พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๔

พระสงฆ์ลังกามาเฝ้าในเรือซักซัน และนายเรือซักซัน

พระสงฆ์ลังกามาเฝ้าในเรือซักซัน และนายเรือซักซัน

คืนที่ ๑๕

วันพุฒที่ ๑๐ เมษายน ร.ศ. ๑๒๖

หญิงน้อย

วันนี้เรือออกพ่อนอนหลับ ต่อออกมาพ้นแล้วเรือแคลงมากจึงรู้สึก เขาว่าเมื่อ ๓ โมงเศษมีพระลงมาหาคือท่านสุมังคละ แลสุภูติ กับพวกคฤหัสถ์อื่นๆ อิกมากด้วยกัน กรมสมมตนำหนังสือต่างๆ มาให้ดู พวกพระทันตธาตุลงชื่อกันมาเชิญให้ขึ้นไปแลเรี่ยรายต่างๆ ท่านสุภูติแต่งคาถาทำนองถวายพรพระ เปนคำให้พรแก้เจ็บไข้ลงมาว่าจะมาสวดให้หายเจ็บไข้[๗๗] คาถานั้นแต่งออกจะดีๆ คิดจะส่งถวายกรมหลวงวชิรญาณ[๗๘]ทอดพระเนตร คราวนี้ไม่ได้พบใคร แต่ขากลับเห็นจะต้องพบ

วันนี้ได้ให้เจ้าพระยาสุรวงษ์นำหนังสือกับของไปให้เลดีเบลก พ่อได้สมุดเซอเฮนรีให้ ๒ เล่ม คือที่งามของลังกาเล่ม ๑ ไคด์เมืองอนุราธเล่ม ๑

กลางคืนคลื่นก็ไม่มี แต่เรือโคลงเคลงเปนไกวเปล เพราะออกที่กว้างมากไม่มีอะไรบัง แลออกจะเฉียงลมหน่อยๆ ด้วย กรมประจักษ์พูดมคธเม้ก[๗๙]ตาพวกลังกา ๖ ชั่วโมงอิ่มอกอิ่มใจสบายมาก ว่าให้อยู่กับพวกนั้นสามวันก็เอา

• • • • • • • • •

คืนที่ ๑๖

วันพฤหัศบดีที่ ๑๑ เมษายน

วันนี้นึกถึงสงกรานต์ กำหนดจะสรงน้ำพระพุทธรูปแลพระบรมอัษฐิด้วยน้ำอบฝรั่ง ชาย ๒ คน[๘๐]อยากกินกับเข้าไทย จึงเรียกเอาบาญชีเสบียงมาดู หมายว่าจะเลี้ยงสงกรานต์กันตามแกน แลจะเล่นวางเงินรูเปียแทนอัฐอย่างเคยเล่นมาทุกปี แต่ครั้นได้บาญชีมาเห็นมีส้มเขียวหวานแลส้มโอ นึกฉุนขึ้นมาว่าได้บ่นทุกวันว่าอดลูกไม้ พระยาบุรุษได้ยินเสมอ จะได้บอกสักคำว่ามีมาก็ไม่บอก ปานนี้คงเน่าหมด ดุ๊กสอดเข้ามาแก้ว่าคงไม่เน่า พ่อว่า ๑๕ วันแล้วจะไม่เน่าอย่างไร ดุ๊กว่าเคยเห็นเขาผึ่งไว้กินได้นานๆ ถามว่านี่ดุ๊กเชื่อว่าผึ่งฤๅ ก็ว่าเห็นจะไม่ได้ผึ่ง แต่ก็คงยังไม่เน่าอยู่นั่นเอง เพราะเห็นเขาเคยผึ่งไว้ได้ เลยต้องเอ็ดว่าแกพูดก่อน ๑๕ มินิตแล้วจึงนึกเช่นนี้เต็มที เหมือนกับพ่อจะว่ากลัวกรมมหิศร[๘๑]จะตาย แกจะเถียงว่าไม่ตาย เพราะเคยเห็นยายท้าวเสมเกาะสีชังแกอยู่เปนอายุร้อยเศษเช่นนี้ ขอให้นึกเอาดุ๊กเปนผู้พูด พ่อเปนผู้ตอบ ดุ๊กจะเห็นเหลวฤๅไม่ จึงรับว่าเปนอยู่ ครั้นไปเอาขึ้นมาดูเน่าเฟอะหมด เหลือแต่ส้มโอก็แกนไปหมด บีบก็ไม่มีน้ำ ซ้ำน้ำปลาฝาขวดหลุดหกหมด การที่เกิดอยากกินกับเข้าไทยขึ้น เพราะชาย ๒ คนไปเห็นอ้ายเจ๊กกวางตุ้งที่มาในเรือ มันตำน้ำพริกกินมีกะปิด้วย มีแต่ปลาจิ้มกินไม่มีผัก ว่าดูน่ากินจนอยากกินของมันเต็มที แต่จะเปนอันต้องเลิกเสียแล้ว ทำอะไรกับมหาดเล็กเปนกลิ้งครกขึ้นภูเขา ขี้เกียจเหลือประมาณ

เรือผ่านเกาะเมนิกกอยบ่าย ๓ โมง ไม่มีคลื่นแต่เรือแคลงอยู่เสมอ. เมื่อยเต็มที การที่มานี้จะมีความสบายได้ผลต่อเมื่อกับถึงกรุงเทพฯ ในระหว่างนี้ผลที่ได้กับความเมื่อยขบต่างๆ ขึ้นเต็งกันอยู่ ไม่ได้กำไรอันใดเลย แต่พ่อเชื่อว่าถ้าไม่มีอื่นซ้ำเติมเห็นจะพอทนไปจนตลอด ไม่ตายเสียก่อนกลับถึงบางกอก

วันนี้เขาขายของที่รฦกสำหรับเรือลำนี้ พอได้เปนของฝาก จะส่งจากเอเดน

• • • • • • • • •

คืนที่ ๑๗

วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน

กินเข้ากลางวันวันนี้ ให้นาฬิกาทองชีฟออฟสจ๊วดเรือนหนึ่ง กับกาลซิลเลอสจ๊วดประจำตัวพ่อให้นาฬิกาเงิน ความเหน็ดเหนื่อยของคนในเรือมันมากจริงๆ ตื่นยังค่ำ กลางคืนกว่าจะได้นอนก็จนดึก ยืนเกือบจะเปนนิจไม่เห็นมีเวลานั่งเล่นเลย คนเรือเองประเดี๋ยวทำนั่นประเดี๋ยวทำนี่ ล้างเรือก็ล้างแต่ ๘ ทุ่ม กับตันให้รูปอันหนึ่ง เตรียมมาเปนหลายวันเกรงผิดแลชอบปฤกษาใครต่อใครร้อยแปด พอประจวบกับพ่อให้รูปแกที่พ่อถ่าย จึงผสมมาให้

