(ฉบับที่ ๒๖)

พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพอาศน์ เกาะบางปอิน

วันที่ ๕ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๐

ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ

อนุสนธิรายงานวันนี้ เวลาเช้า ๒ โมงล่องเรือจากพลับพลาเมืองอ่างทอง มาถึงวัดป่าโมกข์ทางประมาณสักชั่วโมงครึ่ง ได้ขึ้นมนัสการพระนอนที่วัดป่าโมกข์ มีราษฎรมาประชุมคอยรับเปนอันมาก ลงเรือกลไฟเล็กล่องลงมาทางคลองบ้านกุ่ม ออกคลองบ้านใหม่ ทางนี้น้ำฦกสายน้ำเชี่ยวจัดแต่มีคดหลายแห่ง เพราะเหตุน้ำไหลทางคลองนี้แรง จึงทำให้น้ำทางหัวตพานอ่อนไป แม่น้ำตื้นแลแคบลงมาก ซึ่งฉันได้กล่าวไว้แต่ก่อนว่าน่ากลัวจะตัน ลงมาหยุดพักที่วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเขาได้ถางไว้ให้ดู การที่ถางครั้งนี้หมดจดดีมากได้เห็นทั่วถึง องค์พระปรางค์ใหญ่นั้นไม่มีลายปูน มีรอยตะปูทั่วไปเห็นจะหุ้มดีบุกปิดทอง พระปรางค์ ๔ ทิศก็มีรอยตะปูอย่างเดียวกัน เมรุทิศเมรุแทรกซึ่งยังคงอยู่ทั้งแปด มีพระพุทธรูปทรงเครื่องปั้นด้วยปูนลักษณพระประธานวัดน่าพระเมรุ ยังอยู่ดี ตัวไม้เรือนแก้วแลเพดานก็ยังไม่มีผุ แต่พระระเบียงซึ่งใช้แทนสามสร้างชำรุดพังทุกด้าน พระพุทธรูปก็หักหมด นอกสามสร้างออกไปมีกำแพงแก้วย่อไม้ ๑๒ อิกชั้นหนึ่ง ชนหลังพระอุโบสถ ๆ นั้นพังหมด เหลือแต่พระพุทธรูปดีซึ่งน่าจะมี ๓ เหลือ ๒ ตั้งอยู่บนฐานคงที่ มีกำแพงแก้วรอบนอกอิกชั้นหนึ่ง ถึงแนวน่าพระอุโบสถ มีพระเจดีย์รูปเดียวฝีมือเดียวรูปเดียวกันกับที่วัดชุมพล ตั้งอยู่ในกำแพงแก้วน่าพระอุโบสถข้างละองค์ มีพระเจดีย์ตั้งอยู่ในกำแพงแก้วไม้ ๑๒ องค์หนึ่ง พระปรางค์ชักมุขขนาดย่อมตั้งอยู่นอกกำแพงแก้วชั้นนอกอิกองค์หนึ่ง เห็นจะสร้างเติมขึ้นภายหลัง การทั้งปวงน่าที่จะไม่แล้วสำเร็จทีเดียวนัก ตามเมรุทิศยังมีไม้กันครากซึ่งแลเห็นว่าไม่ได้คิดจะเอาไว้ประดับ เสาลงรักแต่ยังไม่ได้ปิดทอง ถ้าจะผิดก็จะเปนแต่ไม่คิดจะปิด พวกราษฎรพากันมาคอยรับเปนอันมาก ออกจากวัดไชยวัฒนารามล่องลงมาถึงบางปอินเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ

ตามระยะทางที่ไปเที่ยวครั้งนี้ ได้ความแต่ว่าเข้างามดีตลอดทุกเมืองทุกตำบล ในระหว่าง ๓ ปีนี้ ไม่มีปีใดจะบริบูรณ์เช่นปีนี้

สยามินทร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