- คำนำ
- อธิบายเรื่องเสด็จมณฑลฝ่ายเหนือ
- ประกาศการเสด็จพระราชดำเนินประพาศหัวเมืองฝ่ายเหนือ
- (ฉบับที่ ๑)
- (ฉบับที่ ๒)
- (ฉบับที่ ๓)
- (ฉบับที่ ๔)
- (ฉบับที่ ๕)
- (ฉบับที่ ๖)
- (ฉบับที่ ๗)
- (ฉบับที่ ๘)
- (ฉบับที่ ๙)
- (ฉบับที่ ๑๐)
- (ฉบับที่ ๑๑)
- (ฉบับที่ ๑๒)
- (ฉบับที่ ๑๓)
- (ฉบับที่ ๑๔)
- (ฉบับที่ ๑๕)
- (ฉบับที่ ๑๖)
- (ฉบับที่ ๑๗)
- (ฉบับที่ ๑๘)
- (ฉบับที่ ๑๙)
- (ฉบับที่ ๒๐)
- (ฉบับที่ ๒๑)
- (ฉบับที่ ๒๒)
- (ฉบับที่ ๒๓)
- (ฉบับที่ ๒๔)
- (ฉบับที่ ๒๕)
- (ฉบับที่ ๒๖)
(ฉบับที่ ๑๒)
เมืองพิศณุโลก
วันที่ ๑๗ ตุลาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๐
ถึงกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ
อนุสนธิรายงานเมื่อวานนี้ เวลาเช้า ๒ โมงออกจากปากพิงขึ้นมาถึงพิศณุโลกเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ระยะทางที่มามีบ้านเรือนแลวัดถี่ ที่ข้างในเข้าไปเปนนาตลอดไปทั้งนั้น ที่เมืองทั้งสองฟากได้ตั้งเรือนข้าราชการแลที่เล่าเรียนต่างๆ เรียงรายขึ้นมา มีโรงตลาดยืดยาว เมื่อจะว่าโดยย่อแล้ว เมืองพิศณุโลกเปลี่ยนเปนคนละเมืองจากที่ฉันได้เคยเห็นมาแต่ก่อน ทั้งที่จำภูมิฐานได้อยู่ดังนั้น ด้วยแม่น้ำไม่สู้แปลกเปลี่ยนไปมากนัก กว้างออกกว่าแต่ก่อนสักหน่อยหนึ่ง จอดที่ฉนวนน่าคลับเมืองพิศณุโลกซึ่งพึ่งจะทำแล้วขึ้นใหม่ตกแต่งเปนพลับพลา มีข้าหลวงเทศาภิบาลแลผู้ว่าราชการ กรมการเมืองรับอยู่ที่ตพานน้ำนั้น ที่คลับนี้มีพื้นดินตกแต่งเปนสนามแลสวนกว้างขวาง มีเรือนฝากระดานหลังคามุงสังกสี ๔ หลังนอกชานแล่นถึงกัน ปลูกขึ้นใหม่เพิ่มเติมอิกหลายหลัง มีเครื่องตกแต่งตู้เตียงแลเครื่องประดับอันประณีตทั่วไปทุกห้องทุกแห่ง เปนอย่างที่จัดเปนสบายมากเหมือนอยู่เรือนตัว เสียแต่อากาศร้อนจัดเหลือประมาณ ได้เลื่อนการพิธีต่อไปต่อพรุ่งนี้ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษลงเรือข้ามไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุซึ่งอยู่เยื้องกันคนละฟากน้ำเล็กน้อย สังเกตดูลานน่าวัดแคบไปกว่าแต่ก่อนสักหน่อย ด้วยตลิ่งพังอยู่คราวหนึ่งแต่เดี๋ยวนี้ไม่พังแล้ว เขาได้ก่อกำแพงในถนนขึ้นตลอดน่าวัด แวะเข้ามัสการพระเหลือซึ่งฉันได้ปฏิสังขรณ์แต่เมื่อยังเปนเณรตามเสด็จพระราชดำเนินขึ้นมานั้น เขาได้ขัดสีทองซึ่งเคยปิดหนาจนสังเกตไม่ใคร่ได้ว่ารูปจะเปนอย่างไรนั้นออก เห็นรูปชัดเจน ดวงพระภักตร์งามอยู่เกินกว่าฉันได้เคยคเนว่าจะงาม แล้วเข้าไปมัสการพระชินราชซึ่งเวลานี้ลงรักแลตั้งเกยเตรียมจะปิดทอง แต่เกยเขาตั้งดีไม่ใช่ผ้าบังยังพอจะแลเห็นได้ถนัด วิหารนั้นก็ทำช่องกระจกที่หลังคาเฉลียง มีลิ้นเลื่อนปิดให้มิดฤๅเปิดให้สว่างได้ตลอด