(ฉบับที่ ๑๕)

เมืองพิไชย

วันที่ ๒๑ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๐

ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ

อนุสนธิรายงานวันนี้ เวลาเช้า ๒ โมงเศษออกจากเมืองพรหมพิราม มาถึงพลับพลาซึ่งปลูกฝั่งตวันตกเยื้องเมืองพิไชยข้ามลงมาข้างใต้ เวลาบ่าย ๔ โมง

เมื่อคืนนี้ฝนตกจนเกือบตลอดรุ่ง เวลาเช้าน้ำไม่ได้ลดลงแลดูไหลอ่อนไปสักหน่อย ตามระยะทางที่มา ถ้าเปนฝั่งข้างแหลมมีบ้านเรือนคนมีสวนแน่นหนาดี แต่ถ้าเปนฝั่งข้างคุ้งแลเห็นร้างเปนป่าตลอดหนทาง ซึ่งเปนเช่นนี้เริ่มจะเปนมาแต่ปากโทก เพราะตลิ่งพังมาก ปีหนึ่งถึง ๓ วา ๔ วา ฝ่ายข้างแหลมเล่าหาดก็งอกมาก ๆ บางทีหาดสูง เวลามาในเรือแลเห็นหาดบังถึงชายคาเรือนบนตลิ่งเดิม ร่องน้ำก็เปลี่ยนอยู่เสมอ ที่ซึ่งตั้งเมืองพิไชยเฉภาะเข้าไปลับอยู่หลังหาดเช่นที่ว่านี้ หาดที่กล่าวนี้ก็หาใช่เปนหาดทรายอย่างเมืองราชบุรีไม่ เปนดินอ่อนปนทราย จะทำถนนรนแคมอะไรก็ไม่ได้ ถ้ามีฝนก็เปนโคลนเลอะไปทั้งสิ้น ถนนที่มีอยู่นั้นมีบนฝั่งตลอดทั้ง ๒ ฟากเนื่องมาแต่เมืองพิศณุโลก เวลามาถึงฝนตกจนบ่าย ๕ โมง จึงได้หยุด แต่ยังเปนลอองอยู่ ได้ไปขึ้นบกที่ตพานฉนวนท้ายหาดแล้วเดินไปตามถนนบนตลิ่งอิกประมาณ ๘ เส้น ๙ เส้น ก็เปนโคลนเหมือนกันแต่ไม่ฦก ทางนั้นผ่านไปน่าบ้านเรือนแลตลาดไม่สู้จะแน่นหนา โรงพิธีที่ทำไว้น่าเรือนผู้ว่าราชการเมือง ห่างจากออฟฟิศซึ่งตั้งอยู่หาดน่าเมืองมาก ได้ทำการพิธีให้พระแสงตามเคย พระศรีสงคราม ผู้รั้งราชการซึ่งได้ลงไปรับที่พรมแดน เปนผู้รับพระแสง แล้วได้แจกเสมา ราษฎรมาประชุมกันมากตั้งแต่แรกเรือมาถึง เต็มไปทั้งฝั่งฟากข้างตวันออก แล้วได้ไปประชุมกันในปรำใหญ่เหมือนอย่างเมืองอื่น ๆ เมืองพิไชยนี้ภูมิที่ตั้งเมืองแต่เดิมก็จะดีกระมัง แต่เมื่อหลายร้อยปีมากลับเปนไม่ดี ด้วยมีหาดบังหน้าใหญ่โต เรือเข้าที่หาดก็ยากด้วยน้ำตื้น เพราะฉนั้นการที่จะปลูกสร้างที่ว่าการแลที่อยู่ ซึ่งเปนของรัฐบาลตามแบบใหม่จึงได้รั้งรอไว้ คงทำการอยู่ในที่ซึ่งพระยาสุรสีห์ได้ปลูกไว้แต่ก่อน เวลาที่ได้เห็นภูมิฐานบ้านเรือนยังน้อย เพราะมาติดฝนเสียจนเย็นค่ำ จะว่าแน่นอนไปก็ยังไม่ได้

สยามินทร์

  1. ๑. พระศรีสงคราม (โพธิ์) ภายหลังได้เปนพระยาศรีสุริยราชวรานุวัติ สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