่าวันนี้พ่อแม่กับฉันปรึกษากันเรื่องอะไร” ท่านถามขึ้น “มีคนเขามาทาบทามขอฉอ้อนจะให้แต่งงาน ฉอ้อนจะว่าอย่างไร”

ฉอ้อนรู้สึกทั้งหนาวทั้งร้อนวูบวาบ และรู้สึกว่าเหมือนมีก้อนอะไรมาอัดหน้าอก ทำให้ไม่สามารถจะพูดได้ถึงแม้ว่าหล่อนอยากจะพูด แต่หล่อนย่อมไม่อยากพูดเพราะจะพูดความไม่จริงอย่างไรได้ แต่จะพูดความจริงก็น่าอายเหลือเกิน จะตอบท่านทันทีว่าหล่อนอยากแต่งงานใครจะตอบได้

ท่านพูดขึ้นเสียก่อนระหว่างที่ฉอ้อนรีรอ “ใจฉันนะ ฉอ้อน ฉันเห็นฉอ้อนยังเด็กเหลือเกิน ฉันน่ะเห็นว่าฉอ้อนเป็นคนฉลาด อยากให้ได้เล่าเรียนให้มากๆ อยากให้ได้ไปเรียนที่กรุงเทพฯ เหมือนกับที่คุณแจ๋วเขาเรียน เพราะเคยเห็นมากับตัวเอง คนที่ได้เล่าเรียนกับคนที่ไม่ได้เรียนนี่มันผิดกันเหลือเกิน อย่างฉันต้องขวนขวายเอาเองทุกอย่าง ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ว่าผู้หญิงไม่ต้องเรียนไม่ต้องเรียน แต่เห็นตั้งแต่อยู่ในวัง คนที่เขาได้เล่าเรียน พวกที่เขาเข้าโรงเรียนแหม่มโค ที่เขาไปโรงเรียนสุนันทาลัยกัน จะพูดอะไรออกมา ดูมีคนเกรงอกเกรงใจ เขาไปนั่งฟังนั่งคุยกับขุนน้ำขุนนาง เวลามีงานมีการ เราต้องก้มหน้าฟังเขาๆ กว่าจะคิดอะไรของเราได้เอง กว่าใครเขาจะเกรงอกเกรงใจ ผมเป็นสองสีแล้ว ยิ่งสมัยนี้มิยิ่งลำบากใหญ่รึ ยิ่งฉอ้อนจะแต่งงานกับคนทำราชการ ไม่ได้อยู่ตามลำพังพ่อๆ แม่ๆ ลูกๆ กันที่เมืองเพชร ฉันยิ่งว่าน่าจะต้องเล่าเรียนให้มากกว่านี้ แต่ว่าพ่อแม่ฉอ้อนน่ะ เขาก็ยังคิดว่าเล่าเรียนไม่จำเป็นสำหรับลูกผู้หญิง ถ้ามีคนดีๆ มาขอ ก็น่าจะตบแต่งไปเสียให้หมดห่วง เพราะยังงั้นฉันจะพูดลงไปให้เขาเห็นว่าฉันไม่เต็มใจ ฉันก็ไม่ได้เป็นแม่ฉอ้อน เท่าที่เขามาปรึกษาก็เรียกว่าเขาเคารพอย่างยิ่งแล้ว”

ฉอ้อนนั่งก้มหน้า แกะเสี้ยนไม้ที่พื้นนอกชานที่หล่อนกำลังนั่งอยู่ ใจเต้นระทึก ได้ยินท่านพูดต่อไป

“เพราะยังงั้นเรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่ตัวฉอ้อน ถ้ายังไม่อยากแต่ง ก็ไม่ต้องกลัวพ่อกลัวแม่ ฉันจะช่วยพูดชี้แจงให้เขาเห็นใจ แต่ถ้าฉอ้อนไม่ตัดสินใจลงไปทางไหนทางหนึ่ง พ่อแม่เขาก็คงให้แต่งงาน”