แต่เปนธรรมดาที่เคยเห็นอะไรแต่เมื่อเด็ก ๆ เปนใหญ่โตบัดนี้ดูย่อมลงไปเปนอันมาก แต่มีผู้เห็นด้วยกันหลายคน ว่าสังเกตตาเหมือนหนึ่งย่อมกว่าพระชินสีห์ ทั้งนี้จะเปนด้วยพระชินราชตั้งต่ำ เวลาแลดูสายตาต้องพระอุระ พระชินสีห์ตั้งสูงสายตาต้องที่พระชงฆ์ จึงเห็นย่อมกว่ากันได้ถนัด ทั้งพระชินราชน่าตักกว้างกว่าพระชินสีห์หน่อยหนึ่งดังนั้น แลได้ดูพระพุทธรูปซึ่งมีอยู่ในที่นั้น ดูก็มีดีๆ อิกหลายองค์ แต่เพราะพระชินราชดีกว่าเสียหมดจึงดูทรามไป ได้เดินทางพระระเบียงโดยทักษิณไปวิหารพระชินสีห์ ๆ ปั้นซึ่งฉันได้เห็นแต่ก่อนมีแต่แกนบวกปูนไว้บ้างนั้น บัดนี้สำเร็จเปนองค์จนชำรุดแล้ว แลวิหารได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นทั้งพระชินสีห์แลพระศรีศาสดา พระพิพิธภัณฑวิจารณ์๑เปนผู้ปฏิสังขรณ์ แต่พระพุทธรูปทั้ง ๒ พระองค์ซึ่งหมายว่าจะจำลองพระชินสีห์แลพระศาสดานั้น ก็ไม่เห็นเหมือนโดยไม่ควรจะต้องสงไสย แล้วไปดูพระวิหารพระสัตถารสด้านตวันออก ซึ่งพังลงมาหมดเหลือแต่เสาอยู่บ้างกับผนังด้านหุ้มกลอง มีพระพุทธรูปยืนพิงฝาอยู่ดูไม่งามเลย ไม่สมกับวิหารแต่เปนคำเถียงกันอยู่นัยหนึ่งว่า พระสัตถารสที่วัดสระเกษไปจากพระวิหารนี้จึงปั้นขึ้นไว้แทน นัยหนึ่งว่าไปจากวัดพิหารทอง พระปั้นองค์นี้เปนของเดิม แลในบริเวณวัดนั้นมีเจดีย์แลกุฎต่างๆ เปนอันมากอย่างวัดโบราณแต่ชำรุดแทบทั้งนั้น จนเหลือแต่กองอิฐก็มี พระปรากรมมุนี๒ อยู่กุฏิน่าวิหารใหม่นี้ มีพระอุโบสถหลังหนึ่ง พระประธานลงรักไว้ยังได้ปิดทอง ก็พอดูได้ มีระฆังหล่อที่แขวนเปนรูปครุธงามดีแต่เสียงไม่สู้เพราะ เปนของในครั้งแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์คราวเดียวกันกับบานประตูมุข โรงที่จะหล่อพระชินราชใหม่นั้นได้ตั้งหลังต้นโพธิ์พระเหลือ เปนโรงสำหรับเตาพิมพ์โรงหนึ่ง โรงสูบหลอมทองโรงหนึ่งใหญ่ยาว ครั้งนี้ใช้สูบยืนทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษได้สวดมนต์ตั้งน้ำวงด้าย แลเปนการสวดมนต์ในที่จะปิดทองพระชินราชด้วย เวลาค่ำสวดมนต์จบแล้วกลับมาพลับพลา ตามรั้วริมถนนสองฝั่งน้ำตามประทีปตลอดเปนที่รุ่งเรืองมาก ชั่วแต่เวลามาถึงจนเวลากลับจากวัดนี้ น้ำในแม่น้ำทรุดลง จนกลางคืนยังร้อนแลมียุง
วันนี้เวลาย่ำรุ่ง ๕๒ นาทีปิดทองพระชินราช ฉันได้ปิดตลอดทั่วทั้งพระภักตร์ ตามอย่างสมเด็จพระเอกาทศรฐทรงปิดทองพระพุทธชินราช พระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปิดทองพระพุทธชินสีห์ แล้วจุดเทียนไชย พระราชมุนี๓วัดมหาธาตุซึ่งให้ขึ้นมาจำพรรษาอยู่ก่อนเปนผู้จุด ส่วนการปิดทองนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ แลกรมช่างรักปิดต่อไป แล้วสำเร็จในเวลาบ่าย ๒ โมง เปิดให้ราษฎรเข้าไปมัสการ ไปพลอยปิดซ้ำที่พระชงฆ์ต้องปิดใหม่ร่ำไป จนถึงต้องห้าม การรักที่พระภักตร์ดีมาก เมื่อปิดทองแล้วแลดูเหมือนหุ้มแผลง ดีกว่าเมื่อครั้งปิดทองพระชินสีห์ ตอนพระองค์เปนปานกลาง ตอนล่างไม่สู้เรียบร้อย
