พระคัมภีร์ตักกะศิลา เล่ม ๑ โดยสังเขป

สิทธิการิยะ จะกล่าวถึงเมืองตักกะศิลา เกิดความไข้วิปริตเมื่อห่าลงเมือง ท้าวพระยาไพรฟ้าข้าแผ่นดินทั้งปวง เกิดความไข้ล้มตายเปนอันมาก ซึ่งคนที่เหลือตายอยู่นั้นออกจากเมืองตักกะศิลาไป ยังเหลือแต่เปลือกเมืองเปล่า ยังมีพระฤๅษีองค์หนึ่ง มีนามมิได้ปรากฏ เที่ยวโคจรมาแต่ป่าหิมพานต์ จึงเห็นแต่เมืองเปล่า มืแต่ซากศพตายก่ายกองทั้งบ้านเมือง เธอจึงตั้งพิธีชุบซากศพนั้นขึ้น แล้วถามว่าท่านทั้งหลายนี้เปนเหตุอะไรจึงล้มตายเปนอันมาก ฝูงคนทั้งหลายที่ชุบเปนขึ้นนั้น จึงแจ้งความว่าข้าแต่พระผู้เปนเจ้า บ้านเมืองนี้เกิดความไข้เปนพิกลต่างๆ ลางคนไข้วัน ๑ บ้าง ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง ๔ วันบ้างตาย ลางคนนอนลางคนนั่งลางคนยืนลางคนตะแคงลางคนหงายตาย เปนเหตุเพราะความตายอย่างนี้ พระดาบสได้ฟังถ้อยคำคนทั้งหลายบอกดังนั้น ก็มีใจกรุณาแก่สัตว์ทั้งหลาย เธอพิจารณาด้วยฌานสมาบัติรู้ว่าห่าลงเมือง จึงแต่งพระคัมภีร์ไข้เหนือแก้ไข้พิษ ไข้กาฬตักกะศิลาสำหรับแพทย์ไปข้างน่า ให้รู้ประเภทอาการเพื่อจะให้สืบอายุสัตว์ไว้

ถ้าผู้ใดจะเรียนเปนแพทย์รักษาโรคไข้พิษไข้เหนือ ก็ย่อมมีมาหลายจำพวก ผู้จะเปนแพทย์รักษาไข้พิษไข้เหนือนั้น ให้เอาดินโป่ง ๗ โป่ง ดินท่า ๗ ท่า ดินปลวก ๗ แห่ง ดินสระ ๗ สระ ดินป่าช้า ๗ ป่าช้า เอาขี้เท่าคนตายวันเสาร์เผาวันอังคาร แล้วให้เอาใบราชพฤกษ์ ๑ ใบไชยพฤกษ์ ๑ ใบคันธพฤกษ์ ๑ ใบชุมแสง ๑ เผาประสมกับดิน ปั้นเปนรูปพระดาบสไว้บูชา เมื่อจะบดยาเชิญรูปพระดาบสมาตั้งไว้เปนประธาน จึงทำเครื่องบูชาพระดาบส ดอกไม้ธูปเทียนเครื่องกระยาบวชบายศรีซ้ายขวาผ้าขาวปู เคารพสักการะบูชาพระดาบสแล้ว เศกยาด้วยพระคาถานี้

(อธิเจตโส อปมัช์ชโต โมนปเถ สุสิก์ขโต โสกานพ์ภวัน์ติ ตาทิโน อุปสัน์ตัส์สสตีมโต) เมื่อจะไปดูไข้ก็ให้ว่าพระคาถานี้ ให้เศกน้ำล้างหน้ารดตัวผู้ที่จะเรียนเปนแพทย์รักษาไช้พิษไข้เหนือนั้น จึงจะคุ้มอุปัททะวะอันตรายแห่งตัวได้ แล้วให้เศกน้ำมนต์ประคนไข้ แล้วให้พิจารณาไข้ให้ถ่องแท้

เมื่อผู้เปนเจ้าจะแสดงเภทไข้พิษไข้เหนือแลไข้กาฬ ให้คนทั้งหลายรู้ประจักษ์ คืออันใดที่จะเปนไข้พิษนั้นเปนต้น ไข้อีดำอีแดง ไข้ปานดำปานแดง ไข้ลากสาด ไข้สายฟ้าฟาด ไข้ระบุชาติ ไข้กระดานหิน ไข้สังวาลพระอินทร์ ไข้มหาเมฆ ไข้มหานิล ไข้เข้าไหม้ใหญ่น้อย ไข้เข้าไหม้ใบเตรียม ไข้ไฟเดือนห้าไข้เปลวไฟฟ้า ไข้หงษ์ระทดดาวเรือง ไข้จันทรสูตร ไข้สุริยสูตร ไข้เมฆสูตร ว่าดังนี้คนทั้งหลายจึงวิงวอน ว่าข้าแต่ผู้เปนเจ้าจงได้โปรดสัตว์ทั้งหลายให้อายุยืนยาวไปข้างน่านั้น ขอผู้เปนเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้าทราบอาการไข้ เภทไข้ลักษณไข้ทุกประการ

ครั้งนั้นพระดาบสมีเมตตากรุณาแก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งอ้อนวอนด้วยจะใคร่ให้รู้แจ้งประจักษ์เภทไข้เหนือ ไข้พิษนั้นอันมีลักษณะต่างๆ คืออันใดบ้าง แลพระผู้เปนเจ้าจึงห้ามว่า ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวดอย่าให้ปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออกอย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบอย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามมิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล

อนึ่งผู้เปนเจ้าจะแสดงเภททั้งหลายไปข้างน่า ให้ผู้จะเปนแพทย์พิจารณาจงเลอียดในลักษณไข้เหนือพิษกาฬ บางทีไม่เจ็บไข้สบายอยู่เปนปรกติ ไข้เกิดในกายให้ผุดเปนแผ่นเปนเม็ดแดงดำเขียวก็ดี เปนทรายไปทั่วตัวก็มี ผุดได้ ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน จึงล้มไข้ใน ๑ วัน ๒ วัน ๓ วันทำพิษต่างๆ ผุดขึ้นเปนแผ่นเปนวง เปนเม็ดทรายขึ้นมา เปนสีแดงสีดำสีเขียวสีน้ำครามเปนสีต่างๆ รอดบ้างตายบ้างแล ให้แพทย์เร่งยาจงหนัก ยากะทุ้งให้ไข้นั้นขึ้นให้สิ้น ถ้ากะทุ้งขึ้นมิสิ้นกลับเข้าไปกินตับปอด ให้ลงโลหิตเสมหะ ลางทีลงทางทวารปัสสาวะให้ปิดปัสสาวะ ลางทีให้อาเจียรเปนโลหิตให้ไอ ลางทีทำให้ร้อนกระหายน้ำหอบสอึก ลิ้นกระด้างคางแข็งให้ชักตาเหลือกตากลับ ลางทีทำพิษให้จับหัวใจ ให้นอนกรนไปไม่มีสติสมปฤดี ให้จับหลับกรนครอก ๆ ลางทีกระทำพิษให้ปิตตะสมุฏฐานกำเริบให้เหลืองไปทั่วกาย ถ้าแพทย์รักษาดีก็จะรอด ถ้ารักษาไม่ดีก็จะตายให้ตรองจงหนัก พระผู้เปนเจ้าจึงสำแดงให้แพทย์พิจารณารักษาไข้พิษไข้เหนือให้เลอียด ถ้าไม่รู้จักรักษาไข้ๆ เหนือไข้พิษห้ามมิให้ไปรักษาเขา เห็นแก่อามิศสินจ้างโลภจะเอาทรัพย์เขาวางยาผิด เขาตายลงด้วยพิษยาของตัว แพทย์นั้นจะตกในมหาอเวจีนรก ถ้าแพทย์ผู้ใดประกอบไปด้วยเมตตาจิตร เปนบุเรจาริกมีสติปัญญาประคับประคองรักษาวางยาชอบด้วยโรค เหมือนพระโยคาวจรเจ้าพิจารณาจงเลอียด แพทย์ผู้นั้นจะจำเริญประโยชน์ในโภคสมบัติ อายุยืนวัฒนาศิริสวัสดิอันเปนเบื้องน่าแก่แพทย์ผู้นั้น พระผู้เปนเจ้าจึงแสดงให้รู้แต่เพียงนี้

