วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๖

เรืออาลเบียน

วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ร. ๔๐ศก ๑๒๖

ถึงกรมดำรง ฉันได้รับหนังสือของเธอฉบับลงวันที่ ๓ เดือนมิถุนายน ที่เขาอุส่าห์พยายามส่งขึ้นมาให้ถึงตำบลนาวิก ความจริงหมายใจว่าขึ้นมาข้างฝ่ายเหนือนี้ คงจะไม่ได้รับหนังสือตลอดทั้งเดือน จะไปพลั่กใหญ่เมื่อถึงเบอลิน นี่กลับได้รับ แล้วยังจะซ้ำได้พรุ่งนี้อีกเมล์หนึ่ง ซึ่งจรูญได้ส่งขึ้นมาไว้ที่คริสเชียนซุนด์

มีความยินดีที่ได้ทราบว่าการวิสาขะเปนผลสำเรจใหญ่ ดังที่ได้เล่ามานั้น ฉันมาได้ทราบความ ว่าคริสมาสนั้น ต้นเดิมไม่ได้เปนวันพระเยซูเกิด เปนวันนักขัตฤกษประจำปี ซึ่งเขาได้มีงานประจำปีกันมาก่อนพระเยซูช้านาน นักปราชฝ่ายสาสนาเขาเหนว่าเปนนักขัตฤกษ์เก่า ซึ่งจะกำหนดให้คนเข้าใจง่าย พระเยซูเกิดใกล้ ๆ เวลานั้น จึ่งได้กำหนดเอาวันนั้นเสียทีเดียว ให้เปนการง่ายขึ้น ด้วยเหตุเช่นนั้น คนจึ่งรู้สึกคริสตมัสง่าย เมื่อมาคิดดูถึงวิสาขะของเรา ก็ได้ความว่าพระอรรถกถาแต่ก่อนได้กำหนดเอาวันนั้น ซึ่งฉันเข้าใจว่าคงจะเปนนักขัตฤกษมีกำหนดอยู่แล้ว อย่างเดียวกัน เรื่องนี้ได้นึกไว้ว่าจะไว้เล่าถวายกรมหลวงวชิรญาณ แต่มันเข้าเรื่องเหมาะกับความปรารภที่เธอกล่าว จึ่งได้ปล่อยมาเสียในครั้งนี้

ฉันได้เตรียมไว้อีกตอนหนึ่งเรื่องเข้าพรรษา ปรารภก่อนนาน ถ้าสำเรจเสียแต่แรกแล้วจะไม่มีคลาศเคลื่อนเลย ข้อที่ไม่สำเรจก็ขี้ริ้วเต็มที คือเราเหนครอบแก้วที่มีดอกไม้สี ปนกับลูกองุ่นเขียวๆ ที่ติดตาอยู่ว่าเปนของอิน ตามร้านแขกร้านเจ๊กมีเต็ม ๆ ไปในบางกอกนั้น คงจะมีถมไปในยุโรป ไปมุ่งหมายจะเอาครอบแก้วนั้นถวายต่างต้นไม้เข้าพรรษา ตาอาลเบอสเปนผู้ไปเที่ยวหา หาเท่าไรก็ไม่ได้ แกก็นิ่งอยู่เปนนาน ด้วยความตั้งใจว่าจะหาให้สมประสงค์จงได้ จนสิ้นฤทธิ์เข้าแล้วจึ่งมาดิแคลร์ว่าไม่มี ฉันก็ตกลงยอมให้หาซื้อดอกไม้แห้งมาปักขวด เทียนนั้นซื้อได้ที่กาลสรูห์ จนลงเขียนหนังสือส่งของแล้ว จึงมาบอกว่าเดี๋ยวนี้อ้ายครอบแก้วนั้นได้แล้ว ฉันก็สั่งให้ส่งเข้าไป เหตุฉนี้การส่งเทียนจึ่งได้ช้าไป ได้ส่งต่อเมื่อวันที่ ๑๔ ซึ่งฉันสงไสยว่าคงจะไม่ทันเข้าพรรษา น่าเสียดายจริงๆ แต่จะคลาศก็คงไม่กี่วันนัก ช้าเพราะของหีบใหญ่ แลบางทีจะไม่เหมาะเมล์ด้วย

