พระราชกุศลกาลานุกาล
๏ การพระราชกุศลซึ่งเรียกว่า กาลานุกาลตามเคย เป็นการเกิดขึ้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพิเศษขึ้นกว่าเก่าที่เคยมีแต่สงกรานต์ครั้งหนึ่ง มีเดือนเว้นอยู่ห้าเดือน คือเดือนเจ็ด เดือนเก้า เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนนอกนั้นมีต่อท้ายการพระราชพิธี หรือการพระราชกุศลทุกๆ เดือน ในเดือนสิบสองนี้กาลานุกาลควรจะตกอยู่ในวันแรมค่ำหนึ่งเหมือนเดือนสิบเอ็ด แต่เพราะเวลาเช้ายังติดเลี้ยงพระสงฆ์ฉลองไตร ซึ่งปันเปลี่ยนกันฉันเป็นสามพวก เป็นพระสงฆ์มีจำนวนมาก จึงได้แยกไปทำเสียในวันแรมสองค่ำ ต่อการฉลองไตร อนึ่งพระสงฆ์ซึ่งต้องนิมนต์สดับปกรณ์กาลานุกาลตามรายองค์พระอัฐิในจำนวนเดือนสิบสองนี้ ก็ใช้พระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญหัวเมืองซึ่งต้องแบ่งฉันในวันแรมค่ำหนึ่งนั้นด้วย การพระราชกุศลกาลานุกาลในเดือนสิบสองนี้ทำที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไม่ได้ยกไปพระที่นั่งอนันตสมาคมตามการฉลองไตร ด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดให้เชิญพระบรมอัฐิและพระอัฐิไปตั้งที่พระที่นั่งอนันตสมาคมแต่เดิมมา เมื่อติดการตกแต่งหรือซ่อมแซมพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ก็ได้ทำที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทบ้าง พระที่นั่งสุทไธศวรรย์บ้าง จำนวนพระบรมอัฐิพระอัฐิซึ่งสดับปกรณ์ในวันกาลานุกาลทั้งปวงเท่ากันทุกๆ เดือน เว้นไว้แต่สงกรานต์ พระสงฆ์นั้นใช้พระอารามซึ่งเป็นที่พระอัฐินั้นได้ทรงปฏิสังขรณ์หรือสร้างขึ้นใหม่ ถ้าพระอัฐิใดไม่ได้ทรงปฏิสังขรณ์และทรงสร้างพระอาราม ก็ใช้พระอารามซึ่งเป็นที่พระญาติวงศ์อันใกล้ชิดได้ทรงสร้างและทรงปฏิสังขรณ์ หรือที่พระสงฆ์องค์นั้นนับเนื่องในพระวงศ์ทางหนึ่งทางใด ก็ใช้ได้บ้าง ในการกาลานุกาลอื่นๆ พระสงฆ์มักจะคงเหมือนกันทุกๆ คราว ไม่ใคร่เปลี่ยนแปลง แต่ในเดือนสิบสองนี้เปลี่ยนเป็นหัวเมือง มีพระนามและรายชื่อวัดตามที่ได้จดหมายต่อไปนี้
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก วัดสุวรรณดาราราม
- พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วัดชัยพฤกษ์มาลา
- พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดศาลาปูน
- พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเสนาสนาราม
- สมเด็จพระปฐมบรมมหาปัยกาธิบดี วัดสุวรรณดาราราม
- กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี วัดพนัญเชิง
- กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ วัดปฐมเจดีย์
- สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี วัดอัมพวันเจติยาราม
- กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ วัดอัมพวันเจติยาราม
- กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ วัดเสนาสนาราม
- กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย วัดคงคาราม
- กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระปฐมบรมอัยยิกาเธอ วัดอัมพวันเจติยาราม
- สมเด็จพระเจ้าอัยยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ วัดบรมวงศ์อิศรวราราม
- สมเด็จพระเจ้าอัยยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี วัดเจ้าคณะใหญ่ในเมืองราชบุรี
- สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์ วัดมหาสมณาราม
- สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าตรีเพชรุตม์ธำรง วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ วัดปรมัยยิกาวาส
- สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี วัดชุมพลนิกายาราม
- พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
- พระชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย วัดศาลาปูน
- พระชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ วัดกระวิศราราม
- พระชนนีในกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย วัดศาลาปูน
- พระชนนีในกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