วันนี้เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง พวกเซกันด์คลาสมีหนังสืออนุญาตมามีการสปอตถวายตามเคย พระปลัดฉาบเปนแชแมน อันที่จริงเซกันด์คลาสพวกนี้เขาจะมาชั้นที่ ๑ โดยมาก แต่ติดเราเช่าห้องชั้นที่หนึ่งเสียหมด จึงมาชั้นที่สอง ไม่ใช่คนชั้นสถุลนัก ได้ส่งโปรแครมการเล่นมาให้ดูด้วยในซองนี้ พ่อให้ลอกเก็ตลงยาเปนรางวัลอันหนึ่ง แต่ยังไม่รู้ว่าจะได้แก่ใคร เพราะยังจะเล่นพรุ่งนี้อิกวันหนึ่ง

การเล่นวันนี้ คือแข่งลูกแอบเปอลห้อย เอาเชือกมาขึงดาดฟ้า เอาลูกแอปเปอลผูกเชือกแขวนเชือกที่ขวางนั้น คนแข่งต้องคาบแลกินแอบเปอลนั้นให้หมดลูกก่อน ห้ามไม่ให้เอามือจับ ถ้าเหลือชิ้นเล็กจนตกลงกับพื้นแล้วก็ต้องลงคาบกิน แล้วจึงวิ่งมา มีคนถือเชือกเปนสาหร่ายอยู่ข้างหนึ่ง ใครถึงสาหร่ายก่อนคนนั้นชะนะ

อิกอย่างหนึ่งโดดข้ามเชือกที่ตัวถือ เรียกว่าสกิปปิง

อิกอย่างหนึ่งเอาเกือกเด็กที่จะเล่นทั้งหมดถอดลงกองซ้อนๆ กัน เอาผ้าผูกตาแล้วให้คลำหาเกือกใส่ ใครใส่ได้ก่อนคนนั้นชะนะ (ผิดคู่กันเปนพื้น)

กระโดดสูง พ่อไม่ได้ดู

แข่งมันเทศ คือเอาถังมาตั้งลง ๒ ใบที่ต้นทาง แล้วเอาหัวมันเรียงกันห่างๆ สองแถว ๆ ละ ๖ หัว ผู้หญิงที่จะเล่นถือช้อนคนละอัน วิ่งไปตักมันเอามาใส่ลงถัง ถ้าใครตักหมดก่อนคนนั้นชะนะ

อิกอย่างหนึ่งเรียกเน็กออนอทิง คือฅอฤๅเปล่า เอาผ้าขาวม้าผูกเปนวงเข้าสองวง แล้วผูกกลางอิกผืนหนึ่งเปนบ่วงทั้งสองข้าง แล้วเอาโต๊ะขนาดย่อมตั้งไว้หว่างกลาง คนที่จะแข่งกันเอาบ่วงสวมฅอหันหน้าเข้าหากัน เอามือยันโต๊ะ เท้ายันพื้น ต่างคนต่างขืนมาข้างตัว ใครแรงน้อยแลตัวเบาแพ้คนแรงมากแลตัวหนัก มีตาอ้วนเก่งอยู่คนหนึ่งใครสู้ไม่ได้ ถ้าผอมๆ แล้วลากเอาคว่ำขึ้นไปบนโต๊ะ จึงเรียกว่า “ฅอฤๅเปล่า”

แข่งจุดบุหรี่ พ่อไม่ได้ดู

เวลาที่นั่งดูนั้น ได้สังเกตดูผู้หญิงฝรั่ง ความสังเกตเห็นนั้นเช่นนี้ ทุกๆ คนผมบางแลผมอ่อนที่สุดทั้งนั้น แก่เข้าหน่อยมักจะล้าน เขาว่าเด็กออกใหม่มักจะไม่ใคร่มีผม การแต่งตัวเดินทางมักจะใส่เสื้อขาวนุ่งสเคิดสีน้ำเงินฤๅสีเหลืองคากี คาดเข็มขัดแพรบ้างหนังบ้าง เงินก็มี นางคนหนึ่งออกจะเก๋มาก เอาผ้าโปร่งสีน้ำเงินห่อหัวกันผมปลิว ผ้าห่อเช่นนี้ลูกสาวเคาวเนอลังกาก็ใช้ คลุมหัวแล้วเอาลงมาผูกตะแคงที่คางให้เก๋ มีเด็กมากเสียจริงๆ ตั้งแต่โตจนกระจอมอแม เขาเห็นพ่อชอบเด็กจึงมาเล่นให้ดู นางเด็กคนหนึ่งโตแล้วเล่นแพ้เขายังร้องไห้ทุกที

ที่พวกเราชอบดูมากนั้นเรื่องผัวเปนขี้ข้าเมีย มันน่าสมเพชเวทนา ถึงเราก็ต้องสัพพียกเก้าอี้ให้ผู้หญิงจริงอยู่แล แต่ยังไม่ถึงคู่หนึ่ง ซึ่งถูกดูเสียจริงๆ แลบ่นกันไม่หยุด คือดาดฟ้าชั้นที่หนึ่งกับที่สองมันเดินไม่ถึงกัน เวลาจะมาใช้ให้ผัวยกเก้าอี้ตามหลัง พอมาถึงจัดการตั้งเก้าอี้ให้ แต่แม่เจ้าประคุณไม่นั่ง เพราะจะมีแดดถูกตีนนิดหนึ่ง เขียวให้ตั้งใหม่จึงได้นั่ง ตาผัวยังยืนอยู่หันไปพูดกับใคร เรียกมาเขียวไม่ให้พูด บังคับให้นั่งลงกับพื้นที่ข้างเก้าอี้ เจ้าผัวกว่าจะนั่งลงได้ประดักประเดิดโก้งเก้งกันอยู่เปนนานจึงนั่งได้ คราวนี้สั่งให้ผัวไปเอาผ้าห่ม ผัวเดินงังๆ ลงกระไดนี้ไปขึ้นกระไดโน้นได้ผ้าห่มมา ไม่ยักรับมาคลุมเอง เจ้าผัวต้องคลุมให้ ประเดี๋ยวเดียวก็เอาผ้าออก ตาผัวไปพูดกับคนอื่นเรียกมาเขียวอิก คราวนี้อนุญาตให้นั่งปลายจะงอยเก้าอี้ อันเปนที่สำหรับเหยียดตีนนิดเดียวไม่ถึงฝ่ามือ เลยแขวนอยู่เช่นนั้นจนตลอด ขากลับก็ต้องแบกเก้าอี้ตามหลังไปอิก เหมือนนายกับบ่าวจริงๆ น่าสงสาร ถ้าประเพณีมีเมียของฝรั่งเปนเช่นนี้โดยมาก ก็ควรจะเข้าใจได้ว่าทำไม่ฝรั่งจึงไม่ใคร่มีเมีย

คลื่นโคลงเคลงวันนี้สงบไปมาก เพราะเรือตั้งลำตรงได้ สงบมาแต่คืนนี้แล้ว

กรมประจักษ์คิดนิราศ ตั้งแต่วันมาจนวันนี้พึ่งถึงเวลาเช้าวันที่ ๒๗ ยังไม่ได้สรง อยู่ข้างจะอึดอัด พ่อเร่งวันนี้เอามาให้ดู แกอดตรองโต้ไม่ได้ พ่อจึงว่าจะรับแต่งท่อนขึ้นลังกาให้ ได้บอกให้บริพัตรเขียนในขณะนั้นอย่างแต่งกลอดสด ประเดี๋ยวเดียวก็แล้ว เจ้าของรับจะเอาไปเข้าในนิราศของตัว แต่จะเอาไปทำอย่างไร ไว้คอยดูเมื่อกรมประจักษ์พิมพ์นิราศเถิด พ่อคัดส่งมาให้อ่านเล่นก่อน ถ้ากรมดำรงเห็นจะหัวเราะงอทีเดียว