อนึ่งพระผู้เปนเจ้าจะตกแต่งคัมภีร์ไข้เหนือ แลไข้พิษแลพิษกาฬภายใน ลักษณไข้ให้ผู้เปนแพทย์พึงรู้ให้ถ่องแท้ ว่าไข้พิษหรือมิใช่ไข้พิษ แลลักษณไข้พิษนั้น คืออิดำอิแดง ให้จับเท้าเย็นมือเย็นให้ตัวร้อนเปนเปลวไฟ ให้จักษุแดงดังโลหิต ร้อนเปนตอนเย็นเปนตอนมิได้เสมอกัน ลางทีจับแต่รุ่งจนเที่ยง ลางทีจับแต่เที่ยงจนค่ำ ลางทีจับแต่ค่ำจนรุ่ง ลางทีให้ปวดสีสะให้ผุดเปนแผ่นนิ้วหนึ่งก็มี สองนิ้วก็มีเท่าใบพุดทราก็มี ลางทีผุดขึ้นมาเท่าใบเทียนก็มีทั่วทั้งตัว แดงก็มีดำก็มี แดงนั้นเบากว่าดำ ถ้าเห็นยังลึกอยู่ไม่ขึ้นให้เอาเทียนส่องมือดู แล้วให้แต่งยากะทุ้งให้กินชื่อว่าแก้วห้าดวง เอารากคนทา ๑ รากไม้เท้ายายม่อม ๑ รากชิงชี่ ๑ รากมะเดื่อ ๑ รากหญ้านาง ๑ ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค ต้มให้กิน แล้วจึงแต่งยาประสะกะทุ้งผิวภายนอก ใบหญ้านาง ๑ ใบมะขาม ๑ เอาเสมอภาค เอาดินประสิวใส่แต่พอสมควรละลายน้ำซาวเข้าพ่น ถ้ามิขึ้นกระทำให้ตัวร้อนเปนเปลว เอาเถาขี้กาแดงทั้งใบทั้งราก ๑ เถาหญ้านางทั้งใบทั้งราก ๑ เอาเสมอภาคแซกดินประสิวละลายด้วยน้ำซาวเข้าทั้งกินทั้งพ่น ถ้ามิฟังให้เอาใบทองหลางใบมน ๑ เปลือกทองหลางใบมน ๑ เข้าสารด้วย เอาเสมอภาคแซกดินประสิวทั้งกินทั้งพ่น

ทีนี้จะว่าด้วยปานดำปานแดงต่อไป ลักษณปานดำปานแดงนั้น ให้จับเท้ามือเย็น ลางทีให้เท้าร้อนมือร้อนให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ปวดสีสะให้จักษุแดงเปนสายโลหิต ให้ร้อนในอกให้เชื่อมให้มัว ลางทีพิษกระทำภายในยากะทุ้งมิออก ให้ร้อนในกระหายน้ำ ลางทีให้ลิ้นกระด้างคางแข็ง ให้ผุดออกเท่าวงสะบ้ามอนบ้าง เท่าใบพุดทราบ้างเท่านิ้วหนึ่งสองนิ้วบ้าง ถ้าแพทย์รักษาให้ระวังจงได้ ปานแดงนั้นเบากว่าปานดำ ถ้าขึ้นครึ่งตัวรักษารอดบ้างตายบ้าง ถ้าขึ้นทั้งตัวสีดังผลตำลึงสุก สีดังผลหว้าสุกสีดังคราม สีดำดังหมึกลักษณดังนี้ตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณดานหิน ขึ้นต้นขาทั้งสองข้างเปนวงเขียวก็มี เปนผลสีหว้าสีคราม สีผลตำลึงสุกหรือสีหมึก ลักษณจับให้ตัวเย็นดังหิน ให้ร้อนในให้กระหายน้ำทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้ปากแห้งฅอแห้งฟันแห้ง เชื่อมมัวทำพิษจนสลบ ให้เร่งรักษาแต่ยังอ่อน ถ้าเปื่อยลอกออกไปอย่ารักษาเลย อาการนั้นตัดใน ๓ วัน ๗ วัน แพทย์จะแก้ได้แต่ยังไม่ลอกออกไป

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณมหาเมฆมหานิลต่อไป ถ้าว่าผุดขึ้นในเนื้อยังไม่ขึ้นหมด มีสัณฐานเท่าผลจิงจ้อสุกก็มี เปนเงาอยู่ในเนื้อยังมิขึ้นหมด ผุดทั้งตัวก็มึสีดำดังเมฆสีดำนิลกระทำพิษจับเชื่อมมัวให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้หอบให้สอึกไม่เปนสมปฤดีให้ปากแห้งฟันแห้งให้ถ่ายอุจจาระปัสสาวะไม่รู้ตัวไม่รู้สึกว่าดีว่าชั่ว ให้เชื่อมมัวไปไม่เปนเวลา ให้สลบ ให้แพทย์พิจารณารักษาให้ละเอียดตายสามส่วนรอดส่วนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าลักษณไข้ระบุชาด ผุดเปนเมล็ดเท่าเมล็ดผักปลังก็มี เท่าเมล็ดเทียนก็มี เท่าเมล็ดงาก็มี เปนเหล่ากันอยู่ เติบเท่านิ้วหนึ่งสองนิ้วก็มีสีดังชาต ยอดถานทั่วทั้งตัวกระทำพิษให้เจ็บเชื่อมมัวร้อนในกระหายน้ำ ให้หอบสอึกกระทำพิษต่างๆ ถ้าแพทย์รักษาดีรอดบ้าง

