- คำนำ
- บานแพนก
- พระคัมภีร์สมฏฐานวินิจฉัย
- พระคัมภีร์วรโยคสาร
- พระคัมภีร์มหาโชตรัต
- พระคัมภีร์ชวดาร ว่าด้วยโรคเกิดในกองลมต่างๆ
- พระคัมภีร์โรคนิทาน
- พระคัมภีร์ธาตุวิวรณ์
- พระคัมภีร์ธาตุบรรจบ
- พระคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา
- พระคัมภีร์ตักศิลา ว่าด้วยไข้เหนือ ไข้พิศ, ไข้กาฬ, หัด.ฝีกาฬ, ไข้กระโดง, ไข้หวัด, เปนต้น
- พระคัมภีร์ไกษย เล่ม ๑ โดยสังเขป
ว่าด้วยโทสันทะฆาฏ
ประการหนึ่งโทสันทะฆาฏนั้น ย่อมบังเกิดแก่ชายหญิงทั้งหลาย ถ้าสัตรีว่าด้วยโลหิตแลระดูแห้งเปนก้อน เท่าฟองไก่ติดกระดูกสันหลังข้างใน เจ็บหลังบิดตัวอยู่ประมาณ ๑๔, ๑๕, วัน ครั้นแก่เข้ามักเปนลมจุกแดกแน่นอกดุจขาดใจ ถ้ากินยาเผ็ดร้อนลงไปก็ดี โลหิตนั้นก็แห้งเข้าติดสันหลังนั้น จึงได้ชื่อว่าสันนิจโลหิต กระทำให้ลงเปนโลหิตก้อนลิ่มแท่งออกมา บางทีให้ตกไปทวารหนักเบา บางทีเปนดังน้ำหมากจางๆ ดินสอพอง ถ้ารู้มิถึงก็ตาย ถ้าบุรุษย์ท่านกล่าวไว้ว่า เมื่อแรกบังเกิดโรคดังนี้ย่อมเปนไข้พิการต่างๆ คือว่าตกต้นไม้แลล้มลงถูกที่ขัดขวาง ถ้ามิดังนี้ก็เปนเพื่อโรคอันถึงพิฆาฏ อำนาจทุบถองโบยตีซึ่งเปนสาหัศฟกช้ำในอกใจ แลโลหิตนั้นก็คุมกันเข้าเปนก้อนกาลย่อมให้เจ็บร้อนในอก เสียดแทงสันหลังก็มี ทำเพศต่างๆ สมมุติว่าเปนเม็ตยอดภายใน ครั้นวางยาผิดโลหิตนั้นก็กระจายออก แล่นเข้าตามกระดูกสันหลังก็ได้ชื่อว่า สันนิจะโลโลหิต ลงสู่ทวารหนักเบา บุทคลทั้งหลายก็เรียกว่า อาสันทะฆาฏ เหตุว่าเกิดเพราะไข้อันพิฆาฏบอบช้ำปีศาจก็พลอยสิงด้วย ถ้ารู้มิทันก็ตาย แลสันทะฆาฏจำพวกหนึ่งชื่อว่า ตรีสันทะฆาฏ มักเกิดเพื่อกาฬขึ้นในดีตับหัวใจก็ดี เปนเม็ดเท่าเม็ดเข้าสารหัก บางทีมันขึ้นในใส้อ่อนแก่ให้ปวด ถ้าขึ้นในดีมันให้เจรจาด้วยผี ให้คลั่งเพ้อไป ถ้าว่าขึ้นในตับให้ลงเปนโลหิต แล้วให้เปนดังผีเข้าสิงประจำอยู่ ถ้าขึ้นในไส้อ่อนแก่ให้จุกเสียดท้องขึ้นท้องพองเปนมาร ถ้าขึ้นในปอดให้กระหายน้ำเปนกำลัง ถ้าขึ้นในหัวใจให้เจรจามิได้นิ่งแน่ไป ถ้าผู้ใดเปนดังกล่าวมานี้ เมื่อได้ ๗ วัน ๙ วัน โลหิตแตกซ่านไปในทวารทั้ง ๙ เรียกว่า ลักปิดเปนต้นแห่งสันทะฆาฎ ก็เปนกรรมของผู้นั้นแก้มิได้เลย อันสันทะฆาฏนี้ว่าด้วยบุทคลอันถึงแก่อาสัญกรรมนั้นแล
พระอาจารย์เจ้าจัดเปนตรีสันทะฆาฏ ถ้าแพทย์จะแก้อย่าให้ต้องยาร้อนแลเข้าสุราเข้าน้ำมัน ให้แต่ยาข้างไข้ไปตามบุญของผู้นั้นเกิด
