พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๙

รูปทรงถ่ายที่เมืองเยนัว

รูปทรงถ่ายที่เมืองเยนัว

คืนที่ ๓๒

เมืองเยนัว

วันเสารที่ ๒๗ เมษายน

หญิงน้อย

เรือมาถึงท่านี้แต่ย่ำรุ่ง รู้สึกได้ยินเสียงลงสมอโกรกๆ แต่พ่อดื้อเสียไม่ตื่น ด้วยเชื่อว่าไม่มีคนอื่น นอกจากพวกเรากันเอง ออกจะใจเต้นนิดๆ ในการที่จะพบปะกัน แต่เห็นไม่ควรเสียเลือดแลเนื้อ จึงตื่นต่อ ๕ โมงเช้า ได้พบรพี รังสิต[๙๗] ดิลก[๙๘] รังสิตนั้นรูปร่างสูงใหญ่ อ้วนไม่แห้งอย่างแต่ก่อน นอกนั้นมีมิสเตอริเวตคาแนก[๙๙] พระปฏิบัติ[๑๐๐] พระสารสาสน์[๑๐๑] เบนสัน[๑๐๒] กงสุลเซดโย แลคนอื่นๆ อิก พูดทักทายกันแล้วเลยขึ้นบก รถมณีรัตนได้มาใช้เปนรถที่นั่ง ดูสบายกว่ารถม้าแลรถไฟ คำที่กล่าวว่าสบายนี้คือว่าด้วยหนาว พูดกันมาจนกระทั่งเมื่อคืนนี้ จรูญยืนยันว่าในเดือนพฤษภาคมคงยังใช้ไม่ได้ เพราะหนาวนัก เวลาที่เราจะได้ใช้รถโมเตอคาร์ มันมีอยู่ในเดือนพฤษภาคมเดือนเดียว นอกนั้นก็จะขึ้นไปข้างเหนือเปนอันไม่ได้ใช้ มาปรากฎว่าใช้ได้ ที่เขาว่าว่าด้วยรถเปิด ของเราเปนรถเก๋ง มาวันนี้ต้องเปิดน่าต่างด้วยซ้ำไป

เมืองเยนัวนี้ ตั้งแต่แลเห็นก็นึกว่าจำยาก เพราะมันเหมือนเมืองฝรั่งทั้งปวง ไม่มีอะไรที่เปนสิ่งเฉภาะแปลกเพื่อน เปนเมืองตั้งอยู่ที่ชานเขาเช่นกับเนเปอล แต่ที่นี่เปนเขาลูกแบนๆ ใหญ่ๆ ซึ่งไม่พอที่จะถึงฟันพื้นลงให้ราบจนมีดินสองข้างเปนฝั่ง ทำถนนไต่ไปตามหลังเนินจึงมีถนนที่ชัน เหมือนเชิงสพานช้างทอดละยาวๆ หลายเส้น ที่โฮเตลนี้ตั้งอยู่ก็อยู่ที่เชิงสพานแห่งหนึ่ง เลี้ยวลงถนนวกวนลงมา พื้นที่ตั้งโฮเตลต่ำ ถนนที่เปนขาสพานนั้นสูงกว่าโฮเตล นับว่าอยู่ซอกเขาซึ่งมีตึกตั้งล้อมรอบไม่เห็นเขา เว้นไว้แต่ที่น่าโฮเตลพื้นต่ำลงไป ปลูกหญ้าให้ดูรกๆ มีต้นไม้ล้อมรอบลักษณสวนขวา มากินเข้ากลางวันที่โฮเตล มันเดินโต๊ะช้ารำคาญ กับเข้ากับปลาก็อย่างนั้นเอง ไม่วิเศษอะไร เดิมเขากะว่าจะให้ไปซันเรโมวันจันทร์พ่ออึ๊ดเสีย จึงตกลงเลื่อนเข้ามาเปนพรุ่งนี้กินเข้าแล้วออกเที่ยว