วันที่เก้าเข้าเขตรลังกาเกาะ ช่องเฉภาะเขื่อนตั้งบังเปนท่า
เห็นเรือรบอยู่ข้างซ้ายชายคงคา ธงคชาชักพลันแล้วลั่นปืน
จนคำรบครบยี่สิบเอ็ดนัด น้ำสงัดเรียบดีไม่มีคลื่น
เรือลูกค้าจอดสพรั่งคนนั่งยืน ดูดาษดื่นเรือน้อยลอยเปนแพ
พวกขอทานหาญทเลเที่ยวเร่ร่อน ขี่ไม้ขอนต่างนาวามาเซงแซ่
ร้องเพลงอ้อนวอนขอเฝ้าตอแย สองมือแบลูบท้องจ้องหน้าเรา
โปรยเบี้ยเซนต์เปนทานหว่านในน้ำ มันโดดดำได้ทุกทีไม่มีเปล่า
โปรยเท่าไรไล่คว้าไม่ซาเซา สิ้นกระเป๋าอัฐหมดต้องงดโปรย
พี่ตั้งจิตรพิศฐานกาลภายน่า ไม่ขอมาจากนวลให้หวนโหย
ต้องถูกห้ามปรามสิ้นจนดิ้นโดย อดเม้กโอยเหลืออนาถหวาดวิญญา
สักครู่หนึ่งจึงมีพวกเรือจ้าง มาจอดข้างกำปั่นพี่หรรษา
มีพระสงฆ์สององค์วงษ์ลังกา กับคฤหัสถ์ขึ้นมาสี่ห้าคน
โอเบเยเสเกเรคเนแน่ พี่วิ่งแต้ลงไปรับทั้งสับสน
นึกว่าเจอะกระโถนใหญ่ไม่อับจน จะได้พ่นพิศม์ใส่ให้สบาย
ท่านสมมตนำไปให้รู้จัก พูดทายทักเปนมคธหมดทั้งหลาย
เขาพูดเร็วยิ่งล้ำจ้ำเกือบตาย ต้องขยายอังกฤษแซกแปลกสำนวน
เยอรมันพี่ก็ดันเข้าไปบ้าง ให้ต่างๆ ช่างเปนไรใครจะสรวล
เขาก็แขงไม่ยักเจ๊งเก่งพอควร มคธล้วนเราก็รับไม่อับจน
ตั้งแต่พรากจากมาไม่ผาศุก ไม่สนุกเหมือนเช่นเคยเลยสักหน
วันนี้โล่งโปร่งปลอดเห็นรอดชนม์ เพราะได้พ่นพิศม์เม้กเอกสุดใจ
จนเสด็จขึ้นฝั่งพี่ยังพล่าม ต้องวิ่งตามลงนาวามาทันได้
มาถึงท่าซู่ซ่าคนมาไป รีบครรไลไปสำนักพักโฮเตล
ชื่อคอลเฟศวิเศษล้ำทำพิฦก ก่อเปนตึกสามชั้นไม่ทันเห็น
ครั้นจะร่ำพรรณาว่ายากเย็น ตามหมอเต้นขึ้นมาหาไม่ช้าเลย
พี่หยุดนั่งตั้งพร่ำร่ำกันใหม่ ฝนตกใหญ่มากแท้แกก็เฉย
ต้องตะเบงเสียงกรี๊ดจนผิดเคย แสนสเบยสนทนากว่าชั่วโมง
แกก็หิวเราก็หอบพุงยอบหย่อน จึงผันผ่อนอำลายังว่าโผง
คนดูรอบเช่นโนราสักห้าโรง เพราะเสียงโด่งดังลั่นสนั่นเมือง
แกสวดมนต์ให้พรข้างท่อนท้าย เราเปลี่ยนย้ายเปนคาถาว่าตามเรื่อง
จนแก่เจ๊งจำคลาเวลาเปลือง จึงย่างเยื้องรีบกลับมารับประทาน
อาหารรศเปนอย่างไรก็ไม่แจ้ง ด้วยคอแห้งผากหมดรศอาหาร
เห็นดีแท้แต่มะม่วงหิมพานต์ ถ้าเติมหวานเสียสักนิดจะติดใจ
แล้วลงมาหาของต้องประสงค์ ซื้อได้แหวนสามวงจะส่งให้
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพกลับลงไป คอยอยู่ในเรือซักซันเท่านั้นเอง

• • • • • • • • •

คืนที่ ๑๘

วันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน

วันนี้มีการเล่นกันอิก คือ

ชนไก่ วิธีเล่นนั้นเขียนวงลง พอนั่งชันเข่าหันหน้าหากันได้สองคน ขีดเส้นที่กลางวง คนจะเล่นเอาไม้คนละอันขัดขา แล้วเอาแขนลงใต้ไม้โอบมากอดเข่า เอาปลายเกือกวางที่เส้นกลาง แล้วเอาเกือกเขี่ยกันทั้งสองข้างจนกว่าใครจะล้มไปข้างหนึ่ง หม่อมนเรนทร์เล่นกับตาหมอๆ ล้มง่ายเปนที่สุด

ผู้หญิงวิ่งไข่แข่งกัน จืดเต็มที ยายแก่ทำไข่แตกใบหนึ่ง

วิลบาโร ผู้ใหญ่จับตีนเด็กหิ้ว ให้เด็กคลานมาด้วยมือ

สนเข็ม ผู้หญิงถือเข็มยืนเปนน่ากระดาน ผู้ชายวิ่งมาสนเข็ม ใครแล้วก่อนใครไป

ชิคเกนแอนด์รูสเตอ นี้ดี แต่เปนไก่ได้คนเดียวเท่านั้น ใครจะเล่นมานั่งบนเก้าอี้ กางมือคอยตบหน้าไก่ ๆ นั้นก้มหัวเข้าไปหาที่หว่างขา ร้องกุ๊กๆ โผล่ขึ้นมาแลหลบลงไป ให้คนทั้งนั้นคอยตบให้ถูก แต่ไม่เคยตบถูกเลย

คนอ้วนวงแข่งกันก็ดี

เขียนแข่งกันนั้น เอาดินสีพองเขียนหนูในแผ่นกระดานแล้วเอาผ้าผกตาเข้าไปเขียนหาง ใครเขียนได้เหมาะดีกว่ากันคนนั้นชะนะ

ดึงเชือก ตามเคย ไม่ขันอะไร เรื่องรางวัลจะได้แก่ใครยังไม่ปรากฎ มีอีเจ๊กคนหนึ่งพูดอังกฤษนกพิราบฟังพิลึก เห็นสนุกดี ไปตามเกาวแมนมาหมายจะให้เม้ก แต่ไปเรี่ยเสียเม้กไม่ไหว เพราะแกฟังภาษาของมันไม่เข้าใจเลย

วันนี้เจ็บขาไม่ได้ไปกินเข้าตามเคย กินในห้องกับชายสองคน คลุกเข้ากับกะปิ อ้ายคนใช้มันดูเปนดูโนราห้าโรง พูดคำนี้จนติดกันแล้ว