(๔) สิทธิการิยะ อันว่าสันทะฆาฏนี้เกิดแก่สัตรีภาพทั้งหลาย คือเปนเพราะโลหิตแห้งติดกระดูกสันหลัง จึงกระทำให้พิการต่างๆ ดังกล่าวมานั้น ท่านให้แต่งยาแก้ เอากระวาน ๑ กานพลู ๑ ขิงแห้ง ๑ ดีปลี ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ สมุลแว้ง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท พริกไทย ๕ บาท ตำเปนผงแล้วจึงเอาสารส้ม ๔ ตำลึง ๒ บาท ใส่กะทะเอาน้ำใส่ลงให้ท่วมเคี่ยวให้ละลาย แล้วเอายาผงใส่ลงกวนให้แห้ง จึงบดด้วยน้ำผึ้งรวงกินหนัก ๑ สลึง แก้โลหิตพิการหมกอยู่ในท้องสันหลัง ทวารหนักเบา แก้โลหิตเปนก้อนจุกอยู่ในรูองคชาตก็ดี แลหญิงเปนช้ำรั่ว แลคลอดบุตรมิได้ก็ดี เปนลมโฮกให้จุกเสียดแลริศดวงในทวารทั้ง ๙ ก็ดี ได้กินยานี้แล้วหายแล
อนึ่งยาแก้โลหิตเข้าฝัก แลแห้งติดกระดูกสันหลังแลหัวเหน่าแห้งกรังอยู่ โลหิตนั้นแล่นเข้าจับเอาหัวใจ ให้คลั่งเพ้อไปดังผีเข้าสิงอยู่ก็ดี บางทีให้จุกเสียดบางทีเปนฝีหัวคว่ำ บางทีเปนมารโลหิตมักเปนไปต่างๆ ทั้งนี้ก็เพราะโทษสันทะฆาฏ ถ้าผู้ใดเปนดังนี้ดุจหนึ่งตกเข้าในเงื้อมมือแห่งพระยามัจจุราช ท่านจึงประกอบยาไว้ให้แก้ เอาน้ำหญ้าไซรทนาน ๑ น้ำเถาวัลเปรียงทนาน ๑ น้ำผลบวบขมทนาน ๑ ด่างฝักสำโรง ๑ ด่างงวงตาล ๑ ด่างผักโหมหนาม ๑ หอยจุบแจง ๑ หอยแครง ๑ หอยขม ๑ ผลมะกล่ำขาว ๑ รากตองแตก ๑ หางไหลแดง ๑ ผลจิงจ้อน้อย ๑ แก่นแสมทะเล ๑ เปล้าน้อย ๑ ดินประสิวขาว ๑ รากไคร้เครือ ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ยาดำ ๖ สลึง ยางสลัดใดแห้ง ๒ สลึง ยางตาตุ่ม ๒ สลึง สิริยาทั้งนี้กวนด้วยน้ำผึ้งพอปั้นได้ ถ้าธาตุหนักกินหนัก ๑ เฟื้อง ถ้าธาตุเบากินหนัก ๒ ไพ ลงจนถึงเสมหะ แก้โรคดังกล่าวมาแต่หลังตลอดไปถึงทุลาวะสา แลมุตรกฤจฉ์ มุตรฆาฏ สันทะฆาฏ แลอุปะทม องคสูตร ช้ำรั่ว ไส้ด้วน ไส้ลามตลอดไปทั้ง ๓๒ จำพวก ถ้าได้กินยานี้หายสิ้นอย่าสนเท่ห์เลย ได้แก้มามากแล้ว แล้วจึงให้ต้มยาบำรุงไฟธาตุให้ปรกติเสียก่อน จึงบำรุงโลหิตๆ จึงจะฟูงามขึ้นดังเก่าแล
ยาบำรุงไฟธาตุ เอาเบญจะกูลหนักสิ่งละ ๕ สลึง เปลือกต้นมะตูม ๑ บาท รากคัดมอน ๑ บาท ผลผักชี ๑ บาท หัวแห้วหมู ๒ บาท จันทน์หอม ๑ บาท มูกมัน ๑ มูกหลวง ๑ กกลังกา ๑ ผลกระดอม ๑ บอระเพ็ด ๑ ผลมะแว้งทั้ง ๒ หนึ่ง รวมยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท ต้มกินบำรุงธาตุทั้ง ๔
