ว่าด้วยอาการและสรรพยาแก้ปรกติโลหิต

บัดนี้จะกล่าวอาการแลสรรพยา จะแก้โลหิตปรกติโทษนั้นก่อนโดยสังเขป

ในที่นี้จะกล่าวปรกติโลหิต อันบังเกิดแต่ก้อนหทัยนั้นก่อนเปนปฐม เมื่อจะบังเกิดนั้น กระทำให้จิตรระส่ำระสาย ใจนั้นลอยไป แลให้เพ้อบ่นไป หาสติมิได้ มักให้ขึ้งให้โกรธเปนกำลัง ต่อมีฤดูมาแล้วจึงคลาย

ถ้าจะแก้ เอายาชื่อว่าเกสราทิคุณ ขนานนี้ท่านให้เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ อบเชยเทศ ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ สักขี ๑ ชะลูด ๑ สมุลแว้ง ๑ ดอกจำปา ๑ ดอกกะดังงา ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกพิกุล ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรบุนนาก ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน เลือดแรด ๑ เบญจกูลสิ่งละ ๔ ส่วน ฝางเสน ๘ ส่วน ดอกคำฝอย ๑๖ ส่วน ตรีผลาตามพิกัต ต้มตามวิธีให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษดวงหทัยนั้น หายพิเศษนัก

----------------------------

พระคัมภีร์มหาโชตรัต เล่ม ๓ โดยสังเขป

ขนานหนึ่งชื่ออุดมโอสถ (น้อย) เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนดำ ๑ ลูกจันทน์เทศ ๑ จันทน์แดง ๑ จันทน์ขาว ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ อบเชยเทศ ๑ สมุลแว้ง ๑ สน ๑ สักขี ๑ ชะเอมเทศ ๑ เปราะหอม ๑ สาระพัดพิษ ๑ สมอเทศ ๑ สมอไทย ๑ เจตภังคี ๑ ว่านน้ำ ๑ บอรเพ็ด ๑ แห้วหมู ๑ เกสรบุนนาก ๑ เกสรสารภี ๑ ดอกพิกุล ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน สารส้ม ๔ ส่วน ดอกคำฝอย ๑๖ ส่วน ทำเปนจุณบดทำแท่งไว้ ละลายน้ำดอกไม้แซกพิมเสนให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่กองหทัยนั้นวิเศษนัก

ลำดับนี้จะกล่าวลักษณปรกติโลหิต อันบังเกิดแต่ปิตตะสมุฏฐาน กล่าวคือดีเปนคำรบ ๒ เมื่อจะบังเกิดนั้นให้คลั่งมักขึ้งโกรธ ให้สวิงสวายหาแรงมิได้ กระทำให้ตัวร้อนเปนเปลว หาสมปฤดีมิได้ ต่อมีฤดูมาจึงคลาย ถ้าจะแก้เอายาชื่อประทุมเกสราขนานนี้ ท่านให้เอาจันทน์ทั้ง ๒ อบเชยทั้ง ๒ กระดอม ๑ บอรเพ็ด ๑ แห้วหมู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน โกฐทั้ง ๕ บัวน้ำทั้ง ๕ สิ่งละ ๔ ส่วน เบญจกูลตามพิกัตต้มตามวิธี ให้กินแก้โลหิตปรกติโทษอันบังเกิดแต่ขั้วดีนั้น กระทำให้สวิงสวายหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งชื่อมหาทิพรศ ท่านให้เอาโกฐทั้ง ๙ เทียนทั้ง ๗ เพราะหอม ๑ กระดอม ๑ บอรเพ็ด ๑ แห้วหมู ๑ มะตูมอ่อน ๑ ตรีผลา ๑ จุกโรหินี ๑ ผลสาระพัดพิษ ๑ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ อบเชยทั้ง ๒ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกสเดา ๔ ส่วน ตรีกฏุกตามพิกัต บดทำแท่งแซกพิมเสนให้กินแก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่ขั้วดีนั้นหายแล

