ว่าด้วยสมุฏฐานโรค ๓ ประการ

หนึ่งโสดจะกล่าวการ สมุฏฐานเปนเค้ามูล พุทธรัตน์ตรัสบัณฑูร ซึ่งมูลโรคสามประการ ปิตตะแลเสมหะ แลวาตะสะมุฏฐาน ทั้งสามโดยประมาณ เปนอาทิให้วิกล สรรเพ็ชร์ตรัสพาที โปรดพระคีรีมานนท์ คิลาน์กำเริบรน วิกลกายเวทนา อาพาธทั้งห้านั้น หากเจือกันในสามนา พาหิระโรคา หากวิบัติตามเหตุเปน สันนิปาติกา เสลดลมกำเริบเข็ญ พร้อมสามตามเภทเปน สันนิบาตประชุมกัน อุตุปรินาม ฤดูสามปรวนแปรผัน วิสะมะหาระนั้น ด้วยอาหารแลกิริยา หนึ่งโอปักกะมิก คือบิดพลิกพลาดแขนขา หนึ่งกรรมวิปากา ไข้เพื่อกรรมกระทำผล อาพาธทั้งแปดนี้ ในคัมภีร์คิริมานนท์ จากโอษฐ์พระทศพล แพทย์พึงยลดังกล่าวมา อาพาธทั้งห้านั้น จะรำพรรณแต่ดีมา กุลบุตรเกิดคิลาน์ ด้วยปิตตะสมุฏฐาน คือดีที่กายตน ให้วิกลกำเริบสร้าน ด้วยเหตุและอาการ สังคะหะกล่าวไว้มี กล่าวเหตุเมื่อก่อผล แห่งบุคคลชายหญิงนี้ เมื่อเหตุกำเริบมี จะก่อโรคอาเภทเปน ให้กินอาหารร้อน บมิชอบอาหารเย็น สิ่งเปรี้ยวอยากบเว้น ย่อมพอใจเผ็ดร้อนบูด ของเหน้ามักพอใจ มักผิงไฟมิได้หยุด น้ำร้อนมักดื่มดูด มักโกรธเมื่อตวันเที่ยง มักกินในกลางคืน ซมบตื่นยังกรนเสียง อาบน้ำเมื่อดึกเที่ยง ราตรีร้อนบนอนหลับ อาเภททั้งสิบนี้ เปนเพื่อดีกำเริบจับ กล่าวเหตุก็เสร็จสรรพ จะกลับกล่าวโรคเพื่อดี วิบัติอาการโรค สิบห้าสิ่งมักย่อมมี ผู้ใดเปนเช่นนี้ มักสะท้านให้ร้อนหนาว หลงไหลนอนไม่หลับ ย่อมมักรากเปนคราวๆ ฅอแห้งร้อนผะเผ่า ทั้งร้อนปากขื่อจมูก ร้อนหน้าเหงื่อบตก ย่อมพร่ำพรูพูดผิดถูก เพ้อพกบมีศุข ย่อมไหลหลงมัวเมาหนัก จักษุนั้นก็แหลม เห็นสิ่งของมักรู้จัก ตาเหลืองเบาเหลืองนัก มักวิงเวียนแสบร้อนหน้า ให้ร้อนระส่ำระสาย เพศทั้งหลายซึ่งกล่าวมา หมู่แพทย์อย่ากังขา โรคดังนี้ดีทำเข็ญ ผิแพทย์จะเยียวยา ไข้เพื่อดีวิบัติเปน ชิงช้าชาลีเล่น มะตูมอ่อนรากดีปลี แห้วหมูแลขิงแห้ง ใส่หม้อต้มให้สุกดี ครั้นเย็นจึงภุญชี โรคเพื่อดีหายฉับพลับ

๑ ภาคหนึ่งรากมะตูม หญ้าเกล็ดหอยแฝกหอมหั่น รากกะดอมเอาเท่ากัน ต้มไว้เย็นเร่งดื่มกิน

๒ หนึ่งโสดจันทน์ทั้งสอง กะพังโหมแห้วหมูสิ้น ต้มเย็นให้เร่งริน กินก่อนเข้าเช้าดับหาย