ฉอ้อนยังอ้าปากไม่ขึ้น ยังก้มหน้าต่อไป ท่านก็ดูอยากพูดต่อ ดูเหมือนท่านไม่อยากพูดกับฉอ้อนเรื่องของฉอ้อนเท่านั้น แต่พูดถึงเรื่องของตัวท่านเอง และเรื่องของใครๆ อีกหลายคน ซึ่งฉอ้อนเองมีความเข้าใจแต่เพียงเลือนๆ รางๆ

“ฉันพูดกับฉอ้อนนี่ ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันถูกหรือฉันผิดยังไงแน่ แต่จะพูดกับพ่อแม่ฉอ้อน เขาก็ไม่เข้าใจ ก็เลยต้องพูดกับตัวฉอ้อน” ท่านเว้นระยะใช้ความคิด แล้วพูดต่อ “การแต่งงานนี่นะ ฉอ้อน ไม่เหมือนอย่างที่พ่อแม่ฉอ้อนคิดหรอก ไม่เหมือนกับที่เห็นๆ กันอยู่ในเมืองเพชร ลูกชาวบ้านในเมืองเพชรแต่งงาน แล้วเป็นยังไง ก็เหมือนเดิมนั่นเอง บ้านช่องก็เหมือนเดิม เพื่อนบ้านคนเดิม ไปวัดก็ไปทำบุญกับพระองค์ที่เคยไหว้กราบมา ทั้งทางผู้ชายผู้หญิงนั่นเอง แต่ที่ฉอ้อนจะแต่งนี่ มันจะเปลี่ยนทุกอย่าง บ้านช่องก็ไม่เหมือนเก่า การกินการอยู่มันก็จะไม่เหมือนเก่า มันต้องเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องไปรู้จักคนแปลกใหม่ คบกันอย่างใหม่ แล้วก็ตัวผู้ชาย เราก็จะต้องไปอยู่กับเขา กินกับเขา นอนกับเขา แต่เขากับเราน่ะไม่เคยมีอะไรเหมือนกันสักกี่อย่างหรอก...”

ฉอ้อนไม่กล้าเตือนท่าน ว่าท่านไม่ได้บอกหล่อนว่าใครเป็น “ผู้ชาย” คนนั้น แต่ฉอ้อนรู้แล้ว จะถามท่านทำไม ถึงอย่างไร หล่อนพูดไม่ออก ถามไม่ออกอยู่นั่นเอง ในสมองของฉอ้อนสับสน และในใจของฉอ้อน ประเดี๋ยวก็รู้สึกปลาบปลื้ม ประเดี๋ยวก็รู้สึกเศร้า ให้ว้าวุ่นไปหมด

ท่านพูดต่อไปโดยไม่ได้บอกชื่อหรือให้ความสว่างมากขึ้นเกี่ยวกับตัว “ผู้ชาย” ราวกับท่านรู้ด้วยญาณอะไรอันหนึ่ง ว่าฉอ้อนรู้แล้วว่าท่านพูดถึงใคร

“ลูกผู้หญิงเราน่ะ ขาดทุนวันยังค่ำ พ่อแม่ก็ว่าไม่ต้องเรียน ใครๆ ก็ว่าไม่ต้องเรียน แต่แล้วเขาก็อ้างเรื่องที่เราไม่ได้เรียนนั้นแหละว่าเราไม่รู้อะไร เขารู้ดีกว่าทุกอย่าง แต่ฉันมันอดสังเกตไม่ได้ คนที่ว่ารู้ดีกว่า รู้ดีกว่านั่นแหละ เราขืนไปไว้ใจ เราก็แย่ทีเดียว เรื่องการเงินการทองยังงี้ นั่นรึ ผู้ชายดีกว่าผู้หญิง ถ้าเมียไม่ช่างเก็บช่างหา ไปได้สักกี่คน หนี้สินใครเป็นคนทำ ผู้หญิงไปทำสักกี่คนไปกินเหล้าไม่ใช้เงินเขา ผู้หญิงไปกินรึ ไปมีเรื่องตีหัวกับเขา เมาอาละวาด มีสักกี่คนที่ผู้หญิงจะไปมีเรื่องที่ไหน แต่ถ้าผู้หญิงไม่คอยเก็บคอยระวังลูกเราจะแย่นะฉอ้อน น้อยนักละที่ผู้ชายเป็นหลักใหญ่ในครอบครัว ทั้งที่เรียนมากกว่าผู้หญิงนั่นแหละ ฉันเห็นพี่น้องฉันมาเสียเข็ด ยังพวกบริวารอีกนับเป็นสิบๆ แล้วมาเมืองเพชรนี่ก็มาดูๆ ก็ไม่เห็นผิดกันไปสักกี่มากน้อย