ของถวายพระพุทธรูปตามเคย เดิมคิดว่าจะทำเชิงเทียน ก็ออกจะไม่สำเร็จ ดุ๊กแกมือซ้ายอยู่ในเรื่องทำบุญนั้นข้อหนึ่ง อีกข้อหนึ่งแกฉุน ว่าไปอยู่ที่บาเดนบาเดนหาประโยชน์อไรมิได้ ป่วยการเวลา ตามแปลนของแกนั้น อยู่ลอนดอนสักสองเดือน ปารีสสักสองเดือนฤๅสามเดือน เบอลินสักสิบห้าวัน อิตาลีสักสิบห้าวันเปนพอกัน กลับบางกอกได้ แกแอดโวเคตอยู่อย่างนี้เสมอ ที่จริงอ้ายเวลาที่จะพูดปฤกษาหาฤๅกันในเมืองปารีสฤๅลอนดอนมันน้อยไปจริงๆ จึ่งได้ค้างอยู่ แต่ฉันมีของประหลาดอย่างหนึ่ง คือซื้อตุ๊กกะตาบรอนซได้คู่หนึ่งเหมือนกันเท่ากันกับอ้ายยืนข้างธรรมาศน์วัดพระแก้ว อาจจะไปตั้งซ้อนชิ้นกันได้

อีกอย่างหนึ่งตั้งแต่ไปซื้อของฤๅค้นของกิมตึ๋งมา ไม่เคยสนุกเท่าห้างเมเปอลแอนด์เวบครั้งนี้ จะเชื่อฤๅไม่ว่าฉันได้กิมตึ๋งชิ้นเก่า ๆ กว่าร้อยชิ้น อ้ายเจ้าของยืนตาลายยิ้มแห้ง ของถูก ๆ จนราคาชิ้นละ ๓ บาทก็มี อ้ายราคาแพงอยู่กับมัน ราคาถูกเราเอามา อย่าได้เสียใจว่าของแพงจะมิดีกว่าของถูกฤๅ อย่าได้หมายว่าชิ้นที่เหลืออยู่น่าจะถูกฤๅไม่ขาดฝา มันเลือกเอาแต่ชิ้นโต โอ่งน้ำเปนที่ตั้ง พวกขึ้นโต๊ะไม่ได้ ฤๅสิ่งไรเปนคู่ พื้นคราม บ้าเท่าบ้า เปนราคาแพงหมด ได้พลั่กก็หลายชิ้น ไปมัวค้นอ้ายนี่กันเสียเกือบครึ่งวัน มีกรรมการสามคน คือฉัน บริพัตร ดุ๊ก ต้องตั้งพระราชบัญญัติใหม่ ห้ามไม่ให้จุ๊ๆ ฤๅ ซี้ด ดุ๊กเสียค่าจุ๊ค่าซี๊ดหลายร้อยแต้ม เอาไว้ไม่อยู่ เฉย ๆ ดุ๊กเปนบอดัม ด้วยความอดไม่ได้เช่นนี้

เรื่องเมืองไทรฉันมีความวิตกรำคานมาก ได้จดหมายไปฉบับก่อน ฉันขอรู้การว่าจะทำอย่างไรก่อนเวลาที่จะไปถึงปินัง

