ว่าด้วยฤดูเดือน

หนึ่งเล่าจักสำแดง ให้รู้แจ้งเดือนฤดู ทั้งสามตามแบบครู คิมหะวะสันต์เหมันต์ เดือนสิบแรมค่ำหนึ่ง ถึงเดือนแปดเพ็ญคิมหันต์ โรคเกิดฤดูนั้น เตโชธาตุวิการา โลหิตเปนต้นไข้ มักทำให้โทษนาๆ วะสันต์แต่แรมมา จนวันเพ็ญเดือนสิบสอง วาโยพิการกล้า กำเริบกว่าธาตุทุกกอง เหมันต์เดือนสิบสอง แรมค่ำหนึ่งกลางเดือนสี่ สี่เดือนสิ้นฤดู โรคเกิดคู่เหมันต์มี เสมหะปะทะหมี้ อาโปธาตุพิการกาย ฤดูสามตามโฉลก เปนมูลโรคแห่งหญิงชาย ผู้แพทย์พึงกฎหมาย อธิบายให้สำเร็จ

หนึ่งกล่าวฤดูสี่ ในวิธีธาตุเบ็ดเสร็จ เดือนห้าจนเดือนเจ็ด คิมหันต์เพศเพื่อเตโช สันตัปปัคคีดล โลหิตตนวิกาโร เกิดเหตุด้วยภุญโช สุปะพยัญชน์เกิดแสลง มักอยากอาหารบ่อย บทันย่อยให้ทราบแรง พลันอิ่มอาเจียนแสยง ย่อมขัดอกเย็นอุรา หนึ่งโสดให้แสบใส้ จุกเสียดในเวียนหน้าตา เปนลมในครรภา ให้ปวดมวนกำเริบท้อง ตีนมือสั่นระรัว เมื่อยทั้งตัวมักเศร้าหมอง หายใจย่อมขัดข้อง ดุจหืดระส่ำระสาย ทั้งนี้เพื่อเตโช สันตัปปัคคีวิกลกลาย จึงเกิดซึ่งลมร้าย หกจำพวกสำแดงแรง ผู้แพทย์พึงเยียวยา เตโชนาอย่าพึงแคลง ลูกเอ็นลำพันแดง ทั้งโกฐสอโกฐพุงปลา ดีปลีขิงแห้วหมู เปลือกมูกมันลูกชีลา อบเชยสะค้านนา เสมอภาคตากทำผง ละลายน้ำท่ากิน แก้เตโชดังประสงค์ หายพลันเปนมั่นคง ชื่อกาลาธิจรแสง

เดือนแปดถึงเดือนสิบ วะสันต์หยิบขึ้นแสดง วาโยกำเริบแรง เพราะอาหารอันชุ่มมัน ให้เกิดโรคผอมเหลือง มักครั่นตัวหายใจสั้น ในท้องให้ร้องลั่น อยู่โครกๆแดกขึ้นลง หนึ่งเล่าให้หาวเรอ ทั้งหน้าตาวิงเวียนวง อาหารอันบันจง ที่จะกินบรู้รส หูหนักปากเหม็นหวาน บังเกิดกาฬเลือดไหลหยด โสตฆานโอฐออกหมด โทษวาโยเข้าย่ำยี ผิแพทย์จะแก้ลม ในวะสันต์ฤดูสี่ แฝกหอมพริกไทยมี ทั้งเปราะหอมแลแห้วหมู ว่านน้ำแลดีปลี เสมอภาคด้วยตราชู รากกะเทียมอันขาวฟู หนักเท่ายาสิ้นทั้งหลาย ผึ่งแดดกระทำผง เอาน้ำร้อนเปนกระสาย กินแก้วาโยหาย ชื่อฤทธิเจริญดี

