คำนำ

ในการเขียนเรื่อง เจียงเฟ ข้าพเจ้ามีความประสงค์สำคัญอยู่ข้อหนึ่ง คือต้องการจะแสดงความรู้สึกของยุวชนชาวจีนขณะที่ชาติของเขาถูกมหาอำนาจรุกรานโดยไม่เป็นธรรม ข้าพเจ้าไม่สนับสนุนการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดความไม่สงบ แต่ข้าพเจ้าส่งเสริมการแสดงความคิดความเห็นซึ่งมนุษย์แต่ละคนมีสิทธิ์จะแสดง ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าถือว่าการแสดงความเห็นเป็นบ่อเกิดของความเจริญก้าวหน้าในสังคมของมนุษย์ ที่ใดไม่มีการแสดงความเห็น จะเป็นเพราะไม่มีคนแสดงก็ดี หรือผู้ครองอำนาจห้ามแสดงก็ดี ที่นั่นย่อมเจริญไม่ได้

ตัวละคร เจียงเฟ มีหุ่นจริงอยู่ในปักกิ่งสมัยนั้น เช่นเดียวกับจางหลินและวารยาราเนฟสกายา ข้าพเจ้าพบเขาในฤดูที่ดอกเถาไม่ควรจะบาน คือฤดูที่อากาศในปักกิ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด ญี่ปุ่นยึดแมนจูเรีย ญี่ปุ่นประชิดกำแแพงปักกิ่ง เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นขณะที่ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่ในมหานครแห่งนี้ ความอลหม่านของจีนเหนือนอกจากจะทำให้ประชาชนทั่วไปต้องบ้านแตกสาแหรกขาดแล้ว ยังทำให้นักศึกษาต้องจับกลุ่มกันทำการโฆษณาปลุกให้ประชาชนเร่งรัดรัฐบาล ให้ทำการต่อต้านกองทัพของอาณาจักรอาทิตย์อุทัย มีการเดินขบวนเรียกร้องมติมหาชนให้ต่อสู้ในเมืองใหญ่ ๆ ทุกเมือง นักศึกษาหญิงบางคนอุส่าห์เดินทางไกลไปตามทางรถไฟเป็นระยะทางเกือบครึ่งประเทศจีน เพื่อทรมานตัวแสดงจิตใจเข้มแข็งที่จะต่อต้านการรุกรานของศัตรู การเคลื่อนไหวของนักศึกษาเหล่านี้ เป็นประวัติการณ์อันสำคัญยิ่งตอนหนึ่งของการต่อสู้เพื่ออธิปไตยของจีนใหม่

การต่อต้านทางด้านนักศึกษานี้ แท้จริงมิได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยที่ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ในประเทศจีน ถ้าจะอ้างประวัติการเคลื่อนไหวของนักศึกษาจีนแล้วก็ต้องอ้างตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๑๙ เป็นต้นมา ซึ่งในปีนั้นนักศึกษาจีนทั่วประเทศ ได้ลุกขึ้นคัดค้านการกระทำของรัฐบาล ในอันที่จะทำให้จีนต้องเสียดินแดนส่วนสำคัญให้กับญี่ปุ่น ปี ค.ศ. ๑๙๑๙ เป็นปีประวัติศาสตร์ของนักศึกษาจีน...เป็นปีที่แสดงว่าการศึกษาแบบตะวันตก ซึ่งเริ่มส่งอิทธิพลแต่ ค.ศ. ๑๙๐๕ และมาฟักตัวครั้งใหญ่หลัง ค.ศ. ๑๙๑๑ (ปีจีนปฏิวัติเปลี่ยนการปกครอง) ได้สำแดงผลออกมาอย่างชัดเจนในเรื่องความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาของความรู้สึกที่เกี่ยวกับประเทศชาติ ซึ่งแต่ก่อนประชาชนชาวจีนมักมองไปในทางแซ่ (Clan) มากกว่าในทางชาติ (Nation)

ควรจะกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษาจีนรุ่นแรกสักเล็กน้อยเพื่อจะช่วยให้การอ่านเรื่อง เจียงเฟ ได้มีความกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้นอีก

การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการเปลี่ยนแนวทางการศึกษาของจีนได้เริ่มใน ค.ศ. ๑๙๐๕ ในปีนั้นรัฐบาลระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของจีนได้ประกาศเลิกการศึกษาแผนเก่า และนำการศึกษาแผนตะวันตกมาใช้แทน ส่งเสริมการเรียนวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความเจริญแบบใหม่ การเปลี่ยนแปลงแนวการศึกษานี้เป็นผลสืบเนื่องจากการเคลื่อนไหวในวงการหนังสือพิมพ์ และวงการของนักคิดจึงกระทำการโจมตีรัฐบาลของราชวงศชิงมิได้ขาดระยะ เพื่อพยายามผลักดันให้จีนก้าวไปข้างหน้า มิให้ล้าหลังอยู่เป็นเหยื่อของลัทธิจักรพรรดินิยม ซึ่งเริ่มทำร้ายประเทศจีนเรื่อยมาตั้งแต่ ค.ศ. ๑๘๔๐

การเปลี่ยนแผนการศึกษาเป็นแบบตะวันตกใน ค.ศ. ๑๙๐๕ ไม่ได้หมายความว่า ลัทธิประชาธิปไตยได้เข้ามาเยี่ยมเยียนโรงเรียนจีนแล้ว..ยุคนั้นราชวงศ์ชิงยังกำอำนาจอยู่เต็มมือ การสอนเด็กในโรงเรียนจึงยังมีการอบรมให้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์อยู่โดยทั่วไป แต่ขณะนั้นการโฆษณาของฝ่ายปฏิวัติซึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในเซี่ยงไฮ้และในญี่ปุ่นได้ปลุกปั่นจิตใจของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาให้เอนเอียงมาทางระบอบประชาธิไตยมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นนักศึกษาจึงมิได้คล้อยตามการอบรมให้จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ แต่กลับบังเกิดความเบื่อหน่ายต่อระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชนั้นยิ่งขึ้น นักศึกษาพากันเกลียดชังความเหลวแหลกของรัฐบาลแมนจู เป็นต้นว่า การกินสินบน การยักยอกเงินหลวง การปกครองอันขาดสมรรถภาพโดยทั่วไป ซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งการเป็นเหยื่อต่อลัทธิจักรพรรดินิยมของทวีปตะวันตกตลอดจนของญี่ปุ่น

แต่แม้จีนจะได้ปฏิวัติแล้วใน ค.ศ. ๑๙๑๑ แต่การปกครองในระยะนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ทั้งนี้เพราะตัวบุคคลสำคัญเป็นจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาถือบังเหียนการปกครองเป็นข้าราชการที่เคยต่อความเหลวแหลกแห่งระบอบเดิมของราชบัลลังก์แมนจู บุคคลเหล่านี้เคยต่อการบีบรีดประโยชน์ราษฎรตลอดจนการกินสินบนและยักยอกเงินแผ่นดิน เพราะฉะนั้นเมื่อมามีอำนาจหน้าที่ในสมัยที่จีนเป็นริปับลิคตอนแรก จึงยังติดสันดานเดิมมาอีก เป็นเหตุให้การปกครองขาดสมรรถภาพที่ควรจะมี นอกจากนี้เสรีภาพของระบอบประชาธิปไตยที่ได้มาใหม่ ๆ ยังทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันมากในเรื่องขอบเขตของการใช้เสรีภาพนั้น คือคิดว่าเสรีภาพที่ได้มาใหม่นี้ คงจะทำให้คนฉ้อราษฎรได้ถนัดขึ้นอีก

ความเหลวแหลกเหล่านี้ได้ทวีความเสียหายไว้แก่ประเทศชาติจนถึงขีดสูงสุด คือ ผู้ทรยศต่อชาติบางคนถึงกับพยายามหยิบยื่นสมบัติของชาติให้แก่ต่างประเทศ เพื่อแลกกับสินจ้างรางวัลอันจะจ้างให้เขานอนกินไปได้ชั่วลูกชั่วหลาน

บรรดานักศึกษาที่มองดูอยู่จากหน้าต่างโรงเรียนได้พากันร้อนใจอยู่ทุกวี่วัน เพราะรู้ดีว่าไม่ช้าจีนก็คงจะไม่มีอะไรเหลือ เขาได้พากันรอคอยการต่อต้านและการแก้ไขของผู้ที่มีอำนาจบางคนด้วยความกระวนกระวายใจ แต่การต่อต้านนั้นก็ยังหาได้บังเกิดเป็นผลแต่ประการใดไม่ ฉะนั้นจึงได้พยายามรวบรวมกันขึ้นเป็นปึกแผ่นเท่าที่จะได้ และคอยทีอยู่