ขนานหนึ่งชื่อโอสถทิพคุณ ท่านให้เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ จันทน์ทั้ง ๓ สมอทั้ง ๓ มะขามป้อม ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละสวน อบเชย ๑ สมุลแว้ง ๑ ชะเอมเทศ ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ชะลูด ๑ ขอนดอก ๑ แก่นสน ๑ สักขี ๑ บอระเพ็ด ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน แห้วหมู ๑ มะตูมอ่อน ๑ จุกโรหินี ๑ สังกระนี ๑ เนระภูสี ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน กระวาน ๑ กานพลู ๑ เทพทาโร ๑ แส้ม้าทะลาย ๑ โลทนง ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน เลือดแรด ๑ ฝางเสน ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน ดอกคำฝอย ๖ ส่วน เบญจกูลตามพิกัต บดทำแท่งไว้ละลายน้ำกระสายอันควรแก่โรคแซกพิมเสนให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่ขั้วดีนั้นหายวิเศษนัก

ลำดับนี้จะกล่าวลักษณปรกติโลหิต อันบังเกิดแต่ผิวเนื้อนั้นเปนคำรบ ๓ เมื่อจะบังเกิดนั้นกระทำให้ร้อนผิวเนื้อผิวหนัง ให้แดงไปทั้งกายดุจผลตำลึงสุก บางทีเปนดวงเปนลายดุจไข้ลากสาต มีพิษร้อนเปนกำลัง ต่อฤดูมีมาจึงคลาย

ถ้าจะแก้เอายาชื่อเทพรังษิตขนานนี้ ให้เอาโกฐสอ ๑ โกฐกะดูก ๑ โกฐเชียง ๑ เทียนดำ ๑ เทียนขาว ๑ เทียนเข้าเปลือก ๑ จันทน์แดง ๑ จันทน์ขาว ๑ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ ใบสันพร้าหอม ๑ ใบพิมเสน ๑ ผักกะโฉม ๑ สิ่งละสวน เปราะหอม ๒ ส่วน โกฐหัวบัว ๖ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้แซกพิมเสนให้กิน แก้พิษโลหิตอันบังเกิดแต่ผิวเนื้อนั้น หายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งชื่อบัณฑิตย์พระพรหม เอาเปลือกโลท ๑ เปลือกมะเฟือง ๑ โลทนง ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ อบเชย ๑ ชะลูด ๑ สิ่งละส่วน ไพล ๑ กะชาย ๑ ตรีกฏุก สิ่งละ ๒ ส่วน เกสรสารภี ๑ เกสรบุนนาก ๑ เกสรบัวหลวง ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน คำฝอย ๕ ส่วน ดอกพิกุล ๖ ส่วน ทำเปนผงเอาน้ำเทียนดำต้มเปนกระสายบดทำแท่งไว้ น้ำโคกกระสุนต้มแซกพิมเสน, ชะมด, ให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่ผิวเนื้อนั้นหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งชื่ออุดมโอสถ (ใหญ่) ท่านให้เอาดินประสิวขาว ๑ สารส้ม ๑ การะบูร ๑ สิ่งละส่วน เถามวกทั้ง ๒ ขมิ้นอ้อย ๑ สักขี ๑ เถาวัลเปรียงแดง ๑ เถาหญ้านาง ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน โกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ อบเชย ๑ ชะลูด ๑ ตรีกฏุก สิ่งละ ๓ ส่วน ดอกจำปา ๑ ดอกกะดังงา ๑ ดอกบุนนาก ๑ ดอกพิกุล ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน เลือดแรด ๖ ส่วน ฝางเสน ๑๐ ส่วน คำฝอย ๒๔ ส่วน ตรีผลาตามพิกัต บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้แซกชะมดพิมเสน ให้กินแก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่ผิวเนื้อนั้นหายวิเศษนักแล