กลางคืนเวลาคุยกันจนดึกแล้วกินแซนด์วิชทุกวัน มันมีถึงวันละ ๘ อย่าง ลางวัน ๑๐ อย่างก็มี คือไส้กรอกกับหมูแฮม หมูหั่นชิ้นเล็กๆ เนยแขงแผ่นขาวน่ากิน เนื้อวัวรมกับไข่สุก ปลาซาดิน ปลาเค็มบางๆ เปนต้น พรรณาไม่ถ้วน พ่อคิดถึงลูกทุกวัน เพราะเคยกินด้วยกันเสมอ ของหวานลูกไม้แช่มีถึงวันละ ๔ อย่าง อาหารมันช่างบริบูรณ์จริงๆ จนหายอยากกับเข้าไทย

วันนี้ได้ต่อนิราศกรมประจักษ์ ตอนออกจากโคลัมโบ

เสด็จกลับนับเวลาสักห้าทุ่ม พี่มัวกลุ้มต่อของร้องอึงเผง
อ้ายลังกาถ้าว่าเขลาไม่เข้าเพลง มันโกงเก่งขึ้นราคาห้าร้อยคูณ
ยามไสยาเห็นแต่หน้าลังกากระดิก ขยุกขยิกไล่เท่าไรก็ไม่สูญ
ฝันถึงชินวรวงษ์พงษ์ประยูร มากราบทูลขอให้พี่ไปวัด
แล้วเลือนเลือนเหมือนได้เห็นพระเขี้ยวแก้ว ประเดี๋ยวแว่วเสียงใสจำได้ถนัด
เรียกในกรมในกรมตามลมพัด พี่ช่างแสนโสมนัศในอารมณ์
ผวาตื่นฟื้นเห็นเปนแคบิน แซ่เสียงสิ้นลังกามาขรม
ตลีตลานทยานไปใจนิยม จะขากถ่มเสียให้หมดเผื่ออดนาน
เห็นดอกเตอร์ออยสเตอเร่อมาหน้า กับพระห้าหกถ้วนล้วนฉาดฉาน
องค์หนึ่งนั้นพานชราเปนอาจารย์ ฉายาขานเรียกเฮนรีที่ราชา
อิกวิลเลียมสุภูติลัทธิหนึ่ง ที่ไปถึงเจาะจงส่งภาษา
แต่พูดยากแกคล่องจึงต้องลา หวนมาหาคู่ฅอหมอโอเบ
มีตาเฒ่าเค้าพระอุดรแท้ เว้นแต่แก่หงำจวนไม่สรวลเส
ดอกเตอร์ย้ำซ้ำยุด้วยแสนเย บุ้ยปากเบ้เปนจังหวะนะสุนทรัง
แกพูดพล่ำย้ำทีละสี่ห้า ฟังภาษาทันหน่อยค่อยสมหวัง
พี่ก็พล่ำเขาก็พรูอยู่โด่งดัง จนกระทั่งเรือออกจึงบอกลา
อันที่ไปในพิภพจบทุกชาติ ไม่มุ่งมาดหมายถวิลสิ้นปราดถนา
จะใคร่จู๊อยู่แต่ที่เกาะลังกา พูดภาษามคธเล่นให้เย็นใจ
จะรับแก้วแววตามาอยู่ด้วย พอได้ช่วยประคับประคองให้ผ่องใส
จะสอนบาฬีน้องให้ว่องไว ซ้อมเจ้าไว้เปนลูกคู่สู้ลังกา
เรือออกจากโคลัมโบโอ้อกเอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้กลับมาเห็นหน้า
กรรมเอ๋ยกรรมจำจะไกลวนิดา พี่ขอลาดวงใจไปเอเดน
พอหัวเรือบ่ายเหนือขึ้นไปนิด วิปริตจริงแท้พึ่งแลเห็น
เรือเหมือนแกว่งเปลเยิ่นผเอินเปน นั่งเดินเล่นโยเยชวนเซซวน
แสนสงสารหลานต่อพ่อสวิง ลงซึมนิ่งโมเยไม่เสสรวล
ขยักขย่อนผ่อนคายหลายกระบวน แล้วเลยม้วนล้มหลับกับที่นอน
คลื่นเช่นนี้มีสักสามคืนได้ แต่พี่ไม่เมาเลยเคยแต่ก่อน
นึกถึงลูกแก้วตาถ้าพาจร ไม่พักร้อนถึงอู่อยู่สบาย
อันกิจการของพี่นั้นมีมาก ต้องลำบากล้างรูปก็เหลือหลาย
เพราะทำเดียวเปลี่ยวใจให้ยากกาย ไม่มีสายสมรช่วยด้วยเช่นเคย
ต้องเรียกให้อ้ายฝรั่งช่วยตักน้ำ หากว่าคร่ำเยอรมันฉันเฉลย
เปนคนอื่นแล้วหนาอย่าเรอเลย มันจะเฉยเสียแล้วกรรมทำกระไร
นึกนึกไปให้เอนดูอ้ายหนูนี้ สอนบาฬีพูดเล่นเห็นจะได้
เข้าใจบ้างทั้งอังกฤษแลคำไทย ถ้านานไปจะให้เทศน์นครกัณฑ์

• • • • • • • • •

คืนที่ ๑๙

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ เมษายน

รู้สึกว่าอากาศเปลี่ยนเปนอื่น ผิดจากที่คุ้นเคยกลิ่นอายกันมาก ออกจะแห้งๆ ไม่ชืดแต่ร้อนพอใช้ พัดลมเบาๆ เป่านอนสบาย ทเลแดงคงหนาวเช่นคราวก่อน วันนี้กลางวันเวลาเที่ยงในแคบินไม่ต้องใช้พัดลมแล้ว จะกินไข่แลเยลีในตอนเช้าไม่สำเร็จ เพราะกาในบาญชีมหาดเล็กเขาอ่านไม่ออกเอาไปส่งให้ฝรั่งเฉยๆ ไม่พูดว่ากระไร มันก็ไม่นึกว่าเราจะกินเพราะสายแล้ว มหาดเล็กไม่เห็นใครเอาอะไรมาก็ไม่เปนไรเพราะพ้นน่าที่แล้ว ตกลงต้องไปรับสั่งให้หาสจ๊วดมาสั่งเอง เกิดหนักใจขึ้นว่าถ้าไปทางบกเรามัวนอนตื่นขึ้นจะไม่มีอะไรกิน ถ้าถูกคนใช้ไม่รู้ภาษาจะลำบาก เพราะน่าที่นี้พระยาสุรสีห์[๘๒]เคยทำ มาตกในมือมหาดเล็กอาจมีเวลาอดได้ จึงได้มอบให้เยนตราช่วยเอื้อในการกินอิกทางหนึ่ง คิดถึงพระยาสุรสีห์มาก นอนอ่านหนังสือบนเตียง นอนแต่บ่ายจนค่ำมาสองวันแล้ว เวลาชิงพลบเปนหลับได้อย่างลิงทุกวัน ตื่นขึ้นอ่านหนังสือแจ่มใสไปใหม่ จนกินเข้าเลิกแล้วพูดกันไปจนนอนเหมือนกันทุกวัน นึกจะเขียนหนังสือถึงใครก็ไม่มีเรื่องอะไร บ่นอู้ๆ อี้ๆ เขาจะขี้เกียจอ่าน นิ่งเสียที