พ่อแม่มีลูกผู้หญิง พอแต่งงานไปแล้วก็ว่าหมดห่วงโล่งอก จริงละ ถ้าเป็นชาวบ้าน ทำไร่ไถนากันไปตามประสา มันก็เท่านั้นละแต่งงานเสียพ่อแม่ไม่ต้องห่วงใครจะรังแกจะฉุด เพราะไม่ใช่สาวแล้ว แต่คนที่ไม่ใช่ชาวบ้าน หากินอย่างอื่น นานวันไป การแย่งกัน แข่งขันกัน มันจะมากขึ้นทุกทีๆ มีลูกมีเต้าก็ต้องให้เล่าเรียน เงินทองจะเอามาจากไหน นี่ที่เขาพูดกันเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำตกเติ่มอะไร ฉันก็ไม่เข้าใจ ที่ไม่เข้าใจเพราะเขาไม่ให้เราเล่าเรียน จนกระทั่งซักถามเขา เขาก็ขี้เกียจอธิบายให้เราผู้หญิงโง่ๆ ฟัง แต่ว่าเวลานี้ ค่าเช่าสวนเช่านาก็เก็บไม่ได้มีตึกมีรามในกรุงเทพฯ เขาก็ขอผัดกันให้นัวเนีย ดอกเบี้ยเงินกู้ก็ไม่ให้ เขาว่าเขาทำมาหากินไม่ได้ แล้วก็ยังลือกันว่าบ้านเมืองจะแปรปรวนเพราะกำลังจะครบ ๑๕๐ ปี” ท่านหยุดถอนหายใจยาว ฉอ้อนเงยหน้าขึ้นดูท่านนิดหนึ่งเห็นท่านกำลังเงยหน้าขึ้นดูไปบนฟ้า “นี่แหละ หนักใจไปเพราะไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่มีใครเขายอมบอก นี่แหละฉอ้อน ฉันถึงอยากให้ฉอ้อนได้เล่าเรียนมากๆ แต่จะพูดไปก็เห็นจะไม่มีใครเขาจะฟัง”

ฉอ้อนเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน จะเป็นด้วยเหตุใดหล่อนไม่เข้าใจ แต่หล่อนรู้สึกรักท่านเหลือเกิน และอยากจะเข้ากอดท่านไว้ในอ้อมแขน ร่างอันอวบนุ่มของท่านน่ากอดเหลือเกิน แต่ฉอ้อนเคยแต่เกรงกลัวเคารพท่าน ไม่มีใครสอนให้ฉอ้อนแสดงความรักต่อท่านอย่างที่ฉอ้อนคิดอยากจะทำ แต่ถึงจะรักท่านอย่างไร ฉอ้อนก็ไม่ลืมถ้อยคำในจดหมายที่หล่อนได้รับ ถ้าผู้เขียนจดหมายไม่ได้แต่งงานกับหล่อน เขาทำงานทำการไม่ได้ เขาจะไม่ได้เป็นนายพล ถ้าหล่อนไม่แต่งงานกับเขา นี่คือความหมายที่ฉอ้อนเข้าใจ แลเฌอก็จะไม่ได้เป็นทหารตามปรารถนา จะต้องเป็นคนเล่นพิณพาทย์ตามคุณพ่อ อย่างดีก็เป็นนายวงพิณพาทย์มีชื่อเสียงอย่างคุณพ่อ ที่ไหนจะได้แต่งเครื่องแบบโก้เก๋เหมือนคุณวิทูรเล่า

