ข้าพเจ้ากลับมาเมืองไทยร่วม ๑๐ ปีแล้ว แต่เวลาอันยาวนานนี้ไม่ทำให้ข้าพเจ้าลืมคนคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้พบในประเทศจีนคนผู้นี้คือเจียงเฟ

ข้าพเจ้ายังไม่ลืมบุคคลหลาย ๆ คนที่ข้าพเจ้าได้พบในดินแดนอันเต็มไปด้วยชีวิตแห่งนี้ แต่อาการที่ข้าพเจ้าจดจำคนเหล่านั้นย่อมมีความแตกต่างกันอยู่ ข้าพเจ้าไม่มีวารยาราเนฟสกายา เพราะแววตาของวารยาเมื่อวันที่เราจากกันครั้งสุดท้าย ณ สถานีรถไฟปักกิ่ง เป็นแววตาที่เศร้าเกินที่ข้าพเจ้าจะเชื่อได้ว่า ชีวิตมนุษย์จะบรรทุกเพียบไปด้วยความเศร้าถึงปานนั้น วารยา ราเนฟสกายา เป็นผู้ที่ไม่ตายไปจากชีวิตของระพินทร์ นอกจากระพินทร์จะได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ในวันที่ดวงเดือนส่องแสงสว่างสุกใสอยู่บนท้องฟ้าของเมืองไทย ข้าพเจ้าก็นึกถึงวารยา วารยายังคงอยู่ในฮาร์บินหรือ ? สงครามที่คนทั้งโลกแสนจะเกลียดชัง ไม่ได้ทำให้วารยาต้องเร่ร่อนไปไหนต่อไหนอีกหรือ ? ชีวิตของผู้หญิงคนนี้–ผู้หญิงที่ถูกทิ้งอยู่ในโลกแต่ลำพังผู้เดียว–เป็นชีวิตที่ข้าพเจ้าต้องการจะจดจำ ข้าพเจ้าต้องการให้ชีวิตของวารยาเป็นเครื่องปลอบใจเวลาข้าพเจ้าเศร้าและผิดหวังในเรื่องโลกและชีวิต วารยา ราเนฟสกายา เป็นผู้หญิง เมื่อวารยาทนได้ ข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้ชายก็ควรจะทนได้ไม่ใช่หรือท่าน?

เจียงเฟเป็นบุคคลอีกคนหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าไม่อาจจะลืมเสียได้ เขาเป็นชายหนุ่มอายุเพียง ๒๓ ปี ยังหนุ่มเกินไปที่จะตาย ยังควรจะมีอนาคตเหลืออยู่อีกมากนัก สำหรับที่จะทำประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติ ข้าพเจ้าพบเจียงเฟเป็นครั้งแรกในที่ประชุมนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัยในจีนเหนือ เขาเป็นคนรูปร่างกำยำล่ำสัน ตัดผมเกรียน นัยน์ตาชั้นเดียว แต่ประกายตาแข็งเหมือนเหล็กกล้า เจียงเฟเป็นหัวหน้านักศึกษามหาวิทยาลัยฝู่เหริน (Catholic University) เขาเข้าประชุมแทนมหาวิทยาลัยของเขา เพื่อพิจารณาปัญหาการเมืองในจีนเหนือ ซึ่งนักศึกษาทุกคนกำลังสนใจการเมืองในประเทศจีนซึ่งได้รับการศึกษาแล้วไม่อาจเพิกเฉยเสียได้ แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ยังรู้จักเจ็บแค้นแทนชาติของตนอย่างออกหน้าออกตา ในการเดินขบวนเพื่อคัดค้านการกระทำอันไร้ความยุติธรรมของต่างประเทศที่ได้ปฏิบัติต่อประเทศจีน เราจะเห็นนักศึกษารุ่นใหญ่เดินโห่ร้องแบกป้ายโฆษณาเป็นแถวยาวยืดอย่างมีระเบียบ นักศึกษารุ่นเล็กถ้าไม่ร่วมเดินด้วยก็ยืนโห่ร้องอยู่ข้างถนน การขัดขวางของตำรวจไม่อาจหยุดแถวนักศึกษาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายเลย การปะทะระหว่างตำรวจและนักศึกษามันมีขึ้นทุกคราวที่มีการเดินขบวน สูบน้ำที่ใช้สำหรับดับเพลิง ดาบ, ตะบอง, แม้แต่ปืนเป็นอาวุธที่ตำรวจใช้เพื่อที่จะขับไล่ขบวนนักศึกษาให้แตกกระจายไป แต่นักศึกษาจะไม่ล่าถอยไปเลยนอกจากตำรวจจะได้รับบาดเจ็บไปบ้างแล้ว เป็นการตอบแทน