ลำดับนี้จะกล่าวด้วยลักษณโลหิต อันบังเกิดแต่เส้นเอ็นนั้น เปนคำรบ ๔ เมื่อจะบังเกิดกระทำให้สบัดร้อนสะท้านหนาว แลให้ผิวเนื้อร้อน, สอึก, ให้ปวดศีศะเปนกำลัง ให้เชื่อมมัวหาเวลามิได้ ต่อฤดูมีมาจึงคลาย ถ้าจะแก้เอายาชื่อจักระพรรดิขนานนี้ เอาโกฐทั้ง ๕ เทียนทั้ง ๕ สิ่งละส่วน ผลจันทน์ ๑ ดอกจันทน์ ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำพัก ๑ ชะลูด ๑ แก่นสน ๑ สมุลแว้ง ๑ ชะเอมทั้ง ๒ ดอกสารถี ๑ ดอกพิกุล ๑ รากระงับพิษ ๑ มะตูมอ่อน ๑ แห้วหมู ๑ แฝกหอม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน แก่นประดู่ ๑ แก่นขี้เหล็ก ๑ แก่นราชพฤกษ์ ๑ แก่นมะเกลือ ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน ขมิ้นเครือ ๑ เบญจกูล ๑ สิ่งละ ๘ ส่วน เถาวัลเปรียง ๑๐ ส่วน ตรีผลาตามพิกัตทำเปนจุณ เอาเลือดแรดต้มเปนกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกคำต้ม แซกชะมด ๑ พิมเสน ๑ หญ้าฝรั่น ๑ ให้กินแก้โลหิตปรกติโทษ อันบังเกิดแต่เส้นเอ็นนั้นหายวิเศษนักแล

ขนานหนึ่งชื่อมหิศรนิมิตร เอาแก่นแสมทั้ง ๒ แก่นปรู ๑ แก่นมะหาด ๑ ฝักส้มป่อย ๑ สิ่งละส่วน ขมิ้นเครือ ๑ แก่นราชพฤกษ์ ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ตรีผลา ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน เถาวัลเปรียง ๕ ส่วน เถาวัลเหล็ก ๑๐ ส่วน เบ็ญจกูลสิ่งละ ๑๒ ส่วน ดินประสิว ๑ สารส้ม ๑ แต่พอรำหัด เอาฝางเขี้ยว ๓ เอา ๑ เปนกระสาย ต้มตามวิธีให้กินแก้โลหิตปรกติโทษ อันเกิดแต่เส้นเอ็นนั้นหายวิเศษนัก

ลำดับนี้จะกล่าวลักษณโลหิต อันเกิดแต่ข้ออัฐินั้นเปนคำรบ ๕ เมื่อจะบังเกิดกระทำให้เมื่อยทุกข้อทุกลำ อัฐินั้นดังจะคลาดจากกันให้เจ็บเอวให้เจ็บหลังยิ่งนัก มักให้ครั่นตนบิดตัวบ่อยๆ แล้วให้เจ็บระบมไปทั่วทั้งตัว บางทีให้จับสบัดร้อนสะท้านหนาว แลทำพิษนั้นตางๆ ต่อฤดูมีมาจึงหาย

ถ้าจะแก้เอายาชื่อเทพนิมิตรขนานนี้ ท่านให้เอา โกฐสอ ๑ โกฐเชียง ๑ โกฐเขมา ๑ โกฐน้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชยเทศ ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ สักขี ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ ดอกกะดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ กะลำภัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ ดอกคำฝอย ๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การะบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมทเล ๑๖ ส่วน เบญจกูลตามพิกัต ทำเปนผงแล้วเอาแห้วหมูต้มเปนน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเนื้อไม้ต้มแชกพิมเสนให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษอันบังเกิดแต่กระดูกนั้นหายวิเศษแล

ขนานหนึ่งชื่อจิตรเกสร เอาดอกมะกรูด ๑ ดอกมะนาว ๑ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาก ๑ เกสรบัวหลวง ๑ เกสรสัตบุศย์ ๑ ดอกชะลูด ๑ โกฐทั้ง ๕ แก่นสน ๑ จันทน์ทั้ง ๒ กฤษณา ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน แก่นสะเดา ๑ แก่นปรู ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน ดอกสะเดา ๕ ส่วน ตรีกฏุกตามพิกัต บดทำแท่งไว้ละลายน้ำฝางต้ม แชกพิมเสนให้กิน แก้โลหิตปรกติโทษอันเกิดแต่อัฐินั้นหายวิเศษนัก