ครั้นถึง ค.ศ. ๑๙๑๙ ก็เกิดคดีปล้นชาติรายใหญ่ขึ้น คือแหลมซานตุง อันเป็นที่เกิดของขงจื้อและมั่งคั่งไปด้วยทรัพย์แผ่นดินได้ถูกยื่นให้เป็นสมบัติของญี่ปุ่น แหลมซานตุงนี้เป็นที่ตั้งของเมืองชิงต่าว (ซิงเตา) เมืองนี้เยอรมนีสมัยไกเซอร์ได้เช่าจากจีนในยุคที่ฝรั่งเศสเช่ากวางเจาวาน, อังกฤษเช่าไวไฮไว. หลังจากที่เกิดสงครามโลกขึ้นใน ค.ศ. ๑๙๑๔ ญี่ปุ่นก็กรีฑาทัพเข้ายึดซานตุง “เพื่อขับไล่เยอรมันออกจากซิงเตา” และเมื่อขับเยอรมันไปแล้ว ญี่ปุ่นก็หาคืนซานตุงให้แก่จีนไม่ ตราบจนกระทั่งประชุมสงบศึกที่แวร์ไซลส์ ก็มีทีท่าว่าสัมพันธมิตร์จะยกซานตุงให้แก่ญี่ปุ่น ท่วงทีอันนี้ได้เป็นชะนวนที่จุดให้ไฟแห่งความโกรธแค้นลุกโพลงขึ้นทั่วเมืองจีน บรรดานักศึกษาของชาวจีนเป็นอันมากพากันเข้าใจว่า บุคคลในคณะรัฐบาลจีนได้มีส่วนร่วมรู้อยู่ด้วยในอันที่จะหยิบซานตุงยื่นให้แก่ญี่ปุ่น

ครั้นถึงเช้าวันที่ ๔ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๑๙ นักศึกษาในมหานครปักกิ่งกว่าสามพันคน ก็พยายามแห่กันไปยังสถานทูตอังกฤษและอเมริกันเพื่อยื่นคำร้องให้ที่ประชุมแวร์ไซลส์คืนแหลมซานตุงให้แก่จีนตามเดิม ตำรวจจีนได้ยกกองไปด้านหน้านักขบวนศึกษาไว้ไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปในเขตสถานทูต โดยเหตุนี้ขบวนอันยาวเหยียดของนักศึกษาจีนจึงหันไปยังบ้าน “คนขายชาติ” ที่ตนสงสัยว่ามีส่วนร่วมคิดในการที่จะตัดแหลมซานตุงให้ญี่ปุ่น เช่นเฉารู่หลินและจางวุงเซียงเป็นต้น บ้านของคนทั้งสองถูกพังแหลกลาญ ตำรวจเข้าปะทะกับขบวนนักศึกษาเพื่อป้องกันข้ารัฐการทั้งสองไว้ และจับนักศึกษาไป ๓๓ คน แต่นักศึกษาเหล่านี้ตำรวจขังไว้ได้เพียงสองสามวันก็ต้องปล่อยตัวไป เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดการปะทะกันขึ้นอีก

เพื่อตัดการเดินขบวน รัฐบาลได้พยายามกักตัวนักศึกษาบางคนไว้ในตัวโรงเรียน โดยใช้ตำรวจล้อม แต่ก็ต้องเปลี่ยนตำรวจทุก ๆ ๔ ชั่วโมง เพราะหาไม่แล้วตำรวจก็มักกลับใจไปเป็นพวกนักเรียนหมด เพราะทนคำปลุกเป่าของนักศึกษาไม่ได้

ที่เมืองไคเฟิงในมณฑลเหือหนาน โรงเรียนบางแห่งถูกตำรวจล้อมกักตัวนักศึกษาไว้ไม่ให้ออก นักศึกษาหญิงที่อยู่นอกโรงเรียน เห็นนักศึกษาชายที่ถูกกักไม่ต่อต้านอย่างใดก็ส่งกะโปรงเข้าไปให้พร้อมกับบันทึกสั้น ๆ ว่า “ถ้าสิ่งนี้คือสิ่งที่เธอต้องการ พวกเราก็มีให้เธอคนละตัว” กระโปรงตัวนี้ทำให้นักศึกษาชายเหล่านั้นเกิดมุมานะขึ้นมาทันที