ในการกล่าวขวัญถึงเจียงเฟ นิสิตมหาวิทยาลัยฝู่เหรินผู้นี้ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเป็นพิเศษอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือ รู้สึกว่าชีวิตของชายหนุ่มผู้นี้เต็มไปด้วยการต่อสู้ดิ้นรน ผิดกับชีวิตของนิสิตมหาวิทยาลัยธรรมดา เจียงเฟมีความรู้สึกนึกคิดตลอดจนการกระทำเป็นนักปฏิวัติผู้หนึ่ง เขาเกิดมาในความทุกข์ยากของประเทศชาติ ปีที่เขาเกิดนั้นคือปี ค.ศ. ๑๙๑๑ ซึ่งเป็นปีที่จีนปฏิวัติใหญ่ เจียงเฟเติบโตมาในการปฏิวัติ วันคืนที่ผ่านไปตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ล้วนแต่ทำให้เขาต้องคิด เมื่อคิดก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่า เขาอาจเป็นคนโชคร้ายเกินไปสักหน่อยที่บังเอิญเกิดมาในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงแห่งนี้ แต่ในฐานะที่เขาได้เกิดมาแล้วเป็นชาวจีนผู้มีประวัติของวัฒนธรรมความเจริญเก่าแก่เท่าเทียมอียิปต์ เขาก็กำหนดใจลงไปอย่างแน่นอนว่า เขามีหน้าที่จะต้องต่อสู้เพื่อชาติของเขา เขาพร้อมที่จะตายเพื่อชาติได้ทุกเวลา เจียงเฟเป็น แนชะแนลิสต์ ที่เลือดร้อนเกินที่จะเข้าใจได้ว่านโยบายอลุ่มอล่วยของ ว่ายเจียวปู้ คือ กระทรวงการต่างประเทศจะมีผลดีต่อประเทศชาติอย่างไรบ้าง ในเมื่อจีนได้ถูกรุกรานอยู่แทบทุกขณะลมหายใจ เกียรติประวัติของการเดินขบวนครั้งใหญ่ยิ่งสมัย หวู่ซื่อยุ่นตุ้ง (ค.ศ. ๑๙๑๙) เพื่อเป็นการคัดค้านรัฐบาลจีนยุคนั้น เป็นเครื่องเตือนใจให้ชายหนุ่มผู้นี้มั่นใจว่าสิ่งใดที่ตนกระทำลงไปย่อมเป็นการควรแล้ว ความสำเร็จของการเดินขบวนคัดค้านรัฐบาลในยุคหวู่ซื่อยุ่นตุ้งนั้นเป็นความสำเร็จอันงดงาม ซึ่งได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของจีนสมัยปฏิวัติ นิสิตมหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกันเข้าบังคับรัฐบาลให้ยืนขึ้นต่อสู้ชิงเอาแผ่นดินที่เป็นสมบัติของจีนคืนมาได้ผืนหนึ่ง ความสำเร็จครั้งนั้นเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงในวงการศึกษาของชนชาติจีน เพราะเป็นเครื่องวัดชีวิตจิตใจของชาวจีนรุ่นใหม่ว่าได้มีความรู้สึกในเรื่องชาติตื้นลึกเพียงใด การศึกษาตามแผนสากลซึ่งแตกต่างกับการศึกษาตามแผนขงจื้อ ได้ช่วยให้จีนใหม่เปลี่ยนความรู้สึกจากการรักวงศ์ตระกูลแบบหมู่เหล่า (Clannism) มาเป็นการรักชาติอย่างซาบซึ้ง ความรักชาติที่เกิดขึ้นใหม่นี้แหละได้กลายเป็นชนวนของการต่อสู้ดิ้นรนอย่างดุเดือดตลอดแผ่นดินจีน–การต่อสู้ระหว่างพวกเก๊กเหมงกับราชบัลลังก์มังกร–การต่อสู้กันเองระหว่างนายพลนักปฏิวัติซึ่งมีอยู่เกลื่อนกลาด–การต่อสู้ระหว่างวัฒนธรรมแผนเก่ากับวัฒนธรรมแผนสากล–การต่อสู้ระหว่างชนชาติจีนกับมหาอำนาจต่างชาติ—และท้ายที่สุด—การต่อสู้ระหว่างนักศึกษากับตำรวจ!

 

  1. ๑. ดูเรื่อง “เมื่อหิมะละลาย” ในหนังสือสวนอักษร ฉบับ ๑๗ ประจำวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๕

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