ระหว่างที่ฉอ้อนกำลังคิดรักท่านและคิดถึงจดหมายรักฉบับแรกในชีวิตของหล่อน ท่านก็ถอนใจน้อยๆ และกล่าวต่อไป “นี่ฉันก็พูดยืดยาวแล้ว ฉอ้อนเอาไปตรองดูก็แล้วกัน ที่โรงเรียนนี้เขาให้เป็นครูน่ะ ฉันว่ายังไงไม่พอเขาน่าจะให้ฉอ้อนเรียนจบชั้นหก แล้วก็จะต้องเรียนต่อชั้นแปด ตอนนี้ก็ไปอยู่กรุงเทพฯ อยู่บ้านน้องฉันก็ได้ บ้านเดียวกับที่คุณแจ๋วเขาอยู่น่ะแหละ แต่ว่าฉันก็คิดไกลเกินไปหรืออย่างไร อย่าให้เป็นฉันยุแหย่เด็กให้ขัดใจพ่อแม่นะ ฉันเป็นแต่ชี้ทางให้ฉอ้อนฟัง อะไรๆ ก็ต้องเอาแต่พ่อแม่ เขาต้องเป็นใหญ่ แต่เขาเองเวลานี้เขาก็ไม่แน่ใจ เขาก็ว่ามันเร็วไปหน่อย เขาอยากให้รอสักปีสองปี แต่คนที่มาติดต่อทาบทามก็ว่ารอไม่ได้ ขอให้รีบตกลงเถอะเพราะผู้ชายเขาอาจถูกย้ายเข้ากรุงเทพฯ” ท่านหยุดไปประเดี๋ยวหนึ่ง “เออ ฉอ้อนคงอยากรู้ว่าตัวผู้ชายเป็นใคร” ท่านหยุดอีก คราวนี้นานหน่อยจนฉอ้อนใจเต้นแรงขึ้นไปอีก “อย่าเพิ่งรู้เลย คิดเรื่องนี้เสียก่อนดีกว่า อยากเรียนหนังสือต่อไปไหม”

โธ่ ทำไมฉอ้อนจะให้ท่านได้อ่านจดหมายสีฟ้าอันชื้นไปด้วยละอองน้ำจากกางเกงของเฌอหนอ ฉอ้อนชอบเรียนหนังสือยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่บัดนี้หล่อนมีความรับผิดชอบเสียแล้ว ถ้าปราศจากหล่อน คุณวิทูรจะก้าวหน้าในราชการได้อย่างไร เขาจะมีจิตใจที่ไหนทำงานการ หล่อนจะตอบให้ถูกใจท่านอย่างไรได้ เมื่อเบื่อกับการแกะเสี้ยนกระดาน และเหลือบตาขึ้นดูท่านกับก้มหน้าลงสลับกันไป ฉอ้อนจึงเงยหน้าขึ้นและตะแคงซ้ายหน่อยหนึ่งเพื่อจะได้เห็นพระจันทร์ซึ่งบัดนี้ลับลงต่ำในท้องฟ้า ท่านก็เลยช่วยจบปุจฉาซึ่งไม่ได้รับวิสัชนาด้วยคำพูดว่า

“ง่วงนอนหรือยังล่ะ ฉันจะเข้าห้องไหว้พระละ ไปคิดเสียให้ดีๆ นะ” เมื่อพูดจบ เห็นกิริยาของฉอ้อนบอกอยู่ในตัวว่า กำลังจะไปจากท่าน ท่านจึงลุกขึ้นนั่งคุกเข่าเหมือนเวลาท่านสวดมนตร์ แล้วก็ยิ้มพยักหน้า ฉอ้อนก็ก้มลงกราบท่านที่พื้นกระดานบนชานเรือนติดกับหัวเข่าท่าน ท่านยกมือลูบศีรษะหล่อนเหมือนจะเศกเป่ามนตร์แห่งความหลังของท่าน แล้วก็ลุกเข้าไปในห้องนอนของท่าน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