๑๑

ข้าพเจ้ามองหาเจียงเฟ ขณะนั้นกำลังชุลมุนวุ่นวายแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หัวแถวนักศึกษากำลังจะแตกยับ ตำรวจที่ทะลวงเข้าไปในแถว ทำให้เด็กหนุ่มหญิงสาวกระจายกันออกไปจนแทบจะคุมกันไม่ติด การยกมือขึ้นต่อสู้เป็นการขัดต่อคำปฏิญาณที่ทุกคนได้ให้ไว้แก่ตนเอง “เราจะเสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ เราเดินขบวนเพื่อจะนำมติของเราไปให้ถึงประชาชน เราไม่ได้เดินขบวนเพื่อจะตะลุมบอนกับตำรวจ” ถ้อยคำเหล่านี้ยังคงก้องอยู่ในหัวใจ ทุกคนกล้าพอที่จะอุทิศแม้แต่ชีวิตให้แก่ดาบและปืน ความตายมิได้ทำให้เกิดความระย่อยั่นแต่ประการใดเลย แต่เนื้อเปล่าหรือจะขันสู้กับเหล็ก หัวใจจะแข็งแกร่งปานใดก็ดี หากต้องเอาร่างที่หุ้มไว้เพียงเสื้อผ้าเข้าปะทะกับคมดาบและท่อนเหล็กแล้ว ก็ยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งหญิงและชายถูกตีล้มลงไปทีละคนสองคน ผู้ที่พอประคองตัวอยู่ได้ก็พยายามเดินเปะปะต่อไป หน้าตามอมแมมเกรอะกรังไปด้วยฝุ่นและเลือดที่ไหลรินออกมาจากแผลที่ถูกตีและถูกฟัน ส่วนมากของนักศึกษาถูกตีที่ศีรษะ เพราะมิได้มีใครยกมือขึ้นรับขณะที่มีดและไม้ได้ประเคนลงไปถี่ ๆ โดยไม่เลือกที่

นักศึกษาตอนหัวแถวที่ถูกโจมตีนั้น มีจำนวนประมาณร้อยกว่าคน หลังจากการทะลวงด้วยอาวุธได้เปิดฉากออกแล้วไม่กี่นาฑี ก็เหลือนักศึกษาที่ยังทรงตัวอยู่ได้เพียงไม่ถึงครึ่ง นอกนั้นล้มกลิ้งกลางถนน น่าเอน็จอนาถเหลือที่จะทนดูได้ คนที่ยังพอยืนได้ก็พยายามคุมกันอยู่ในแถวและเดินต่อไปอย่างองอาจ แต่กำลังของตำรวจเหนือกว่ามากนัก ฉะนั้นการคุมแถวตอนที่ถูกโจมตีจึงทำได้ยาก อย่างไรก็ดี แม้แถวตอนต้นขบวนจะกระจายไปบ้าง แต่กำลังหนุนของแถวอันยาวยืดทางหลังก็ยังมีอยู่โดยพร้อมมูล ฉะนั้นถึงตอนหน้าจะซวดเซกระจายไป แต่ตอนหลังก็ยังเดินขึ้นมาแทนที่ ไม่ยอมให้แถวส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ถูกกระทบจากการโจมตีต้องพลอยกระเทือนไปด้วย วินัยของทุกคนยังดีเยี่ยม ไม่มีใครแสดงความหวาดกลัวหรือท้อถอย เพื่อนหญิงชายที่ล้มกลิ้งลงไป ได้กลายเป็นเครื่องก่อให้เกิดกำลังใจที่จะมุมานะพลีเลือดเนื้อต่อไปอีก จนกระทั่งบรรลุถึงความสำเร็จในท้ายที่สุด

แถวมนุษย์ที่ยังมีความมั่นคงอยู่ในอุดมคติอันสวยงามยังคงเคลื่อนไปตามท้องถนนอย่างแช่มช้าและหนักแน่น ตำรวจยังคงทำการโจมตีโดยไม่หยุดมือ เมื่อตีคนหนึ่งล้มลงไปอีกคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาแทนที่ และยอมมอบตนให้ตีต่ออีก โดยไม่ยกนิ้วแม้แต่นิ้วเดียวขึ้นต่อสู้ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ซ้ำ ๆ ซาก ๆ กันจนกระทั่งตำรวจทำท่าทางจะเมื่อยมือหรือมิฉะนั้นก็เกิดความสงสัย เพราะคงจะสำนึกได้ว่า ตนกำลังทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ต้องการจะกระทำตอบ–ผู้บริสุทธิ์ที่ก้มศีรษะลงรับไม้พลองด้วยความสมัครใจ มิได้บิดพลิ้วหรือหลีกเลี่ยง ข้าพเจ้าคิดว่าแม้จะเอามนุษย์หินชาติมาสวมยูนิฟอร์มสีดำ เพื่อที่จะตีเด็กหนุ่มสาวผู้พลีชีวิตให้แก่ชาติเหล่านั้น มนุษย์ใจทมิฬนั้นก็คงไม่อาจจะตีได้ลง ความนิ่ง, ความเงียบ ความหนักแน่นมั่นคง, ตลอดจนความบริสุทธิ์ต่อโลกและชีวิต ดูเหมือนได้กลายเป็นอาวุธอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งที่แทงตอบเข้าไปในหัวใจของผู้รักษาคำสั่งขององค์แห่งอำนาจ ตำรวจหลายนายภายหลังที่ได้ตีนักศึกษาล้มลงไปคนแล้วคนเล่า ก็บังเกิดอาการลังเลใจที่จะฟาดไม้หรือดาบนั้นลงไปอีก แต่นายตำรวจผู้ควบคุมมาได้ตะโกนออกคำสั่งเฉียบขาด ให้ทำลายขบวนอันแข็งแกร่งนั้นให้แหลกพินาศไปให้จงได้ การลังเลใจจึงได้เปลี่ยนเป็นการตัดสินใจ และลงมือตีต่อไปประหนึ่งตีวัวตีควาย เสียงอาวุธที่กระทบกระโหลกศีรษะและหลังไหล่ดังสนั่น เป็นเสียงที่น่ากลัวน่าหวาดเสียวเกินที่ใครจะทนฟังได้โดยไม่รู้สึกอะไร

