๗
แล้วข้าพเจ้าก็เร่ร่อนไปในเมืองจีนแปดปี
วันหนึ่งใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ข้าพเจ้าได้รับจดหมายจากเทวันฉบับหนึ่ง ใจความตอนหนึ่งว่าดังนี้–
“....บ้านเมืองเห็นจะไม่สงบเสียแล้ว เวลาที่ฉันรอคอยมาได้มาถึงแล้ว ฉันยังไม่พูดอะไรมากเพราะไม่ไว้ใจ แต่ขอให้เธอพยายามเข้าใจว่าเราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ได้จริง ๆ ฉันมองเห็นความถอยหลัง ไม่มีอะไรก้าวหน้า เราไม่มีสิทธิมีเสียงจะพูดอะไรเสียเลย เราต้องการประชาธิปไตยที่ทำให้เราสามารถรับใช้บ้านเมืองของเราได้เต็มที่กว่านี้ มีคนหลายคนให้ความเห็นว่า ราษฎรของเรายังไม่พร้อมที่จะเป็นประชาธิปไตย ความเห็นเป็นนี้ไม่ใช่ความเห็นที่รักความก้าวหน้า ดูจะ Conservative จนเกินไป ถ้าเราขืนรอให้ตาสีตาสาอ่านหนังสือออก ก็เห็นจะต้องคอยไปอีกหลายร้อยปี มันเป็นเรื่องของเราต่างหากที่จะทำให้ตาสีตาสาอ่านหนังสือออก ถ้าเราไม่จับแกมาสอนเสียเอง แกก็คงจะตายไป โดยยังอ่านหนังสือไม่ออกอยู่นั่นเอง ฉันเห็นว่าคงจะรอกันไม่ได้.
“ความเห็นของเธอก็ดูละเอียดดี เธอเล่าเรื่องประชาธิปไตยในเมืองจีนซึ่งเต็มไปด้วยความอลเวง ฉันเข้าใจว่าจะเอาเมืองจีนมาเปรียบกับเมืองไทยไม่ได้ จีนเป็นประเทศใหญ่โตมาก มีพลเมืองมากกว่าเมืองไทยกว่า ๒๐ เท่า จึงจำเป็นอยู่เองที่จะต้องยุ่ง ของเรามีพลเมืองหยิบมือเดียว คงจะจัดการได้ดี ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าเธอต้องการประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่เธอยังวิตกว่าเรายังมีรากฐานไม่พอ ฉันว่ารากฐานเป็นเรื่องที่เราจะต้องสร้างขึ้นเอง เราขอไม่ได้
“หวังว่าคงจะได้รับข้อชี้แจงจากเธอบ้าง เรื่องการปกครองในเมืองจีน.....”
เทวัน
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตอบจดหมายของเขา จดหมายลงทะเบียนด่วนของเทวันอีกฉบับหนึ่งก็มาถึงมือข้าพเจ้า ในกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
“........เมืองไทยปฏิวัติกันแล้วเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน นี้ เราเป็นประชาธิปไตยแล้ว ต่อนี้ไปเราจะได้ปกครองตัวเอง ฉันเชื่อว่าการเล่นพวก คงจะหมดไป การสอพลอก็คงจะหมดไป ทุกคนจะได้รับความเสมอภาค หนังสือพิมพ์จะพูดได้ด้วยอิสรภาพที่แท้จริง การเห็นแก่หน้าญาติพี่น้องเพื่อนฝูงคงจะหมดไปในครั้งนี้ ฉันเชื่อมั่นในผู้ก่อการของเราทุกตัวคนว่า ได้ทำการปฏิวัติด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องการจะเห็นแก่ลาภยศเป็นการส่วนตัว ทุกคนยอมเอาคอเข้าวางบนเขียง ยอมเสียสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิต เพื่อความดีงามของลัทธิประชาธิปไตย ผู้ก่อการของเราหลาย ๆ คนเป็นคนเดินถนนอย่างเรา ๆ นี่เอง บางคนเช่าห้องแถวอยู่ก็มี เนื่องจากหลายคนเหล่านี้มาจากคนชั้นราษฎรเดินดินจริง ๆ เพราะฉะนั้นเขาย่อมจะต้องเห็นแก่ประโยชน์ของราษฎรอย่างแท้จริง เขาย่อมจะทำทุกอย่างเพื่อความเจริญของประเทศชาติ จะไม่มีการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นอันขาด ขอให้เธอเชื่อได้ว่าประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจ ทุกคนมีเสรีภาพและความเสมอภาคตามความหมายของประชาธิปไตยที่แท้จริง ฉันฝันถึงเมืองไทยในอนาคต เมืองไทยทสวยงามและร่มเย็น เมืองไทยที่ไม่มีการโกงราษฎรอย่างที่เราได้เห็นในประเทศอื่น