พระพุทธรูปซึ่งตั้งในการกาลานุกาลนี้ ใช้พระชนมพรรษาวันในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ เป็นพระพุทธรูปอุ้มบาตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้นด้วยทองคำ แล้วทรงพระราชอุทิศถวายทั้ง ๒ พระองค์ พระห้ามสมุทรสำหรับรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างขึ้นด้วยทองคำในแผ่นดินปัจจุบันนี้ แล้วทรงพระราชอุทิศถวาย พระพุทธสิหิงค์จำลองประจำรัชกาลที่ ๔ พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรตามพระชนมพรรษาวันกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระพุทธรูปยืนถวายเนตรตามพระชนมพรรษาวันกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ทรงหล่อด้วยทองคำในรัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชอุทิศถวาย พระพุทธรูปสมาธิทรงหล่อด้วยทองคำในรัชกาลปัจจุบันนี้ ทรงพระราชอุทิศถวายกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เป็นพระพุทธรูป ๗ องค์ด้วยกัน
เวลาเช้าเสด็จออกพระสงฆ์ฉัน เมื่อทรงประเคนแล้วเจ้าพนักงานกรมภูษามาลา จึงได้เชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิ ทรงพระราชยานกงสี่ คือพระราชยานกงองค์หนึ่งพระบรมอัฐิ และพระอัครมเหสี และพระญาติวงศ์อันสนิทในรัชกาลนั้นรวมกันไป แล้วจึงมีพระเสลี่ยงเชิญพระอัฐินอกนั้นต่อไปอีก พระบรมอัฐิพระอัฐิที่ตั้งบนพระที่นั่งเศวตฉัตร[๑] คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสี่พระองค์ สมเด็จพระปฐมบรมมหาปัยกาธิบดี กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ สมเด็จพระศรีสุลาลัย สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ สมเด็จพระเจ้าปฐมบรมอัยยิกาเธอ สมเด็จพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงศรีสุนทรเทพ กรมหลวงเทพวดี สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์[๒] ตั้งที่ชั้นลดพระที่นั่งเศวตฉัตร สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย เจ้าฟ้าตรีเพชรุตม์ธำรง เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ตั้งที่โต๊ะจีนข้างพระที่นั่งเศวตฉัตร สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ พระชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระชนนีในกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระชนนีในกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์[๓] มีเครื่องทองน้อย ตั้งที่ฐานเคียงพระที่นั่งเศวตฉัตรด้านตะวันออก สำหรับทรงนมัสการพระบรมอัฐสี่สำรับ พระสงฆ์ฉันแล้วทรงทอดผ้าห่มนอนสองชั้น มีฉลากพระนามพระอัฐิสดับปกรณ์ แล้วถวายไทยธรรมหมากพลูธูปเทียนร่มรองเท้า แล้วมีสดับปกรณ์อีก ๕๐๐ รูป พระสงฆ์ที่มาฉันขึ้นไปสดับปกรณ์ในพระราชวังบวรฯ ๕ รูป คือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วัดสุวรรณดาราราม กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ วัดทรงธรรม กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ วัดไพชยนต์พลเสพ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดสมุหประดิษฐ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ วัดศาลาปูน แล้วมีสดับปกรณ์รายร้อยอีก ๑๐๐ รูป พระราชทานสดับปกรณ์พระอัฐิพระบรมวงศานุวงศ์ในหอพระนาค ๑๐๐ รูป
อนึ่ง ในการฉลองไตร สามเณรเปรียญที่ได้รับไตรปีได้เข้ามาบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังทั้ง ๓ วัน แต่ไม่ได้ฉัน จึงได้เคยยกมาฉันในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พร้อมกับวันพระราชกุศลกาลานุกาลนี้ด้วยแถวหนึ่งต่างหาก
การซึ่งมักจะขาดในการพระราชกุศลกาลานุกาลนี้ คือหุ้มแพรไม่ได้เป็นธุระในการตั้งเครื่องนมัสการ ให้แต่มหาดเล็กเวรไปตั้ง ครั้นเมื่อถวายเทียนชนวนทรงจุดตะบะถมแล้วก็นึกว่าเป็นพอ สิ้นธุระ ครั้นเมื่อจะทรงจุดเครื่องนมัสการทองน้อย ต้องเรียกเทียนชนวนวิ่งเวยวายอยู่เนืองๆ
อีกอย่างหนึ่งอาลักษณ์ขาดไม่มาถวายฉลากสดับปกรณ์ ทรงทอดผ้าไปได้กึ่งกลางแล้วจึงวิ่งกระหืดกระหอบมาภายหลัง ต้องเสด็จพระราชดำเนินกลับขึ้นมาทอดฉลากอีกเที่ยวหนึ่ง นอกนั้นก็ไม่ใคร่จะมีการขาดอันใด ด้วยเคยมีอยู่เนืองๆ เว้นไว้แต่โรคของมหาดเล็ก ซึ่งเป็นโรครักษาไม่หายเหมือนโรคกระสาย คือพระเต้าษิโณทก คงจะนั่งพูดพล่ามหรือนั่งหลับตาเสีย ต้องเรียกเอะอะเนืองๆ ๚
[๑] พระแท่นเศวตฉัตรองค์นั้น ในรัชกาลปัจจุบันนี้ย้ายไปตั้งท้องพระโรง ตั้งพระบรมอัฐิบนพระที่นั่งบุษบกมาลา
[๒] ภายหลังเพิ่มพระบรมอัฐิ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระองค์ ๑ พระอัฐิสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์พระองค์ ๑ สมเด็จกรมพระยาสุดารัตน
ราชประยูร พระองค์ ๑
[๓] พระอัฐิที่ตั้งชั้นลด และที่ตั้งโต๊ะจีน ต่อมา ตั้งรวมบนพระแท่นเศวตฉัตร ๗ ชั้น อีกองค์ ๑