๑๐
ชั่วโมงแรกแห่งการปะทะได้มาถึงแล้ว
ข้าพเจ้าขยับกล้องถ่ายรูป เตรียมพร้อมจะบันทึกภาพประวัติศาสตร์ตอนสำคัญนี้ ไว้เพื่อเป็นพยานฐานประกอบการพิจารณาว่า ฝ่ายตำรวจได้ทำเกินเลยหน้าที่ของตนอย่างไรบ้าง ขณะนั้นคนทุกคนที่ยืนอยู่สองฟากถนนกำลังใจเต้นแรง ต่างจ้องดูหัวแถวนักศึกษาซึ่งเคลื่อนใกล้เข้ามาแทบจะไม่กระพริบตา มีชาวต่างประเทศหลายคนมามุงดูอยู่ด้วยสีหน้าและแววตาแสดงให้เห็นถนัดว่ามีความตื่นเต้นมาก เพราะเหตุการณ์เช่นนี้นาน ๆ จึงจะมีสักครั้งหนึ่ง คนโดยมากมิได้ทนยืนดูด้วยความสนุกเหมือนดูขบวนแห่ หากยืนด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย มีความเห็นอกเห็นใจเด็กหนุ่มหญิงสาวซึ่งกำลังเดินรี่เข้าไปหาที่ตายณะบัดนั้น ถ้อยคำปลุกใจบนป้ายที่แบกมาเหนือแถว เป็นจำนวนหลายสิบป้าย และเนื้อเพลงอันคึกคะนองซึ่งนักศึกษาทุกคนเปล่งเสียงร้องก้องไปทั้งถนน ถึงจะชวนให้คนทั้งปวงซึ่งยืนนิ่งอยู่ทั่วบริเวณมีใจคึกคะนองไปด้วยก็จริง แต่ในส่วนลึกของหัวใจย่อมเต็มไปด้วยความสงสาร เห็นใจหน้าอ่อน ๆ ดวงตาซื่อ ๆ เสียงแหลมซึ่งยังไม่พ้นกลิ่นน้ำนมดี ย่อมเป็นสิ่งที่ชวนให้คนทั้งหลายมิอาจจะสะกดกลั้นความรู้สึกที่เป็นฝ่ายสนับสนุนเสียได้ นั่นคือเนื้อแท้ของชาติ เนื้อแท้ที่จะสร้างอนาคตอันรุ่งโรจน์ให้แก่ จุงหวาเหมินกวอ นั่นคือ บุตรของแม่น้ำหวงเหือและแยงซีเกียง นั่นคือกำแพงของเลือดและเนื้ออันแข็งแรงยิ่งกว่ากำแพงใหญ่ (The Great Walls of China) ซึ่งจีนสร้างไว้เมื่อหลายพันปีมาแล้วสำหรับป้องกันพวก ซองหนู และ หนู่เจิน นั่นคือชีวิตและวิญญาณของหวงตี้บรรพบุรุษแห่งบรรพบุรุษ ซึ่งได้ก่อสร้างชาติจีนมาตั้งแต่สมัยเริ่มประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่สูงค่าเหล่านี้กำลังจะถูกทำลายและเหยียบย่ำ โดยน้ำมือของผู้ที่ร่วมเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน มันเป็นเรื่องของความเศร้าเกินที่เราจะเข้าใจได้ เป็นลครของความสลดใจอีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของระพินทร์ พรเลิศ
ในขณะที่ข้าพเจ้ายืนจ้องดูเหตุการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในไม่กี่วินาฑีนี้ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากยูนิฟอร์มสีดำซึ่งถืออาวุธครบมือ เสียงตะโกนนั้นตั้งซ้อน ๆ กัน “ต่า–ต่า–ต่า–” ซึ่งแปลว่า ตี–ตี–ตี–ในทันใดนั้นเองตรวจหลายสิบคนถือดาบ, พลอง, เชือกหนังตลอดจนปืนยาวก็วิ่งรี่เข้าใส่ต้นแถวนักศึกษา และลงมือตีเด็กหนุ่มหญิงสาวเหล่านั้นโดยไม่เลือกที่ ได้ยินเสียงเชือกหนังกระทบเนื้อดังสนั่นหวั่นไหว ตำรวจที่ถือปืนก็ใช้ซ่นปืนตีและกระแทกโดยมิได้ปราณี นักศึกษาหลายคนโดนที่สำคัญ ได้ล้มฟุบอยู่กับที่ ตำรวจดาบยังมีความกรุณาอยู่บ้างที่พยายามใช้สันดาบตีเป็นส่วนมาก แต่บางคนที่ใจเหี้ยมพอ ก็ใช้หน้าดาบฟันลงไปกลางหลังผู้เคราะห์ร้าย และเห็นเสื้อขาดโลหิตไหลนอง การโจมตีผู้มีมือเปล่าๆ ได้ดำเนินไปอย่างทารุณ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าพเจ้าได้แลเห็นภาพอันทรมานความรู้สึกเหล่านั้น–เป็นภาพที่ข้าพเจ้าไม่อาจจะลืมเสียได้ ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ คนดูทุกคนมีสีหน้าซีดสลด ผู้หญิงบางคนทนไม่ได้ก็ยกมือขึ้นปิดหน้า ชาวต่างประเทศผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ข้าพเจ้าสบถพึมพำอยู่ในคอ มือกำแน่น ชายหนุ่มกวางตุ้งผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ถัดไปขบกรามกรอด ข้าพเจ้าเปิดกล้องเก็บภาพไว้ได้ ๓–๔ ภาพ แล้วยืนสังเกตการณ์ต่อไปอีก
ถึงมาตร์ว่าการโจมตีด้วยมีด และไม้ตลอดจนพานท้ายปืนจะทารุณอย่างสาหัสปานใดก็ตาม แต่แถวอันแข็งแกร่งของนักศึกษาก็ยังเคลื่อนที่ต่อไป–เคลื่อนไปข้างหน้าทีละก้าวโดยไม่มีท่าทีว่าจะถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว นักศึกษาคนใดที่ถูกตีอย่างหนักก็ล้มพับลงกลางถนนโดยมิได้ร้องแม้แต่คำเดียว ไม่มีใครร้องขอความกรุณา ไม่มีใครพูด ทุกคนมุ่งแต่เดิน–เดิน–เดินด้วยหัวใจอันองอาจ–เดินโดยไม่ยกแม้แต่นิ้วขึ้นต่อสู้