ทางที่จะไปเที่ยวนั้นออกจะคุยว่าจำได้ เพราะมันเปนสะแควร์ มีรูปกิงวิกตออิแมนวลที่ ๒ อยู่กลาง ตั้งอยู่บนยอดเนินอันหนึ่ง คราวนี้ตัดทางลงจากเนินนั้นไปเปนสี่แพร่ง แพร่งหนึ่งขึ้นมาจากเรือ (ที่นี่เรือเข้าเทียบฝั่ง) แพร่งหนึ่งมาที่โฮเตลนี้ ทางที่ไปเที่ยวนั้นอิกแพร่งหนึ่ง คนที่นำเปนคนที่รพีได้หาไว้ พูดอังกฤษอย่างพร่าๆ เพราะสำเนียงอิตาเลียนมันไม่ใคร่จะมีเน้นคำ เช่นวิกตอ อ่านเปนวิตโตโร ใช้ตัว ต สองตัว มันมีเติมขึ้นมาอิกคำหนึ่ง เพราะฉนั้นพูดอังกฤษจึงได้มีซ่าๆ เติมอยู่ในหว่างกลาง มันเปนคนนำอย่างที่เรียกว่า ไคด์ สำหรับแต่พาไปดูอะไรๆ อธิบายได้ยาวๆ ส่วนความต้องการของเรามันไม่เช่นนั้น ต้องการจะไปซื้อของอะไรที่ทำเมืองนี้ มันไม่เคยซื้อ มันเคยแต่ดู จึงพาไปถึงปากตรอกแห่งหนึ่งซึ่งเปนถนนแคบเท่าๆ ถนนในวัง ไม่มีรถม้าเดินในนั้น เปนถนนในเมืองอิตาลีอย่างเก่าต้องลงเดิน รู้สึกใจเหมือนเข้าไปเดินในตรอกศาลเจ้าเก่าที่บางกอก สองข้างเปนร้านขายของฝรั่งต่างๆ เหมือนๆ กันกับที่อื่นๆ ของที่จำเภาะสำหรับเมืองนี้คือกระบวนลางแทง พาเข้าไปดูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแต่ของเครื่องเงินแลเครื่องก้าไหล่เงินลายแทงมันขี้ดำ ก้าไหล่ก็จะลอก จึงไม่ซื้อ เซดโยกงสุลจดชื่อร้านให้ไป หมายว่ามันอยู่ในนั้น อ้ายคนนำก็พาเรื่อยไปอิก จนถึงเอกซเชนช์ ตกลงเปนเปล่าต้องเดินกลับทวนมาทางเดิม ยังจะซ้ำพาแยกไปในตรอกอิกทางหนึ่ง ว่ามีร้านซึ่งพ่อเชื่อว่าคงเปนชนิดเดียวกัน จึงกลับมาขึ้นรถโมเตอคาร์ ทวนทางกลับมาข้างบ้าน ถึงร้านที่เขาบอกให้ มันก็อยู่ใกล้ๆ สะแควร์นั้นเองข้างถนนใหญ่ ได้ซื้อของเครื่องลายแทงแลเครื่องถ้วยสาแหรกลายแทงบ้าง ของออกจะหายาก มันชวนจะจืดอย่างลูกดุมนมหมา ที่ทำกันอยู่ในบางกอก