เสด็จประทับในเรือซักซัน

เสด็จประทับในเรือซักซัน

• • • • • • • • •

คืนที่ ๒๐

วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน

วันนี้เปนวันเถลิงศกขึ้นจุลศักราช ๑๒๖๙ ปีมะแมนพศก อยู่กลางทเลคลาดเอเดนจะทำอย่างไร ตั้งแต่เปนสงกรานต์มายังไม่เคยทำการเตี้ยเท่านี้ ได้เชิญพระพุทธรูปบรรดาที่มากับพระบรมอัษฐิสรงน้ำ แต่น้ำอบไทยก็ไม่มี จึงโปรยด้วยน้ำอบฝรั่ง ไม่แต่พระ พ่อก็ไม่มีน้ำอบสรงเหมือนกัน แล้วมีการเลี้ยงกลางวัน จับฉลากนั่งที่ พ่อถูกไปอยู่หัวโต๊ะไทยล้วนแต่เซกันด์โดยมาก กับเข้าไทยที่เลี้ยงวันนี้ คือพริกเกลือถั่ว ๑ กุ้งไม้ทอด ๑ ไข่เค็ม ๑ เนื้อทอด ๑ ของหวานสัปรศกวนแลมะปรางแก้ว ทอดกุ้งไม้กลิ่นส่งขึ้นไปถึงกับตันต้องลงมาดู ชายอุรุพงษ์เปนผู้ทอดเลยยัดปากตากับตันเคี้ยวเรื่อย มะปรางแก้วเก่งเต็มที ฝรั่งพากันพิศวงงงงวยมาก ในการเปลี่ยนที่ไม่มีอัฐจะเล่น ต้องเอาเงินม้ากเยอรมันเล่นกัน เพราะปฤกษากันว่าจะเอาเงินรูเปียสำหรับเอเดน ก็พากันเห็นว่าจะมีเวลาใช้น้อยฤๅไม่ได้ใช้เลย ถ้าเปนม้ากจะใช้ในเรือได้ตลอดทาง สำหรับซื้อน้ำซื้อบุหรี่สูบ ฝรั่งกับคนไทยที่ไม่เคยเล่นสนุกกันเสียจริงๆ ส่วนของพ่อที่ได้มีสองม้ากอันหนึ่ง นอกนั้นม้ากเดียวหมด ได้คิดจะให้เขาทำเข็มกลัดฅอ เอารูปเรือซักเซนแล้วเอาเหรียญทับกลาง ที่ลำเรือเขียนว่าเถลิงศกข้างหนึ่ง ๑๒๖๙ ข้างหนึ่ง จะส่งเข้าไปเปนของฝาก ทำด้วยเงินทั้งนั้น ได้รดน้ำเจ้าพระยาสุรวงษ์คนเดียว[๘๓] เสื้อกางเกงเจ๊กสำรับหนึ่ง ปยามาสักหลาดสำรับหนึ่ง น้ำอบฝรั่งหนึ่งขวด กับให้นาฬิกาเรือนหนึ่ง เพราะนาฬิกาที่ให้เมื่อมายุโรปของแกหายเมื่อก่อนจะมานี้ เขียนว่า “ให้เจ้าพระยาสุรวงษ์ที่ได้เปนเพื่อนติดตัวมาครบ ๑๐ ปี”

วันนี้พ่อได้สรงมุรธาภิเศก คือสระหัวแลอาบน้ำจืด ใจฅออยู่ข้างจะโรเรรู้สึกขาดเต็มที

กลางคืนเย็น จวนรุ่งหนาว แต่กลางวันยังร้อน กลิ่นอายเปลี่ยนเปนอื่นมากขึ้น กินอยู่อย่างฝรั่งมาจนวันนี้รู้สึกกลิ่นลมหายใจมันออกจะหรั่งๆ กลิ่นฝรั่งมันเปนด้วยอาหารนี่เอง มันห่างกันกับเรามาก ประกอบไปด้วยนมเนยมันจึงมีกลิ่นเปนเนย ไม่หายอยากทาน้ำอบเลย อาบน้ำแล้วรู้สึกเศร้าใจทุกวัน ไม่แล้วเสียจริงๆ เมื่อบวชก็ดูไม่เดือดร้อนเช่นนี้ เห็นจะเปนด้วยบำเรอตัวมากเข้า จึงให้เสียคนไปดังนี้

ค่ำวันนี้กับตันให้แต่งห้องด้วยธงแลดอกไม้ ออกจะใคร่หรูอยู่บ้าง กับเข้าก็เลือกคัดมีเมนูทำเฉภาะ กรมประจักษ์ทำรูปแมวดำให้ ได้ส่งมาด้วยในซองนี้ เพลงแตรข้างหลังมีนางครวญ บริพัตรเขียนให้ แต่มันทำไม่ได้ดี เพราะวิธีเพลงไทยกับฝรั่งมันห่างกันมาก ถ้าฟังไกลๆ พอได้เค้าชัด ถ้าฟังใกล้มีฝรั่งเข้าไปเลือนอยู่ในนั้นมาก ตกลงต้องให้ตาต่อร้อง คิดถึงบ้านเต็มที ใจกระสับกระส่าย คืนวันนี้อยู่ข้างร้อน รู้สึกไม่สบายแต่ไม่ใช่เจ็บ

กับตันเอายาไอชื่อเอมเชอ เปนยาไอธรรมดาสีขาวๆ มาเล่นกล ยานี้มันเปนเกลืออย่างหนึ่ง เอาเท่าบุหรี่เทลงในก้นจาน แล้วเอายาไปซ้อนๆ กันสองตั้งๆ ละ ๕ อัน แล้วเอาออลกะฮอเทลง จุดไฟไหม้ ยาไอแวบๆ ประเดี๋ยวยาไอนั้นพุ่งขึ้นมาทีละน้อยๆ เหมือนงูเลื้อยยาวเปนนักเปนหนาดูขันดี ยานี้กินแก้ไอดี พ่อเขียนหนังสือเห็นจะผิดเต็มที เพราะใจไม่อยู่กับตัว มีอะไรเขียนในนี้หมดต่างพูดกัน ส่วนในสมุดที่เตรียมมาจะเขียนนั้นได้เขียนน้อยเต็มที บางวันไม่ถึงครึ่งน่า วันละน่านั้นเปนพื้น คงจะไม่ได้แก่นสารอะไรนัก คำเตือนของเจ้าพระยาสุรศักดิ์[๘๔]แกก็จริงอยู่บ้าง ถ้าถึงเจ็บไข้ล้มหมอนนอนเสื่อน่าจะถึงร้องไห้ ถ้าไม่มีลูกแลเจ้านายมาด้วยพอคุยกันได้เห็นจะเหลือทนทีเดียว ต้องคอยไล่เวลานอน แต่หวังว่าขึ้นบกจะเบา วันนี้ในแคบินร้อนต้องขึ้นไปนั่งข้างบน แต่งนิราศกรมประจักษ์เล่นประสาไม่มีอะไรจะทำ ได้คัดเติมมาให้