เดือนสิบเอ็ดเดือนอ้าย เปนวะสันต์เหมันต์มี แกมกันทั้งสองนี้ จึงอาโปกำเริบแรง เหตุด้วยกินอาหาร อันเย็นหวานผิดสำแลง อาโปวิการแรง บังเกิดโทษสิบสองเพลง กระหายมักขึ้งโกรธ ดุจบ้าบังเกิดเอง วิบัติทำโฉงเฉง เปนไข้จับอยากของมัน ให้ขบข้อกระดูก ตีนมือบวมเปนสำคัญ ให้ลงโลหิตนั้น แล้วให้ไอให้ผอมเหลือง ขัดทรวงให้ลงท้อง ปวดมวนร้องอยู่เนืองๆ อาหารย่อมฝืดเคือง กินมิได้นอนมิหลับ ทั้งนี้อาโปธาตุ อันร้ายกาจวิกลกลับ แปรปรวนที่ในครรภ์ แพทย์พึงรู้ดังกล่าวมา ผิแพทย์จะแก้พลัน อาโปอันวิการา เจตมูลโกฐสอมา ลูกผักชีดีปลีขิง ตูมอ่อนกกลังกา จันทน์ทั้งสองอย่างดียิ่ง พิกุลบุนนากจริง สารภีดอกบัวหลวง สมุลแว้งเปลือกมูกมัน รากขัดมอนพร้อมทั้งปวง ต้มด้วยน้ำค้างตวง สามเอาหนึ่งอย่าพึงเว้น กินแก้อาโปธาตุ ทั้งสิบสองวิบัติเปน หายพลันดังฝันเห็น เหมือนกับตื่นเมื่อลืมตา

เดือนยี่จนเดือนสี่ เปนเหมันต์คิมหันต์ตรา เจือกันทั้งสองนา ในสามเดือนโทษปถวี เปนเหตุด้วยตนนอน ผิดเวลาล่วงมิดี ปถวียี่สิบนี้ เกิดโทษสิบสามสถาน ให้ตื่นแลอยากน้ำ มักให้ร้อนไม่สำราญ ให้เสียดสองข้างปาน ดุจบ้ามักโกรธขึ้ง ให้เจ็บแข้งฅอมือ ทั้งปากหวานเจ็บอกตึง ให้ลงมูลหนักขึง เบาบตกน้ำลายไหล ท้องลั่นให้ปั่นป่วน ทำเสียงครวนอยู่ภายใน ปถวียี่สิบไซร้ กำเริบเพื่อเจือปนกัน ให้แพทย์พึงสังเกต โรคเพื่อเหตุสิ่งใดนั้น พิเคราะห์จงแม่นมั่น จึงวางยาตามคัมภีร์ ผิแพทย์จะแก้พลัน ซึ่งมูลโทษปถวี ใบสะเดาเทียนดำดี ตรีกะฏุกโกฐก้านพร้าว โกฐสอชะเอมเทศ เปลือกตีนเปดเกลือสินเธาว์ มะตูมอ่อนชะเอมเรา สมอไทยใบรักมี บอระเพ็ดแลแห้วหมู ทั้งชีลาตุมกากี เสมอภาคทำผงดี ลายน้ำผึ้งเร่งภุญชา แก้โทษปถวี เกิดกาลีดีนักหนา หายพลันอย่ากังขา โทษวิบัติกำจัดสูญ

หนึ่งเล่าฤดูหก อาจาริย์ยกเปนเค้ามูล เดือนห้าเดือนหกพูน ชื่อคิมหันต์ฤดูเดิม ผิไข้ในสองเดือน กำเดาดีย่อมเพิ่มเติม โทษเจ็ดหากฮึกเหิม ให้แสบอกเมื่อยตีนมือ เสียดแทงนอนมิหลับ มักมวนท้องร้องครางฮือ อาเจียรแลรากรือ ทั้งสอึกวิกลร้าย ผิแพทย์ผู้จะแก้ กำหนดแน่ดังกล่าวหมาย จันทน์สองอย่าเคลื่อนคลาย ทั้งแห้วหมูแลแฝกหอม หญ้าตีนนกรากคัดมอน ทั้งหกสิ่งปรุงให้พร้อม ต้มกินอย่าได้ออม กำเดาดีเลือดดับสูญ คิมหันต์แลเตโช ให้เกิดโรคสิ้นทั้งมูล วินาศเปรียบปานปูน มฤคเห็นสิงหะหาย

เดือนเจ็ดแลเดือนแปด สองเดือนนี้ท่านพิปราย คิมหันต์ฤดูหมาย เพื่อเตโชแลวาโย คิมหันต์แลวะสันต์ เพื่อกำเดาโลหิโต ปวดมวนในกาโย ทั้งสี่สิ่งกล้านักหนา เกิดโรคในสีสะ ให้มีพิษบนิทรา อาหารที่ภุญชา บรู้รสระส่ำระสาย คลั่งใคล้ลืมอินทรีย์ โทษโลหิตกำเดาดาย แพทย์แกให้พลันคลาย บอระเพ็ดแลแห้วหมู เอารากผักโหมหิน สมอไทยทนดีดู หญ้าตีนนกโอชาชู อิกหนึ่งโสดโกฐก้านพร้าว พร้อมแล้วกระทำผง พึงกรองสงด้วยผัาขาว สมุลแว้งดีปลียาว ต้มเปนน้ำกระสายลาย แก้ฤดูให้แซกดี กำเดาหนีวาโยหาย โลหิตวิกลร้าย อาจระงับพลันดับสูญ