๓ หนึ่งโสดหญ้าเกล็ดหอย แต่สิ่งเดียวคุณมากมาย ต้มกินดับโรคหาย แพทย์ทั้งหลายอย่าพึงหมิ่น

๔ ภาคหนึ่งหญ้าเกล็ดหอย บอระเพ็ดหั่นเปนชิ้น ชิงช้าชาลีชิน มะขามป้อมพร้อมเร่งต้ม ครั้นเย็นให้คนไข้ ดื่มเข้าไปอย่าได้อม ครั้นคลายหายระบม ดีวิบัติกำจัดสูญ

๕ หนึ่งเอาบอระเพ็ด ทั้งคุคะเถามวกมูล เกสรบัวหลวงพูน ทั้งรากโลทจงต้มพลัน เมื่อกินรินแต่น้ำ จงค่อยดื่มให้ขยัน โรคาวินาสัน เพราะยานี้ดีนักหนา มิหายหญ้าเกล็ดหอย เอาใส่ลงในหม้อยา กำจัดซึ่งโรคา เปนเพื่อดีกำเดาหาย

๖ ภาคหนึ่งรากคัดมอน รากขี้กาผักขวงหมาย เครือเขายอดด้วนปลาย ต้นผีเสื้อหญ้าเกล็ดหอย ต้มสุกไวีให้เย็น น้ำผึ้งหยดลงสักหน่อย แก่ไข้เพื่อดีถอย ดังตำหรับท่านกล่าวมา

๗ ภาคหนึ่งมะขามป้อม สะเดาดินดีนักหนา ชะลูดหอมพร้อมปรุงยา ต้มไว้เย็นแล้วก็ริน ผู้ไข้เปนเพื่อดี เอายานี้ให้ดื่มกิน โทษร้ายหายเหือดสิ้น แก้ปากเผ็ดปากร้อนหาย

๘ หนึ่งเอาชะเอมเครือ ชะลูดหอมดังพิปราย แก่นสะเดาเท่ากันหมาย ต้มให้เย็นจึ่งดื่มกิน แก้ดีวิบัตินั้น หายแม่นมั่นอย่าดูหมิ่น โรคร้ายหายเหือดสิ้น แผ้วมนทินให้สิ้นสูญ

๙ ภาคหนึ่งรากขี้กา หญ้าเกล็ดหอยท่านให้หนูน รากหวายขมก้านตาลพูน ทั้งรากเขาเถายอดด้วน เท่ากันต้มให้เย็น น้ำผึ้งหยดแต่พอควร ผู้ใข้ที่รำจวน เร่งดื่มกินสิ้นสูญไกล

๑๐ ภาคหนึ่งเอาก้านตาล ลูกสมอเอาห้าใบ ผักบุ้งขันอันเลื้อยไป ปานพระร่วงสามลูกทราบ มะขามป้อมรากคัดมอน เขายอดด้วนอันเลื้อยทาบ หญ้าเกล็ดหอยรื่นราบ เร่งต้มทำให้ชอบกล แก้ไข้เปนเพื่อดี มักเซาซึมคลั่งไคล้บ่น กระหายน้ำซ้ำกระวน ทั้งวิงเวียนเสียดแทงมวน ผิโรคเกิดเพื่อดี เพราะดังนี้อย่าลามลวน ผู้แพทย์เร่งสอบสวน ยารักษาด้วยการุญ

๑๑ หนึ่งเล่าพระตำรา ชื่อโลกาทิจรคุณ แก้ดีพลุ่งหัวใจขุ่น แก้จุกเสียดสันนิบาต แก้เลือดลมแลไข้ แก้จับหายเสื่อมสูญขาด สี่สิ่งสิ่งละบาท ลูกกระดอมสองสลึง จุกโรหินีจันทน์ กรุงเขมาพังโหมพึง ตำกินอย่าคำนึง ย่อมมีคุณสูญทันใจ