นอกจากการเดินขบวนคัดค้านฝ่ายบริหาร และการแอนตี้ญี่ปุ่นแล้ว นักศึกษายังได้ทำการบอยคอตต์สินค้าญี่ปุ่นอีกด้วย การบอยคอตต์นี้ได้ผลดีมาก เพราะปรากฏว่าสินค้าญี่ปุ่นขายไม่ค่อยได้ นอกจากบอยคอตต์สินค้าศัตรู นักศึกษาได้พยายามส่งเสริมสินค้าพื้นเมืองเพื่อใช้แทนสินค้าญี่ปุ่น

รัฐบาลได้พยายามขัดขวางการบอยคอตต์ของนักศึกษา นักศึกษาได้ตอบรัฐบาลโดยแสดงปาฐกถาตามถนน พยายามชักชวนให้ประชาชนเห็นพ้องกับตน รัฐบาลสั่งตำรวจออกจับกุมนักศึกษาได้ ๙๐๐ กว่าคน

ต่อจากนั้นการเคลื่อนไหวของนักศึกษากรุนแรงยิ่งขึ้นทุกที แม้ว่าจะทำให้บางเมืองขาดความสงบไป แต่ก็ได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้แก่จีนใหม่–นั่นคือการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ, ในลำดับนั้น (ค.ศ. ๑๙๑๙) จีนปฏิวัติได้เพียง ๘ ปี แต่ยุวชนจีนก็สามารถสร้างมติมหาชนได้ด้วยการเสียสละอันสูงสุด จนกระทั่งรัฐบาลต้องหวั่นไหวไป เป็นผลให้จีนปฏิเสธไม่ยอมเซ็นสัญญาแวร์ไซลส์ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อจีน ความจริงข้อนี้ได้เป็นความหวังของจีนใหม่ซึ่งจะต้องเติบโตต่อไป ในท่ามกลางฝูงสุนัขป่าและสุนัขจิ้งจอก ยุวชนจีนเหล่านี้ได้ทำตัวอย่างไว้ให้แก่ยุวชนจีนรุ่นหลัง คือตัวอย่างของนักสู้ที่ยอมเผชิญหน้ากับดาบและปืนด้วยมือเปล่า มิได้หวาดหวั่นต่อคุกตราง.

อีก ๑๔ ปีต่อมาคือในสมัยที่ข้าพเจ้าขึ้นไปอยู่ปักกิ่ง วิญญาณของนักสู้ก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่งในตัวยุวชนชาวจีนที่ได้ลุกขึ้นยืนคัดค้านนโยบาย “เข่าอ่อน” ของรัฐบาล และการต่อสู้ในครั้งนี้ก็มีความรุนแรงไม่แพ้เมื่อ ค.ศ. ๑๙๑๙ ที่ว่ารุนแรงก็คือตำรวจต้องใช้กำลังมาก ใช้ศาสตราวุธมากมายหลายอย่าง ใช้กระทั่งดาบ “เฟงยุกเสียง” และสูบน้ำดับเพลิง อาวุธของยุวชนก็คือความนิ่งไม่ยกมือขึ้นต่อต้านและความเป็นปึกแผ่นที่รักษาไว้ได้อย่างแน่นหนา การไม่ต่อต้านได้ทำให้ภาพที่ข้าพเจ้าแลเห็นเป็นภาพที่น่าเวทนาเป็นที่สุด ท่านรู้สึกอย่างไรในเมื่อท่านเห็นเด็กชายและเด็กหญิงเดินเข้าไปให้ตำรวจตีโดยมิได้ยกมือขึ้นปัดป้องแม้แต่น้อย?

เจียงเฟ คือใคร ? ข้าพเจ้าไม่อยู่ในฐานะที่จะเปิดเผย แต่ข้าพเจ้าได้เขียนเรื่องนี้ด้วยดินฟ้าอากาศที่เป็นจริงเท่าที่ข้าพเจ้าได้เห็นมา.

สด กูรมะโรหิต

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