- หม่อมเจ้าหญิงลีลาศหงส์ พ.ศ. ๒๔๔๒-๒๔๖๓
- คำนำ
- นิทานเรื่องนำ
- ๑ นิทานเรื่องสุนัขจิ้งจอกปฤกษากันจะอาศรัยราชสีห์
- ๒ นิทานเรื่องวานรโลภตกต้นไม้ตาย
- ๓ นิทานเรื่องชายรักหญิงไม่สมประสงค์โศกเศร้าตาย
- ๔ นิทานเรื่องนางตรีโลคมาวดีทำลายพิธีสองอสูร
- ๕ นิทานเรื่องช้างสารประมาทมนุษย์จึงได้ความลำบาก
- ๖ นิทานเรื่องกาหลอกกินลูกหงส์
- ๗ นิทานเรื่องนางกินรีสำรอกไข่ให้ผัว
- ๘ นิทานเรื่องท้าวธราบาลได้นางกินรีเปนชายา
- ๙ นิทานเรื่องท้าวทศวิชัยจับพระยาหงส์ขี่
- ๑๐ นิทานเรื่องท้าวสุตราชได้นางกินรีเปนชายา
- ๑๑ นิทานเรื่องท้าวรัตนราชได้นางในงาช้าง
- ๑๒ นิทานเรื่องราชบุตรพระเจ้ามัทราชเรียนวิชาเดิรบนน้ำได้
- ๑๓ นิทานเรื่องท้าวดิศราชขอลูกสาวดิศเสนา
- ๑๔ นิทานเรื่องพระยาปักษีแต่งงารกับนกไส้
- ๑๕ นิทานเรื่องท้าวพรหมทัตได้ลูกสาวยักษ์ชื่อสุตรมิตรเปนมเหษี
- ๑๖ นิทานเรื่องท้าวกฤษณุราชได้นางประภาพาลเปนมหษี
- ๑๗ นิทานเรื่องพระยาครุฑผลัดขนให้สัตว์ทั้งหลายเห็น
- ๑๘ นิทานเรื่องท้าวอาดูรถูกเนรเทศ
- ๑๙ นิทานเรื่องท้าวมายันต์เลี้ยงอำมาตย์ทรยศ
- ๒๐ นิทานเรื่องท้าววิไชยหลงพระมเหษีจนถูกปลงพระชนม์
- ๒๑ นิทานเรื่องอำมาตย์ของท้าววิริยายันต์คิดขบถ
- ๒๒ นิทานเรื่องท้าวอำมฤกษณุราชสิ้นพระชนม์เพราะพระชายา
- ๒๓ นิทานเรื่องท้าวสุขมหาราชจะรับนางยักษ์แปลงไปเปนมเหษี
- ๒๔ นิทานเรื่องท้าววิปัสะนรราชหลงลูกสาวโจร
- ๒๕ นิทานเรื่องกระดูกแขวนคอ
- ๒๖ นิทานเรื่องท้าวบรมราชหลงนางสุทธิเทวี
- ๒๗ นิทานเรื่องท้าวมาไลยราชกับท้าวอธิกสงครามรบแย่งนกยูงกัน
- ๒๘ นิทานเรื่องท้าวโมรินทรหลงเชื่อนกสัตวา
- ๒๙ นิทานเรื่องท้าวเกไลยราชหลงเชื่อนกแขกเต้า
- ๓๐ นิทานเรื่องพรานหาปัญญามิได้
- ๓๑ นิทานเรื่องบุรุษถือสัตย์
๒๕ นิทานเรื่องกระดูกแขวนคอ
ยังมีพระมหากระษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงพระนามชื่อท้าววรุณราช ได้เสวยราชสมบัติในเมืองสังขนคร ท่านมีพระราชกุมารองค์หนึ่ง ชื่อเจ้ารสกุมาร ๆ นั้นเอาทองคำ ๑๐๐๐ ตำลึงไปให้นางแพศยาผู้หนึ่ง ชื่อนางเสตกุมารี แลเมื่อพระราชกุมารไปหานางนั้น นางแพศยาถามพระราชกุมารว่า พระราชกุมารมาหาข้าพเจ้าบัดนี้เจ้ากูรักข้าฤๅหามิได้ พระราชกุมารบอกแก่นางว่าเรารัก นางจึ่งถามว่าข้าพเจ้าตายแล้วแลเจ้ากูจะตายด้วยได้ฤๅหามิได้ พระราชกุมารบอกว่าถ้านางตายแล้วเราจะตายด้วยนางได้ ครั้นพระราชกุมารแลนางแพศยาถามกันเท่านั้นแล้วก็อยู่สโมสรสังวาสด้วยกัน ครั้นเวลารุ่งแล้วพระราชกุมารก็ไป