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้สายฟ้าฟาด ให้ผุดเปนริ้วลงมาตามตัวนิ้วหนึ่งสองนิ้ว แดงดังผลตำลึงสุกก็มี เขียวดังสีครามก็มี ดังสีผลหว้าสุกก็มี ดังสีดินหม้อก็มี เปนริ้วลงมาตามผุดทั้งหน้าทั้งหลัง ทำพิษร้อนในกระหายน้ำ ให้ปากขมปากแห้งฟันแห้ง ให้ร้อนเปนเปลวไปทั้งตัว ให้เชื่อมมัวเปนกำลังไม่เปนสติสมปฤดี ให้สลบ ลักษณไข้สายฟ้าฟาดดังนี้ ให้แพทย์เร่งแก้ให้จงดี จะได้สักส่วนหนึ่ง ตายสามส่วน

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ไฟเดือนห้า ถ้าทำพิษให้ร้อนในอกเปนกำลัง ให้ผุดขึ้นที่อกดำก็มีแดงก็มี สีดังเปลวไฟให้ร้อนในให้กระหายน้ำ ให้เชื่อมมัวไม่มีสติสมปฤดี ให้ลิ้นกระด้างคางแขงให้สลบ ให้แพทย์พึงรู้ ถ้าแก้ดีจะรอดสักส่วนหนึ่งเสียสามส่วน

ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณไข้เปลวไฟฟ้า ถ้าทำพิษให้ร้อนเปนกำลังให้ร้อนเปนเปลวจับเอาหน้าดำ จมูกดำอกดำสีเปนควันให้ปากแห้งลิ้นแห้งฟันแห้ง ให้ปากแลลิ้นแตกระแหง ลิ้นดำเพดาลุลอกให้สลบไม่รู้จักสติสมปฤดี ถ้าอาการเหมือนกล่าวมานี้จะรอดสักส่วนหนึ่ง ตายสักสี่ส่วน

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้เข้าไหม้น้อย ให้จับตัวร้อนเปนเปลวไฟให้มือเท้าเย็น ให้เจ็บไปทั่วสารพางค์กาย ให้เจ็บในเนื้อในกระดูกเปนกำลัง ให้หอบให้สอึกให้เชื่อมมัว ลิ้นกระด้างคางแขง ให้ผุดขึ้นมาเหมือนมดกัดเปนแผ่นทั่วตัว มียอดแหลมขาวๆ ถ้าแพทย์จะแก้ให้เร่งประทับยาให้หนัก ได้บ้างเสียบ้าง ถ้าลอกปอกหมูไปตายทีเดียวไม่รอดสักคนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้เข้าไหม้ใหญ่ ให้จับสบัดร้อนสะท้านหนาว ให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้จักษุแดงดังโลหิต ให้เท้าเย็นมือเย็น ให้เจ็บในเนื้อในกระดูกทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ผุดขึ้นมาเหมือนมดกัดเปนแผนทั่วตัว มียอดแหลมขาวๆ ถ้าแพทย์จะแก้ให้เร่งประทับยาให้หนัก ได้บ้างเสียบ้าง ถ้าลอกปอกหมูออกไปตายทีเดียวไม่รอดสักคนหนึ่ง

ทีนื้จะว่าด้วยไข้กระดานหิน ให้จับสบัดร้อนสท้านหนาว ให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้จักษุแดงดังโลหิต ให้เท้าเย็นมือเย็นให้เจ็บเนื้อในกระดูกทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้หอบให้สอึกให้ผุดขึ้นมาทั่วตัว เหมือนกับลมพิษแดงดังผลตำลึงสุกเปนเม็ด ๆเหมือนเม็ดผดแล้วกลับดำลงไปติดเนื้อให้คัน ถ้าแพทย์แก้ดีพิษในนั้นคลายขึ้นแต่ผุดนั้นไม่หาย ต่อสามเดือนจึงตาย ไข้ลักษณดังนี้ถ้าแพทย์ผู้ใดฉลาดแก้ไขในโรคไข้พิษ จะรอดสักส่วนหนึ่งตายสามส่วน ถ้าไม่รู้จักในโรคไข้พิษตายทีเดียว ร้อยคนไม่รอดสักคนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้สังวาลย์พระอิน มีลักษณสัณฐานผุดขึ้นเปนเม็ดแดงๆ เปนแถวๆ ถ้าหญิงขึ้นซ้ายถ้าชายขึ้นขวา สะพายแล่งคล้ายสังวาลย์ ให้เปนพิษจับหอบแลสอึก ให้สบัดร้อนสบัดหนาว ถ้าแพทย์จะแก้ให้ประกอบยาให้จงหนัก จะได้สักส่วนหนึ่งเสียสักสามส่วน ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณเข้าไหม้ใบเตรียม ให้จับสบัดร้อนสบัดหนาวให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้จักษุแดงดังโลหิตให้ร้อนเปนกำลัง ให้มือเย็นเท้าเย็น ให้เจ็บในเนื้อในกระดูกทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้หอบสอึกสลบแล้วให้ผุดขึ้นมาทั้งตัวให้ปวดในเนื้อในกระดูก ผุดขึ้นมาดังลมพิษแดงดังผลตำลึงสุกเปนแผ่นทั่วทั้งตัว ใหญ่เท่านิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้วก็มี เปนเม็ดเล็กๆ เหมือนมดกัดก็มีแล้วกลับไปดำอยู่ ถ้าแพทย์แก้ดีจะรอดได้สักส่วนหนึ่ง จะ เสียสักสามส่วน ถ้าคลายจากพิษผุดขึ้นเปนทิวแล้วกลับดำเปนหนังแรดอยู่หกเดือนตาย ถ้าลงกินตับกินปอดขาดออกมาตาย ร้อยคนไม่รอดสักคนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ดาวเรือง ให้จับเท้าเย็นมือเย็น ให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้จักษุแดงดังโลหิตให้ปวดสีสะเปนกำลังดังว่าจักษุจะแตกออกมา ให้อาเจียรเปนกำลัง ให้เชื่อมมัวร้อนในกระหายน้ำหอบสอึก ให้ลิ้นกระด้างคางแขงลางทีทำพิษถึงสลบ ให้ผุดขึ้นเปนเหมือนลายโคมครึ่งลูก ถ้าแก้ดีได้ส่วนหนึ่ง เสียส่วนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้หงระทด ให้จับตัวร้อนเปนเปลว เท้าเย็นมือเย็นให้เชื่อมมัว ไมมีสติสมปฤดีให้หอบให้สอึก จับตัวแขงไปเหมือนท่อนไม้ ให้ลิ้นกระด้างคางแขงจับไม่เปนเวลา แต่ว่าไม่ผุดให้ตัวเตรียมทั้งตัว ถ้าแพทย์ผู้มีสติปัญญาจะแก้ได้ จะเสียส่วนหนึ่งรอดส่วนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้จันทรสูตร ให้จับตัวร้อนเปนเปลว เท้าเย็นมือเย็น ให้เชื่อมมัวไมเปนสติสมปฤดีให้หอบให้สอึก จับตัวแขงไปเหมือนทอนไม้ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง จับไมเปนเวลาแต่ว่าไม่ผุด ตอพระจันทรขึ้นทำพิษให้สลบ ถ้าพระจันทรไม่ขึ้นพิษถอยลง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้สุริยสูตร ลักษณอาการเหมือนกันกับไข้จันทรสูตร ผิดกันแต่ลักษณพระอาทิตย์ขึ้นแล้วทำพิษมากขึ้นจนพระอาทิตย์ตก ลางทีให้สลบ