๑๒ หนึ่งเล่ากล่าวปิตตัง ย่อมวิกลแตกซึมไหล อาพาธมักคลั่งไคล้ ให้พกเพ้อละเมอหลง นอนหวาดสดุ้งหวั่น บางทีนั้นกลับงวยงง กินยาประจุส่ง ลงแดงเหลืองเปนสีเขียว บมีสติตั้ง ผิอาการดังนี้เจียว แพทย์อย่าพึงเฉลียว ว่าเภทอื่นอย่ากังขา จะแก้ท่านให้เอา เทียนตักแตนเข้าเปลือกมา เปลือกมะปรางเรวรา เปลือกไข่เน่าเทพทาโร เสมอภาคแล้วเอาบด แซกดีจรเข้โข ดอกไม้แช่ใส่โถ พิมเสนแซกลงเมื่อกิน แก้คลั่งแลเพ้อพก ทั้งหลงใหลหายเหือดสิ้น โทษดีอันรั่วริน กินยานี้ดีอย่างเดิม

๑๓ ภาคหนึ่งจะแก้ลง เอาครั่งฝิ่นลูกจันทน์เติม เบญจกานีกำยานเพิ่ม เปลือกแมงคุดลูกตะบูน เปลือกทับทิมเปลือกมะขาม ตำผงตากด้วยแสงสูริย์ น้ำเปลือกทับทิมพูน แก่โทษลงตำรงไป

๑๔ หนึ่งเล่ากล่าวมูตรธาตุ แก้ดีรั่วดังนี้ไซ้ร ให้ลงดังน้ำไหล อะติสารสีขมิ้น ปิดปวดนอนสดุ้ง มักโกรธพลุ่งใจเดือดดิ้น ต้มยาให้เร่งกิน แก้ดีรั่วดังกล่าวมา จันทน์หอมสมอไทย รากสอึกกระดอมหา สิ่งละบาทอย่าคลาศคลา บอระเพ็ดสองสลึง ปรุงต้มเขี้ยวให้งวด ดังท่านกล่าวสามเอาหนึ่ง คลายโทษที่อันถึง อะติสารพิการหาย

๑๕ ภาคหนึ่งแก้ดีล้น พ้นจากฝักรั่วกระจาย ให้ลงระส่ำระสาย ให้คลั่งไคล้ดังเปนบ้า พูดพลอดกับปิศาจ บไสยาศสักทิวา จะแก้พึงแต่งยา จันทน์ทั้งสองกรุงเขมา กะพังโหมสมอไทย ใส่หม้อต้มตั้งบนเตา ขันทศกรเอา รินออกกินถ้วยเดียวสูญ

๑๖ หนึ่งโสดแก้ดีรั่ว ดีกระตุกสองตระกูล มักเคียดแค้นมากมูน มักให้นอนหลับสนิท ดุจชนอันเดินทาง แลตกหลุมสดุ้งจิตร ย่อมไข้ให้เปนนิด สันนิบาตทั้งสี่มา สันนิบาตพุทธยักษ์ เพื่อโลหิตนั้นก็ว่า ผู้แพทย์เร่งแต่งยา ตรีผลาจันทน์กระดอม ลูกช้าพลูรากมะอึก อีกแก่นจันทน์อันกลิ่นหอม ลูกขี้กาแดงงอม สิ่งตำลึงพึงให้กิน ดีรั่วแลกะตุก อะติสารสูญเสื่อมสิ้น ผู้ไข้อย่าดูหมิ่น ว่าโทษดีจะมิหาย

(จบเรื่อง)

----------------------------

กล่าวดีดังนี้หยุด สมมุติจบตำราหมาย เบื้องนี้จะบรรยาย ในเรื่องลมสืบต่อมา ผู้แพทย์จงสดับ ดังตำหรับสาโรชนา สมดังคำฎีกา พระสรรเพ็ชตรัสบรรยาย วาตะสมุฏฐาน เมื่อวิการกำเริบร้าย เดือนเก้าเดือนสิบหมาย เดือนสิบเบ็ดสิบสองมี