ยาบำรุงโลหิต เอาเบ็ญจกูลสิ่งละ ๑ บาท ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทียนทั้ง ๕ โกฐทั้ง ๕ สมอทั้ง ๓ อบเชย ๑ จันทน์ทั้ง ๒ สน ๑ สัก ๑ กรักขี ๑ เปล้าทั้ง ๒ แก่นแสมทั้ง ๒ กฤษณา ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๒ สลึง ขมิ้นเครือ ๑ เชือกเถามวกแดง ๑ กำลังวัวเถลิง ๑ เกสรพิกุล ๑ ดอกบุนนาก ๑ ดอกสารภี ๑ ดอกบัวหลวง ๑ ครั่ง ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละ ๑ บาท ฝาง ๒ บาท ดอกคำไทย ๕ ตำลึง ต้มกินไปเถิดบำรุงโลหิตแล
อนึ่งจะว่าด้วยโทษโทสันทะฆาฏ คือบุรุษแลสัตรีย่อมมีเหมือนกัน จะยกกล่าวแต่บุรุษนั้นก่อน ถ้าผู้ใดเปนโรคโทสันทะฆาฏ เปนเพื่อกล่อนแห้งแลปัตะฆาฏจึงให้เจ็บเสียด แลเปนพรรดึกแลเปนลม แลโลหิตให้เปนก้อนอยู่ในท้อง ให้เจ็บทั่วสาระพางค์กาย ให้เจ็บเอวให้มือเท้าตาย ให้เมื่อยขบขัดหัวเหน่า แลสองต้นขาหน้าตะโพก ให้ท้องตึงไปทั้งสองราวข้างแลทวารเบาเหน้าเปนบุพโพโลหิต ให้เจ็บสีสะวิงเวียนหน้าตา ให้ปากเปรี้ยวเสียงแหบจักษุมืด ให้ขัดราวข้างทรวงอกให้ท้องขึ้นท้องพองกินอาหารมิรู้จักรส โทษทั้งนี้เปนเพราะเสมหะโลหิตแห้งอยู่ในไส้นอกไส้ บางทีให้เปนพรรดึก เมื่อจะเปนนั้นให้มึนเนื้อตัวให้ถอยอาหาร บางทีให้จับสบัดร้อนหนาวให้ปากเปรี้ยวหวานดังนี้ ชอบที่กับโรคกล่าวมานี้ ทั้งนี้ก็เปนเพราะโลหิตเสมหะแห้งติดกระดูกสันหลัง แลโรคทั้งนี้บุรุษสัตรีก็เหมือนกัน ให้แต่งยาแก้เอา สะค้าน ๑ ผักแพวแดง ๑ ดองดึง ๑ ว่านน้ำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ยาดำ ๑ โกฐจุลาลำพา ๑ โกฐสอ ๑ โกฐพุงปลา ๑ หัวอุตพิด ๑ ชะเอมเทศ ๑ ดีปลี ๑ แก่นแสมทะเล ๑ สิริยาทั้งนี้เสมอภาค แล้วจึงเอาพริกไทยเท่ายาทั้งหลาย ทำผงละลายน้ำผึ้งกินหนัก ๑ สลึง แก่โรคทั้งปวงดังกล่าวมานี้หายวิเศษนักแล
ขนานหนึ่งเอาเปลือกขี้เหล็ก ๔ บาท ส้มกุ้งใหญ่ ๒ บาท ส้มกุ้งน้อย ๒ บาท รากโคกกระออม ๕ บาท รากช้าพลู ๑๐ บาท รากผักเสี้ยนผี ๑๐ บาท รากตองแตก ๕ ตำลึง รากทรงบาดาน ๕ ตำลึง ๒ บาท แก่นแสมทะเล ๕ ตำลึง ๒ บาท แก่นมะเกลือ ๕ ตำลึง ๒ บาท รากเจตมูล ๑๐ บาท รากผักเสี้ยนไทย ๕ ตำลึง แก่นมหาด ๓ ตำลึง ๒ บาท จุกกะเทียม ๖ บาท แก่นแสมสาร ๑๐ บาท กรักขี ๕ ตำลึง ๒ บาท ถ้าจะดองด้วยสุราให้ใส่ยาเข้าเย็นทั้ง ๒ สิ่งละ ๗ ตำลึง ๒ บาท ถ้าจะทำผงยกยาเข้าเย็นออกเสีย ให้แซกแต่มหาหิงคุ์สลึงเฟื้อง การะบูรสลึงเฟื้อง ผลจันทน์ ๑ บาท พริกไทย ๖ บาท ๒ สลึงเฟื้อง ดีปลี ๒ บาท ๒ สลึงเฟื้อง กะเทียม ๒ สลึงเฟื้อง ทำเปนผงละลายน้ำผึ้งรำหัดเกลือ เมื่อจะกินให้แต่งเครื่องบูชาเทียน ๓ เล่ม มะพร้าวผล ๑ เมี่ยง ๓ คำ เครื่องกระยาบวชเงิน ๑ บาท คำนับจงดีแล้วจึงกินเถิดวิเศษนัก ท่านตีค่าไว้ ๑ ชั่งทอง