เวลาบ่าย ๓ โมงทำการพิธีให้พระแสงที่ประรำน่าที่ว่าการมณฑล แล้วแจกเสมาตามเคย เวลาเย็นไปที่พระราชวังซึ่งตั้งอยู่เหนือพลับพลาประมาณ ๒๐ เส้น วงกำแพงวังโดยรี ๖ เส้น โดยกว้าง ๓ เส้น เปนกำแพง ๒ ชั้น ชั้นนอกอยู่ข้างจะชำรุดทรุดโทรมมากเหลือพ้นดินหน่อย แต่ชั้นในที่ยังเหลือถึง ๒ ศอกเศษ ๓ ศอกก็มี ที่ในวังนั้นยังมีรากซึ่งเข้าใจว่าเปนพระที่นั่งโดยยาว ๒๒ วา กว้าง ๗ วา มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ห่างพระที่นั่งไปข้างละ ๕ วาโดยรอบ ไม่ได้ย่อมุขอย่างหนึ่งอย่างใดเลย คเนดูเห็นจะเปนหลังยาวเหมือนพระที่นั่งจันทรพิศาลเมืองลพบุรี ดูฝีมือจะเปนครั้งกรุงเก่า ต่อจากนั้นออกไปตามด้านรีซึ่งเห็นจะเปนข้างใน มีสระยาว กลางสระเปนเกาะที่จะเปนที่ตั้งพระที่นั่งเย็น ในสระนั้นยังมีน้ำอยู่ มีรางน้ำเข้ามา แต่จะมาจากแห่งใดเพียงใดยังถางไปไม่ถึง มีต้นจิกต้นไทร ซึ่งดูแก่มากจนใบเล็ก แต่กิ่งก้านคดงอ ดูเหมือนเดิมจะเปนไม้ดัด ปลูกอยู่รอบสระแลรอบเกาะเปนระยะอย่างคนปลูกไม่ใช่ขึ้นเอง เขาว่ายังมีสระต่อออกไปอิก น่าจะยังมีพระที่นั่งอันใดอันหนึ่งตั้งอยู่ที่ริมสระนั้น เพราะเห็นมีอิฐอยู่มาก วังนี้พึ่งจะตรวจพบแลถางในครั้งนี้ จะกำหนดแน่ชัดเจนยังไม่ได้ แต่เปนวังตั้งอยู่ใกล้กำแพงเมืองด้านเหนืออย่างลักษณกรุงเก่า ได้ตั้งเครื่องสังเวยบูชาเจ้าผู้ครองเมืองแต่ที่สำคัญ คือพระเจ้าศรีธรรมไตรปีฎกซึ่งเปนผู้สร้าง ๑ พระเจ้าไกรสรราชซึ่งเปนพระมหาธรรมราชาองค์แรก ๑ พระราเมศวรซึ่งเปนสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ๑ พระอาทิตยวงศ์ ซึ่งปรากฎพระนามว่า บรมราชาหน่อพุทธางกูร ๑ พระมหาธรรมราชา ซึ่งเปนสมเด็จพระสรรเพ็ชญ ๑ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๑ สมเด็จพระเอกาทศรฐมหาราช ๑ องค์หลังนี้ถือว่าเปนที่ประสูตร ออกจากนั้นเดินอ้อมกำแพงวังด้านเหนือไปลงแม่น้ำ มีบ้านพวกมิศชันเนรีอเมริกันมาตั้งสอนสาสนาอยู่บ้านหนึ่ง ต่อไปเปนโรงเรียนภาษาอังกฤษซึ่งพวกกรมการเมืองพิศณุโลกเรี่ยรายกันสร้างขึ้น มีนักเรียนอยู่ ๒๐ คน ลงเรือที่น่าโรงเรียนนั้นไปวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