ข้าพเจ้าพยายามเดินตามขบวนที่เคลื่อนไปพร้อมด้วยกองตำรวจซึ่งรุกไล่อยู่รอบข้าง, สายตามองหาเจียงเฟซึ่งเดินนำหน้ามาตั้งแต่ตอนแรก ความวุ่นวายปั่นป่วนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทำให้ยากที่จะค้นหาหนุ่มผู้ทรหดผู้นี้ได้ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเขาคงจะล้มไปเสียนานแล้ว เพราะการเดินนำขบวนย่อมแสดงตัวให้เห็นเด่นชัดผิดกับคนอื่นที่เดินอยู่ในแถว การคาดคะเนของข้าพเจ้ามีทั้งผิดและถูก หลังจากที่ได้พยายามติดตามมองหาอยู่นาน ข้าพเจ้าก็เห็นเจียงเฟเดินอยู่กลางแถว มีเพื่อนคนหนึ่งพยุงรักแร้อยู่ เขาถูกตีศีรษะเลือดไหลโซม ได้ความในตอนหลังว่า เขาถูกตีด้วยสันมีดดาบในการปะทะตอนแรก น้ำหนักของมีดทำให้เขาล้มถลาลงทันที มีเพื่อนผู้เดินอยู่ข้างเคียงผู้หนึ่งพยายามพยุงเขาขึ้น แต่แล้วเพื่อนผู้นั้นก็ถูกตีคว่ำลงไปอีกคนหนึ่ง เจียงเฟนอนสิ้นสติอยู่เพียงขณะเดียว ก็พยายามทรงตัวลุกขึ้นได้ และโซเซออกเดินต่อไป

ความสนใจของข้าพเจ้าในตอนนี้มารวมอยู่ที่ร่างอันโชกไปด้วยโลหิตของบุรุษผู้นี้ ความสง่ายังคงอยู่ในเรือนร่างของเขาพร้อมบริบูรณ์ แม้เขาจะต้องเดินไปด้วยความลำบาก เพราะบาดเจ็บที่ได้รับแต่กิริยาท่าทางก็ยังคงองอาจเหมือนพญาราชสีห์ ความไม่รู้จักกลัวยังฉายอยู่ในแววตา อาการเคลื่อนไหวอันหนักแน่นของแขนและขายังคงสำแดงความบึกบึนไม่ย่อท้ออยู่เช่นเดิม เจียงเฟถูกพยุงเพียงครู่เดียวก็คลายตัวออกจากแขนของเพื่อน และออกเดินไปโดยกำลังตนเอง

การตามตีของตำรวจผู้สวมยูนิฟอร์มดำล้วน แม้จะได้ผลทุก ๆ ครั้งที่หวดลงไป แต่ผลที่ได้นั้นก็เพียงแต่สามารถล้มนักศึกษาลงได้เพียงคนหนึ่ง ๆ เท่านั้น ยังหาอาจที่จะทำลายหรือหยุดขบวนอันหนาแน่นนั้นได้ไม่ ขบวนของมนุษย์ผู้รักชาติด้วยอุดมคติอันสูงยังคงเคลื่อนต่อไปตามถนนอันกว้างใหญ่ มิได้แสดงท่าทีว่าจะแตกกระจาย หรือหยุดกึกลงตามความมั่นหมายของตำรวจ คนดูทั้งสองฟากถนนยังคงยืนดูต่อไป ความนิ่งขรึมของทุกคนได้แสดงให้เห็นถนัดว่าเหตุการณ์อันทารุณนี้ ได้ตรึงใจให้จมอยู่ในห้วงความเศร้าอันลึกซึ้ง

