(ฉบับที่ ๑๐)

เมืองพิจิตร

วันที่ ๑๔ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๐

ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ

อนุสนธิรายงานวันนี้ ออกเรือจากบางมูลนาคเวลาเช้า ๒ โมงตรง ขึ้นมาถึงเมืองพิจิตรใหม่เวลาก่อนเที่ยง ระยะทางที่ขึ้นมาตอนนี้มีบ้านหนาขึ้น แต่ดูทุ่งกว้างขึ้นกว่าตอนล่าง เมื่อพิเคราะห์ดูภูมิประเทศทั้งพื้นแผ่นดิน ไม่เห็นผิดอะไรกันกับกรุงเก่า เปนแต่ที่พ้นคันหลิ่งเข้าไปน้ำฦก ถ้าทำนาหว่านเช่นกรุงเก่าก็คงจะทำได้ แต่ตามที่แลเห็นใช้ทำนาปักตามคันหลิ่ง ข้างในไม่มีผู้ใดทำ เหตุด้วยมีคนน้อยเท่านั้น เวลากลางวันไปทำพิธีให้พระแสงแลแจกเสมาที่ที่ว่าการเมือง การปลูกสร้างที่นี่ ศาลอำเภอศาลเมือง เรือนกรมการผู้ว่าราชการเมืองปลัดยกรบัตร ผู้ช่วย คุก ที่ว่าการเมือง ทำแล้วเสร็จแลได้ว่าการอยู่แล้ว ได้ไปดูที่ซึ่งทิ้งไว้อย่างปรกติ ทั้งที่ว่าการเมืองแลศาลเมืองเปนที่เรียบร้อยดีมาก ลงแบบอย่างมั่นคงแล้ว เวลาบ่ายได้เดินไปบึงสีไฟซึ่งอยู่หลังเมืองระยะทาง ๔๐ เส้น ถนนน่าเมืองเรียบร้อยดี เพราะเปนถนนตัดไว้เก่า ส่วนถนนไปบึงสีไฟเปนถนนพูนดินขึ้นใหม่ ฝนเมื่อวานนี้ตกยังค่ำเปนโคลนบ้าง ที่นั้นลุ่มฦกเข้าไปทุกที จนเกือบจะเปนถนนรถไฟ จึงต้องทำตพานเรือกต่อลงไปจนถึงน้ำฦก บึงนี้กว้างใหญ่ไปจนจดหลังเมืองเก่าในลำแม่น้ำกลาง คนเมืองเก่ามาด้วยเรือจอดที่ตพานเรือกนั้นเปนอันมาก ลักษณอาการของบึงนั้นก็ทีจะคล้ายกันกับลาดชะโด มีบ้านเรือนตั้งอยู่หลายหลัง มีการเลี้ยงขนมจีนในที่นั้นแล้วกลับมาทางเดิม ที่นี่ร้อนจัดแลยุงชุมมาก

สยามินทร์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