ผิลมกำเริบไซ้ร ในภาวะเดือนทั้งสี่ วิบัติอยากภุญชี ซึ่งเผ็ดร้อนแลฝาดขม กินเนื้อแลปลาแห้ง ย่อมมีจิตรคิดนิยม มักตริซึ่งการชม ในราตรีอันนานนัก มักกล่าวเครื่องเศร้าโศก นอนบหลับลืมแต่จักษุ์ อาหารกินมากนัก จนอิ่มเท้อเรอประมาณ กระทำสิ่งใดๆ ไม่สำเร็จเลยสักการ มิจิตรกำเริบส้าน จะทำอื่นนั้นต่อไป มีลมนั้นกำเริบ เมื่อเวลาเย็นนั้นไซ้ร กินเข้าๆไปใน ท้องพะอืดบย่อยยับ ลมขึ้นสูงเสียดแทง ขึ้นเบื้องบนนอนไม่หลับ ในกายแลที่ลับ เปนลมพิษผื่นแผ่นทั่ว ผิวดำดูคร่ำคร่า แลเปนผดขึ้นทั้งตัว แสบคันเปนน่ากลัว ดังไม้ขอนลงนอนขึง เหตุนี้เพราะเพื่อลม สมุฏฐานวาโยรึง เหตุสิบสามวิการตรึง เมื่อแรกก่อให้เกิดลม ผู้แพทย์พึงวิจารณ์ มะนะสิการอย่าโง่งม จงแจ้งว่าเพศลม ดังนี้ก่อนวิบัติมา ทีนั้นจึงล้มไข้ ให้วิกลเมื่อคีลาน์ สะท้านทั่วกายา บางคราวนามักให้หิว บางทีมีกำลัง ให้ฅอแห้งเปนผงปลิว ปากแห้งชักย่นผิว ไข้มักขึ้นในปากฅอ หายใจหน้าอกชัด หลับก็ไม่สนิทพอ ไม่เรอจามซ้ำเจ็บสอ ให้คันกายไปทุกแห่ง ปวดเศียรเจ็บอุระ เจ็บนาภีพื้นท้องแข็ง กินได้ไม่มีแรง กินเข้าไปไม่มีรส เจรจาบได้ศัพท์ ซึ่งถ้อยความบปรากฎ หาวเนืองๆไม่กำหนด มักเสียดแทงในเบื้องตา ทั้งนี้โทษวาโย วิกาโรรุมร่ำทำ ผู้แพทย์พึงจดจำ ซึ่งอาการสิบแปดนา สถานหนึ่งนั้นไซ้ร ย่อมคลั่งไคล้โทษวาตา อาจารย์ท่านกล่าวมา ในตำราสังคะหะ อาการย่อมคลั่งไคล้ สมุฏฐานแห่งคำพระ จงวิจารณ์อย่าลืมละ คัมภีร์สองให้ต้องกัน กล่าวออกบอกอาการ สังคหะคัมภีร์นั้น ขนลุกแลขนชัน ย่อมให้หนาวสะท้านเย็น ปวดเศียรเวียนหน้าตา ปวดเจ็บกายบได้เว้น ในใจให้เคืองเข็ญ ด้วยเสียบแทงมิสะบาย อยากน้ำบอยุดหย่อน ทั้งเปนก้อนบกระจาย ทุรนทุรายกาย ทั้งหายใจเข้าออกขัด จักขุแลเล็บเหลือง ทั้งให้ไอดังเปนหวัด ปากฝาดเจ็บคางขัด เมื่อยตะไกรมักไอแห้ง สิบห้าโทษทั้งนี้ ดังคัมภีร์ท่านสำแดง ผู้แพทย์พึงรู้แจ้ง เอกะโทษลมสิ่งเดียว บมีอันอื่นเจือ เพื่อแต่ลมดังนี้เจียว พึงองอาจฉลาดเฉลียว แต่งยาแก้แต่เพื่อลม ให้เอารากอบเชย รากมะนาวชะลูดต้ม ดอกอุบลมูกหลวงผสม กินร้อนๆ น้ำผึ้งหยด แก้ลมอันวิการ อรธานเสื่อมหายหมด ตามคัมภีร์สาโรชบท ท่านบอกมายาตำรา

๑ ภาคหนึ่งเอากำลัง หณุมานสะค้านหา บอระเพ็ดรากขี้กา มะแว้งคู่มะเขือขื่น เทียนดำแลข่าลิง ทั้งเก้าสิ่งต้มด้วยฟืน รินกินพลันแช่มชื่น ไข้เพศลมระทมหาย