ออกจากนั้น ไปดูที่ฝังศพ ซึ่งใครมาเมืองเยนัวต้องไปดู เพราะไม่มีอะไรวิเศษไปกว่านั้น เรียกว่าคัมโปซันโต ถ้าจะจำภาษาอังกฤษเรียกว่าโฮลีแคมป์ ที่นี้อยู่นอกเมือง เปนทางลาดลงไปตามหว่างเขา ในหว่างเขานั้นมีลำรางน้ำถึงจะเรียกว่าคลองได้ แต่ไม่มีน้ำเลย พื้นเปนกรวด เขาว่าไม่ไปเท่าไร เปนทางที่สโนละลายตกลงมาจากเขา ตามทางมีโรงทำป้ายปักที่ฝังศพอย่างเลวๆ ไปขึ้นข้างเขาอิกทีหนึ่งก็ถึงที่ฝังศพนั้น มีที่สำหรับเก็บเงิน แลขายรูป ซึ่งพ่อได้ซื้อรูปส่งมาให้ในหีบของเมืองเยนัวนี้พอดูเปนเค้า เข้าไปในนั้นเขาห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ สัณฐานของที่ฝังศพนี้เปนพระระเบียงสามด้านยาวใหญ่ ตัวระเบียงนั้นกั้นกลาง เปนข้างนอกแถวหนึ่ง ข้างในแถวหนึ่ง ข้างนอกสำหรับศพอย่างรองๆ ลงมา เปนที่สำหรับติดแต่ป้ายศิลาตามฝา ส่วนข้างในเปนสองแถว แถวริมผนังเปนครัวละห้อง มีรูปภาพผูกต่างๆ โดยมาก มักจะเปนรูปคนตายนอนอยู่ ครอบครัวบุตรภรรยาแวดล้อมตามมากแลน้อย บางช่องก็เปนสาสนาเช่นกับพระเยซู ทูตสวรรค์ ไม่เหมือนกันสักอัน เหลือที่จะพรรณา ที่เก่งๆ เช่นกับทำเปนรูปคนทลึ่งขึ้นมาจากโลง ลอยไปขึ้นสวรรค์ เช่นนี้งามดีมาก แต่ส่วนข้างหว่างเสา มีรูปเปนหย่อมตั้งฐานที่ตรงเสา ทั้งสองข้างก็มีรูป ฝังศพเฉภาะตรงเสานั้นต่างหากอิก ในพื้นระเบียงนั้นเต็มไปด้วยที่ฝังศพ เราเดินไปบนศพพื้นก็ดี รูปภาพที่ฝังศพทั้งปวงก็ดี ทำด้วยศิลาขาวทั้งสิ้น ในระหว่างระเบียงสามด้านนั้นแบ่งเปนทางเดินสี่กั๊ก กลางเปนพระเยซูแบกไม้กางเขนรูปใหญ่ หว่างถนนเปนที่ฝังศพคนสามัญ ซึ่งแลเห็นทำป้ายอยู่ริมหนทางมา นับด้วยพันด้วยหมื่น ด้านข้างไม่มีระเบียงจดเขา ตัดทางขึ้นไปบนเขา ขึ้นสองข้างเปนสองทบ ระหว่างทางที่เปนสพานนั้นก็มีที่ฝังศพชั้นที่ ๓ นั้นอิก มีต้นกุหลาบเลื้อยสีแดง แลต้นไม้รวยขึ้นไปถึงชั้นบน มีระเบียงยาวมีโดมกลาง ในระเบียงยาวนั้นก็เปนที่ฝังศพอย่างเดียวกันกับระเบียงสามด้าน กลางเปนที่สำหรับญาติพี่น้องไปทำบุญ ที่ฝังศพทั้งสามชั้นนี้เขาขายเปนกำหนดนานนานปี เช่น ๔๐ ปี ๕๐ ปี ถ้าหากว่าจะรักษาไว้ต่อไป พ้นกำหนดแล้วต้องซื้อใหม่ แต่โดยมากในชั้นเลวๆ ไม่ได้ซื้อ ศพสูญไปในดินแล้วก็ฝังซ้ำลงไปใหม่ ระเบียงนั้นอย่าเข้าใจว่าเล็กๆ เช่นวัดเบญจมบพิตร ยาวอย่างวัดพระเชตุพนทีเดียว แต่เปนระเบียงแฝด กลับจากที่นั้นมาโฮเตล หมายว่าจะอาบน้ำสักทีหนึ่ง แต่ไม่ได้อาบ น้ำไม่ร้อน เพราะเหตุที่เขาเอามาใส่ไว้นาน จนน้ำมันเย็นเสียแล้ว ต้องเลิก เพราะนัดกันจะไปกินเข้าที่กาเฟมิลาโน ไปเท่าจำนวนเดิม แต่อุรุพงษ์เศร้าสร้อยว่าไม่ได้ไป กลัวจะร้องไห้อย่างเช่นตาต่อจึงได้เอาไปด้วย ตาต่อนั้นพ่อบอกแก่จรูญให้เอาไปจัดการเล่าเรียนอย่างตาฉาย[๑๐๓] เขาถามว่าจะให้รอเสด็จกลับฤๅจะจัดก่อน พ่อบอกว่าให้จัดก่อน ก็ทรงแสงไม่หยุดทั้งเวลากินเข้า ที่ซึ่งไปกินวันนี้ อยู่ในเรือนกระจก มันตั้งโต๊ะนิดหนึ่งเท่ากระดานแผ่นเดียว แต่เปนโต๊ะเหล็ก กับเข้าไม่มีอะไรนอกจากมักกะโรนีเส้นเล็ก ทำเลวกว่าที่เนเปอล ไปแก้ตัวทำมักกะโรนีเส้นใหญ่อิก ยิ่งไม่อร่อยหนักไป แล้วมีเนื้อแกะสับอิกสิ่งเดียวเท่านั้น มีลูกองุ่นแต่ไม่ได้เรื่อง ช้ำหมดทั้งสิ้นไม่หวาน จำบ่ม แต่ลูกแอบเปอลหวาน ถึงดังนั้นก็ดี กินอิ่มยิ่งกว่ากินที่โฮเตล แล้วออกเดินเที่ยวเล่น อ้ายมิสเตอบอนตามไปบอนอยู่ที่นั่นอิก จนคนตอมออกนุง จนต้องตกลงไล่กันเสียดื้อๆ ตั้งให้เยนตราเปนผู้แทนพระราชาออกเดินน่ามันก็ไม่เชื่อ รุมตอมพ่อเรื่อยไป ต้องเปลี่ยนกระบวนเดินห่างๆ กันจึงได้สำเร็จ แวะฟังดนตรี มีคนร้องอย่างเช่นที่เนเปอล แต่ที่นี่โรงใหญ่กว่า ร้องเพลงแลเต้นอย่างที่ฝรั่งกำลังชอบ ออกจะหยาบหยาบ ดูอยู่หน่อยหนึ่งเดินต่อไปที่โฮเตลบริสโตลซึ่งรพีอยู่ เปนโฮเตลพึ่งทำแล้วใหม่ มีแปลกอยู่ที่ประตู ปิดเปิดเปนจังหัน บานกระจก กันลมได้ กินน้ำอัฐบาน น้ำส้มคั้นซึ่งพ่อชอบกินแต่เจือโซดาดูดด้วยไม้ ที่นี่สำเร็จในเรื่องเยนตราเปนพระราชา ถึงมีผู้มาแอดเดรสมาเยสเต แล้วกลับมาเท่านั้น