เมื่อวันจันทร์สกันด์คลาสดาดฟ้าท้าย เขานัดหมายเต้นรำดูขำขัน
เฟิสต์คลาสขาดผู้หญิงจริงทั้งนั้น จึงหฤหรรษาสบายแต่ท้ายเรือ
ฉันจะไปก็ให้คิดจิตรประวัติ กลัวจะตัดกิเลศยากลำบากเหลือ
ต้องละเลยเฉยไว้ไม่เอื้อเฟื้อ สู้ทนเหื่อทนไคลในที่นอน
ครั้นวันศุกร์วันเสาร์เขามาเล่น แข่งขันเช่นมีตำรามาแต่ก่อน
ดาดฟ้านี้จะมิเอื้อเหลืออาวรณ์ จึงผันผ่อนแขงใจขึ้นไปดู
เห็นยายแหม่มยายหมั่มกลุ้มกล้ำกลาด เหลือประหลาดรูปกายคล้ายยายหนู
นึกความหลังยังไม่ลืมปลื้มเชยชู พี่ยืนอยู่จนเขาเล่นเห็นวิธี
อย่างหนึ่งนั้นเชือกขวางกลางดาดฟ้า ห้อยแอบเปอลเรียงมาห้าหรือสี่
แล้วประมวญแต่ล้วนพวกดรุณี ยืนกัดกินตามที่คนละใบ
ห้ามมิให้ผู้ใดเอามือจับ ใช้ปากงับแสนยากถลากไถล
ใครกินหมดก่อนจริงจึงวิ่งไป ลอดเชือกใช้เปนสาหร่ายฝ่ายหัวเรือ
นางเด็กเสื้อสีฟ้าน่าสงสาร แสนรำคานแพ้เขาเศร้าโศกเหลือ
ร้องไห้เบ้เหยยุ่งสุ้งเสียงเครือ นางคนเสื้อสีจันทน์นั้นชนะ
ทั้งหญิงชายร่ายเดินเที่ยวเมินเล่น เด็กเด็กเต้นโลดเละเที่ยวเกะกะ
หัวน่าจัดการเล่นนั้นเปนพระ ดูเอะอะวุ่นมากยากกระไร
พระราชทานจี้ลงยาดูน่ารัก ลายจำหลักพื้นทองงามผ่องใส
ใครเล่นดีกว่าทั้งหมดที่จดไว้ ก็ให้ได้ของเปรเซนต์เปนรางวัล
ยังมีอย่างอื่นมากยากจะเล่า เพราะพวกเขานั้นชำนาญการแข่งขัน
เปนที่รื่นเริงร่าพูดจากัน แต่ตัวฉันซึมเซาเหงาง่วงใจ
คนอื่นเล่นนั้นไม่เห็นมันสนุก จะสู้กรุกเรือนพี่ที่ไหนได้
มีทั้งลาวแลฝรั่งอิกทั้งไทย จะนึกไหนได้หมดไม่อดออม
มามัวดูอยู่เช่นนี้ที่ไหนรอด เห็นจะจอดเจ็บใจจนไผ่ผอม
ฝรั่งขาวพี่เกลียดขี้เกียจตอม ไม่งามพร้อมเหมือนฝรั่งบางเสาธง
พี่หลบหน้าลงมาที่ห้องหับ เขาบอกรับสั่งให้หาน่าพิศวง
ขึ้นไปเฝ้าฟังความตามจำนง รับสั่งทรงชี้ให้ดูยายเจ๊ก
แกมาเดินยุ่มย่ามตามดาดฟ้า อุ้มลูกฝาแฝดประคองมาสองเด็ก
นางคนพี่ที่แก่นั้นกลับเล็ก โปรดให้เม้กเล่นตามความสบาย
พี่ยินดีรี่เข้าไปจ้องจด ฟังกำหนดวาจาน่าใจหาย
ไม่รู้คำลำบากยากจะตาย แสนเสียดายล้อไม่ไหวใจรัญจวน
ให้คิดถึงเมืองลังกาน้ำตาหยด แสนรันทดหม่นไหม้ฤไทยหวน
อยากจะพูดบาฬีตีสำนวน มีแต่ล้วนมิลักขูอดสูใด
กลับคืนห้องท่องอภิธานซ้ำ จะจำศัพท์ใหม่ใหม่ไว้ให้ได้
เมื่อขากลับจะได้พล่ำหนำฤไทย ให้ฦๅในเขตรแคว้นแดนลังกา
เถลิงศกหกสิบเก้าเข้าปีนี้ เมษายนดลดิถีที่สิบห้า
แสนอาวรณ์ร้อนใจไม่เคลื่อนคลา คิดถึงน่าสงกรานต์ที่บ้านเรา
มาเปลี่ยนปีที่ทเลระเหระหน แสนขัดสนเศร้าทรวงให้ง่วงเหงา
ถึงจะคิดป้องกันให้บันเทา ก็ไม่เบาบางวิโยคที่โศกรึง
สรงน้ำพระอนิจาน่าอนาถ น้ำอบหยาดหนึ่งก็ไม่ได้มาถึง
ต้องใช้น้ำหอมแทนแสนคนึง เสร็จแล้วจึงเลี้ยงกลางวันกันอย่างไทย
ขาดเข้าแช่มีแต่ของแห้งแห้ง พี่สู้แสร้งยิ้มแย้มทำแจ่มใส
กองเงินม้ากหลายอย่างต่างออกไป ตัวฉันได้สามม้ากมากจริงจริง
จะฝากไปให้ทั้งสามทรามสงวน พอทั่วถ้วนกันทั้งนั้นท่านผู้หญิง
ปราณีเจ้าหม่อมแห้งเหมือนแกล้งทิ้ง จะกลอกกลิ้งไปอย่างไรไม่ได้การ
แหวนก็ไม่ได้กับเขาเฝ้าอาภัพ ช่างยุบยับเต็มประดาน่าสงสาร
เสียแรงทำกับเข้าให้ใช้การงาน จะคิดอ่านดูสักทีที่เอเดน
อันที่แท้แกก็มีโทษอยู่นิด ทำให้ติดหงอกกระจายไม่วายเข็ญ[๘๕]
ได้ถุงเงินหนึ่งใบพอใจเย็น ดูก็เห็นจะยินดีมีน้ำใจ
ผู้เสร็จการต่างพระองค์คงไม่ว่า ด้วยเลือกหาแปลกชัดสู้จัดให้
ทั้งเปนผู้แจกจ่ายทุกรายไป เพราะเปนใหญ่ปกปักรักษาวัง
เวลาค่ำซ้ำมีดินเนอเล่า วันนี้เขาหรูแท้กว่าแต่หลัง
เสร็จการเลี้ยงเลยมาจ้ำแต่ลำพัง ในห้องนั่งคิดนิราศไม่ขาดคืน

• • • • • • • • •

เมืองเอเดน

คืนที่ ๒๑

วันอังคารที่ ๑๖ เมษายน

เมื่อคืนนี้ตอนดึกหนาวอิก กลางวันในแคบินของพ่อร้อน เหตุด้วยลมมันเปลี่ยนทาง ตรงมาน่าเรือกินแคมซ้าย ห้องพ่ออยู่แคมขวา จึงขึ้นมานั่งเล่นแลเขียนหนังสืออยู่บนดาดฟ้า ตกบ่ายลงเย็นขึ้นทุกที เสื้อขาวแต่งอย่างฝรั่งพอสบาย

