๖
เบื้องหน้าคือดาบกับปืน—เบื้องหน้าคือ อนาคตของประเทศจีน—อนาคตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่—อนาคตที่เจียงเฟกับนักศึกษาทั้งปวงต้องการให้แจ่มจำรัสไปด้วยความสำเร็จของการปฏิวัติครั้งใหญ่ยิ่งในประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรคาเทย์ (Cathay) เจียงเฟนำขบวนนักศึกษาเดินไป—เดินไป—เดินไปเผชิญหน้า กับอนาคตที่เขาและมิตรสหายมิได้มีความหวาดหวั่นพรั่นพรึงแม้แต่น้อย
ลมพัดมาเฉื่อย ๆ–ลมที่บอกว่าเหมันตฤดูกำลังย่างกรายเข้ามาเกือบจะถึงประตูบ้านแล้ว ทั้งสองข้างทางเดินมีประชาชนทั้งหญิงและชายยืนดูอยู่ด้วยความตื่นใจ แม้ว่าการเดินขบวนเช่นนี้จะได้เคยมีมาแล้วสองสามคราวเมื่อปีกลาย แต่จะหาคราวใดที่ใหญ่ยิ่งเท่าคราวนี้นั้น คงจะหามิได้ แถวนักศึกษาทั้งชายหญิงยาวเหยียดสุดสายตา–เป็นแถวมนุษย์ซึ่งแข็งแกร่งประดุจกำแพงเหล็ก—มนุษย์หนุ่มสาวผู้เต็มไปด้วยเลือดรักชาติและอารมณ์อันเร่าร้อนรุนแรง ทุกคนมีสีหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความหวัง หัวใจที่บรรจุเลือดรักชาติเต้นแรงผิดปกติ มิใช่เต้นด้วยความกลัว แต่เต้นด้วยความทะเยอทะยานที่จะได้เป็นผู้หนึ่งที่ปลุกจีนให้ตื่นขึ้นทั้งชาติ นอกจากจะเดินอย่างองอาจปราศจากความระย่อย่นต่ออาวุธของตำรวจแล้ว นักศึกษาส่วนมากยังตะโกนร้องเป็นระยะ ๆ บอกกล่าวความในใจของตนให้ประชาชนทราบ ถ้อยคำที่ตะโกนออกไป เป็นถ้อยคำที่แต่งเตรียมไว้ล่วงหน้า สั้น, ได้ความชัด, และปลุกใจ เสียงคนอันมีจำนวนพันตะโกนขึ้นพร้อม ๆ กันเช่นนี้ ทำให้ปักกิ่งนครแห่งความสงบประหนึ่งความนิ่งบนพื้นน้ำในบึงเชิงเขาน้ำพุหยกยู่ฉวนซาน ต้องสะท้านสะเทือนไปทั่ว เสียงของความรักชาติ ทั้งที่แหลมเล็กและแหบห้าวดังเคล้ากันไป ประดุจเพลงรบที่คึกคะนองไปด้วยวิญญาณของนักสู้ เสียงเหล่านี้ได้เรียกร้องเอาความเห็นอกเห็นใจจากประชาชนสองฟากถนนมาได้เป็นอย่างมาก เพราะปรากฏว่าสีหน้าและแววตาของคนเหล่านั้นได้เปลี่ยนจากความยิ้มแย้มทำนองสนุกในเบื้องแรกมาเป็นความเคร่งขรึมจริงจัง ป้ายโฆษณาเป็นจำนวนร้อย ๆ ที่ชูขนขาวโพลนไปตลอดถนนอันยาวเหยียดได้กลายเป็นเป้าสายตาทุกคู่ซึ่งสอดสายคอยอ่านข้อความอันเผ็ดร้อนบนป้ายนั้น ขบวนมนุษย์อันมีจำนวนเรือนพันเคลื่อนไป–เคลื่อนไป เหมือนลูกคลื่นในท้องทะเลที่กำลังปั่นป่วนไปด้วยลมพายุ เหมือนกำแพงเหล็กที่แข็งกร้าวมันคงเกือบไม่มีอะไรจะมาทำลายได้.
ข้าพเจ้าออกเดินล่วงหน้าไปรออยู่ที่ปากถนนฉางอาน ซึ่งเป็นถนนที่กว้างใหญ่ที่สุดในกรุงปักกิ่ง ขบวนนักศึกษาได้เคลื่อนออกทางตงซื่อผายโล่ว ซึ่งเป็นประตูซุ้มที่ได้ยืนต้านลมหนาวมาแล้วนับด้วยศตวรรษ จากตุงซื่อผายโล่ว ผู้นำขบวนคือเจียงเฟได้พาแถวตัดทางไปทางทิศใต้ คือ ทางประตูฮาตะเหมิน ผ่าน Y. M. C. A. และ P. U. M. C. (Peiping Union Medical College) และดงของดอกไม้เกาหลี ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของทหารต่างชาติที่ตั้งกองอยู่รักษาสถานทูตชาติต่าง ๆ ในปักกิ่ง ตามถนนยังคงแน่นไปด้วยประชาชนที่คอยดูขบวนนักศึกษาอยู่ด้วยความเอาใจใส่ ตำรวจมีบ้างสองสามคน แต่มิได้เข้าขัดขวางประการใด เพราะดูเหมือนจะไม่ได้รับคำสั่งมาโดยเฉพาะให้ปฏิบัติการลงไปในทำนองนั้น ข้าพเจ้ารออยู่ตรงถนนสายนี้ครู่หนึ่ง หัวขบวนก็ใกล้เข้ามา เจียงเฟเดินนำทางด้วยท่าทางอันองอาจ แต่มีท่วงทีสงบเสงี่ยมอยู่ในตัว ขณะที่จวนผ่านข้าพเจ้าไป เขายิ้มนิดหนึ่งอย่างไม่สู้เอาใจใส่นัก ดวงตาอันแข็งกร้าวเหมือนเหล็กกล้าจ้องมองไปข้างหน้า–มองดูแถวที่ตำรวจตั้งรับอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตามถนนฉางอาน.