พระราชหัดถเลขาฉบับที่ ๒๘

เมืองทรอนเย็ม

 

โบสถ์ใหญ่ที่เมืองทรอนเย็ม

 

คืนที่ ๑๐๔

เรืออัลเบียน ทรอนด์เยม

วันจันทร์ที่ ๘ กรกฏาคม ร. ศก ๑๒๖

หญิงน้อย

วันนี้ตื่นสาย ๔ โมงเพราะนอนดึก กินเข้าแล้วไปดูคะทีดรัล ซึ่งเปนที่ราชาภิเศกเจ้าแผ่นดิน วัดนี้ทำด้วยศิลาอย่างอ่อนสีเทา ที่เรียกว่า โซปสโตน สร้างมา ๖๐๐ ปีแล้ว สัณฐานวัดก็เปนรูปไม้กางเขน แต่มีด้านหลังยาวออกไป ซึ่งเปนหลังคามุงกระเบื้อง เห็นจะไม่สูงเท่ากันกับข้างน่า เพราะฉนั้น จึงได้เปนเวลาที่ช่างกำลังจัดการก่อสร้างขึ้นใหม่ทำเปนมุขยาวแลสูงทันกันกับมุขน่า ถ้าหากว่าแล้วเสร็จ หอระฆังจะเปนสูนย์กลางยอด มุขน่ายาวมุขหลังยาว มุขข้างสั้นเท่ากันข้างละสองมุข วัดนี้ดีกว่าที่เดนมาร์ก เปนฝีมือช่าง มีลายขุดสลักศิลา ที่แปลกอย่างยิ่งนั้น คือใช้ระย้าโคมไฟฟ้า โคมใหญ่ๆ ทั้งบัวปลายผนังก็มีโคมราย คงจะเปนเหตุด้วยมืด น่าฤดูหนาวคงจะต้องจุดไฟ การที่ทำใหม่เปนการใหญ่มาก ไม่ใช่แต่ตั้งนั่งร้านเสาหลักแพตีคร่าวแล้วผูกนั่งร้านไม้ไผ่อย่างของเรา ถึงปลูกโรงไม้คร่อมผนังมุขที่จะก่อสร้างนั้น มุงหลังคาสังกะสีมีน่าต่างติดกระจก ทาน้ำมันอย่างเรียบร้อย ลักษณโรงราชรถของเราแต่สูงสามชั้น ยาวกว้างมาก คลุมโบสถ์นั้นมิด ภายในก็ตั้งรางล้อเลื่อนขนศิลา แลตั้งเครื่องจักร์เลื่อยศิลา ไว้ชานด้านหลังกว้าง ปลูกโรงแถวคดเข้ามาติดหลังโบสถ์ ช่างกำลังทำงานอยู่ทั่วทุกแห่ง กำหนดว่าอิกประมาณสิบสี่สิบห้าปีจึงจะแล้ว เอมเปอเรอเยอรมันเอาเปนธุระมาก เสด็จมาทุกปี แลตรวจงานทุกปี ว่าโปรดปรานมาก วัดนี้ซึ่งเปนที่ฝังศพเซนต์ออลาฟ เซนต์ออลาฟนี้เปนเจ้าแผ่นดินตั้งเมืองหลวงอยู่ทรอนด์เยม เข้มแขงในการศึกสงครามมาก แต่ภายหลังตายในที่รบ ครั้นนานมาขุดศพขึ้นเห็นว่าผมยาวออกทั้งที่ฝังไว้ดังนั้น ต้องด้วยลักษณผู้วิเศษในพระสาสนา จึงได้ยกขึ้นเปนเซนต์ย้ายศพไปฝังใหม่ เครื่องราชอิศริยาภรณ์เซนต์ออลาฟของกรุงนอรเวออกจากพระนามเจ้าแผ่นดินองค์นี้ ได้ขึ้นรถไปถ่ายรูปวัดแลถ่ายรูปแม่น้ำนิเดลเบียน แม่น้ำนี้เปนแม่น้ำเฉภาะเมืองทรอนด์เยมตอนใกล้ข้างปากอ่าวทเล มีโรงไว้สินค้าปลูกขวางน้ำติดๆ กันตลอดตอนใต้ตพาน ข้างเหนือน้ำแลเห็นภูเขา มีป้อมแลมีตึกใหญ่อยู่ห่างๆ กัน ตัวเมืองเองนั้นตั้งอยู่ในวงแม่น้ำ ถนนกว้างประมาณสักแปดวา แลยังมีทางคนเดินกว้างประมาณ ๓ วาบ้าง ๔ วาบ้าง ทั้งสองข้าง คงเปนแนวเรือนห่างจากกันในสองฟากถนน สิบสี่วาฤๅสิบหกวา เรือนในเมืองเปนแห่งๆ ถ้าเปนแบงก์เปนโฮเตลมิวเซียมแลโรงเรียนชั้นสูงเช่นนี้ ก่อเปนตึกแต่ไม่มีเกินสามชั้น ตึกเหล่านี้ไม่ได้อยู่เปนหมวดเปนหมู่ ปนกันไปกับเรือนไม้ แต่จะเปนตึกก็ดีเรือนไม้ก็ดี ไม่มีบานน่าต่างไม้เลย ใช้บานกระจกแล้วเปนแล้วกัน ข้างในมีม่าน ใช้ผ้าโปร่งแขวนเปนไข แล้วมีม่านชักบังเงา ผ้าเลี่ยนฤๅดอกลาย ถ้าเปนห้าง ถึงจะเปนเรือนไม้เรือนไหล้อย่างไร คงเปนบานกระจกมีของตั้งเหมือนอย่างในเมืองใหญ่ทั้งปวง ไม่มีพระราชวัง เจ้าแผ่นดินเสด็จมาราชาภิเศก ก็อยู่ตึกสำหรับเมือง คำที่เรียกว่าตึกนี้เห็นจะไม่ตรง รูปเหมือนตึกแต่ทำด้วยไม้ แต่ก็อยู่เวลาราชาภิเศกคราวเดียว ถ้าเวลาอื่นเสด็จมาก็อยู่โฮเตลที่พ่ออยู่นั้น ไม่ใช่ไล่เอาทั้งโฮเตล ใครๆ ก็อยู่ได้ เพราะฉนั้นเจ้าแผ่นดินจึงบอกพ่อว่า ให้ส่งใครเขาไปดูโฮเตลเสียก่อน มันไม่สู้ดี เคยอยู่แล้ว

ได้เข้าร้านสามร้าน ซึ่งเปนแฟชันเนเบอล ที่ใครใครมาต้องเข้าทั้งนั้น เหตุด้วยต้องซื้อเครื่องแต่งตัวขนสัตว์ต่างๆ ซึ่งเปนของสำหรับประเทศ ใช่แต่จะเพื่อเปนของประหลาดของฝาก เปนของจำเปนที่จะต้องหาตระเตรียมสำรองไป เพราะไม่รู้ว่าจะกลับหนาวเปนเช่นวินเตอได้เมื่อไร การที่ประเทศเหล่านี้ร้อนอยู่ได้ ด้วยกระแสรน้ำซึ่งมาจากอเมริกา เรียกว่า คัลฟสตรีมมาเปนลำมีกำหนด มากระทบอิงค์แลนด์แลเดนมาร์กแล้วจึงมากระทบนอรเว ทำให้น้ำอุ่น เดี๋ยวนี้เขากล่าวว่าอากาศวิปริตไปกว่าแต่ก่อน เพราะแหลมแซนฟรานศิสโกที่อเมริกางอกมากออกมา สายน้ำเดินค่อนจะอยู่ข้างปัดไป ถ้าไม่มีกระแสน้ำนี้ เมืองเหล่านี้จะหนาวทนไม่ได้ คนมักจะเข้าใจว่าทรอนด์เยมนี้เปนเมืองเหนือใกล้นอทเคป แต่ที่จริงยังไกลมาก เพราะเหตุฉนั้นจึงเปนท่าที่สำหรับจะตระเตรียมตัวขึ้นไปนอทเคป คือเสื้อขน, หมวก, รองเท้า, ถุงมือทำด้วยขน, เสื้อชั้นในชั้นนอกทำด้วยหนังฟอก ส่วนของเล่นของใช้เช่นเครื่องของโบราณประหลาดๆ ของประเทศนอรเว เปนเครื่องเงิน เครื่องไม้เครื่องตุ๊กตา หนังสัตว์ เขาสัตว์ ในสามร้านนี้เปนที่มีชื่อเสียงใครไปมาก็ซื้อ เวลานี้กำลังมีคนอังกฤษเที่ยวมาก ในการเที่ยวแถบนี้ พ่ออยากจะยกถวายเอมเปอเรอเยอรมัน เสด็จมาทุกปีแลเที่ยวซอกแซกทุกแห่ง คนในแถบนี้อยู่ข้างรักใคร่นับถือกันมาก แต่ก่อนมาก็ไม่ปรากฎว่าผู้ใดมาเที่ยวมาก ตั้งแต่เอมเปอเรอเสด็จทุกปีๆ ใครมีกำลังเปนต้องมา เลยเปนแฟชันเนเบอล กำลังจะขึ้นต่อไปข้างน่า แต่คนในประเทศยุโรปนี้ยังไม่เคยมาโดยมาก ต่อไปภายน่าเห็นจะได้ยินเรื่องเที่ยวแถบนี้มากขึ้นทุกที เดี๋ยวนี้ชาวร้านที่สำคัญๆ ก็พูดอังกฤษได้แล้วทั้งนั้น ในเมืองซึ่งเปนที่คนไปมาเที่ยวมากๆ ชาวร้านคงจะต้องพูดได้สามภาษา อังกฤษ ฝรั่งเศส แลเยอรมัน กลับไปกินเข้าที่โฮเตล แล้วไปซื้อเครื่องเงินเครื่องลงยาจนบ่าย ๓ โมง ตาเจ้าของร้านคนหนึ่งแกช่างติดอี๊จริงๆ อี๊ไม่มีมูลต่างๆ จนอดหัวเราะไม่ได้ แกเฉยไม่รู้สึกตัวเลย

ออกจากร้านไปขึ้นเขา เรียกว่าฟยีเซตตาเปนเขาอยู่ใกล้เมืองทรอนด์เยม ทางขึ้นไม่สู้ชัน ความจริงพื้นแผ่นดินเมืองทรอนด์เยมมีที่ราบอยู่แต่ที่ตรงตั้งเมืองเท่านั้น พอพ้นออกไปก็เปนลูกเขา ไม่มีน่าผาแต่สูงกว่าเนิน มักจะเปนสันคมๆ ดาดลงไปหาแม่น้ำตลอดไปทั้งนั้น แม่น้ำก็คดเคี้ยวมาก เปนน้ำตื้นศิลาครุคระโดยมาก ไม่ได้ใช้เดินเรือ กระแสน้ำไหลแรงเชี่ยวกรากเหมือนน้ำลำธาร การที่ขึ้นเขาก็ขึ้นไปตามสันตามไหล่ มีเวลาที่ไปราบๆ มากกว่าขึ้นชันแต่ทีละน้อยๆ สูงขึ้นไปทุกที มีบ้านเรือนรายไปตามระยะทางจนถึงยอดเขาที่ติดกันมากๆ เปนพื้นราบลุ่มๆ ดอนๆ ไม่มีบ้านเรือน มีที่ขังน้ำเปนชั้นๆ ขึ้นไป แต่เมื่อแลดูวิ้วลงมา งามทุกๆ ช่องเปนลำดับ แต่ข้อซึ่งอัศจรรย์นั้น เมื่อเราอยู่บนเขาแลดูที่ขังน้ำ ไม่แลเห็นเขื่อนที่กั้นไว้ แลลงไปเหมือนกับน้ำทเลในฟยอด สูงเสมอกับน้ำในที่ขังน้ำ ซึ่งสูงกว่าทเลตั้งยี่สิบสามสิบเมเตอเปนต้นไป ชั่วแต่แลเห็นรั้วขาวกั้นกลาง ที่สุดของเขา ๑๓๐๐ ฟิต มีเซเนตอเรียมอยู่บนนั้น เปนที่ๆ ใครมาขึ้นมีลายมืออยู่ที่นั่นโดยมาก มีเจ้าแผ่นดินแลพระมเหษีเมืองนี้กับเอมเปอเรอเยอรมัน แลเจ้านายอังกฤษอื่นๆ อิกเปนต้น เขาเลี้ยงเรนเดียร์ คือกวางที่สำหรับลากรถไว้ที่หลังเซเนตอเรียมนั้น ถ้าเวลาฤดูหนาวใช้ลากเลื่อนที่เขาเหล่านี้เปนที่หญ้าเตียนโดยมาก มีป่าสนเปนหย่อมๆ เปนที่สำหรับเขาเล่นน้ำแขงวิ่งด้วยชี ก่อนเวลาที่จะกินน้ำชามีฝนตก แต่ไม่ช้าเท่าใดก็มีแดด แดดนั้นใสแหลมมีรุ้งด้วย ลักษณฝนตกเช่นนี้ เขากล่าวกันว่าเหมือนเด็กร้องไห้แล้วหัวเราะทั้งน้ำตา น่าเอ็นดูปานกัน

กลับลงมาจากเขา พักที่โฮเตล ด้วยนัดรับแอดมิราลอิงเคลฟิลด์ ซึ่งคุมเรือรบอังกฤษสามลำมาทอดอยู่ในท่านี้ แอดมิราลคนนี้ได้เคยพบกันแต่ก่อนคราวหนึ่งแล้ว มีอัธยาไศรยดีมาก แต่เรือรบที่มานี้ไม่ใช่เปนกองทัพ เปนพาเด็กมาฝึกหัด เขาจะมาพักอยู่ที่นี่ ๗ วันแล้วจะไปเบอรเคน บางทีจะได้พบกันอิกเมื่อขากลับ ได้รับโทรเลขเจ้าแผ่นดินมีมาปราไสยอิก ได้ตอบแลได้ทราบข่าวว่าเอมเปอเรอเยอรมันมาถึงเบอรเคนแล้ว เมื่อถึงที่ไหนได้วางเคเบอลเข้าหาฝั่ง แลมีเรือตอปิโดเดินข่าวอยู่เสมอ

ทำหนังสือต่างๆ แลจัดของส่งบางกอกมอบให้พระยาวิสูตร ซึ่งจะกลับไปพรุ่งนี้ แล้วจึงได้กินเข้าเย็น

เคาน์เตสฟริสบอกว่าตกปลาซัลมันสนุก จึงได้ให้ลองจัดดูที่นี่ เอาให้ได้สองอย่าง คือได้เห็นน้ำตกใหญ่ด้วย กินเข้าแล้วเวลายามเศษขึ้นรถไปที่น้ำตกเลียบไปตามลำน้ำ แต่จำจะต้องปีนขึ้นเขาจนถึงสันโดยมาก ชั่วโมงเศษจึงได้ไปถึงเรสเตอรองต์ ซึ่งตั้งอยู่เหนือน้ำตกนั้น เปนเรือนอย่างนอรวิเยียนทำด้วยไม้ มีคนไปอยู่หลายคน น้ำตกนี้ก็เปนน้ำแม่น้ำ มีศิลาคั่น ตกลงมาถึงแม่น้ำชั้นล่างที่ต่ำ สูงประมาณสักสิบวา ที่ตรงน้ำตกนั้นกว้างประมาณสัก ๑๕ วาฤๅเส้นหนึ่ง แต่เขาตั้งรอไม้ซุงกันให้ช่องแคบสำหรับล่องไม้ลงแก่ง ไม้ล่องลงได้ แต่มักจะหักที่ตรงนั้น เพราะสายน้ำแรงมาก ที่ซึ่งจะตกปลานั้นคือใต้แก่งซึ่งจะต้องไต่ลงไปตามฝั่งจนกระทั่งถึงน้ำประมาณสิบวา การที่จะลงไปก็ไม่ยาก แต่ขาขึ้นออกจะฟก การตกเบ็ดไม่สำเร็จ เพราะเปนเวลาร้อนสโนละลายลงมามาก น้ำไหลแรงเกินไป

ขึ้นจากที่นั้นไปด้วยรถอิก ทางสักสิบมินิตเห็นจะได้ ถึงที่น้ำตกอิกชั้นหนึ่ง สูง ๑๕ วา ที่นี่ข้างหนึ่งเขาได้ทำเปนทางดาดด้วยปูนเสมอระดับน้ำข้างบน แล้วเทลงมาให้ไม้ซุงเลื่อนลงมาได้ อีกซีกหนึ่งก่อเขื่อนกันช่องกระแสน้ำ ให้ลงมาพัดหมุนเครื่องไฟฟ้าสี่เครื่อง เปนกำลัง ๖๐๐ แรงม้า ได้ไปดูมีคนทำงานอยู่ในนั้นสามคนเท่านั้น ช่างถูกเสียที่สุดที่แล้ว หว่างกลางน้ำยังตกแรงเปนฝอยฟองพลุ่งกระเซน ทางที่ไปต้องเวียนอ้อมไปตามฝั่งน้ำ ตรงน่าน้ำพุห่างประมาณสักห้าเส้นเศษ ฝอยน้ำกระเซนถึง

กลับจากนั้นเลยลงมาเรือ ซึ่งเข้าเทียบท่า เปนท่ายาวก่อเขื่อนกันคลื่นเปนเขตร์ มีช่องเข้าออก ถึงเรือสองยาม ยังสว่างดี ได้ออกเรือในไม่ช้านัก เรือรบอังกฤษทั้งสามลำสลูต ได้ชักธงตอบขอบใจ

เมืองนอรเวนี้ ราษฎรพลเมือง ออกไปอยู่อเมริกามากกว่าอยู่ในเมือง เพราะสันดานเปนคนชอบไปไกลมาแต่โบราณ แต่ครั้งที่ยังใช้เรือไวกิงอยู่แล้ว เมืองคริสเตียเนียเปนเมืองใหญ่กว่าทั้งหมด มีคนอยู่ในประมาณสองแสนเศษ แต่จำนวนคนขึ้นเสมอ เมืองทรอนด์เยมนี้มีคนสามหมื่นแปดพันเท่านั้น เพราะฉนั้นในป่าที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ จึงมีคนห่างๆ วิธีฮุราของเขาสามครั้งสามลา กระชากออกมาถี่ๆ รวมเปนเก้าหน เพราะฉนั้นเสียงจึงได้กระชากๆ ประเดี๋ยวเดียวแล้ว ได้เขียนหนังสือนี้มาจนสว่าง คือเวลา ๗ ทุ่มครึ่ง จึงขอจบกันเท่านั้นที

• • • • • • • • •

รูปทรงถ่ายสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต กับพระองค์เจ้าอุรุพงศรัชสมโภช ที่ในเรืออัลเบียน

รูปทรงถ่ายสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต กับพระองค์เจ้าอุรุพงศรัชสมโภช ที่ในเรืออัลเบียน

เกาะทอร์กแฮตเตน

 

เกาะทอร์กแฮตเตน

 

คืนที่ ๑๐๕

วันอังคารที่ ๙ กรกฏาคม

เมื่อคืนนี้เขียนหนังสือไม่เต็มบริบูรณ์ เพราะเวลาดึกตะลีตลานไป เรื่องน้ำพุนี้เปนของที่กำลังนิยมยินดีกันใหญ่ ที่ใช้เปนแรงหมุนเครื่องจักรแทนสตีม คิดส่วนที่ผิดกันกับใช้สตีม ใช้แรงม้าถูกกว่า ๘๕ เปอเซน เพราะฉนั้น เมืองซึ่งมีน้ำพุน้ำตกมากๆ นับว่าเปนที่มีสมบัติใหญ่ เมืองสวิเดนแลเมืองนอรเวบริบูรณ์ด้วยน้ำพุน้ำตกได้ใช้การแล้วบ้างยังเหลืออยู่มากอันจะเกิดประโยชน์ใหญ่ พวกกัมปนีเที่ยวซื้อแลยึดถือที่น้ำตกต่างๆ ไว้เสียแล้วมาก ก่อนรัฐบาลได้คิดอ่าน

เดี๋ยวนี้กำลังเกิดวิชาใหม่ด้วยอาไศรยแรงน้ำนี้ คือกลั่นไนเตรตธาตุอย่างหนึ่งออกจากลมอากาศ โดยทำหลอดใหญ่ให้ลมเดินในนั้น แล้วเอาไฟฟ้าเผาลมให้ไนเตรตลงในปูนศิลาขาว นำไปใช้เปนปุ๋ยโรยแผ่นดินที่เพาะปลูกให้พืชพรรณงาม กำลังแบงก์ต่างๆ ออกเงินทดรองให้ทำการเผาไนเตรตออกจากลมอากาศเปนอันมาก เดี๋ยวนี้ปูนขาวไนเตรดนั้นได้ลงบรรจุถังขายเปนอันมากแล้ว การที่ความคิดเล็ดลอดไปจนถึงเผาธาตุในลมอากาศมาใช้ได้นี้ก็เปนอัศจรรย์มาก คล้ายกันกับโทรเลขไม่มีสาย อาไศรยด้วยความรู้แตกฉานออกไปจากไฟฟ้า เมื่อทำอันใดได้สำเร็จอย่างหนึ่งซึ่งเปนอย่างรวบยอดของกำลัง เช่นใช้ไอน้ำ ความคิดก็แตกออกไป ในบรรดากิจการซึ่งควรจะอาไศรยแรงไอน้ำ ครั้นมาจับกำลังไฟฟ้าได้ ความคิดก็แตกออกไปจากบรรดาที่จะใช้กำลังไฟฟ้า เพียงเวลาในอายุพ่อเท่านี้ แต่ก่อนไฟฟ้าดูเปนแต่ของทดลองเล่น เดี๋ยวนี้เปนของที่จำเปนใช้ได้ประโยชน์จริง กว้างขวางนักหนาแล้ว ยิ่งรู้มากความคิดก็ยิ่งแตกมากออกไป ความวิเศษขึ้นในการงานของมนุษย์จะหาที่สุดมิได้ ผู้ใดมีชีวิตรอยู่ช้าไปฤๅที่เกิดมาใหม่ๆ คงจะได้เห็นแต่สิ่งซึ่งวิเศษดีขึ้นร่ำไปไม่มีที่สุด

เมื่อคืนนี้มาไม่มีคลื่น ทเลเรียบตลอด เวลาเช้าเรือเข้าในช่องบอรวิก เปนช่องไม่กว้าง แต่น้ำลึกเรือเดินได้ใกล้ๆ ฝั่ง มีศิลาในน้ำบ้างรายๆ มีเครื่องหมายต่างๆ โตบ้างเล็กบ้าง แต่ไม่ได้ใช้ตะเกียงเลย เพราะเหตุที่น่าร้อนไม่มีมืด เรือเดินได้ทั้งกลางวันกลางคืน น่าหนาวก็เดินแต่เวลากลางวันที่มีแสงสว่าง สองฝั่งเปนเนินศิลาลูกๆ มีดินอยู่เบื้องบนสักสองสามนิ้วพอหญ้าขึ้น ไม่มีต้นไม้เลย ภูเขาสูงๆ ก็มีมาก มีแต่หญ้าไม่มีต้นไม้เหมือนกัน มีเรือนโรงหาปลาตั้งรายๆ กันไป นานๆ มีแห่งหนึ่ง มีเรือใบนานๆ ลำหนึ่ง เรือเล็กที่นี่รูปคล้ายๆ เรือแขกปนกับเรือไวกิง ปลามีชุมมาก เปนปลาเฮียริงมากกว่าอย่างอื่น แต่เดี๋ยวนี้มีคำร้องกันอยู่ว่าปลาน้อยไปกว่าแต่ก่อน เหตุด้วยรัฐบาลอนุญาตให้จับปลาวาฬข้างนอก แต่ก่อนปลาวาฬไล่ปลาเล็กๆ เข้าในช่อง มีโรงโกดังใหญ่ๆ สำหรับรับเก็บปลาตากแห้ง ปลานั้นตากบนศิลา ไม่ต้องตั้งร้าน มีวัวมีแกะสัตว์ของเลี้ยงบ้างรายๆ เวลาน่าหนาวไม่ใคร่จะมีหญ้าแห้งพอ เพราะตามแถบนี้หญ้าต้นเตี้ยๆ ทำหญ้าแห้งไม่พอเลี้ยงสัตว์ ต้องใช้ปลาปน วัวแลแกะก็กินปลาได้ด้วยไม่มีอะไรจะกิน ลืมพูดถึงหญ้าแห้งแถบข้างเหนือนี้ จะกองตากอยู่ในพื้นแผ่นดิน เช่นกับที่ท่ามกลางฤๅข้างใต้ประเทศยุโรปไม่ได้เพราะอากาศร้อนน้อย ต้องเอาขึ้นพาดราวให้ลมเป่าแห้ง กว่าจะแห้งก็ช้ามาก พระอาทิตย์เวลาออกก็แจ่มแสงแหลม เว้นแต่นั่งในแดดไม่ร้อน กลับเปนกิจวัตร์ที่จะต้องออกไปนั่งในกลางแดดได้มากเท่าใดยิ่งดี ถ้าขืนอยู่ในเรือนฤๅในร่มไม่ออกแดดก็เจ็บ ความชื่นชมยินดีในการเห็นพระอาทิตย์ของฝรั่งนั้นเปนที่สุดที่แล้ว แต่เห็นจะไม่ถึงพวกเราที่มาทางนี้ ถ้าเราเห็นพระอาทิตย์เข้าเกือบจะประโคมได้ รู้สึกชื่นอกชื่นใจจริงๆ

ทางที่มาตั้งแต่ทรอนด์เยมคืนนี้ นับว่าคนไทยยังไม่มีผู้ใดได้เคยมาถึงเลย มีคนไทยที่ได้เคยมาถึงทรอนด์เยมแล้วสามคนเท่านั้น ระยะทางที่จะขึ้นไปจนถึงนอทเคปไกลมาก ถ้าจะเทียบหนทางตั้งแต่คริสเตียเนียมาถึงทรอนด์เยม เท่ากันกับจากทรอนด์เยมไปถึงโบเดอ ซึ่งจะถึงในเวลาพรุ่งนี้เช้า ถ้าจะปันโซนทรอนด์เยมยังอยู่ในเทมเปอเรตโซน ตั้งแต่โบเดอขึ้นไปจึงเปนอาร์กติกโซน เปนส่วนตอนข้างหัวโลกฝ่ายเหนือ

เวลาบ่าย ๒ โมงกินเข้าแล้ว เรือจอดที่ต๊อร์คแฮตเตน ต๊อร์คแปลว่าตลาด แฮตเตนว่าหมวก ต๊อร์คแฮตเตน แปลว่าหมวกไปตลาด เรียกตามสัณฐานของเขา เพราะเขานั้นรูปเหมือนหมวกที่ผู้หญิงใส่ไปตลาด มีช่องกลวงที่ตรงกลางใหญ่ทลุแลเห็นฟ้า เขานั้นสูง ๘๒๗ ฟิต ปล่องที่ทลุสูงกว่าทเล ๔๐๗ ฟิต ในปล่องนั้นสูงไม่เสมอกัน อย่างต่ำเพียง ๖๐ ฟิต อย่างสูงถึง ๒๕๐ ฟิต กว้างๆ แคบๆ ที่แคบถึง ๓๖ ฟิต ที่กว้างถึง ๘๘ ฟิต มีเขาคิดเห็นต่างๆ แลมีเรื่องนิทานเกี่ยวข้อง เทือกนิทานตาม่องไล่ แต่จะไม่เล่าในที่นี้ ทางที่ขึ้นไปด้วยเรือเล็ก ไม่ไกลจากที่ทอดเรือเท่าใด มีตพานสูงขึ้นด้วยกระได เปนฝั่งพื้นศิลาครุคระ มีเสาธงปัก มีเด็กแลยายแก่ซึ่งอยู่บ้านแถบนั้น มาคอยเปนคนนำทางเพราะไม่มีหนทาง เดินไปตามก้อนศิลากระปุ่มกระปิ่มบ้าง ที่หญ้างอกคลุมบนศิลาบ้าง พื้นหญ้านุ่มหยุ่นๆ เพราะเหตุที่ข้างล่างเปนตัฟ คือรากหญ้าเก่าปนดิน สีดำเจือแดง ถ้าขุดขึ้นมาผึ่งไว้ให้แห้งติดไฟได้เหมือนถ่าน ไฟติดอยู่ได้นานๆ ไม่ลุกวูอย่างรากไม้ใบไม้ แต่ความร้อนไม่ใคร่จะแรง มีเท่ามาก ตัฟอันหนึ่งๆ ที่ขุดขึ้นมา ลึกแลกว้างเต็มใบพลั่ว เปนแท่งสี่เหลี่ยม ตัฟเช่นนี้ที่มีใช้ทั่วไปในป่าสนทั้งปวงด้วย หญ้าที่ขึ้นบนตัฟเปนหญ้าใบบางไม่หนา ใบสั้นไม่ยาว เมื่อวานนี้แลเมื่อเช้านี้ยายแก่บอกว่าฝนตก จึงได้มีน้ำซึมอยู่ตามพื้นมาก เดินต้องหลีกขึ้นตามก้อนศิลา ไม่ใช่เดินง่าย แต่ไม่ยากเหลือเกิน ขึ้นไปข้างบนมีมอส ทำนองลักษณผักเบี้ย แต่ใบแขงตามซอกหลังก้อนศิลา มีดินเพียงสักนิ้วหนึ่งสองนิ้ว แต่มอสงอกแห้งทับๆ กันนุ่มเหมือนพรม ข้างล่างแห้งเปนสีขาวเหมือนต้นแอหนัง มอสแห้งๆ สีขาวนี้เปนอาหารของกวางเรนเดียร์ที่สำหรับใช้ลากเลื่อน ซึ่งไปเห็นเมื่อวานนี้ ตัวเรนเดียร์นี้สีสรรน่าเกลียด มีขาวกับดำปนกัน ขาวแห้งๆ เหมือนกันกับมอส ดำก็เปื้อนๆ กินมอสนี้เบิกบานทีเดียว มันหลุดจากศิลาง่ายๆ เอามือขยุ้มดินก็ติดขึ้นมาด้วยทั้งพวง มีลูกบลูเบอรีสำหรับทำแคลแรต เปนลูกแดงเล็กๆ ในหญ้า รศเปรี้ยวมีเม็ดในนั้นมาก ได้ไล่เสียงยายแก่ว่าแกอยู่อย่างไร ดูแกเบิกบานในที่อยู่ของแกมาก ว่าบรรดาเกาะเหล่านี้ไม่มีที่ไหนสู้ เพราะมีหญ้าบริบูรณ์กว่าที่อื่น เลี้ยงวัวได้ถึง ๖ ตัว สารพัดนมเนยอะไรใน ๖ ตัวนั้น พอเลี้ยงกัน ตัวสองคนผัวเมีย มีลูก ๗ คน เปนหนุ่มเปนสาวแล้ว ต้องซื้อก็แต่แป้งขนมปัง เรื่องที่ให้วัวกินปลานั้น ตำบลนี้ไม่จำเปน เพราะเอาปลาไปขายได้ราคาเปนเงินมาซื้อหญ้า มีที่ซื้อหญ้า ไม่เหมือนตำบลอื่น ซึ่งจำเปนต้องให้วัวกินปลา

ทางที่ขึ้นต่อไปข้างบน เปนฉวากหว่างเขา แลดูออกไปข้างทเลเห็นเกาะแลช่องทเลงดงาม ด้านข้างในเปนน่าผาสูง พ่อขี้เกียจเดิน เหนื่อยจึงได้หยุดอยู่เสียกลางทาง แดดกล้าร้อนจนถึงเหื่อออก คนอื่นขึ้นไปยายแก่กับลูกสาวนำ คอยอยู่เปนนานจึงได้กลับ ใครกลับมาก็ไม่ล้าหลังเหมือนเจ้าพระยาสุรวงษ์ มีคนเอานมวัวแลน้ำแดงมาขายกินชื่นใจดี กลับลงมาถึงเรือเกือบ ๔ โมง ออกเรือต่อมาพอถึงข้างเหนือ แลเห็นช่องเขาปากข้างเหนือทลุโต ลักษณอย่างเขาอกทลุเมืองพัทลุงนั้นเอง แต่ดีที่เฉภาะเปนช่องอยู่ตรงกลางเขาทั้งข้างส่วนสูงแลส่วนกว้าง ไม่ทลุเบี้ยว ๆ ในที่บางเหมือนเขาอกทลุ เพราะฉนั้นถ้ำจึงได้ยาวเปนปล่อง เขาเรียกปล่องนั้นว่า วูลเลตคือช่อง ถัดมาอิก ถึงเขาพี่น้อง ๗ นาง เปนเขามียอดเรียงๆ กันไปเจ็ดยอด แต่ติดกันอยู่เปนแฝดสองยอด แนวเขา ๗ ยอดนี้เปนสายใน มีสโนเกาะอยู่ตามแอ่งๆ ไม่มีต้นหญ้าฤๅมีก็เหี่ยวไหม้ แต่มีแนวเขาเตี้ยคั่นอยู่ข้างน่า เขาเตี้ยนี้มีต้นหญ้าเขียวตลอด มีบ้านพวกประมงรายห่างๆ กัน รูปพรรณสัณฐานเหมือนอ้ายเรือตุ๊กตาฝรั่ง ที่ใช้ไม้สนถากหยาบๆ แลต้นไม้มีฐานซึ่งเคยเล่นกันมาแต่เด็กๆ ดินฟ้าอากาศแลน้ำ เหมือนรูปเขียนเมืองนอรเวที่เขาเขียน ซึ่งเราไม่เห็นจริง มันใสแจ่มกว่าปรกติมาก กินเข้าเวลาทุ่มครึ่งวันนี้ แดดยังจ้าเท่าบ่าย ๓ โมงในกรุงเทพฯ พระอาทิตย์วันนี้ใสไม่มีเมฆหมอกเลย จนออกร้อนไม่ใคร่จะหนาว เวลา ๕ ทุ่มพระอาทิตย์จึงได้ตก แต่ถึงพระอาทิตย์ตกแล้วก็ยังสว่าง พระอาทิตย์ขึ้นแลพระอาทิตย์ตกที่นี่ช้ามาก อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้นนานๆ เพราะเหตุฉนั้นวันจึงได้มาก มีเวลามืดน้อย เวลา ๕ ทุ่มนี้เปนเวลาที่เรือเข้าในอาร์กติกโซน พระอาทิตย์ตกน้ำ มีเวลามืดสักครึ่งชั่วโมงก็กลับแสงสว่างขึ้นอิก เวลาพรุ่งนี้เห็นจะไม่ตก

• • • • • • • • •

เมืองโบเดอ ริมท่าเรือ

 

คืนที่ ๑๐๖

วันพุฒที่ ๑๐ กรกฏาคม

เวลาเช้าเรือจอดที่โบเดอ ยังไม่ทันตื่น ตำบลนี้เปนที่ประชุมบ้านพวกหาปลาแห่งหนึ่ง ได้ลงเรือโมเตอลอนช์ ไปขึ้นที่ท่ามีสพาน ต้นสพานเปนเนินทางชันขึ้นไป ตามริมฝั่งทเลปลูกโรงกุดัง สำหรับไว้ปลาแห้งเรียงติดๆ กันไป เสาปักลงในน้ำ มีราษฎรลงมาคอยดูอยู่ที่สพานมาก มีเรือเสาเรือใบบ้างเรือเล็กๆ มาก ริมตลิ่งเหมือนอย่างที่หาปลาทั้งปวง ขาดแต่ร้านตากปลา มีคนถือพวงปลาหิ้วไปหิ้วมา เห็นจะขึ้นจากเรือ เมื่อขึ้นไปถึงท้องถนน แลไปตามท้องถนนทั้งข้างเหนือข้างใต้ และแลกลับลงมาทางสพาน ช่างเหมือนปากน้ำโพจริงๆ พอเลี้ยวข้างขวาก็ถึงร้านตาเจ๊กสมบุญ[๑๘๗] แต่ที่นี่เปนฟาเมซี แต่ก็ขายของอะไรๆ ตีปาถะ เหมือนกันกับปากน้ำโพ เครื่องเดินทางเปนพื้นข้ามฟากถนนไปอิกฟากหนึ่ง เข้าห้างเปนโรงแถวชั้นเดียวทั้งหมด ขายของต่างๆ อย่างสามัญ จะหาของซึ่งเปนสเปเชียลสำหรับที่นี้ ได้แต่กะโปรงปลา ซึ่งควรจะเรียกว่าจองได้ แลศิลาที่ฝังทำนองเปนแร่อย่างใดอย่างหนึ่ง เปนเครื่องทับหนังสือกับโปสต์ก๊าด มีเท่านั้น กำลังอยู่ในร้านฝนตกต้องซื้อร่มอิกคันหนึ่ง สำหรับกั้นเดินกลับมาลงเรือ คนก็มากหลายพัน พอตีรั้งกันกับปากน้ำโพ แต่ถนนของเขาดีกว่าถนนกรมดำรงที่ปากน้ำโพ เวลากลับลงมาถึงที่สพาน มีผู้เอาปลาซัลมันตัวใหญ่มาถวาย ยืนลูบคลำยื่นอึดๆ จะให้รับ แต่จะว่ากะไรก็ไม่ว่า จึงไม่ได้รับออกเรือมา อุส่าห์ลงเรือตามมา พอขึ้นบนยอตช์ เขาก็เดินตามขึ้นมายืนที่กระได ยิ้มแย้มแจ่มใสให้ปลานั้นอิก ออกรักว่าใจดี จึงได้เอาดุมมือเงินลงยา จ.ป.ร. คู่หนึ่งไปให้ ด้วยความดีใจ ยื่นมือมาจับพ่อทั้งที่เปื้อนๆ ปลาอยู่เช่นนั้น มือเหม็นคาวอู้ถึงต้องมาล้าง ปลาซัลมันกลิ่นกล้า ถึงฝรั่งก็ออกขยาด เจ้านั่นลงเรือไป อวดลูกกระดุมเรื่อยตลอดทาง ดุมนั้นเห็นจะเหม็นคาวทั้งหีบ ได้ออกเรือต่อไปในเวลานั้น

คิดการเรื่องที่จะไปต่อไปอิก เดิมกำหนดว่าพรุ่งนี้เช้าจะถึงตรอมซือจะแวะตรอมซือก่อน แล้วจึงจะไปฮาเมอเฟสต์ ถึงฮาเมอเฟสต์เช้า ตอนบ่ายไปนอทเคป ไปมีความคิดว่า ได้ถึงฮาเมอเฟสต์แล้ว ควรจะไปดูพวกลัป อันสำเนียงอังกฤษอ่านเปนแลบนั้น ซึ่งเปนชาวป่าอยู่ข้างในลึกเข้าไปทางชั่วโมง ๑ เศษ ทั้งไปทั้งมาจะกินเวลาอยู่ในราว ๓ ชั่วโมง จะไปถึงนอทเคปบ่ายมากเกินไป พระยาชลยุทธเตรียมมาสำหรับจะให้สลัก จ.ป.ร. ด้วย เวลาจะไม่พอทำงาน จึงตกลงเปลี่ยนเสียใหม่ ข้ามไม่แวะตรอมซือไปฮาเมอเฟสต์ทีเดียว คงจะไปถึงฮาเมอเฟสต์ในเวลาบ่าย กินเข้ากลางวันแล้ว ตรงไปถ่ายรูป ซึ่งอยากจะถ่ายรูป เพราะเหตุว่ามาถึงที่สุดแดนมนุษย์อยู่ ควรจะได้ถ่ายรูปในที่นั้น แล้วไปดูพวกลัป กลับมาค่ำออกเรือจากฮาเมอเฟสต์ไปนอทเคป ขึ้นนอทเคปแต่เวลาเช้า ได้สลักเสียวันยังค่ำ แล้วเลยอยู่ดูพระอาทิตย์จนตลอดพ้นสองยามแล้ว จึงกลับมาแวะฮาเมอเฟสต์รับรูปที่ถ่าย แลจะได้บอกโทรเลขวันกลับในที่นั้นด้วย รุ่งขึ้นจึงจะขึ้นตรอมซือ ขากลับจะได้ไม่ต้องนิ่งอยู่ในเรือหลายวัน

ตั้งแต่มาตอนนี้ไม่มีคลื่นเลย เพราะมาในช่องเกาะตลอด แลเห็นภูเขา ฝั่ง แลเกาะ ตลอดหนทาง ภูเขามีสโน กองอยู่ในที่สูงๆ ทั่วไปทุกเขา หน้าตาเปนเขตร์อาร์กติก ที่เคยเห็นในรูปอยู่เนืองๆ นั้น วันนี้แดดไม่แจ่ม ไม่แลเห็นดวงพระอาทิตย์ แต่ฝนไม่ได้ตกต่อไปอิก น่ากลัวแต่วันที่ไปถึงนอทเคปเปนอย่างนี้ละจะเต็มที จะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงคืน ถ้าหากว่าเสียทีเสียครั้งหนึ่งแล้วยากที่จะขึ้นมาดูอิกได้ จึงเปนที่ใจเต้นอยู่

เวลาบ่าย ๔ โมง นึกถึงปลาซัลมันที่เขาให้ ว่าจะทำอะไรกินดี ตกลงว่าควรจะต้มเข้าต้มปลาซัลมัน แต่ไม่มีผู้ใดสันทัด โทษถึงเสด็จไปต้มที่ครัวเอง ถามถึงน้ำปลา ตาอ้นนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน แปดคำเก้าคำก็ไม่พูด พระยาบุรุษก็นิ่งเสียด้วย แปลว่าเจ้าคุณจางวางแลคุณพระนายไม่รู้เลยว่ามีอะไรบ้าง ตกลงดีแคลร์กันว่าไม่มี ทอดธุระว่าจะใช้เกลือ ทีหลังนายศรีทหารเรือที่เอามาใช้ มายืนยันว่ามี รับจะไปเอามาให้ ตกลงเปนได้ มาต้มเลี้ยงกันทั้งฝรั่งทั้งไทยอร่อยดีมาก เสียแต่ปลามันจืด ออกจะเปนกระดาษๆ สู้ปลากระพงไม่ได้ ตั้งแต่ได้กินเข้าต้มปลาซัลมัน เลยกำเริบกันใหญ่ เจ้าชายอุรุพงษ์เปนหัวน่า อยากกินโน่นกินนี่คิดสมบัติบ้า รับจะไปจัดให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ แต่ครั้นไปตรวจเข้าก็เปล่าทั้งนั้น น้ำตาลก็ไม่เอามา อ้ายน้ำตาลที่เคยเกิดความแล้วเกิดความเล่าเห็นไม่ต้องการ น้ำพริกแกงก็ไม่เอามาเลิกเสียด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่น้ำพริกแกงสำหรับกองทหาร หม่อมนเรนทร์เขามีติดมา คงขาดแต่น้ำตาล กองตะกลามบอกให้ทดลอง เปนอันจะได้ทดลองกันพรุ่งนี้