ขนานหนึ่งชื่อขจรทิพรศ เอาโกฐจุลาลำภา ๑ โกฐสอเทศ ๑ เทียนดำ ๑ เทียนแดง ๑ กานพลู ๑ จันทน์ทั้ง ๒ ชะเอม ๑ สมอทั้ง ๓ พริกไทย ๑ ผลผักชี ๑ ผลมะขามป้อม ๑ ผลมะแว้งทั้ง ๒ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกจำปา ๘ ส่วน บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเทียนดำต้ม แซกชะมดพิมเสนให้กินแก้โลหิตปรกติโทษ อันเกิดแต่อัฐินั้นหายวิเศษนักแล

พระอาจารยเจ้ากล่าวสัตรีอิก ๒ จำพวก เรียกว่าชาติโทษ คือหญิงบางจำพวกมีอายุได้ ๑๔, ๑๕, ปีก็ดี ควรมีฤดูก็หามีฤดูไม่ บางทีมีฤดูมาคราวหนึ่งสองคราวก็แห้งไป ต่อมีสามีแล้วจึงมีฤดูปรกติก็มี บางทีมีฤดูล้างหน้าก็มีครรภ์ทีเดียว ลักษณดังนี้เปนชาติประเวณีแห่งหญิงนั้นมาแต่ตระกูลแห่งบิดามารดา แลย่ายายของสัตรีผู้นั้นเนึ่องกันมาแต่บุราณประเพณี ถ้าแพทย์จะรักษาให้แต่งยาบำรุงธาตุให้บริบูรณ์ กาลควรที่โลหิตจะมีเมื่อใดก็คงจะมีเมื่อนั้น พระอาจารย์เจ้าท่านกล่าวไว้ว่าหญิงเหล่านี้เกิดด้วยราคกำหนัด เพราะความกระสันด้วยกามราคหนักโลหิตจึงแห้งไป ครั้นมีสามีสมความปราถนา ราคกำหนัดนั้นก็คลายลง โลหิตนั้นก็บริบูรณ์ขึ้นเอง

หญิงจำพวกหนึ่งเมื่อหาสามีมิได้ โลหิตนั้นบริบูรณ์งามดี ครั้นมีสามีแล้วได้ ๑ ปี ๒ ปี เดือน ๑ ก็ดี ๒ เดือนก็ดี โลหิตนั้นจางซีดไป บางทีแห้งติดกระดูกสันหลัง มีอาการให้เจ็บหลังให้เจ็บเอว ให้เมื่อยทุกข้อทุกลำ ให้แดกให้จุก ให้ท้องขึ้นท้องพอง ให้เปนไปต่างๆ ให้ผิวเนื้อชาเนื้อซีด หน้าตาอิดโรยหิวโหยเปนกำลัง ให้นอนมิหลับกินเข้ามิได้ แพทย์ผู้ใดมิได้รู้ก็สมมุติว่าเถาว่าดาลริศดวงก็ว่า เพราะโทษโลหิตนั้นเอง เพราะว่าสัตรีผู้นั้นมัคมากด้วยราคกิเลศ ซ่องเสพกามคุณด้วยสามีนั้นเหลือกำลังนัก ไม่เปนที่จะกินจะนอน บางทีสามีนั้นมากด้วยกามคุณนัก สัตรีมิอาจทนทานกำลังสามีได้ โลหิตนั้นจึงแห้งไป ถ้าแพทย์จะรักษา พึงให้เอายาประจุโลหิตจงหนัก แล้วจึงแต่งยาบำรุงธาตุบำรุงกามให้กิน แล้วจึงแต่งยาชื่อว่ากำลังราชสีห์แลแสงพระอาทิตย์ บำรุงโลหิตให้บริบูรณ์แล้วเมื่อใด สัตว์ที่จะมาปติสนธิ์ก็จะตั้งขึ้นได้เมื่อนั้น

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