๒ หนึ่งเล่าเอาบอระเพ็ด กับทั้งขิงต้มกินคลาย แก้ไข้เพื่อลมร้าย ยาสองสิ่งยิ่งมะหันต์

๓ หนึ่งโสดซ้องแมวควาย รากมะแว้งทั้งสองนั้น รากผักเปดบอระเพ็ดหั่น รากอบเชยกำลังหณุมาณ เสมอภาคเร่งปรุงต้ม กินอุ่นๆอย่าเกียจคร้าน ไข้ลมอระธาน ร้อนสีสะสิ้นเสื่อมสูญ

๔ หนึ่งเล่าตรีกฏุก หอมกะเทียมเปนเค้ามูล ใบสะเดาให้เอาคูณ คือเท่ายาสิ้นทั้งนั้น ละลายด้วยน้ำร้อน กินแก้ไข้ลมหายพลัน กำหนดลงแม่นมั่น สรรพยาอย่าดูหมิ่น

๕ หนึ่งโสดหนอนตายอยาก รากมะรุมร้อนมีกลิ่น รากฟักเข้าทั้งเกลือสิน เธาว์เค็มโกรกโคกกะสุน ขิงแห้งอันร้อนเผ็ด เจตมูลดีปลีหนุน เท่ายาทั้งหลายจุณ เปนผงภุญช์ด้วยน้ำร้อน มีคุณอันมากมาย ลมกระจายในอุทร อกใจไม่อาวรณ์ แพทย์ทั้งหลายจงจำเอา

๖ หนึ่งโสดรากสัตตะบัน บอระเพ็ดใบสะเดา รากมูกหลวงเร่งเอา ตำเปนผงจงฉับไว จงเอาซึ่งน้ำผึ้ง เปรียงพระโคเคล้าตั้งไฟ กวนยาหกสิ่งไซ้ร ไข้เพื่อลมก็สิ้นสูญ

กล่าวด้วยสะมุฏฐาน อาการลมบริบูรณ์ เบื้องนี้จะบัณฑูร เพศเสมหะสะมุฏฐาน เดือนอ้ายแลเดือนยี่ เดือนสามสี่กล่าวอาการ เสมหะมักบันดาน วิการธาตุอาเภททำ ฤดูเหมันตา วิการาให้ระส่ำ ผู้แพทย์จงเร่งจำ วิบัติเหตุจะก่อการ มักกินอาหารร้อน มีรสเค็มแลเปรี้ยวหวาน ชอบใจให้ทราบสร้าน ชอบอารมณ์นิยมกลืน พอใจซึ่งสิ่งของ อารมณ์ต้องที่ชื่นๆ มักกินเมื่อค่ำคืน กินเข้าน้ำเหลือประมาณ มักหยากซึ่งเนื้อพล่า แลปลายำกินสำราญ มักฝันให้บันดาน ได้หว้ายน้ำนอนสระน้ำ มักฝันว่าดูดดื่ม ซึ่งวารินอันเย็นฉ่ำ มักเปนตุ่มตัวระยำ ช้ำฟกบวมที่ในกาย ง่วงเหงาหาวนอนนัก มักหลับนิ่งค่อยสบาย เสมหะกำเริบร้าย ให้เปนเหตุดังนี้นา ที่นั้นย่อมเกิดโรค เปนเสมหะสะมุฏฐาน์ มีอาการถึงสิบห้า มีกายาย้ายเยือกเย็น ขนลุกแลผมชัน หลับเชื่อมจัดวิบัติเปน บอยากน้ำบิดตัวเล่น บรู้ศึกว่ารุ่งค่ำ ปัสสาวะเปนสีขาว แลเบาข้นบเปนน้ำ ผิวเผือดไม่ผ่องคล้ำ หมดกำลังสิ้นแรงเรี่ยว เหงื่อตกจากกายนัก ให้มักร้อนอยู่คนเดียว เปนหวัดปวดเศียรเสียว บชอบใจสิ่งใดๆ ปากหวานปานน้ำอ้อย โทษเสลดกระทำไซร้ ผู้แพทย์จงแจ้งใจ พึงแต่งยาประกอบแก้ รากมะตูมรากสะเดา แก่นจวงเอาที่แท้ๆ บอระเพ็ดเปราะหอมแล รากมะแว้งทั้งว่านน้ำ รากสะเดาดินดีปลี จุกโรหินีดีล้ำ เท่ากันต้มจงงวดน้ำ รินกินแก้เสลดหาย