ข้อซึ่งเจ้าเม้า

กล่าวโทษดุ๊กสามข้อนั้น เมื่อกลับไปถึงเบอลินจะได้ตั้งคอตมาแชลชำระ ฉันเปนผู้ได้รับความลับของดุ๊กอย่างหนึ่ง บอกฉันว่าคิดถึงตาหนิด
มากกว่าเจ้าเม้าเสียอีก แล้วห้ามอย่าให้ฉันบอกเจ้าเม้า แกจะด่า ดูแกคิดถึงของแกมากจริงๆ บ่นถึงร่ำไป เหนเด็กเปนออกชื่อตาหนิดทุกครั้ง ลางทีมาในรถไฟด้วยกัน นั่งเซา หาว่าแกคิดถึงเจ้าเม้า สบถสาบาลได้ว่าคิดถึงตาหนิด เพราะเหตุฉนี้ แกถึงได้มีโทรเลขถามกันไปร่ำไป ตาเชื้อ
นั้นกริ้วว่ามันโซ้ด
ตาต่อ
อี๋มากขึ้นกว่าเมื่ออยู่บางกอก แต่ข้างฝ่ายเกาวมันนั้น เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันคำรามจะกำหราบอ้ายรอด
ต่างๆ นาๆ ครั้นถึงตัวเข้า อ้ายรอดทูลหัวทูลเกล้า ออกจะกลัวอ้ายรอดส่งเข้าไป ข้อประหลาดนั้นดูเหมือนเกาวแมนจะเปนคนกล้าคนเก่ง แต่ที่จริงมายุโรปเข้าปรากฏชัดว่าเปนภิรุกชาต ขี้ขลาดกลัวฝรั่งเปนอย่างยิ่ง ถ้าไปเที่ยวด้วยกัน รู้แล้วว่าจะไม่หลง แต่ขอให้แยกเดินกันไป อย่าให้เปนหมู่ เกาวแมนไปเหลียวเลือกลาก พอเผลอกลับมาติดก้นเราอยู่แล้ว แกไปไหนแต่ลำพังไม่รอด ถ้าให้ไปไหนกับคนที่ไม่เกี่ยวเปนไทยเปนไปไม่รอด ในการที่จะเนียรเทศไปเก็บไว้เสียที ก็สมัคไปอยู่ลิเกชั่นลอนดอน พอได้อาไศรยคนไทยที่นั้นเขาไปเที่ยวบ้าง แต่โดยมากนั้นกรุกอยู่ในห้องเปนพื้น แกกำมลอน่าสงไสยว่าจะเปนเก๊า เดินทางรถไฟตั้งหกเจ็ดชั่วโมงเปนเจ็บทุกครั้ง ที่สำราญของแกก็อยู่ในห้อง นั่งขัดสมาธิ์อยู่กับพื้น อ้ายบ่าวฝรั่งนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ ที่สำราญซึ่งชอบเที่ยวอยู่ที่ร้านขายยา ไม่ว่าแห่งหนึ่งแห่งใด คงจะเปนเพื่อนได้ตพัดไป ประหลาดที่แอปโซลูตลิ อิกโนรันต ออฟ ดิ ยิโอคราฟี รู้จักแต่ลึนดึนเท่านั้น ฉันไม่นึกว่าแกจะเขลาถึงเพียงนี้เลย ได้อยู่ที่นั่นพอใจอย่างยิ่ง

กรมสมมตได้เรื่องใหม่ซึ่งเปนของติดตัวอย่างหนึ่ง คือคำว่า แคนเคตชีเปออินลึนดึน แต่เราแก้ว่า แคนเคตฉิบเป้ออินลึนดึน ตาอ้น

เปนวิกติมของคำอันนี้ สาเหตุเภทผลนั้น อ้ายบ่าวฝรั่งไม่ว่าบ่าวใครต่อใคร สุดแต่นายจะต้องการอไร บอกว่า แคนเกตชีเปออินลึนดึน ใคร ๆ ก็ได้ยินด้วยกันทุกคน แต่ไม่ติดลึกเหมือนกรมสมมต ยกคำนี้ขึ้นกล่าวเนืองๆ จึงกลายเปนของกรมสมมต ข้อซึ่งเกี่ยวข้องแก่ตาอ้นนั้น คืออยู่มาแต่ไหนแต่ไรก็อยู่มาได้ ไม่เคยเกิดเหตุผลซึ่งหาตัวมหาดเล็กไม่ได้ แต่ครั้นเมื่อไปถึงลอนดอนซึ่งเปนเวลาหารหว่างหยุดมิได้ มิได้ ฉันต้องเข้าออกจากบ้านในวันเดียวถึง ๕ ครั้ง มหาดเล็กตั้งแต่พระยาบุรุษเปนต้น เตกลิเบอติที่จะไปเที่ยว จนกลับมาไม่พบใคร ด้วยสามารถแห่งอินฟลวนศอ้ายบ่าว ที่แคนเกตชีเปออินลึนดึนนั้นประการหนึ่ง ด้วยตาอ้นอวดว่าชำนาญในถิ่นฐานเมืองลอนดอน รู้จักฟอตแฟ้ตอไรต่าง ๆ เพราะเคยไปอยู่ถึงเดือนหนึ่ง ริซัลตที่ไปเที่ยวมีผลอย่างไร ซื้อร่มผู้ชายคนละสองคัน ราคาคันละ ๓๐ ชิลลิงส แพงกว่าซื้อในบางกอก นี่ตรงกันกับแคนเกตฉิบเป้ออินลึนดึน จริงดังนี้

