ว่าด้วยโลหิตอันเกิดในกองธาตุ

ลำดับนี้จะกล่าวด้วยลักษณโลหิต อันเกิดในกองธาตุทั้ง ๔ นั้นสืบต่อไป ตามอาจารย์ท่านกล่าวไว้ อันว่าลักษณโลหิตอันเกิดแต่กองอาโปธาตุนั้น ถ้าสัตรีผู้ใดที่ยังมิได้มีสามีก็ดี มีสามีแล้วก็ดี เมื่อฤดูจวนจะมีมานั้น กระทำให้ลงไปวันละ ๕ ครั้งวันละ ๖ ครั้ง ฤดูนั้นเดินออกมาเปนมวกเปนมัน เหม็นคาวยิ่งนัก โลหิตนั้นบางทีใส บางทีเปนเปลว ดุจประเมหะแลไขขาว แลฤดูนั้นเดินมิได้สดวก ให้ปวดท้องเปนกำลัง ให้บริโภคอาหารมิได้

ถ้าจะแก้ให้เอาสมุลแว้ง ๑ แก่นสน ๑ กฤษณา ๑ เปราะหอม ๑ อบเชย ๑ ชะเอมเทศ ๑ เจตภังคี ๑ ว่านน้ำ ๑ แห้วหมู ๑ รากมะแว้งทั้ง ๒ สิ่งละส่วน สมอพิเภก ๑ เจตมูลเพลิง ๑ ขิงแห้ง ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน สมอไทย ๑ สะค้าน ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน มะขามป้อม ๑ รากช้าพลู ๑ ดีปลี ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน มะตูมอ่อน ๑๖ ส่วน กะเทียมสุก ๒๔ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำกะเทียมต้มแซกการะบูรให้กิน แก้โลหิตอันเกิดแต่ในกองอาโปธาตุนั้นหาย วิเศษนักแล

ขนานหนึ่งเอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ มะตูมอ่อน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน จันทน์แดง ๑ จันทน์ขาว ๑ ขิงแห้ง ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน พริกไทย ๘ ส่วน ดีปลี ๑๒ ส่วน ไพล ๕๗ ส่วน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำมะนาวแซกพิมเสนให้กินแก้วิเศษโลหิต อันบังเกิดแต่กองอาโปธาตุนั้นหายแล

ขนานหนึ่งเอาแกนขี้เหล็ก ๑ แก่นมะซาง ๑ แก่นกันเกรา ๑ รากจิงจ้อ ๑ รากส้มป่อย ๑ ผลราชดัด ๑ รากกรุงเขมา ๑ สิ่งละส่วน เจตมูลเพลิง ๔ ส่วน สะค้าน ๘ ส่วน รากช้าพลู ๑๒ ส่วน มะตูมอ่อน ๑๖ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำกานพลูต้มแซกพิมเสนให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองอาโปธาตุนั้นหายวิเศษนักแล

ลำดับนี้จะกล่าวด้วยโลหิตอันเกิดแต่กองเตโชธาตุ ถ้าแลเกิดแก่สัตรีผู้ใดมีสามีแล้วก็ดี หาสามีมิได้ก็ดี ลักษณเมื่อฤดูจะมีมานั้น กระทำให้ตึงไปทั้งตัวแล้วฤดูจึงมีมา ให้ร้อนทางช่องครรภ์ดุจถูกพริก แลโลหิตที่ออกมานั้นเปนฟอง มีสีดุจน้ำฝางอันบุคคลเอาน้ำส้มมะนาวบีบลง สีนั้นก็เหลืองไป แล้วกระทำให้ร้อนผิวเนื้อดังจะปอก แลให้อาเจียรให้เหม็นอาหาร บริโภคอาหารมิได้ ให้สบัดร้อนสะท้านหนาว แลให้จุกแดกดังกล่าวมานี้

