๔
พูดถึงเจ้า ข้าพเจ้ามีความขมขื่นไม่น้อยกว่าเทวัน ในโรงเรียนของเรามีเจ้านายเสด็จมาศึกษาอยู่หลายพระองค์ มีตั้งแต่เจ้าฟ้าลงมาทีเดียว เจ้าเหล่านี้ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็มี องค์ที่อ่อนโยนสมเป็นผู้ดี, ไม่เห็นพวกเราเป็นไพร่ เราก็นับถือและรักใคร่ องค์ที่โอหังเย่อหยิ่งถือชาติถือตระกูลเป็นเอก มองเห็นเราเป็นข้าทาสไปสิ้นเราก็มองดูด้วยความชิงชัง พวกเจ้าที่เห็นตัวเองเป็นเทวดานี้มักเป็นคนเคราะห์ร้ายในเวลาเล่นฟุตบอลล์ อาจารย์ของเราก็เป็นคนที่เอากำเหนิดมาจากในรั้วในวังเสียด้วย เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าองค์ใดถูกข่มเหงผู้บังอาจเป็นต้องถูกเฆี่ยนอย่างน้อยครึ่งโหลเสมอ ไม่แต่ถูกเฆี่ยนเท่านั้นยังถูกด่าเจ็บ ๆ แสบ ๆ ด้วย เช่นหาว่า “เล่นเป็นไพร่” เป็นต้น คำว่าไพร่นี้ยังฝังลงไปในใจของเทวันและข้าพเจ้า ไพร่......อนิจา......ไพร่กับผู้ดี !
แต่จะอย่างไรก็ตามเถิด เจ้าที่ดีก็มีมาก ซึ่งเรานับถือและรักใคร่อยู่โดยสม่ำเสมอ เมื่อเกิดมาในชาติตระกูลที่ดี ก็ควรเป็นผู้ดี คำว่าผู้ดีนี้ไม่น่าจะหมายถึงผู้มีศีรษะอันสูง หรือผู้ที่กรีดกรายประดุจนกยูงรำแพน คำว่าผู้ดีควรจะหมายถึงผู้ประพฤติดี เจ้านายที่เป็นผู้ดีจริงๆ ไม่เคยเห็นตนเองเป็นเทวดา มีแต่สุภาพนุ่มนวน เต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจผู้อื่น เจ้านายอย่างนี้คนเกลียดได้ยาก เพราะวางตัวสมเป็นผู้ดี เทวันกับข้าพเจ้ามีความเป็นธรรมมากพอที่จะแบ่งเอาเพื่อนนักเรียนที่เป็นเจ้าชะนิดเทวดาไว้เสียพวกหนึ่ง เราเคารพนายที่ดี เพราะเรายังไม่ลืมคุณงามความดีที่เจ้านายหลายพระองค์ได้ทรงทำไว้แก่ชาติไทย
การเขียนหนังสือติพวกเจ้าที่ทำตัวเป็นเทวดาของเทวัน ทำให้เขาถูกอาจารย์ใหญ่มองมาก เขาริม ๆ จะถูกไล่ออกหลายครั้ง คราวหนึ่งบทความที่เขาเขียนแรงจนอาจารย์เฆี่ยนในห้องประชุมเป็นจำนวน ๑ โหล นั่นเป็นวันที่เทวันตัดสินใจ เขาบอกข้าพเจ้าว่า “ถึงเวลาแล้ว, ระพินทร์, ที่ฉันจะต้องทำอะไรบ้าง”