(ฉบับที่ ๗)

ปากน้ำเกยไชย

วันที่ ๑๑ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๐

ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ

อนุสนธิรายงานวันนี้เวลาเช้า ๒ โมงเศษออกจากเมืองนครสวรรค์ มาถึงทีนี่เวลาบ่าย ๔ โมง ระยะทางที่มาตั้งแต่ออกจากพลับพลาแล้ว ได้เห็นคนเดินไปมาสับสนตามถนนริมน้ำตลอดจนถึงปากน้ำโพแควกําแพง มีเรือนโรงบนฝั่งยืดยาวมาก ในแม่น้ำก็มีแพจอดเรียงติดกันไปจนสุดตาที่จะแลเห็นได้แต่ไกล ข้างฝ่ายแควนี้ที่มานั้นเล่า ถึงว่าที่บนตลิ่งเปนที่ลุ่มไม่ใคร่มีเย่าเรือน ก็มีแพที่ค้าขายจอดติดเรียงกันทั้ง ๒ ฟากยืดยาวนับด้วยร้อยหลัง ซึ่งฉันไม่คิดเห็นเลยว่าการค้าขายจะสมบูรณ์เร็วได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากว่าจะไม่เปนต่อกรุงเก่า ก็นับว่าคล้ายคลึงกันมาก แต่ภูมิทําเลนี้งามกว่า ถึงว่าต่อขึ้นมาข้างบนจะยังมีที่คงอยู่เช่นฉันเคยคิดเห็นฤาจําได้ว่าเมืองเหนือเปนอย่างไร คือมีต้นอ้อพงแขมอยู่ริมแม่น้ำที่บนฝั่งมีต้นไม้ใหญ่ราย ๆ คงอยู่ตามเดิมโดยมาก ซึ่งพึ่งจะแลเห็นเหมือนเช่นที่เคยเห็น ๓๖ ปีมาแล้วนั้นก็ดี บัดนี้มีเรือนราย ๆ แลมีต้นกล้วยปลูกเปนไร่โต ๆ เกิดขึ้นเปนอันมาก เมื่อมาถึงพลับพลาแล้วได้ลงเรือไฟเล็กล่องน้ำไปกลับขึ้นทางแควสุโขไทย ก็ได้เห็นมีบ้านเรือนหนาขึ้นกว่าแต่ก่อน แลทั้งไร่กล้วยเช่นที่กล่าวมาแล้วนั้น

พลับพลานี้เดิมไม่ได้กะไว้จนเมื่อจวนจะขึ้นมา พระยาชลยุทธร้องว่าจะขึ้นไปถึงบางมูลนาคไกลนัก ขอให้ทําพลับพลากลางย่านอิกตอนหนึ่ง กรมหลวงดํารงไม่มีท่าทางที่จะทําให้สำเร็จอย่างใดได้ จึงได้ขอแรงพระวาสุเทพขึ้นมาทํา พระยาชลยุทธเปนผู้รับส่งของ ได้ให้เรือจําเริญบรรทุกของขึ้นมาถึงที่นี่ ถึงว่าพลับพลาเล็กกว่าที่อื่น (ซึ่งโตเกินต้องการ) ก็ทําดีเปนที่สดวกสบายแลเรียบร้อยมาก โดยมีวันทํางานเพียง ๑๐ วันเท่านั้น เวลาเย็นค่ำฝนตกแต่ไม่สู้มาก ยุงชุมขึ้นกว่าเมืองนครสวรรค์แต่น้อยกว่าที่ฉันเคยเห็นเปนอันมาก

สยามินทร์

  1. ๑. พระวาสุเทพ (ยี. เชา) เจ้ากรมตํารวจภูธร ภายหลังได้เปนพระยาวาสุเทพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