ๆ ผู้ก่อการทุกคนได้ทำการครั้งนี้ด้วยการเสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพราะฉะนั้นจึงเป็นข้อสัญญาหรือข้อสังเกตอันมั่นคงที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่า ทุกคนย่อมจะไม่พยายามให้มีการโกงชาติโกงราษฎร ตลอดจนการหาสินบลเข้ากระเป๋า หรืออาศัยอำนาจหน้าที่หาประโยชน์เข้าพกเข้าห่อ เขาย่อมจะคำนึงถึงเกียรติยศแห่งถ้อยคำตลอดจนความตั้งใจมั่นที่เขาได้ให้ไว้แก่ตัวของเขาเอง ตลอดจนแก่ประชาชนชาวไทย ข้อนี้ฉันปลงใจเชื่ออย่างแน่วแน่ ไฉันขอให้เธอซึ่งห่างไกลออกไปช่วยปลงใจเชื่อด้วย เธอวางใจเสียเถิด, ระพินทร์, วางใจสำหรับอนาคตของเมืองไทย เธอจะกลับเข้ามาพบสิ่งที่เธอปรารถนา เธอจะไม่ได้เห็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่, เธอจะไม่ได้เห็นการเล่นพวก และการเห็นแก่หน้าญาติมิตรรวมทั้งพี่น้องข้างเมีย เธอจะไม่ได้เห็นการแบกถาดหัวหมูเข้าทางประตูหลังบ้านเพื่อประเคนให้แก่คุณนาย ทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพในการใช้และการแสดงความสามารถของเขา เราจะได้รับโอกาสใช้ความสามารถของเราในหน้าที่การงานสำหรับประเทศชาติโดยไม่ต้องวิ่งเต้นไปเกาะบันไดเสนอหน้าแก่ท่านผู้เป็นใหญ่ การประจบสอพลอจะต้องหมดเชื้อเสียทีในครั้งนี้ คนตงฉินทั้งปวงที่รออยู่ในอาศรมของเขาก็คงจะได้รับโอกาสใช้ความสามารถของเขาบ้างในหน้าที่การงานเกี่ยวกับการสร้างชาติ ข้อที่ฉันพอใจข้อหนึ่งก็คือ ทุกคนจะได้รับโอกาสในการใช้ความสามารถของเขาเกี่ยวกับงานของชาติโดยไม่ต้องผ่านพิธีเสนอหน้าที่ตีนบันไดวันแล้ววันเล่า การเสนอหน้าที่ตีนบันได เป็นพิธีที่เลวทรามเหลือเกิน คนที่มีความนับถือตนเองและเชื่อมั่นในตนเองย่อมจะไม่ทำเช่นนั้นเป็นอันขาด เขาไม่มีเวลาที่จะไปเที่ยวเสนอหน้าต่อใคร เพราะเขามีงานที่มีประโยชน์มากกว่านั้น จะต้องทำตั้งแต่เช้าจนค่ำ เขาถือว่าการไปเสนอหน้าต่อคนใหญ่คนโตเพื่อประโยชน์ที่ตนเองจะได้เป็นใหญ่เป็นโต หรือจะได้กำไรเข้าพกเข้าห่อนั้น เป็นการเห็นแก่ตัว ตลอดจนเป็นการแสดงนิสัยที่ชอบชนะไหนเข้าด้วยช่วยกระพือ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เป็นใหญ่นั้นเสียเวลาและไม่แต่เสียเวลาอย่างเดียว ยังแถมเสียนิสัยที่ควรจะดีอีกด้วย คนที่เขาไปเกาะตีนบันไดเหล่านี้โดยมากมักชอบใส่ฟืนใส่ไฟให้ร้ายแก่คนอื่น เพื่อแสดงตัวว่าเป็นทาสาของท่านผู้เป็นใหญ่ทั้งเนื้อทั้งตัวทีเดียว ไม่แต่เท่านั้นยังสรรเสริญเยินยอท่านผู้เป็นใหญ่เสียจนแทบจะจมไม่ลง ไม่ช้าไม่นานผู้เป็นใหญ่ก็เริ่มสงสัยตนเองว่า อาตมานี้เห็นทีเทวดาจะมาเกิดเป็นแท้แล้ว, เป็นอัจฉริยะอันจะหาใครเสมอเหมือนมิได้ในพื้นพสุธา อย่ากระนั้นเลยว่าเราจะสำแดงอภินิหารให้เห็นประจักษ์....แล้วต่อจากนั้นเราก็ได้เทวดาอีกองค์หนึ่ง!
ฉันเขียนมายืดยาว แต่มันมีอารมณ์จะเขียน เพราะมันเจ็บช้ำใจมานาน อย่างไรก็ดี ฉันได้มาถึงสมัยที่ฉันต้องการแล้ว คือสมัยของความเสมอภาค สมัยที่หนังสือพิมพ์จะพูดได้อย่างอิสระเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ สมัยที่การประจบสอพลอจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย
หวังว่าคงจะได้ข่าวด่วนจากเธอในเร็ววัน ฉันสบายดี เมื่อวานเจอประนุท เขาฝากความคิดถึงมายังเธอ เห็นว่ากำลังเขียนถึงเธอเหมือนกัน อย่าลืมประนุทของเธอเสียนะ, ระพินทร์.
รักเสมอ
เทวัน.