ณกาลวันหนึ่งยังมีบุตรเศรษฐีผู้หนึ่ง ชื่อเจ้านันทเสน แลลูกเศรษฐีนั้นเอาทองคำ ๑๐๐๐ ตำลึงไปให้นางแพศยา แลนางแพศยานั้นถามลูกเศรษฐีว่า เจ้ากุมารมาหาข้านี้ท่านรักข้าพเจ้าฤๅมิได้ บุตรเศรษฐีบอกว่าเรารัก นางจึ่งถามว่า ถ้าข้าพเจ้าตายเจ้ายังจะตายด้วยข้าพเจ้าได้ฤๅหามิได้ บุตรเศรษฐีบอกว่านางตายเราก็จะตายด้วยนางได้ ครั้นบุตรเศรษฐีแลนางถามกันดังนั้นแล้ว ก็อยู่สโมสรสังวาสด้วยกัน ครั้นเวลารุ่งเช้าบุตรเศรษฐีนั้นก็ไป
อยู่มานางเสตกุมารีแพศยานั้นตาย เขาแต่งการศพสำเร็จแล้วเขาเอานางนั้นไปเผาเสียป่าช้า ครั้นเพลิงไหม้ศพนั้นโซม เจ้ารสราชกุมารไปณบ้านนางแพศยานั้น ถามคนทั้งปวงว่านางเสตกุมารีไปไหน คนทั้งหลายทูลว่า นางถึงแก่กรรมเสียแล้ว บัดนี้เขาเอาศพนางเผาเสียแล้ว พระราชกุมารได้ฟังก็เสด็จไปป่าช้าที่ปลงศพนางนั้น ทอดพระเนตรเห็นเพลิงที่เผาศพนางนั้นติดชุมอยู่ พระราชกุมารคิดว่าเราได้สัญญาแก่นางไว้ ว่านางตายเราจะตายด้วย เราเปนบุรุษได้ออกปากแล้วจำจะตายด้วยจึ่งจะชอบ ครั้นมิตายด้วยนางจะเสียประเพณีบุรุษแลประเพณีกระษัตริย์ไป ครั้นพระราชกุมารคิดแล้ว ก็โจนเข้าไปในเพลิงที่เผานางอยู่นั้น เพลิงนั้นก็ไหม้พระราชกุมารแลนางแพศยานั้นจนโซมไป คนทั้งปวงดับเพลิงแล้วสุมกระดูกไว้ในป่าช้า
ณกาลวันหนึ่งเจ้านันทเสนบุตรเศรษฐีมาหานางแพศยา คนทั้งหลายเขาบอกว่านางนั้นตายแล้ว เขาเผาแต่วันนั้นแล้วแลกระดูกยังสุมอยู่ป่าช้านั้น ผู้ใดยังหาเก็บได้ไม่ ครันบุตรเศรษฐีได้ฟังดังนั้นก็ไปป่าช้าที่กระดูกนางสุมอยู่นั้น บุตรเศรษฐีเห็นกระดูกสุมอยู่ก็คิดว่าเราได้สัญญากับนางไว้ ว่านางตายเราจะตายด้วย แลบัดนี้นางตายแล้วเผาเสียแล้วเรามาไม่ทัน แต่กระดูกของนางนี้เราจะเก็บเอาไว้เถิด บุตรเศรษฐีเก็บกระดูกพลางร้องไห้พลาง ครั้นเก็บกระดูกนางแพศยาสิ้นแล้วก็เอากระดูกสพายไปพลางร้องไห้รักนาง ไปถึงกลางป่าจึ่งไปพบพระฤๅษี ๆ ถามว่าเจ้ามาแต่ไหนแลมาร้องไห้อยู่ที่นี่ แลเจ้ากูเอาสิ่งใดสพายมานั้น บุตรเศรษฐีกราบไหว้พระดาบสแล้วก็บอกว่า ข้าพเจ้าสพายกระดูกนางแพศยามา พระดาบสถามว่าเปนเหตุสิ่งใดเจ้าจึ่งสพายมา บุตรเศรษฐีจึงบอกว่า เดิมข้าพเจ้าได้สัญญากับนางแพศยาว่านางตายข้าพเจ้าจะตายด้วยนาง เมื่อนางตายข้าพเจ้ามามิทัน เมื่อเผานางข้าพเจ้าก็มามิทัน ถ้าข้าพเจ้ามาทันข้าพเจ้าจะตายด้วยนางในกองเพลิง ข้าพเจ้าเห็นแต่กระดูกกองอยู่ ข้าพเจ้าเก็บเอากระดูกสพายมานี้จะเอาไปรักษาไว้ พระดาบสทราบเถิด พระดาบสจึ่งว่าเราเวทนาท่านเราจะช่วยชุบให้นาง เปนขึ้นมา บุตรเศรษฐีจึ่งกราบไหว้วิงวอนพระดาบสแล้ว พระดาบสชุบด้วยกองกูณฑ์พิธี พระราชกุมารแลนางแพศยานั้นก็เปนขึ้นมาด้วยกัน พระดาบสจึ่งว่าเดิมท่านว่ากระดูกนางแพศยาผู้เดียว เหตุไฉนพระราชกุมารนี้จึ่งเปนขึ้นมาด้วยกันได้ นางแพศยาแลพระราชกุมารบอกพระดาบสว่า ข้าพเจ้าสองคนนี้ตายด้วยกัน บัดนี้พระคุณโปรดชุบให้เปนขึ้นมาด้วยกันแล้ว ข้าพเจ้ากลับไปเมืองจะได้เปนผัวเมียกัน พระคุณจงทราบเถิด
บุตรเศรษฐีได้ยินนางแลพระราชกุมารบอกพระดาบสดังนั้นก็น้อยใจนัก จึ่งว่าแก่นางแพศยานั้นว่า เสียแรงเราสพายกระดูกท่านมาถึงพระดาบส ๆ ชุบให้เปนขึ้นมา ท่านเปนขึ้นมาแล้วเราจะรับท่านไปเปนภรรยา นางจึ่งว่าแก่บุตรเศรษฐีว่า ท่านสัญญาว่าจะตายด้วยกันเจ้าก็มิได้มาตายด้วย พระราชกุมารผัวของเรามีความสัตย์มาตายด้วยกันตามสัญญา เราผัวเมียพบกันณเมืองผี ใครใช้ให้ท่านสพายกระดูกเราผัวเมียมาถึงกลางป่าด้วยประโยชน์สิ่งใด ท่านขาดอาลัยกับข้าพเจ้าแล้วกลับมามีน้ำใจเล่า ครั้นพระดาบสชุบตูข้าผัวเมียเปนขึ้นมา เจ้าว่าจะพาเราไปเปนภรรยานั้นหาชอบไม่ เปนบุรุษหาความสัตย์มิได้แล้ว ๆ หาความอายมิได้เลย เห็นว่าเราจะไปด้วยเจ้าแล้วฤๅ เราผัวเมียเพื่อนตายกันมีความสัตย์ต่อกันจะไปด้วยกันมิดีกว่าฤๅ ขอเชิญเจ้าไปเถิดอย่ามาบ่นพึม ๆ พำ ๆ อยู่ที่นี่เลย เราไม่ปราถนาแล้วท่านจงรู้เถิด บุตรเศรษฐีได้ความอายแก่พระดาบสแลเทพารักษ์ทั้งปวงก็เดิรร้องไห้ไป
โขมดดารหลวงจึ่งกราบทูลแก่พระยาปิศาจว่า เปนบุรุษจะมารักด้วยสัตรีลุ่มหลงไปทำความเพียรเหมือนบุตรเศรษฐีนั้น จะได้ความอายแก่เทพารักษ์แลปิศาจทั้งปวง พระองค์จะไปรบเอาเมืองตรีนคร ขอได้งดอยู่ทรงพระดำริห์ก่อนจึ่งจะชอบ พระยาปิศาจมิฟัง ว่าเราจะไปรบเอาเมืองตรีนครให้ได้ โขมดดวงไพรก็กราบทูลว่า ถ้าพระองค์มิฟังข้าพเจ้าจะถวายนิยายธรรมเนียมเรื่องหนึ่งก่อน พระยาปิศาจจึ่งว่าท่านเล่าไปเถิดเราจะฟัง