เดือนเก้าเดือนสิบนั้น ชื่อวะสันต์ฤดูพูน ผิไข้เปนเค้ามูล ด้วยวาโยพิษกล้าแข็ง เกิดโรคเพื่อเสมหะ ติดอุระอันยิ่งแรง หนักอกดังหนึ่งแกล้ง มากลิ้งทับประกับไว้ หายใจมักขัดอก บังเกิดโรคต่างๆ ไป คันตัวมีพิษใซร้ โทษทั้งสองหากเจือกัน วาโยแลเสมหา บังเกิดกล้ากว่าทุกอัน แพทย์พึงประกอบพลัน สรรพยาอย่าดูหมิ่น คนทิสอเอาเจ็ดใบ พริกไทยเจ็ดขิงเจ็ดชิ้น ตำละลายน้ำร้อนกิน แก้วะสานต์ฤดูหาย

เดือนสิบเอ็ดเดือนสิบสอง ฤดูเจือกำเริบร้าย ชื่อสารทฤดูหมาย เจือวะสานต์แลเหมันต์ ผิไข้เกิดเพื่อลม เสมหะมูตรเปนสำคัญ ร้อนทรวงแลอกนั้น ร้อนในไส้ในกายเอง บังเกิดโรคในอก ให้เจ็บฟกเปนหลายเพลง เจ็บกระดูกสันหลังเอง ดังหลุดลุ่ยแลเจ็บฅอ แพทย์ที่มียาแก้ จำให้แน่ตรีสมอ ตรีกฏุกเกลือไฅร้เครือพอ โกฐก้านพร้าวใบสะเดา กะเทียมเสมอภาค ทำแท่งตากเมื่อกินเอา น้ำร้อนแลน้ำเหล้า ละลายเข้ากระสายกิน แก้สารทฤดูโทษ วาโยโหดดับหายสิ้น ผู้แพทย์อย่าพึงหมิ่น จงประกอบให้ชอบการ

เดือนอ้ายแลเดือนยี่ สองเดือนนี้เหมันต์ขาน อาโปย่อมมันหวาน ปถวีแซกทำเข็ญ ผิไข้เพื่อเสมหะ กำเดาเลือดเจือปนเปน โทษมากหากให้เห็น ยิ่งกว่าสิ่งสิ้นทั้งปวง ให้เจ็บซึ่งสันหลัง แลบั้นเอวเปนใหญ่หลวง ดังจะลุ่ยจะหลุดร่วง ทั้งต้นฅอสลักขึง ประดุจตรีโทษ ในเนื้อมือมัจจุรึง ผู้แพทย์เร่งคำนึง แต่งยาให้ได้โดยควร บอระเพ็ดทั้งแห้วหมู นมตำเรียเร่งประมวน หญ้าตีนนกรีบโดยด่วน มะกรูดขิงเร่งปรุงหา ผึ่งแดดกระทำผง บดด้วยน้ำเปลือกเพกา มะแว้งเครือกระสายยา กินดับโรคในเหมันต์

เดือนสามแลเดือนสี่ สิสิระฤดูพลัน ปถวีธาตุดินนั้น เปนมูลโรคธิบดี เกิดโรคด้วยเลือดลม กำเดาเจือเสลดนี้ แปรปรวนกำเริบมี วิการโรคต่างๆเปน เกิดโรคให้ฟกบวม หูทั้งสองเปนหนองเหม็น เลือดเหน้าหากให้เปน ย่อมไหลออกจากโสตา ผู้แพทย์พึงประกอบ ซึ่งโอสถเร่งเยียวยา ลูกกะดอมกะเทียมมา ไพลว่านน้ำเยาวพานี ตุมกาว่านร่อนทอง เนระภูสีสนสังกะระนี ตำให้เลอียดดี แล้วละลายน้ำขิงกิน แก้สะท้านแซกพริกไทย ลงเก้าเมล็ดตำให้สิ้น แก้ร้อนเอาหญ้าตีน นกคู่กันจันทน์ทั้งสอง ต้มเปนกระสายริน แก้ร้อนได้ดังใจปอง แก้ดีเสลดต้อง น้ำมะงั่วน้ำส้มซ่า แก้โทษปถวี คือสิสิระฤดูนา เสร็จสิ้นดังกล่าวมา ฤดูหกจบสมบูรณ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