วันนี้รีบเขียนหนังสือเสียให้สำเร็จ เพราะเหตุที่จะถึงเอเดนไม่แน่เสียแล้ว เดิมเขาว่าบ่าย ๔ โมง กับ ๕ โมง จะหยุด ๖ ชั่วโมง มีเวลามากจึงเรื่อยๆ นี่จะถึงค่ำแลหยุดเพียง ๔ ชั่วโมง เพราะน้ำเชี่ยวแลไม่มีของบรรทุก

เริ่มเข้าอ่าวเอเดนมาแต่เมื่อวานนี้ เขาว่าเปนที่สำหรับปลามาไข่ ด้วยน้ำค่อยตื้นกว่าข้างนอก พื้นเปนทรายเพราะฉนั้นปลาจึงได้ชุมนัก ผุดโผล่ว่ายพล่านไปเสมอยังค่ำ เมื่อวานนี้เขาเห็นปลาโลมากันมากว่าเปนฝูงใหญ่ๆ ตัวโตๆ เปนเหตุให้มีนกบูบีมาบินว่อนโฉบฉาบตามริมเรือ ให้ไปตามกรมประจักษ์มาดู เพราะต้องกับนิราศหม่อมราโช อะไรๆ ที่นอกจากนิราศหม่อมราโชก็ไม่ทึ่งเหมือน ที่หม่อมราโชแกว่าเหมือนนกนางนวนนั้นไม่เหมือน บินอยู่บนทเลเหมือนนกนางนวน แต่ปีกมันสีเทาทั้งสองข้างอกขาว เรียกว่าบูบี ภาษาที่นี่เขาว่าโง่

ขึ้นบกมาเดี๋ยวนี้ แต่จะจดไม่ทัน ขอผัดไปวันอื่น พ่อได้ส่งของที่ซื้อมาให้ จะลาออกเรือต่อไปอิก

พ่อผู้คิดถึงเหลือล้น

จุฬาลงกรณ์ ป.ร.

• • • • • • • • •

คาถาพระสุภูติแต่งถวายไชยมงคล

ชยตุ

ชยสิริมงฺคลาภิวุฑฺฒิ เต โหตุ

อาสึสปุพฺพกํ ชยมงฺคลฏฺกํ

๑ เชตฺวา มารํ สเสนํ กริวรสหิตํ เภรวํ โย ปวีโร

สิทฺธตฺโถ สกฺยสีโห สกลชนหิโต พุทฺธวา พุทฺธโพธึ

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๒ พนฺธิตฺวา กามปาสารตุทธิสทิสา อานเยมาติ วตฺวา

ปตฺตา โย ขีณกาโม อชินิ มุนิ ตโย ธีตโร อนฺตกสฺส

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ

๓ สพฺพญฺญู ปาฏิหีเร กริยติ มติโน โยรุเวลาทิเก จ

เชสี นานปฺปกาเร สปริสชฏิเล โลกนาโถ วิเนตฺวา

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๔ เทวพฺรหฺมาทิมชฺเฌ วรมติยมกํ ปาฏิหีรํ กริตฺวา

ทุปฺปญฺเจาภิมาเน อชินิ ชินวโร ติตฺถิเย โย ทเมตฺวา

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๕ ภูปาทีนมฺบิ ภีมํธิวจนสวนาจางฺคุลีมาลโจรํ

มาเรตุํ สนฺติเก ตํ อชินินธิวโร โย อภีรู วิเนตฺวา

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๖ ผาเลสฺสํ เต ขิปิสฺสํ หทยมถปเท ปารคงฺคาย คยฺห

เชสฺยายาตญฺจ ยกฺขาลวกอิติ สุตํ โย มุนินฺโท ทเมตฺวา

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๗ มาเรตุํ จกฺขุมนตํ ทสคชพลวายาตนาลาคิรีภํ

มตฺตํ บตฺวาน มชฺชํ อชินิ มุนิวโร โยติโฆรํ นเมตฺวา

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อุตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

๘ วตฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปรหิตนิรโต อปฺปตีวตฺตียํ โย

พุทฺโธสฺมึ เกหิจาปิ วินยิ จ อปเร ปญฺจวคฺคียภิกฺขู

สจฺเจนาเนน นิจฺจํ สุวิหตกสิโร อตฺตโม ยาวชีวํ

จูฬาลงฺการราชา ชยตุ สปริโส โหตุ เต มงฺคลํ จ.

เทวายาจนปุพฺพกา กตฺตุปริทีปกคาถา

๑ ยา เทวตา ภุวนสาสนปาลนสฺมึ

ยุตฺตาตฺตนียสุตธีตุมเหสิหี จ

ตา มุตฺตมํ สุขนวณฺณิตเทหโสภํ

สฺยามิสฺสรํ นรปตึ ปริปาลยนฺตุ.

๒ ยทา หิมํ สีหฬทีปภูมึ อฑิวฺรฑิมหาราชวโรปคญฺฉิ
ตทา หิ โกลมฺพปุร ปสิทฺเธ มโนรเม ภูสิตราชมนฺทิเร.
๓ มหาอมจฺจาทิหิ ราชเสว สุธีสมากิณฺณมหาสภายํ
จิลฺทรฺสฺสการาทิสมญฺเกน คนฺเถน ปูเชสิ ทยาย ยสฺส
๔ โสโข อหํ ราชคุรู สุภูติ เนตา นิกายมฺหิ มรมฺมวํเส
เถโร กตญฺญู สุหโท สุธีนํ อกาสิ มํ ตุฏฺินิเวทนตฺถํ.

ดับลยู สุภูติ. ป. น. ม. ร.

(ภาษามคธที่พิมพ์นี้ ได้แก้อักขรวิธีมาตามที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้)

• • • • • • • • •

แปลคาถา ที่พระสุภูติแต่ง

ขอจงทรงพระเจริญด้วยไชยสิริมงคล

ชัยมงคล ๘ คาถา มีความหวังเปนเบื้องหน้า

พาหุงคาถา ๑

๑ สมเด็จพระสิทธัตถ ผู้แกล้วกล้าดุจพระยาราชสีห์ ในศากยวงษ์ ทรงพระกรุณาแก่ประชาชนทั้งปวง ผจญพระยามารกับรี้พล ทั้งพระยาช้างอันน่ากลัวได้แล้ว ได้ตรัสรู้พระโพธิญาณฯ ด้วย อำนาจสัตยาธิษฐานนี้ ขอสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์บรมราช พร้อมทั้งราชบริษัท จงขจัดพระโรคหายเปนนิตยกาล มีชัยตราบเท่าพระชนมาวสานสมัย ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

๒ สมเด็จพระมหามุนีผู้มีเกลศกามสิ้นแล้ว ชำนะได้แล้วซึ่งธิดามาร ๓ คน ผู้ทนงตนกล่าวว่าตัวเปนดุจบ่วง กล่าวคือกามตัณหา แลสมุทรชลาธาร กล่าวคือ อรดี คือความหวงหึงส์(?) จักผูกตรึงนำมาให้จงได้ ดังนี้แล้วแลมาประโลมล่อฯ ด้วยอำนาจคำสัตย์ข้อนี้เปนที่ตั้ง ขอสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์บรมราชพร้อมทั้งราชบริษัท จงขจัดพระโรคหายเปนนิตยกาล มีชัยตราบเท่าพระชนมาวสานสมัย ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์ แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