ทีนี้จะว่าด้วยไข้เมฆสูตร ลักษณอาการเหมือนไข้สุริยสูตรแต่ผิดกันบ้าง เกิดพยุห์ฟ้าฝนเมฆตั้งขึ้นทั่วทิศกระทำพิษให้สลบ ไข้สามประการนี้ ถ้าแก่ดีจะรอดสักส่วนหนึ่ง จะตายสักส่วนหนึ่ง ถ้าไม่รู้จักแก้ร้อยคนก็ไม่รอดสักคนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยไข้กาฬ ไข้ลากสาดมี ๙ ประการ ๆ หนึ่งให้เท้าเย็นมือเย็น ให้ตัวร้อนเปนเปลวไฟ ให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้จักษุแดงเปนโลหิต ให้จับเพ้อพกให้ร่ำรี้ร่ำไรเปนปิศาจเข้าอยู่ ให้ชักมือกำเท้ากำจักษุเหลือกจักษุช้อน ให้ร้อนเปนตอนเย็นเปนตอน ลางทีจับเหมือนหลับจับตัวเย็น ให้เหงื่อตกเอาผ้าบิดออกได้ แต่ร้อนในอกเปนกำลัง ให้หอบให้สอึกลิ้นกระด้างคางแขง ให้จับเชื่อมมัวไม่มีสติสมปฤดี ลางทีกระทำพิษภายในให้ลงเปนโลหิต ไอเปนโลหิต ให้อาเจียรเปนโลหิต เปนเสมหะโลหิตเหน้าก็มี ผุดขึ้นมาเหมือนลายต้นกระดาดก็มี ผุดขึ้นมาเปนทรายขาวทั้งตัวก็มี ลายเหมือนงูลายสาบก็มี ลายเหมือนสายเลือดก็มี ลายเหมือนดีบุกก็มี ลักษณดังนี้เรียกว่าลากสาดปานขาว ให้แพทย์เร่งแก้จะได้สักส่วนจะเสียสักส่วน

(๒) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดปานแดง มีลักษณผุดขึ้นมาเปนเมล็ดถั่วเล็กๆ แดงๆ เปนหมู่เท่านิ้วสองนิ้วทั้งตัวเรียกว่าลากสาดปานแดงตาย

(๓) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดปานเหลือง ให้ผุดขึ้นมาเปนเม็ดเล็กๆ โตเท่านิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้ว แต่ผิวนั้นเหลืองลิ้นเหลือง ชื่อว่าลากสาดปานเหลือง

(๔) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดปานดำ ลักษณะผุดขึ้นมาเท่าแว่นน้ำอ้อย ดำตังนิลลิ้นดำผุดทั่วทั้งตัว

(๕) ทีนี้จะว่าด้วยไข้ลากสาดปานเขียว ผุดขึ้นมาเปนหมู่โตนิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้วก็มี เขียวดังสีครามลิ้นก็เขียวผุดขึ้นมาทั่วทั้งตัว เรียกว่าลากสาดปานเขียวตาย

(๖) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดปานขาว ผุดขึ้นมาเปนวงเท่าผลพุดหรา ขาวเหมือนสีน้ำเข้าเช็ดผุดขึ้นมาทั่วทั้งตัว เรียกว่าลากสาดปานขาวตาย

(๗) ทีนี้จะว่าด้วยไข้ลากสาดปานม่วง ผุดขึ้นมาสีดุจดังผลผักปลังสุกผุดขึ้นมาทั่วทั้งตัว เรียกว่าลากสาดปานม่วงตาย

(๘) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดนางแย้ม ผุดขึ้นมาเปนเม็ดเล็กๆ เท่านิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้ว มีสันฐานดังดอกนางแย้มทั่วทั้งตัว เรียกว่าลากสาดนางแย้มตาย

(๙) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ลากสาดพะนันเมือง เปนหมู่เปนริ้วขึ้นมาเหมือนตัวปลิง โตนิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้ว ดำเหมือนดินหม้อไปทั่วทั้งตัว ชื่อว่าลากสาดพะนันเมือง

(๑๐) ทีนี้จะว่าด้วยไข้ลากสาดสามสหาย ให้ผุดขึ้นมาเปนเม็ดๆ เหมือนเท้าสุนักข์มีสีแดงทั่วทั้งตัว เรียกว่าลากสาดสามสหาย

ถ้าผู้ใดจะเปนแพทย์ไปข้างน่า ให้เร่งตรึกตรองพิจารณาแก้ไขให้จงเลอียดจึงควร ถ้าแพทย์คนใดได้เรียนต่อครูจะแก้ได้สักส่วนหนึ่ง จะตายสักสามส่วน ถ้าแพทย์คนใดมิได้เรียนต่อครูรู้แต่ตำรา เปนโมหาคติ แก้ไม่ได้ร้อยคนจะรอดสักคนหนึ่ง

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้กาฬ ที่จะเกิดแซกในไข้พิษทั้ง ๘ ประการ ให้จับเท้าเย็นมือเย็นให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ร้อนในกระหายน้ำให้หอบให้สอึก ให้เมื่อยในกระดูกให้เสียวไปทั้งตัว ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมมัวให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้ปากขมปากเปื่อยปากหวานเปนกำลัง ให้ปากแห้งฅอแห้งลิ้นแห้งเปนกำลัง ให้เพ้อพกกลุ้มอกกลุ้มใจทั้งนี้เปนลักษณที่ไข้กาฬจะแซกใน ๘ ประการ คือกาฬจะมาแขกนั้นมีนามปรากฎชื่อว่าอะไรบ้าง

(๑) มีสันฐานผุดขึ้นเปนดังยุงกัดทั้งตัว ชื่อว่าประดงมด ให้คันทำพิษสงให้แสบร้อน

(๒) ทีนี้จะว่าด้วยไข้ประดงช้างสืบไป มีสันฐานขึ้นเหมือนผิวมะกรูด ทำพิษให้ปวดแสบปวดร้อนให้คัน

(๓) ทีนี้จะว่าด้วยไข้ประดงควายต่อไป มีสันฐานผุดขึ้นมาเหมือนเงาหนอง ทำพิษสงให้ปวดแสบปวดร้อน

(๔) ทีนี้จะว่าด้วยประดงวัวต่อไป มีสันฐานดังผลมะยมสุกทำพิษทำสงให้ปวดแสบปวดร้อน

(๕) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณประดงลิง ทำพิษทำสงให้ปวดแสบปวดร้อนขึ้นทั้งตัว