๑ หนึ่งเล่าลูกกะดอม ลูกโมกหลวงโกฐสอหมาย จงต้มอย่าเคลื่อนคลาย รินออกไว้ให้อุ่นๆ จึงเอาซึ่งพริกไทย ใส่ครกให้ตำเปนจุณ โรยลงในน้ำอุ่น น้ำผึ้งหยดซดดื่มกิน เสลดจะระงับ ให้บันเทาเบาบางสิ้น ต้มยาห้าสิ่งกิน ย่อมมีคุณยิ่งนักหนา

๒ ภาคหนึ่งรากฟักเข้า รากตะคร้อรากยอป่า เปลือกโลท รากรกฟ้า ลูกมะขามป้อมรากเกด เท่ากันเร่งต้มริน กินแก้ไข้เพื่อเสลด เสื่อมสูญคุณวิเศษ โรคเสลดบำบัดหาย

๓ หนึ่งโสดรากมะตูม อีกขมิ้นทั้งหามกราย ผักปอดแห้วหมูหมาย รากช้าแป้นแลแก่นจวง เสมอภาคต้มกินพลัน เสมหะนั้นบำบัดร่วง เสร็จสิ้นตำหรับหลวง ในสาโรชบอกหมดยา

๔ ภาคหนึ่งโรคนิทาน กล่าวดำนานเสมหะมา เสลดจะวิการ์ ภินทนาวิบัติแปร ให้จับสบัดร้อน ให้หนาวนอนสะท้านแท้ บ้างลงโลหิตแล เสมหะเหน้าให้ปวดมวน ผิแพทย์จะแก้จับ เพื่อเสลดที่ลามลวน เปลือกมูกหลวงลำพันควร น้ำเต้าขมระดมใส่ ผักชีแลกระดอม พร้อมรากต้มแลลูกใบ แก่นขี้เหล็กถากใส่ใน หม้อต้มระดมกิน แก้จับโทษเสมหะ อัน่วิบัติบันเทาสิ้น มียาอื่นจึงให้กิน สืบต่อไปตามตำรา

๕ หนึ่งโสดผิชำระ โทษเสมหะวิการนา ใบส้มป่อยเอามา สิ่งละกำสิ้นทั้งผอง หัวหอมก็ห้าหัว เถาวัลเปรียงถากลงกอง สมอไทยก็จำต้อง เท่าอายุคนไข้นั้น ต้มสามเอาหนึ่งกิน แซกดีเกลือตามธาตุอัน หนักเบาจงดื่มพลัน ประจุให้เสมหะคลาย

๖ ภาคหนึ่งจะแก้บิด ติดเพื่อธาตุเสมหะร้าย เมล็ดในกระดอมหมาย เบญจกานีแลลูกจันทน์ ดินกินครั่งฝิ่นกระวาน ยางตะเคียนกานพลูพลัน สีเสียดทั้งสองนั้น ประสารทองทั้งเทียนดำ มะขามขบเปลือกแมงคุด ยุติเอาเท่ากันตำ เปนผงตั้งร่อนทำ ซ้ำยัดใส่ทับทิมสิ้น ให้เอาขี้โคพอก ที่ข้างนอกซ้ำพอกดิน ไฟแกลบสุมสุกสิ้น ดินขี้โคออกทิ้งพลัน ตัวยากับทับทิม บดปั้นแท่งตากตวัน ปูนใสน้ำไพลนั้น กินแก้ปวดเสมหะหาย แก้เลือดเสลดเหน้า สูญสิ้นโทษเสมหะคลาย จบสิ้นดังบรรยาย สมุฏฐานเสมหะมา

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