๓ สมเด็จพระสรรเพ็ชญผู้เปนที่พึ่งของโลกคือสัตวนิกาย ทรงกระทำพระปาฏิหารทั้งหลายต่างๆ ประการ ทรมานชฎิลเจ้าลัทธิสามคนกับบริษัท มีอุรุเวลกัสสปเปนหัวหน้าให้ละมานะได้แล้ว เทศนาโปรดให้สำเร็จฯ ด้วยอำนาจสัตยภาษิตนี้ ขอสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์บรมราช ฯลฯ มีชัยตราบเท่าพระชนมาวสานสมัย ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าเทอญ

๔ สมเด็จพระชินวร ทรงกระทำพระยมกปาฏิหารอันประเสริฐยิ่ง ปราบเหล่าเดียรถีย์ผู้ไร้ปัญญา มีมานะถือตัวจัด ให้ปราชัยในท่ามกลางบริษัทมีเทวดาแลพรหมเปนหัวหน้าฯ ด้วยอำนาจสัจวาจาที่กล่าวนี้ ฯลฯ ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

พาหุงคาถา ๔

๕ สมเด็จพระชินสีห์ ผู้เอกอัครหาบุคคลประเสริฐยิ่งกว่ามิได้ มีพระไทยมั่นไม่ครั่นคร้าม ทรงทรมานอังคุลิมาลโจรผู้ร้ายกาจ แม้แต่เพียงออกชื่อ ก็เปนที่ขยาดสดุ้งกลัวของชนนิกรมีพระภูธรเปนประมุข ผู้รุกเข้ามาเพื่อจะสังหารพระองค์ ทรงเทศนาโปรดให้ได้สำเร็จฯ ด้วยอำนาจคำจริงนี้ ฯลฯ ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

๖ สมเด็จพระมุนินทร์ ทรงปราบอาลวกยักษ์ผู้แร่มา เปล่งวาจาดุร้าย หมายจะฉีกดวงพระหทัย ไม่ฉนั้นจะจับพระบาทฟาดไปณฝั่งโน้นแห่งพระคงคา ให้ปราชัยพ่ายแพ้แด่พระบารมีฯ ด้วยอำนาจวจีสัตย์นี้ ฯลฯ ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

พาหุงคาถา ๓

๗ สมเด็จพระมุนิวร ผู้ทรงพระกำลังสิบคชสาร ได้ทรงทรมานพระยาช้างนาลาคิรี ผู้ดื่มสุราเมาซับมัน อาลวาดวิ่งมาเพื่อจะปลงพระชนมชีพของพระองค์ ผู้ทรงพระญาณปานจักษุประสาท อาจเห็นแจ้งซึ่งเหตุผล ผจญให้แพ้พ่ายหายพยศฯ ด้วยอำนาจสัตยพจนปรารภพระพุทธานุภาพนี้ ฯลฯ ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

๘ สมเด็จพระพุทธองค์ ทรงยินดีในหิตสุขของปรสัตว์ ได้ตรัสเปนพระสยัมภูแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร อันใคร่ๆ ในโลกนี้ไม่สามารถจะให้เปนไปแข่งขัน โปรดพระภิกษุปัจวัคคีย์กับทวยเทพอื่นอิกเปนอันมาก ให้ได้ดื่มพระอมฤตธรรม ฯ ด้วยอำนาจสัตยประกาศิตอ้างคุณพระพุทธรตนนี้ ขอสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์บรมราชกับทั้งราชบริษัท จงขจัดพระโรคหายเปนนิตยกาล มีชัยตราบเท่าพระชนมาวสานสมัย ขอชัยมงคลจงประสิทธิ์แด่สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้าเทอญ

อายาจนาคือความวอนขอต่อเทวดา ๑ คาถา

ขออมรเทพนิกรผู้กอบภาระธุระในอันรักษาพระพุทธศาสนากับทั้งภูวสถาน จงบริบาลสมเด็จพระนฤบดีสยามิศร์ ผู้มีพระอิศริยยศอันสูงสุด ทรงพระรูปสิริวิลาศอันสาธุชนสรรเสริญแล้ว พร้อมทั้งสมเด็จพระมเหษี พระราชโอรสพระราชธิดาอันสืบสายเนื่องลงมาแต่พระองค์สมเด็จบรมบพิตร์พระราชสมภารเจ้านั้น เทอญ

ว. สุภูติ ป. น. ม. ร.

ต่อนี้ยังมีอิก ๓ คาถา พรรณาความอวดตัวของผู้แต่งคำถวายชัยทั้งนั้น ผู้แต่งอวดว่า ตนเปนเถระชั้นพระราชครูชื่อสุภูติหัวหน้าในพวกมรัมนิกายคือคณะพม่า เปนคนอัธยาศรัยดี มีกตัญญู เปนผู้ได้รับสมุดดิกชันนารีบาฬีของอาจารย์ชิลเดอส์ เปนราชสักการของพระเจ้าเอดเวอดกรุงอังกฤษทรงถวาย เมื่อครั้งเสด็จมาถึงเกาะสิงหฬ ในที่ประชุมใหญ่แห่งหมู่เสวกามาตย์ ณสถานที่ควินส์เฮาส์ที่ผู้แต่งเรียกว่าราชมณเฑียร เมืองโกลัมโบ ตนได้แต่งคำถวายชัยนี้ไว้ เพื่อประกาศความชื่นชมยินดีให้ปรากฎแก่หมู่ปราชญ์ จะแปลตามโวหารของผู้แต่งก็อายใจ เล่าไว้เพียงเท่านี้ก็เห็นว่าพอแล้ว



[๗๗] ตัวคาถาและคำแปลมีอยู่ข้างท้ายพระราชหัดถเลขาฉบับนี้

[๗๘] พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส ทรงผนวชเปนสมเด็จพระราชาคณะ (คือสมเด็จพระมหาสมณเจ้า)

[๗๙] เม้ก เปนคำแผลง หมายความว่า หลอกล้อ

[๘๐] คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ กับพระองค์เจ้าอุรุพงศฯ

[๘๑] พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ประชวรเพียบอยู่ในเวลาเสด็จจากกรุงเทพฯ

[๘๒] พระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ เชย กัลยาณมิตร ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ต่อมาเปนเจ้าพระยา เคยตามเสด็จเมื่อคราวก่อน

[๘๓] ในผู้ตามเสด็จเจ้าพระยาสุรวงศเปนผู้มีอายุแก่กว่าพระชัณษา จึงทรงรดน้ำสมมตว่าเปนผู้สูงอายุ มิให้ขาดพระราชกิจที่เคยทรงประพฤติ แต่อายุยังหาถึง ๖๐ ไม่

[๘๔] เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เจิม แสง-ชูโต

[๘๕] เปนคำพูดล้อกันว่า ถ้าใครมีเมียลาวผมหงอกเร็ว

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