ที่นี่มีดอกไม้หรูหลายอย่าง ที่วิเศษแท้นั้นคือกุหลาบ กุหลาบอย่างที่ดุ๊กเรียกว่ามอญ แต่ที่แท้ของไทยนั้น มันโตเท่ากุหลาบเย็บกันเล่น กุหลาบเย็บมันแบนเพราะกลีบสั้น นี่มันเปนกุหลาบจริงๆ กลีบใหญ่ได้ส่วน ดอกโตเท่าขนาดใหญ่ของเราสามดอกรวมกัน กลิ่นก็หอมเปนกุหลาบไทย ดอกไม้อื่นๆ มีอิกมาก เช่นตุลิปสีต่างๆ เยเรเนียมสีต่างๆ แต่เขายังกล่าวกันว่าไม่ถึงฤดูเสียอิก อาหารเรื่องผลไม้ไม่ดีกว่าเนเปอล สตรอเบอรีลูกใหญ่ไม่มี มีแต่สตรอเบอรีป่าลูกเล็กๆ สิ่งที่ชอบใจพ่อมากนั้นมีนมวัวกินอุดม ยังไม่ได้เล่าเรื่องนมวัว ซึ่งรู้มาจากเนเปอล เมื่อเวลาขึ้นไปบนเขา เห็นเขาต้อนแพะลงมาเปนฝูงๆ ถามได้ความว่าเปนแพะนมทั้งนั้น คนที่เนเปอลไม่ชอบกินนมโค เพราะสงไสยว่าปนน้ำฤๅกินน้ำไม่ดี แต่แพะนั้นเปนสันดานปีนเขาคล่อง เขาต้อนขึ้นไปเลี้ยงไว้บนยอดเขา หาน้ำกินบนยอดเขา แต่คนต่างประเทศไปอยู่ที่นั่นไม่ชอบกินนมแพะ ว่ารศมันแหลมเกินไป

โฮเตลนี้เงียบสบายดี เพราะอยู่ห่างจากที่คนไปมา เขาบอกข่าวว่า ที่ซันเรโม ‘ดัล’ คือเงียบจู๊เต็มที ไม่มีอะไรจะเล่นจะดูเลย แต่พ่อไม่วิตก ด้วยรถโมเตอคาร์ของเรามี เบื่อขึ้นมาจะไปเที่ยวแห่งใดแห่งใดก็ได้ ขอจบกันเท่านั้นที พรุ่งนี้จะต้องไปแต่เช้า จะจัดของสำหรับส่งบางกอก แต่คงจะเข้าไปถึงพร้อมกันกับที่เนเปอล ด้วยย้ายที่เช่นนี้ยากที่จะทำให้สำเร็จโดยเร็ว

จุฬาลงกรณ์ ป.ร.

รูปทรงถ่ายสวนหน้าโฮเตลเมืองเยนัว

รูปทรงถ่ายสวนหน้าโฮเตลเมืองเยนัว



[๙๗] พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยุรศักดิ (กรมขุนไชยนาทนเรนทร)

[๙๘] พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิลกนพรัฐ (กรมหมื่นสรรควิไสยนรบดี)

[๙๙] มิศเตอริเวตคาแนก อังกฤษ เคยเปนที่ปฤกษากระทรวงพระคลังอยู่แต่ก่อน

[๑๐๐] พระปฏิบัติราชประสงค์ ชื่อมุลเลอ ชาติเอาสเตรียน เคยเปนนายห้างบีกริมในกรุงเทพฯ

[๑๐๑] พระสาสสาสน์พลขันธ์ ชื่อเยรินี เคยเปนครูในโรงเรียนนักเรียนนายร้อยทหารบกในกรุงเทพฯ

[๑๐๒] มิศเตอเบนสัน หลวงรัตนานุกิจ เปนนายห้างช่างทองอยู่ลอนดอน

[๑๐๓] หม่อมราชวงศฉายฉาน ศิริวงศ ณกรุงเทพ ในพระสัมพันธวงศเธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