(๖) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณประดงแมว ผุดขึ้นมามีสันฐานดังตาปลา ทำพิษทำสงให้ปวดแสบปวดร้อน

(๗) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณประดงแรด ผุดขึ้นมามีสันฐานแดงหนาดังหนังแรด แล้วให้คล้ำดำเข้าเปนเกล็ดเหมือนหนังแรด ทำพิษสงให้ปวดแสบปวดร้อน

(๘) ทีนี้จะว่าด้วยลักษณประดงไฟ ผุดขึ้นมามีสันฐานเหมือนไข้ระบุชาตก็ดีมีเม็ดแดงยอดดำ ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมมัวกระหายน้ำเปนกำลัง

ประดง ๘ ประการนี้ ให้แพทย์ผู้มีปัญญาพิจารณาจงเลอียด ให้เร่งวางยาดับพิษกาฬแลยากะทุ้งกาฬ อยาให้พิษกลับเข้าในข้อกระดูกได้ บางทีก็รอดบางทีก็ตาย ถ้าแพทย์รักษาชอบด้วยยาแล้วไม่กะทุ้งให้หมดสิ้นเชิง กลับทำพิษคุดในข้อในกระดูก ย่อมให้กลับกลายไปเปนโรคเรื้อน เปนพยาธิ์เปนลมจะโปง แลลมปะโคมหินให้บวมไปทุกข้อทุกลำ ให้มีพิษมีสงให้ไหวตัวมิได้ ให้ร้องไปทั้งกลางวันกลางคืน ราวกะฅอจะแตกออกไป พิษประดง ๗ ประการ แต่ลักษณประดงแรดนั้น แก้พิษตกคลายได้ปีหนึ่ง เปนเม็ดยอดไม่หายกลายไปทำพิษ ให้คันผิวหนาเปนหนังแรด คลายลงอยู่ปีหนึ่ง ให้ตกโลหิตกินตับกินปอดขาดออกมาตาย

ทีนี้พระผู้เปนเจ้าจะแสดงซึ่งเรื่องราว ไข้กาฬจะมาบังเกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย ๑๐ ประการ คืออันใดบ้าง คือไข้ประกายดาษ ๑ ประกายเพลิง ๑ หัด ๑ เหือด ๑ งูสวัด ๑ เริมน้ำค้าง ๑ เริมน้ำเข้า ๑ ลำลาบเพลิง ๑ ไฟลามทุ่ง ๑ กำแพงทะลาย ๑ เข้ากันเปน ๑๐ ประการ

ประกายดาษนั้น มีลักษณไข้จับสท้านร้อนสท้านหนาวให้จับเท้าเย็นมือเย็น ให้ปวดสีสะให้จักษุแดงดังโลหิต ให้เชื่อมมัวเปนกำลัง ให้ปวดกระดูกให้ปวดในเนื้อ ลิ้นกระด้างคางแขง ให้หอบให้สอึก ผุดขึ้นมาเหมือนเม็ดฝีดาษทั่วตัว ทำพิษให้สลบ ให้เร่งวางยาให้จงดีแก้ไม่ดีตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ประกายเพลิงต่อไป อาการนั้นเหมือนประกายดาษ แต่เม็ดผิดกันเม็ดใหญ่เท่าเมล็ดเทียน เท่าเม็ดซายขึ้นทั่วตัว ร้อนเปนไฟหัวนั้นให้ร้อนดังไฟลวก ทำพิษเปนกำลัง ให้แพทย์รักษาให้จงดี

ทีนี้จะแสดงไข้ออกหัดออกเหือดต่อไป ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมมัว ให้ปวดสีสะวันหนึ่งสองวัน ผุดขึ้นมาเปนเม็ดทราย ไปทั่วทั้งตัวมียอดแหลมๆ ถ้าหลบเข้าในท้องให้ลงลักษณหัดเหือดมีลักษณคล้ายคลึงกัน

ทีนี้จะว่าด้วยไข้งูสวัด (ตวัด) ต่อไป บางทีให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้ปวดสีสะบางทีก็ไม่จับ เปนเม็ดทรายขึ้นมาเปนแถวขึ้นมามีสันฐานดังงู เม็ดพองๆเปนเงาหนองก็มี ถ้าผู้หญิงเปนซ้าย ถ้าผู้ชายเปนขวาและข้ามสันหลังไป รักษาไม่ได้แต่พิษสงร้อนดังไฟจุด

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้เริมน้ำค้าง เริมน้ำเข้านั้นต่อไป มีลักษณให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้จับเชื่อมมัวแล้วให้ปวดสีสะ แล้วให้ผุดขึ้นมาเปนแผ่น นิ้วหนึ่งสองนิ้วสามนิ้วสี่นิ้ว เปนเหล่า ๆ กัน น้ำใสเขาเรียกว่าเริมน้ำค้าง ถ้าน้ำขุ่นเขาเรียกว่าเริมน้ำเข้า ให้เร่งประทับยา

ทีนี้จะสำแดงลำลาบเพลิงต่อไป ลักษณลำลาบเพลิงนั้นให้ผุดขึ้นมาเปนแผน ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาวให้ปวดสีสะเชื่อมมัวไป ทำพิษต่างๆ วางยาไม่ดีน้ำเหลืองแตกตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไฟลามทุ่ง อาการก็เหมือนกันกับลำลาบเพลิงเหมือนกัน

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณกำแพงทลาย เมื่อจะตั้งเปนขึ้นนั้นมีสีสะผุดขึ้นมาหัวเดียวทำพิษสงเปนกำลัง ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมมัวร้อนในกระหายน้ำ ให้ฟกบวมขึ้นน้ำเหลืองแตกพังออก วางยาไม่หยุดให้พังออกได้ตาย พระอาจารย์เจ้าจึงสาธกเข้าเปน ๑๐ ประการด้วยกัน ให้ผู้แพทย์ทั้งปวงพิจารณาโรคจงละเอียดจะได้รักษาสัตว์ไปข้างน่า

ทีนี้พระผู้เปนเจ้าจะแสดง ซึ่งฝีกาฬจะมาเกิดในไข้พิษ ๑๐ ประการ ให้ผู้แพทย์รู้อาการไข้พิษต่อไป กาฬ ๑๐ ประการนั้น คืออันใดบ้าง จึงวิสัชนาว่า คือฟองสมุท ๑ เลี่ยมสมุท ๑ ทามสมุท ๑ ทามควาย ๑ ละลอกแก้ว ๑ กาฬทูม ๑ กาฬทาม ๑ มะเร็งตะมอย ๑ มะเร็งปากทูม ๑ มะเร็งเปลวไฟฟ้า ๑ รวมกินเปน ๑๐ ประการด้วยกัน เรียกชื่อว่าฝีกาฬแล