อนึ่งเปนข้อที่ควรจะบอกให้รู้อีกเรื่องหนึ่งนั้น ตาอ้นนี่หกคะเมนคล่องมาก อยู่มากาลวันหนึ่งขึ้นรถไฟมาด้วยกัน ฉันถามถึงตำบลที่เรามาแล้วว่าแกรู้ว่าตำบลอไรบ้าง ไม่ทราบโดยมาก แต่ที่ทราบก็เรียกเคลื่อนคลาศ ซึ่งเราเปนธรรมดาอดหัวร่อไม่ได้ จะยกตัวอย่างให้ เช่นกับแฮมเมอเฟสต แกเรียกหลายอย่างกว่า ๗ ถามทีก็เรียกอย่างหนึ่ง ถามทีก็เรียกอย่างหนึ่ง แต่ที่จำได้แน่นอน คือแมงเควต อีกอันหนึ่งเทามันเฟิต ดังนี้เปนต้น ถ้าเวลาพื้นแกดี แกเรียกคำมาให้เราหัวเราะเล่นได้ ถ้าเวลาพื้นแกไม่ดี แกไม่ดี วันนั้นผเอินในรถไฟ ถูกพื้นแกไม่ดี ไม่ว่าเราถามอไร แกไม่ทุกอย่าง มันนั่งเปนมามากหนัก จึ่งไกล่เกลี่ยบอกว่าให้เล่านิทานเถิด ก็ไม่ ขู่ก็ไม่ ปลอบก็ไม่ บอกว่าไม่ได้ทั้งนั้น จึงถามว่าแกหกคะเมนได้ไหม แกรับว่าได้ ก็บอกว่าหกสิ ด้วยความเชื่อใจว่าแกไม่หกเปนแน่ อ้ายที่ที่ยืนฤๅก็อยู่ในหว่างเก้าอี้แลโต๊ะ กรมสมมตแลบริพัตรก็นั่งอยู่ห่างแกไม่ถึงสอก ฉันก็นั่งห่างอยู่สักสองสอก ที่ไหนตึงตังหกคะเมนเปรี้ยงลงมา ตีนฟาดลงมารหว่างฉันกับบริพัตร ออกจะฟาดเอาเก้าอี้ด้วยซ้ำไป เลยมึนตลอด ลงภายหลังจึงรู้สึกว่าตัวไม่ควรจะหกคเมนเลย หัวเราะกันเกือบขาดใจ อุรุพงษ์พลาดไปไม่ได้เหน จะไปเตียวให้แกหกอีก แกเลยฉุนเอาใหญ่

มีเรื่องอไรอีกมากนักเขียนไม่ไหว ว่าด้วยเรื่องโปสตก๊าดฉันไม่ได้ตั้งใจเก็บจริงๆ เสียแต่แรก แลเหนมันมากมายก่ายกองนัก หาเวลาเขียนส่งก็ไม่ใคร่จะได้ เพราะติดเสียเวลาการแต่งรายวัน จึงตกลงเปนส่งตามแต่ที่มีวันว่าง ภายหลังมา ดูชาวบางกอกพอใจกันขึ้น จึ่งได้ตั้งเก็บส่ง แต่ก็ยังกระบ่อนกระแบ่นอยู่ เมื่อได้โทรเลขต้องการสมุดกันขึ้นมา ฉันจึ่งได้ไปสั่งใหม่ที่ห้างเมเปอลให้ทำส่ง มีส่วนของเธอด้วย มอบดุ๊กไว้ให้คอยส่งเมื่อทำแล้ว จะได้ส่งแล้วฤๅยังก็ไม่ทราบ แต่การที่เก็บอย่างเช่นฉันส่งนั้นมันไม่เก๋ ด้วยไม่มีลายมือเขียนลงในนั้น แต่ครั้นจะเขียนลายมือลงก็มากเตมที ด้วยคอเลกเตอมากคนด้วยกัน

ฉันได้ตั้งปณิธานไว้อย่างหนึ่งว่า จะหาของฝากข้างในจากตำบลที่ฉันได้ไปทุกแห่ง แต่ตำบลที่ขึ้นมาข้างเหนือนี้ มันเปนตลาดปลา หาอไรฝากกันไม่ได้ จึ่งได้คิดเก็บโปสตก๊าด ซื้อสมุดเก็บตั้งแต่ตรอนธเยม จะไปส่งที่กีล เดี๋ยวนี้กำลังเติมอยู่เสมอทุกวัน หวังว่าจะเปนที่พอใจ แลจะยกโทษข้อที่ไม่มีลายมือ เพราะได้เขียนลงไว้ในน่าสมุดบอกให้ ขอให้เข้าใจว่าได้นึกถึงทุกเวลาเมื่อได้เก็บโปสตก๊าดลงในสมุดนั้น บางทีก็จะไม่เต็มเล่ม จะส่งทั้งไม่เต็มเช่นนั้น