อนึ่งที่เล่าถึงเมื่อเวลาเช้านี้ขาดไปหน่อยหนึ่ง เมื่อเสร็จการจุดเทียนไชยแล้ว ไปดูวัดนางพระยาซึ่งอยู่ต่อวัดมหาธาตุติดกันทีเดียว วัดนี้มีแต่วิหาร ไม่มีพระอุโบสถ มีโรงเรียนพิศณุโลกพิทยาคมตั้งอยู่ในนั้นโรงหนึ่ง พระสอนมีนักเรียนมากที่คับแคบไม่พอ ออกจากวัดนางพระยานั้นต่อลงไปก็ถึงวัดราชบุรณะ ไม่มีบ้านเรือนคั่น วัดมีพระอุโบสถพระวิหารหลวงตั้งอยู่ใกล้พระเจดีย์อันอยู่ใกล้ถนนริมน้ำ พระเจดีย์องค์นี้ฐานเปนแปดเหลี่ยมใหญ่ แต่ชำรุด มีผู้ไปสร้างพระเจดีย์ไม้ ๑๒ ต่อขึ้นข้างบน ทำนองสร้างพระปรางค์ขึ้นบนเนินพระปฐมเจดีย์องค์นี้ ถ้าหากว่าจะไม่เปนรูปแปลกเช่นพระบรมธาตุเมืองไชยนาท ก็จะต้องเลยไปถึงพระเจดีย์มอญ แต่ส่วนพระอุโบสถก็ดี พระวิหารก็ดี เมื่อได้เห็นแห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ก็นับว่าเปนเห็นทั่วทุกแห่ง เพราะทำอย่างเดียวกันทั้งสิ้น ตั้งใจจะเอาอย่างพระวิหารวัดมหาธาตุ พระประธานเล่าก็ตั้งใจจะเอาอย่างพระชินราชด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่น่าดู มีธรรมมาศน์บุษบกสลักปิดทองอย่างเก่า ก็เอาอย่างในวัดมหาธาตุแต่สู้กันไม่ได้แลออกจะทิ้งให้โทรม มีเสลี่ยงกงอย่างเก่าเหมือนที่ลพบุรีไม่มีผิดกันเลย ที่ลพบุรีเขาว่าสำหรับแห่พระราชาคณะซึ่งไปอยู่วัดราชบุรณะ เสลี่ยงนี้ก็อยู่วัดราชบุรณะเหมือนกัน
เวลาพลบไปที่วัดพระมหาธาตุ บิดทองแล้วงามรุ่งโรจน์เปนอันมาก ได้ถวายเครื่องบรรณาการแลต้นไม้ทองเงิน แล้วถวายสังวาลย์แต่ตาดหาได้ทรงที่พระองค์ไม่ หุ้มไว้เพียงฐาน กลัวจะบังรูปเสียไม่เห็นถนัด แลได้ถวายแพรคาดทรงสพักพระบาทสมเด็จ ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา ประทาน ที่ได้ใช้อยู่เสมอนั้นเปนเครื่องบูชา แล้วตั้งบายศรีซึ่งทำด้วยขี้รักปิดทองสำรับ ๑ ปิดเงินสำรับ ๑ เวียนเทียน การเวียนเทียนนั้นไม่แล้วจน ๒ ทุ่ม เพราะราษฎรนิยมกันมาก ต้องสวดมนต์ไปพลาง ครั้นเวลาสวดมนต์จบแล้ว จุดดอกไม้เพลิง แล้วมีหนังข้าราชการเล่นอย่างเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นมา ฉันได้เคยเปนผู้จัดการเล่นหนัง เดิมมีอยู่สำหรับวัด รับสั่งว่าเมื่อครั้งทรงผนวชเสด็จขึ้นมาเคยให้มหาดเล็กเล่นสมโภช มีตัวผู้ซึ่งเคยเล่นตามเสด็จมา คือพระยามหินทรเปนพระยาบุรุษ พระยาสมบัติบาล อยู่เปนเจ้าหมื่นสรรเพ็ช หลวงสิทธิ ขำ หลวงสิทธิ ร้าย ซึ่งเวลานั้นเปนจ่ายวดเปนการสนุกครึกครื้นมาก ครั้งนี้ได้ปันเปน ๓ วัน ๆ แรกตำรวจ วันที่ ๒ ทหาร วันที่ ๓ มหาดเล็ก ตำรวจเล่นพอใช้สนุกมาก เลิกเวลา ๔ ทุ่มตามเคยอย่างแต่ก่อน
สยามินทร์
-
๑. พระพิพิธภัณฑ์วิจารณ์ (ฮกเซ่ง) นายอากรสุรา ↩
-
๒. พระปรากรมมุนี (เปลี่ยน) เดิมเปนพระครูอยู่วัดสามจีนในกรุงเทพ ฯ ทรงตั้งเปนพระราชาคณะไปอยู่เมืองพิศณุโลก ครั้นชราโปรดให้กลับลงมาอยู่วัดประยุรวงศ แล้วย้ายไปอยู่วัดปทุมคงคา ↩
-
๓. พระราชมุนี (เข้ม) ภายหลังเปนพระเทพเมธี แล้วเลื่อนเปนพระธรรมเจดีย์ไปครองวัดพระเชตุพน ในรัชกาลปัจจุบันนี้เลื่อนเปนพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ↩