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณกาฬ เกิดในปากในลิ้นในเพดาลุชื่อวาฟองสมุท มีลักษณผุดขึ้นมาเท่าเมล็ดงาเมล็ดถั่ว เท่าผลผักปลังสุก เท่าเมล็ดถั่วดำ นูนสูงขึ้นมาเปนหลังเบี้ยก็มีขึ้นมาขึ้นมาในปากในทำพิษให้กินเข้ากินน้ำมิได้ ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาวให้เชื่อมมัว ให้ตัวร้อนเปนเปลว

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณเลี่ยมสมุท เกิดแต่ริมฝีปากทั้งสอง ริมฝีปากข้างบนข้างล่างก็มี บางทีเปนเม็ดเท่าเมล็ดถั่วดำก็มี ให้แตกร้าวเปนโลหิตไหล ทำพิษให้จับสท้านร้อนสท้านหนาวให้เชื่อมมัว ให้แพทย์เร่งประทับยาให้จงดี ถ้าทำไม่ดีตายแล

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณทามสมุท เกิดบวมยาวขึ้นมาตามข้างลิ้น ข้างขาตะไกรรายฟันต้นลิ้น ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมให้มัว ให้ลิ้นแข็งเจรจามิได้ เร่งแก้จงเร็ว ถ้าจะประทับยาอมมิฟังตายแล

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณทามควาย บังเกิดแต่ต้นกรามสองข้าง มีสันฐานยาวไปเหมือนตัวปลิง ทำพิษสงให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมมัวให้แพทย์เร่งแก้จงเร็ว

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ละลอกแก้ว เกิดในทามกลางไข้พิษ มีลักษณสัณฐานเกิดเท่าผลผักปลังก็มี เท่าเมล็ดถั่วดำก็มี เท่าเมล็ดถั่วเขียวก็มี เท่าเมล็ดจิงจ้อก็มี เปนเงาหนองก็มี ให้แพทย์เร่งรักษาให้จงดี

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้กาฬทูม ให้บวมตามขาตะไกรทั้งสองข้าง บางทีก็บวมแต่ข้างเดียวทำพิษ ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้จับเชื่อมมัวให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ร้อนในกระหายน้ำ ให้เร่งแก้ให้จงดี

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้กาฬทามต่อไป มีลักษณเหมือนกันกับไข้กาฬทูม แดผิดกันที่บวมตั้งแต่ขาตะไกร มาถึงฅอทั้งสองข้าง ให้แพทย์เร่งประทับยาให้จงดี ถ้าแก้มิดีตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้มะเร็งตะมอย มีสันฐานผุดขึ้นมาเท่าแม่มือผลจิงจ้อ ถ้าถานขาวสีสะดำทำพิษหนัก ให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมให้มัว บางทีผุดขึ้นมาขึ้นที่ตัวที่แขนที่ขา ให้แพทย์เร่งรักษาให้จงดี ถ้าแตกออกไปได้ถ้าจุดยามิฟังแตกออกไป ถ้าไม่ตายกลายเปนมะเร็ง

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้มะเร็งปากทูม ผุดบวมขึ้นมาจากหลังทั้งสองข้างก็มี ข้างเดียวก็มี มีสันฐานยอดเขียวเหมือนน้ำครามทำพิษต่าง ๆ ถ้าแพทย์จุดมิหายกลับแตกออกไปจะลงไปเหมือนปากทูม ถ้าแก้ดีไม่ตายกลายเปนมะเร็งปากหมู

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้มะเร็งเปลวไฟ มีสันฐานผุดขึ้นมาเท่าวงสะบ้า ยอดเขียวทำพิษเหมือนถูกไฟให้สลบ ให้แพทย์เร่งแก้ให้จงดี ถ้าแตกหวะออกไปได้ตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณฝีกาฬ เกิดขึ้นมาที่นิ้วมือทั้งสองข้าง ข้างเดียวก็มี มีสันฐานเท่าเมล็ดถั่วเขียว เท่าเมล็ดถั่วดำก็มี เท่าผลผักปลังก็มี เลื่อมเปนหลังเบี้ยเท่าผลมะยมแลเท่าเม็ดหินก็มี มีสันฐานให้จับสท้านร้อนสท้านหนาว ให้เชื่อมให้มัวให้ปวดสีสะทำพิษ ที่ผุดขึ้นมาเหมือนถูกไฟ ให้มือดำเหมือนดินหม้อ ทำพิษให้กลุ้มหัวใจนิ่งแน่ไป ชื่อมะเร็งนาคราช ให้เร่งรักษาให้จงดี ถ้าแก้ไม่ฟังให้มือดำแขนดำตาย พระผู้เปนเจ้าจึงสาธกเปนเอกเทศแต่ละน้อยๆ เข้ากันเปน ๑๘ ประการด้วยกัน

ทีนี้พระผู้เปนเจ้าจะแสดงซึ่งไข้กาฬ มาเกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย คือไข้กระโดงทั้ง ๔ ไข้กระโดงไฟ ๑ ไข้กระโดงน้ำ ๑ ไข้กระโดงหิน ๑ ไข้กระโดงแกลบ ๑ เข้ากันเปน ๔ ประการ

ไข้กระโดงไฟนั้น มีลักษณทำพิษเหมือนเปลวไฟเผาไปทั่วกาย

ลักษณกระโดงน้ำนั้น จับให้นอนเชื่อมมัวไปไม่เปนสติสมปฤดี ถึงจะเอารังมดแดงเข้ามาเคาะ ให้ทั่วตัวก็มิรู้สึกตัว

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณกระโดงแกลบนั้น มีสันฐานผุดขึ้นมาเหมือนเม็ดทรายทั่วตัว ให้คันเปนกำลังมาทว่าจะเกาให้ทั่วตัวก็ไม่หายคัน ถึงจะเอาไม้ขูดให้โลหิตออกไปทั้งตัวก็ไม่หายคัน

ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณไข้กระโดงหินทำพิษต่าง ๆ ไม่รู้ที่จะบอกแก่ใครได้ให้ยืนที่เดียว ถ้าจะให้นั่งลงก่ายอุจจาระปัสสาวะแทบจะขาดใจตาย แต่ลักษณไข้กระโดงทั้ง ๔ นี้มีอายุแต่ ๑ วัน ๒ วัน ถ้าแพทย์จะแก้แต่วัน ๑ ไม่ถอยตาย

ทีนี้จะว่าด้วยลักษณไข้ช่องสมุทเกิดแก่สัตว์ทั้งหลาย มีลักษณให้เชื่อมมัว ให้ร้อนในกระหายน้ำ ให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ตาแดงดังโลหิต ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้หอบให้สอึก ให้ปากแห้งฅอแห้งฟันแห้ง ให้ปวดสีสะให้อาเจียร ให้ร้อนเปนกำลัง มีสัณฐานผุดขึ้นมาตามช่องอก ตามราวนมเท่าวงสบ้ามอน เขียวก็มีดำก็มี ๒ นิ้ว ๓ นิ้ว ยาวรีไปก็มี ถ้าผู้หญิงเปนขวา ผู้ชายเปนซ้าย แก้ได้บ้างตายบ้าง ถ้าผู้ชายเปนขวา ถ้าผู้หญิงเปนซ้าย ให้แพทย์เร่งแก้ให้จงดี