ประฏิทินได้รับแล้ว มีความเสียใจที่จะบอกว่าผลเปนอย่างไร ได้จับเปนสามส่วน ส่วนที่ ๑ ฉีกออกเสียเปนอดีต ส่วนที่ ๒ เปนอนาคตในเวลาก่อนถึงบ้าน ส่วนที่ ๓ ตลอดปี จับเข้าดูแล้วอิ่ดใจ จะต้องถูกอีกครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ จึ่งจะไปถึงบ้านได้ แต่ตาหมอแกบอกให้สบายก็จะสบายไว้

ฉันเจ็บเมื่อวานซืนนี้ แต่ไม่ใช่ได้ความทุกขเวทนาด้วยเจ็บนั้นมากนัก เปนด้วยกินยาปัดมันแรงฤๅท้องเรามันไม่ดี อาเจียนเสมหะพลั่กใหญ่ แต่ไม่ม่วง ลักษณอย่างเดียวกันกับที่เปนที่หลังเรือนต้น ได้อาไศรยอ้ายฟ้อน

เปนกำลัง การพยาบาลบริพัตรกับกรมสมมต หาเข้ากันกินขลุกขลัก อุรุพงษ์กับบริพัตรทำกับเข้า แต่มันก็ไม่มีอไรมา อ้ายสังคามารดากับอ้ายประสันตาทำยุ่งหมด มันหยิบอไรต่ออไรออกเสีย เช่น น้ำตาล กับเข้าเข้าต้มเปนต้น ฝ่ายรเด่นมนตรี กับตำมหงงดิแคลร์ว่าไม่ได้เอามา ไม่มี นี่หากว่าอ้ายศรีทหารเรือ
หอบหิ้วเอามาด้วย จึงได้กิน ตามบุญตามกรรม ตาตำมหงงยังดีที่หุงเข้าได้ แต่อ้ายพ่อรทวยอิเหนานั้นเหลือสติกำลัง ทำไรไม่ได้หมด เหนรากก็ยืนดูเฉย แต่จะหาน้ำร้อนให้กินก็นึกไม่ออก มหาดเล็กเหมือนเมรุที่ชำรุดร้าวแยกจนกระทั่งถึงราก เหตุด้วยความเกียจคร้านทอดธุระของจางวาง เปนธรรมดาของเมืองเรา ถ้าเสียหัวหน้าแล้วข้างปลายก็เสียหมด ฉันรู้สึกตัวเหมือนเปนพระ มีแต่ลูกผู้ดีเขามาฝากให้เปนศิษย์ ใช้ได้แต่ตำหมากแลประเคน จะใช้ให้พายเรือจุนตาม่อกฏิไม่ได้ ก็ต้องอดทนไป ได้ความลำบากกว่าครั้งก่อนเปนอันมาก แต่ความลำบากหนักหนาอย่างไรฉันก็ไม่ท้อแท้ เพราะด้วยความเคยอดทนมาก็มาก ถ้าหากว่าไม่มีลูกมีน้องไปด้วยแล้ว เหนจะไปไหนไม่ได้ทีเดียวในเวลานี้ คิดถึงดุ๊กที่ไม่ได้อยู่ คิดถึงกรมมหิศรที่ตายเสีย คิดถึงดำรงที่ไม่ได้มา

ขออนุโมทนาในข้อที่ได้เหนรูปน้ำตกที่แม่น้ำไรน หวังว่าคงจะได้เหนรูปดีซึ่งไม่แมว อันจะได้ไป เขียนมามากแล้ว ขอจบเท่านั้นที

สยามินทร์

 

  1. ๑. ม.จ. เม้า ทองแถม ชายากรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ

  2. ๒. ม.จ. ทองบรรณาการ ทองแถม

  3. ๓. ม.จ. ทองเชื้อธรรมชาติ ทองแถม

  4. ๔. หมายความว่าฝรั่งจัดแท้

  5. ๕. ม.จ. ทองต่อ ทองแถม

  6. ๖. ม.จ. ทองทีฆายุ ทองใหญ่

  7. ๗. พระยานิพัทธ์ราชกิจ (อ้น นรพัลลภ)

  8. ๘. พระยาราไชสวรรยาธิบดี (ฟ้อน ศิลปี)

  9. ๙. พระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน)

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