ดูเหมือนว่าตำรวจจะเปลี่ยนวิธีการใหม่ การโจมตีหัวขบวนไม่ได้ทำลายขวัญของนักศึกษาเลยแม้แต่น้อย นักศึกษาทุกคนตั้งแต่หัวแถวจนสุดท้ายแถวยังคงมีจิตใจมั่นคงอยู่เช่นเดิม เมื่อนโยบายการทำลายขวัญไม่ทำให้เกิดผลดีแต่ประการใดเลยเช่นนี้ ตำรวจกองใหม่อีก ๒–๓ กองก็ถูกเรียกมาจากกรมตำรวจและสั่งให้เข้าตีตัดขบวนให้ขาดออกเป็นท่อน ๆ นโยบายใหม่นี้ได้ผลดีขึ้น เพราะขบวนอันยาวยืดได้แตกกระจายออกจนคุมกันไม่ติด นักศึกษาพยายามจะต่อขบวนให้ติดกันเป็นพืดเช่นเดิม แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะกำลังฝ่ายตรงกันข้ามหนาแน่นมาก การโจมตีตอนหลังนี้เต็มไปด้วยความทารุณยิ่ง นอกจากจะใช้มีดดาบและไม้พลองตลอดจนเชือกหนังแล้วตรวจยังขนเอาสูบน้ำดับเพลิงมาไล่ฉีดนักศึกษาจนกระทั่งต้องล้มลุกคลุกคลานไป สูบน้ำอันมีกำลังแรงนี้ได้กลายเป็นเครื่องมืออย่างดีในการทำลายแถวขบวนอันประกอบขึ้นด้วยมนุษย์ที่ไม่มีความสดุ้งกลัวอยู่ในหัวใจ สูบน้ำที่ตำรวจลากมาฉีดขบวนนักศึกษามีอยู่หลายสาย แบ่งกันไล่ฉีดเป็นตอนๆ กำลังแรงของน้ำทำให้นักศึกษาทั้งหญิงและชายต้องแตกกระจายไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยอาวุธปลาดสิ่งนี้เอง ตำรวจได้กำชัยชนะไว้ได้ในคั่นสุดท้าย เมื่อจ่อเข้าไปตรงที่ใดที่นั้นใดที่นั่นก็เปิดเป็นช่องโหว่ ซึ่งต่อกันไม่ติด นักศึกษาไม่ได้เคยคาดหมายว่าจะต้องผจญกับสายน้ำซึ่งแรงจนยืนไม่ติดเช่นนี้ เพราะฉนั้นจึงไม่มีทางจะหาวิธีแก้ได้ทันท่วงที ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงแถวขบวนอันยาวเหยียดก็ถูกสับออกเป็นท่อน ๆ ซึ่งไม่มีทางจะต่อกันให้ติดอีกได้

ณ บัดนั้น ขบวนได้เคลื่อนมาถึงพระราชวังหลวงตรงแยกที่จะไปทางประตู เฉียนเหมิน และ เทียนเฉียว มีตำรวจดักหน้าอยู่กองใหญ่ มีสูบน้ำดับเพลิงเป็นอาวุธ ๒ สูบ ตำรวจส่วนมากถือดาบหน้ากว้างและเชือกหนัง พอกลุ่มนักศึกษาซึ่งถูกตีตีต้อนมาจากถนน ฉางอาน มาถึง ตำรวจกองใหญ่นี้ก็ทยานเข้าตีสะกัดซึ่งทำให้นักศึกษาทั้งขบวนต้องตกอยู่ในที่ล้อม การโจมตีสะกัดครั้งนี้เป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของฝ่ายตำรวจและได้ผลดีสมความตั้งใจ เพราะปรากฏว่านักศึกษาถูกไล่ต้อนด้วยสูบน้ำและดาบตลอดจนเชือกหนังและไม้พลอง ซึ่งทำให้ต้องแตกกระจายกันออกไปคนละทิศละทาง ที่ต้องบาดเจ็บจนลุกไม่ได้ก็นอนรอความช่วยเหลืออยู่กลางถนน ส่วนผู้ที่พอพยุงร่างคนฟกช้ำดำเขียวไปได้ก็พยายามหลบออกไปอยู่นอกทาง บางคนทนบาดเจ็บไม่ไหวก็นั่งลงอยู่ข้างถนนนั่นเอง ส่วนที่พอพยุงกันไปได้ก็พยุงกันไป เพื่อให้พ้นจากการถูกซ้ำเติมจากตำรวจที่กำลังหนุนเนื่องกันเข้ามาอีก

ขบวนบุตรธิดาแห่งแม่น้ำหวงเหือได้แตกกระจายไปแล้ว การต่อสู้ระหว่างอุดมคติกับกฎหมายได้สุดสิ้นลงโดยที่ฝ่ายอุดมคติต้องปราชัยอย่างย่อยยับตามเคย

แต่เจียงเฟหายไปไหน ?

ข้าพเจ้าเที่ยวมองดูตามร่างอันปราศจากสติของนักศึกษาเป็นอันมากซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กลางถนน แต่ไม่ปรากฏว่าเจียงเฟได้ปนอยู่ในที่นั้น

หนุ่มนักอุดมคติผู้ทรหด ได้หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