ทีนี้จะแสดงซึ่งไข้สองจำพวกต่อไป ไข้อันหนึ่งชื่อว่าไข้คด ไข้อันหนึ่งชื่อว่าไข้แหงน พระผู้เปนเจ้าจึงแสดงให้มนุษหญิงชายพึงรู้ลักษณไข้คดนั้น ให้จับชักงอเข้าจนเส้นหลังขาดตาย ไข้แหงนนั้นให้จับชักแอ่นเข้าจนเส้นท้องขาดตาย ไข้สองประการนั้นมีอายุที่แพทย์จะแก้ได้นั้นแต่วันเดียว พระอาจารย์เจ้าจึงแสดงไว้ ที่ผู้จะเปนแพทย์ไปข้างน่าจงพิจารณาให้เลอียด บอกไว้แต่เอกเทศให้พึงรู้แต่ละน้อย

ทีนี้พระผู้เปนเจ้าจะแสดงบอกไว้แก่แพทย์ จะได้รักษามนุษหญิงชายไปข้างน่า ยังมีลักษณกาฬอีกบางจำพวก ชื่อว่าแม่ตะงาว ๑ ชื่อตะบองพะลำ ๑ ชื่อตะบองชะนวน ๑ ทั้งสามประการนี้ที่จะมาแซกในไข้พิษ ผู้จะเรียนเปนแพทย์ให้พิจารณาดูพรรณสัณฐาน เภทไข้ที่ผุดขึ้นมานั้นจงเลอียด

ลักษณกาฬตะบองพะลำนั้น บางทีขึ้นในขาหนีบทั้งสองข้างในที่ลับ มีสันฐานโตเท่านิ้วหนึ่งก็มี แดงก็มีดำก็มีเขียวก็มี ยาวเท่านิ้วมือแลทำพิษ ให้ลิ้นกระด้างคางแขงจับนิ่งแน่ไป ให้แพทย์ประทับยาให้จงดี ถ้าประทับยามิได้ตาย

ทีนี้จะกล่าวด้วยลักษณไข้แม่ตะงาว ผุดขึ้นมายาวรีใหญ่นิ้วหนึ่งสองนิ้วก็มี ขึ้นขาหนีบต้นขาในที่ลับทั้งสองข้าง ขึ้นตามรักแร้ ขึ้นตามหลังตามอก ถ้าจะขึ้นมานั้นทำพิษให้สลบให้แพทย์เร่งระวังแก้ให้จงดี ถ้ารู้ไม่ถึงโรคสำคัญว่าลมจับ ให้พิเคราะห์ดูจงเลอียด ถ้าไม่เห็นให้เอาเทียนส่องดู หาพบแล้วให้ประทับยาให้จงดี ถ้าจุดยาไม่ฟังตาย

ลักษณไข้ตะบองชะนวนมีสันฐานเรียวเล็ก เท่าหวายตะค้าโตนิ้วหนึ่งสองนิ้ว ยาวรีผุดขึ้นมาบั้นเอว ที่ก้นขบขาทั้งสองในที่ลับ ท้องน้อยราวข้างทั้งใต้รักแร้ ทำพิษต่างๆ ดำก็มีแดงก็มี เขียวก็มี ทำพิษให้สลบ ให้ลิ้นกระด้างคางแขง ให้แพทย์เร่งวางยาให้จงดี ถ้าไม่ฟังตาย พระอาจารย์เจ้าจึงแสดงไว้ ถ้าผู้จะเปนแพทย์ไปข้างน่า ให้รู้ลักษณไข้จงถ่องแท้ จะได้รักษามนุษหญิงชาย

ทีนี้จะแสดงซึ่งไข้กาฬตอไป กาฬอันหนึ่งมีนามปรากฎคือละบองกาฬ เกิดแก่มนุษหญิงชายทั้งหลาย ถ้าแพทย์มิรู้สำคัญว่าลมจะโปง เปนปัตฆาฏสดุ้งไม่รู้ถึงโรคสีสันวรรณนั้นดูพิการ แล้วให้ปล่อยปลิงประคบเท้า ยาร้อนกอกลมซับโลหิตออกให้หมอนวดคนไข้นั้นไม่สู้เจ็บนักเที่ยวเดินไปได้ บวมตามข้อตามเกลียวปัตฆาฏ ถ้าแพทย์ไม่รู้ถึงโรคทำพิษจะตายด้วยกาลหมู่นี้

ทีนี้พระผูเปนเจ้าจะแสดงซึ่งลักษณไข้ละบองกาลนั้น มีลักษณสันฐานบางทีเจ็บลง พูดอยู่ดีๆ เดินเหินได้ผุดขึ้นมาตามราวข้างโตเท่าผลมะตูม ขึ้นตามบั้นเอวตามฅอต่อ ตามหัวไหล่ทั้งสองข้าง ตามข้อสอกทั้งสองข้าง ตามข้อมือทั้งสองข้าง ตามเท้าแลขาทั้งสองข้าง ตามโคนขาทั้งสองข้าง ตามเข่าทั้งสองข้าง บวมลื่นขึ้นมาทำพิษสงเปนกำลัง แตจะไหวก็ไม่ได้ให้จับเชื่อมมัว ปากแห้งฟันแห้งลิ้นแห้งฅอแห้ง ให้หอบให้สอึกลิ้นกระด้างคางแขง ให้จับเชื่อมให้มัวไปไม่เปนสติสมปฤดี ให้ร้อนในกระหายน้ำ ให้คลั่งเพ้อละเมอไป แต่จะไหวตัวก็ไม่ได้ ให้แพทย์เร่งแก้ให้จงดี ยาไม่ถึงที่ไข้นั้นก็ตาย พระผู้เปนเจ้าบอกไว้ให้พึงรู้

สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าจะแสดงซึ่งไข้หวัดน้อยใหญ่ ไข้หวัดมีลักษณสองจำพวก แลกำเดาสองจำพวก แลฤดูสาม แลไข้ตาเหลืองหนึ่ง แลไข้สันนิบาตเก้าประการ แลลมจะแซกในไข้สันนิบาตอีกสี่จำพวกนั้นสืบตอไป อันว่าคนทั้งหลายใดเมื่อจะบังเกิดไข้เปนหวัดนั้น ให้สบัดร้อนสท้านหนาวปวดสีสะเปนกำลัง ระวิงระไวไอจามให้น้ำมูกตก ลักษณอันนี้ไข้เพื่อหวัดน้อย