ถ้าจะแก้เอาโกฐสอ ๑ โกฐกระดูก ๑ โกฐหัวบัว ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ เทียนดำ ๑ ผลผักชี ๑ เมล็ดในมะนาว ๑ รากมะกล่ำทั้ง ๒ ใบหนาด ๑ ผิวมะกรูด ๑ ว่านน้ำ ๑ สารส้ม ๑ เกลือมูตร ๑ สิ่งละส่วน สะค้าน ๑ สมอไทย ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน รากช้าพลู ๑ มะขามป้อม ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน เจตมูลเพลิง ๑ สมอพิเภก ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน บดปั้นแท่งไว้ละลายน้ำร้อนแซกพิมเสน ให้กินแก้วิเศษโลหิต อันบังเกิดแต่เตโชธาตุนั้นหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งเอา โกฐจุลาลำภา ๑ เทียนเยาวภานี ๑ จันทน์ชะมด ๑ กานพลู ๑ รากสารพัดพิศ ๑ รากอัญชัน ๑ สารส้ม ๑ ดินประสิว ๑ สิ่งละส่วน สะค้าน ๔ ส่วน รากช้าพลู ๘ ส่วน เจตมูลเพลิง ๑๒ ส่วน บดปั้นแทงไว้ละลายน้ำรากมะกล่ำเครือต้มแซกพิมเสน ให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองเตโชนั้นหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งเอา โกฐสอ ๑ โกฐเขมา ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ กะเทียม ๑ มหาหิงคุ์ ๑ แห้วหมู ๑ ผลพิลังกาสา ๑ เกลือเทศ ๑ เกลือสินเธาว์ ๑ สิ่งละส่วน สะค้าน ๑ พริกไทย ๑ สมอไทย ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน รากช้าพลู ๑ ดีปลี ๑ มะขามป้อม ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน เจตมูลเพลิง ๑ ขิงแห้ง ๑ สมอพิเภก ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน บดทำแท่งละลายน้ำข่าต้มแซกการะบูรให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองเตโชธาตุนั้นหายวิเศษนักแล

ลำดับนี้จะกล่าวด้วยโลหิตอันเกิดแต่กองวาโยธาตุ ถ้าเกิดแก่สัตรีผู้ใดที่มีสามีแล้วก็ดี ที่มิได้มีสามีก็ดี ลักษณเมื่อจะมีฤดูมานั้น กระทำให้ท้องขึ้นท้องพองให้จุกให้เสียดเปนกำลัง ให้ตัวร้อนให้จับเปนเวลา ให้คลื่นให้เหียนให้อาเจียนแต่ลมเปล่า ฤดูมีมาไม่สดวก มีสีดุจน้ำดอกคำอันจาง ให้ปวดเปนกำลัง

ถ้าจะแก้เอา เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ เทียนสัตบุศย์ ๑ เทียนเยาวภานี ๑ แก่นสน ๑ แห้วหมู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน มะหาหิงคุ์ ๓ ส่วน ขิงแห้ง ๘ ส่วน ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กานพลู ๑ หัศคุณเทศ ๑ เปล้าน้อย ๑ สิ่งละ ๑ ส่วน ดีปลี ๔ ส่วน พริกไทย ๑๒ ส่วน เกลือสินเธาว์ ๑๖ ส่วน ทำเปนจุณบดละลายน้ำส้มซ่า ให้กินหนัก ๑ สลึงแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองวาโยธาตุนั้นแล

ขนานหนึ่งเอา ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กานพลู ๑ ขมิ้นเครือ ๑ ดองดึง ๑ เบี้ยผู้เผา ๑ สิ่งละส่วน รากพันงูแดง ๑ เทียนดำ ๑ รากสลอดกินลง ๑ เปล้าทั้ง ๒ สหัสคุณ ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดีปลี ๑ รากช้าพลู ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน ขิงแห้ง ๑ เจตมูลเพลิง ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน พริกไทย ๑ สะค้าน ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน เกลือสินเธาว์ ๑๖ ส่วน บดปั้นแทงไว้ละลายน้ำร้อนแซกพิมเสนให้กิน แก้วิเศษโลหิตอันเกิดแตกองวาโยธาตุนั้นหายแล

ขนานหนึ่งเอา เปลือกกุ่มบก ๑ เปลือกมะรุม ๑ ว่านน้ำ ๑ รากอังกาบ ๑ รากพันงูแดง ๑ รากละหุ่งแดง ๑ เปลือกโลท ๑ เมล็ดในราชพฤกษ์ ๑ เปราะหอม ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ สิ่งละ ๑ ส่วน หัวหญ้าชันกาด ๒ ส่วน กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน ดีปลี ๑ มะขามป้อม ๑ รากช้าพลู ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน พริกไทย ๑ สมอไทย ๑ สะค้าน ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน มหาหิงคุ์ ๑๖ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำร้อนน้ำข่า แซกพิมเสนการะบูรให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองวาตะสมุฏฐาน กระทำให้จุกเสียด ให้แดกนั้นหายวิเศษนักแล

ลำดับนี้จะกล่าวด้วยโลหิตอันเกิดแต่กองปถวีธาตุ ถ้าแลเกิดแก่สัตรีผู้ใด ที่มีสามีแล้วก็ดี ที่หาสามีมิได้นั้นก็ดี แลลักษณเมื่อฤดูจะมีมานั้น ให้เมื่อยทุกข้อทุกลำทุกกระดูก ฤดูเดินหยดย้อยมิได้สดวก บางทีเปนมันเปนเมือก บางฑีเปนประเมหะระคนออกมากับโลหิตเหนียวดุจยางมะตูม กระทำให้ร้อนให้แสบแล้วจุกเสียดให้ท้องขึ้นเปนกำลัง แลฤดูนั้นมีสีดำสีแดงสีขาวสีเหลืองระคนกันออกมา มีกลิ่นอันคาวยิ่งนัก ให้ปวดในอุทรเปนกำลัง

ถ้าจะแก้เอา สารส้ม ๑ ดินประสิวขาว ๑ ผลจันทน์เทศ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ หอยสังข์เผา ๑ เกลือสมุท ๑ แห้วหมู ๑ กะเทียม ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน เจตมูลเพลิง ๑ สะค้าน ๑ ช้าพลู ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน สมอไทย ๑ สมอพิเภก ๑ มะขามป้อม ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน สมอเทศ ๑๖ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำร้อนแซกพิมเสนให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองปถวีธาตุนั้นหายวิเศษดีนักแล

ขนานหนึ่งเอา ลำพัน ๑ สารพัดพิศ ๑ เมล็ดราชพฤกษ์ ๑ ดอกคำฝอย ๑ ฝางเสน ๑ รากพันงูแดง ๑ สิ่งละ ๑ ส่วน ตรีกฏุก สิ่งละ ๔ ส่วน เจตมูล ๑ สะค้าน ๑ ช้าพลู ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน สมอพิเภก ๑ มะขามป้อม ๑ สมอไทย ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน รากจิงจ้อ ๑๖ ส่วน บดปั้นแทงไว้ละลายน้ำร้อน แซกชะมดแซกพิมเสน ให้กินแก้วิเศษโลหิต อันเกิดแต่กองปถวีธาตุนั้นหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งเอา มหาหิงคุ์ ๑ ลำพัน ๑ วานน้ำ ๑ กะเทียม ๑ ไคร้หอม ๑ กระชาย ๑ สิ่งละ ๑ ส่วน เจตมูลเพลิง ๑ สะค้าน ๑ ช้าพลู ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน สมอไทย ๑ สมอพิเภก ๑ มะขามป้อม ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน พริกไทย ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ สิ่งละ ๑๒ ส่วน เปลือกกันเกรา ๑๖ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำร้อนแซกการะบูร ให้กินแก้โลหิตกันเกิดแต่กองปถวีธาตุนั้นหายวิเศษนักแล

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