อันว่าคนไข้ทั้งหลายนั้น ไม่กินยาก็หายอาบน้ำก็หาย ใน ๓ วัน ๕ วัน

อันว่าคนไข้ทั้งหลายใดเมื่อจะเปนไข้นั้น ชื่อว่าหวัดใหญ่ ให้จับสะบัดร้อนสะท้านหนาว ให้ปวดสีสะให้ไอให้จาม น้ำมูกตกเปนกำลัง ให้ตัวร้อนให้อาเจียร ให้ปากแห้งปากเปรี้ยวปากขมกินเข้าไม่ได้ แล้วแปรไปให้ไอเปนกำลัง แลทำพิษฅอแห้งปากแห้งฟันแห้งจมูกแห้งน้ำมูกแห้ง บางทีกระทำให้น้ำมูกไหลหยดย้อย เหตุดังนี้ เพราะว่ามันสมองนั้นเหลวออกไปหยดออกจากนาสิกทั้งสองข้าง ไปปะทะกับสอเสมหะจึงให้ไอไป แก้มิฟังกลายไปเปนริศดวงมองคร่อหืดไอ แลฝีเจ็ดประการจะบังเกิด อันว่าคนไข้ทั้งหลายนั้นก็ดี เมื่อแพทย์วางยามิฟังแล้ว อันว่าความตายจักมีแก่คนไข้นั้น แท้จริงอันว่าพระอาจารย์จะแสดงไข้หวัดสองประการ ให้แก่แพทย์ทั้งหลายพึงรู้ หวัดสองประการเปนเหตุอย่างไร จึงวิสัชนาว่าเกิดเพราะเหตุฤดูสามประการ คือคิมหันตฤดูหนึ่ง วัสสานะฤดูหนึ่ง เหมันตฤดูหนึ่ง เปนสามฤดูด้วยกัน โรคเกิดแต่คนทั้งหลายต้องร้อนอย่างหนึ่ง ต้องน้ำค้างอย่างหนึ่ง ต้องละอองฝนอย่างหนึ่ง จึงว่าจะเปนไข้หวัด แลผู้จะเปนแพทย์ไปข้างน่า อย่าพึงประมาทว่าไข้เปนหวัดดอก ถ้าแก้ไม่ฟังแปรไข้ถึงมรณะ

สิทธิการิยะ พระอาจารย์เจ้าผู้ปรีชาญาณกันอุดม จะแสดงไข้กำเดาสืบต่อไป กันว่าลักษณไข้กำเดามีสองประการนั้น มีอาการให้ปวดสีสะ ให้จักษุแดงให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ไอสะบัดร้อนสะท้านหนาว ให้ปากขมปากเปรี้ยวปากกินเข้าไม่ได้ แลให้อาเจียรให้นอนไม่หลับ ลักษณดังนี้เปนเพื่อไข้กำเดาน้อย

ทีนี้จะแสดงซึ่งไข้กำเดาใหญ่นั้นต่อไป มีอาการนั้นให้ปวดสีสะเปนกำลัง ให้จักษุแดงให้ตัวร้อนเปนเปลว ให้ใอให้สบัดร้อนสท้านหนาว ให้ปากแห้งฅอแห้งเพดานแห้งฟันแห้ง ให้เชื่อมให้มัว ให้เมื่อยไปทั้งตัว จับสบัดร้อนสท้านหนาว ไม่เปนเวลา บางทีผุดขึ้นเปนเม็ดเทายุงกัดทั้งตัว แต่เม็ดนั้นยอดไม่มี บางทีให้ไอเปนโลหิตออกมาทางจมูกทางปาก บางทีให้ชักมือกำเท้ากำ ถ้าแพทย์แก้มิฟังใน ๓ วัน ๕ วัน สำคัญว่าเปนไข้เพื่อเส้นเพื่อลมอัมพฤกษ์แลไข้สันนิบาต มิรู้วิธีในไข้กำเดาก็จะเกิดกาฬห้าจำพวกแซกขึ้นมา คือกาฬฝีพิษหนึ่ง กาฬฝีฟกหนึ่ง กาฬคูธหนึ่ง กาฬมูตรหนึ่ง กาฬสิงคลีหนึ่ง ก็จะบังเกิดแก่คนไข้ อันว่าความตายจักมีแก่บุทคลเปนไข้นั้น แท้จริงพระอาจารย์เจ้า จึงจะบอกให้ผู้จะเรียนเปนแพทย์ไปข้างน่าให้พึงรู้ ซึ่งลักษณไข้กำเดามิใช่ไข้เล็กน้อย จะว่าง่ายๆ เปนไข้สำคัญ เปรียบเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นดวงหนึ่ง โลกนั้นพอเปนศุข ครั้นขึ้นมาเปนสอง ดวงโลกนั้นกระวนกระวายนัก ครั้นขึ้นสามดวงสัตว์ทั้งหลายก็ตายหมด ฉันใดก็ดี พระอาจารย์เจ้าเปรียบดังไข้กำเดาเหมือนกัน พระอาจารย์เจ้าจึงยกสาธกไว้ ให้ผู้เปนแพทย์ไปดูไข้ จะเปนไข้พิษหรือไข้กำเดา แลลักษณไข้กำเดานั้น อาการที่จะผุดนอกนั้นไมมี ที่ว่าจะเปนแผ่นเปนวงนั้นก็ไม่มี มีแต่ว่าจะบังเกิดกาฬทีเดียว ถ้าไม่ตายใน ๗ วัน ๙ วัน ๑๑ วัน ก็จะกลายไปเปนสันนิบาตสำประชวรบุราณชวร บอกไว้ให้แพทย์พึงรู้

พระอาจารย์เจ้าจะแสดงซึ่งไข้ทั้งสามสืบต่อไป แลไข้ในคิมหันตฤดูนั้นคือเดือน ๕ เดือน ๖ เดือน ๗ เดือน ๘ เปนไข้เพื่อโลหิตเปนใหญ่กว่าลมกว่าเสมหะทั้งปวงทุกประการ

ไข้ในวัสสานะฤดูคือเดือน ๙ เดือน ๑๐ เดือน ๑๑ เดือน ๑๒ นี้ ไข้เพื่อลมเปนใหญ่กว่าเลือด แลเสมหะทั้งปวงทั้งสองประการ

ไข้ในเหมันตฤดูนั้น คือเดือน ๑-๒-๓-๔ นี้ไข้เพื่อกำเดาแลเพื่อดีพลุ่ง เปนใหญ่กว่าเสมหะแลลมทั้งสองประการ อาการมีต่างๆ ให้นอนละเมอฝันร้ายแลเพ้อไป ย่อมเปนหวัดมองคร่อ หิวหาแรงมิได้ให้เจ็บปาก ให้เท้าเย็นมือเย็นแลน้ำลายมาก แลกระหายน้ำเนืองๆ แลให้หยากเนื้อพล่าปลายำสดคาว ให้หยากกินหวานกินคาว มักให้บิดขี้เกียจคร้าน มักเปนฝีพุพองเจ็บข้อเท้าข้อมือ ย่อมสท้านหนาวดังนี้ ท่านให้วางยาอันร้อนจึงชอบโรคนั้นแล

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