วันนี้พระอาทิตย์สูงมาก ตอนบ่ายลงมามีเวลาอากาศแจ่มบ้าง เวลา ๒ ทุ่ม พระอาทิตย์สูงเท่าบ่าย ๓ โมง ได้ถ่ายรูปพระอาทิตย์เวลายามหนึ่งเสมอยอดเขา เปนการซ้อมมือ ตกดึกถึง ๔ ทุ่มมีหมอกลงตามยอดเขาบ้าง ต่ำลงมากว่ายอดเขาจนถึงเชิงเขาบ้าง เรือเข้ามาในช่องแคบๆ หลายตอน วันนี้ได้เห็นต้นไม้ใหญ่มากหลายแห่ง จนถึงปลูกชิดกันเปนป่าก็มี ชรอยจะเปนที่มีดินมาก มีทุ่งหญ้าอย่างหญ้าสูงบ้างเปนแห่งๆ สโนตามยอดเขาขาวเนื่องกันตลอดไปทั้งสองฟาก ทำให้อากาศหนาวเย็นชืด รู้สึกเฉียบๆ ปรอดกลางแจ้งฟาเรนไฮต์ ๕๔ ในเก๋งเรือปรอดก็ต่ำกว่าขีดที่จะต้องติดไฟ แต่ทนได้ไม่ต้องติด ในเรื่องปรอดนี้อยู่ข้างจะเสียใจมาก ที่เราไปติดฟาเรนไฮต์ ที่เมืองอื่นไม่ได้ใช้เลยนอกจากอังกฤษ ไปพูดกับใครเขาก็ไม่เข้าใจ เขาพูดกับเราๆ ก็ไม่เข้าใจ คำที่ว่าไม่เข้าใจนี้ ไม่ใช่จะไม่เข้าใจว่าแบ่งอย่างไรผิดกันอย่างไร มันไม่เข้าใจซึมทราบเข้าไปในใจเราเหมือนฟาเรนไฮต์ เช่นกับบอกว่า ๑๖ ดีกรีก็เชื่อว่า ๑๖ แลดูก็รู้ว่าเลข ๑๖ แต่จะให้คเนว่า ๑๖ นั้นมันหนาวเท่าไรใจไม่ยักรู้สึก มันเปนเรื่องชอบกล ฟาเรนไฮต์นี้เปนของเยอรมันคิด แต่เยอรมันไม่ใช้ อังกฤษไพล่เอาไปใช้ เซนติเกรตเปนของอังกฤษ อังกฤษไม่ใช้ ฝรั่งเศสไพล่เอาไปใช้ เรเมอเปนของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสไม่ใช้ เยอรมันไพล่เอาไปใช้ แต่พอได้กระทำใจตกลงเสียแล้ว ว่าจะเรียนสังเกตตามเซนติเกรต ซึ่งเข้าเรื่องกันดีกับเครื่องวัดอื่นๆ ตั้งแต่ไปอาบน้ำที่บาเดนบาเดน สังเกตจนออกเข้าใจ เว้นแต่มันไม่ซึมทราบเหมือนฟาเรนไฮต์ ถ้าเราใช้เซนติเกรต อาจจะรู้ที่ไหนรู้ได้ เพราะในคอนติเนนต์ ถ้าหมายเลขสองข้างคงเปนเซนติเกรตข้างหนึ่ง เรเมอข้างหนึ่ง ฟาเรนไฮต์เปนไม่มีใครแลเห็น เวลาที่เราอยู่ในอิงค์แลนด์มันน้อยอยู่คอนติเนนต์มาก จึงเปนการจำเปนที่จะต้องเรียน

กำลังบอกให้กรมสมมตเขียนหนังสือถึงกรมดำรง ฟ้องรานซอมเมอ[๑๘๘]ว่าไม่มีกล้องแมช่อมดีขาย ได้ยินเสียงพระยาชลยุทธร้องโว้กเว้กมาแต่ไกลนอกห้อง ทำไมจึงเข้าใจว่าคงเปนเรื่องพระอาทิตย์ เพราะเหตุที่ ๒ ยามตรงโดดออกไปฉวยกล้องถ่ายรูป ซึ่งเตรียมมาไว้เสร็จแล้ว ไปกราบเรือทันที หมอฟิสเตอก็โดดตูมตามมา ได้ถ่ายพระอาทิตย์กำลังเที่ยงคืนปั๋ง ได้ ๔ เนกเกตีฟก็เข้าเมฆ เฉภาะตรงยอดเขาสูงที่เปนเทือกยาวด้วย วันนี้พ่อออกจะทอดธุระเสียแล้ว ว่าคงจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เวลาเที่ยงคืน เพราะเหตุที่ตั้งแต่ ๔ ทุ่มมา ไม่ได้เห็นดวงพระอาทิตย์เลย เปนเมฆหมอกฝนประปราย แต่อย่างไรใจจึงได้เปนห่วง ยืนชำเลืองๆ อยู่เสมอ อิก ๑๐ มินิตออกอิก อยู่ยอดเขาวิ่งขึ้นไปถ่ายบนหัวเรือ ได้อิก ๔ เนกเกตีฟก็หลบวับหายเงียบทีเดียว คอยๆ จนเห็นไม่ได้การ กลับเข้าเก๋ง นั่งอยู่สักครู่เดียว กลายเปนสว่างขึ้นมาอิก แต่ไพล่ไปสว่างข้างตวันออกแผ่มาจับตวันตก แต่ยังไม่เห็นดวงอาทิตย์ กลับไปเปนอรุณเสียแล้ว กรมสมมตได้นั่งบ่นว่า นี่คนแก่บอกไม่เชื่อจริงๆ ที่ซึ่งได้ถ่ายรูปพระอาทิตย์เวลา ๒ ยามนี้ เรียกว่าตำบลเกาะดารเออ แลติดยูด ๖๙ ดีกรี ๕ มินิตเหนือ ลองติดยูด ๑๗ ดีกรี ๓๕ มินิตตวันออก รู้สึกปลื้มใจเต็มที คล้ายกับเห็นสุริยุปราคา น่าประโคมแลแจกเงิน แต่นี่ไม่ใคร่มีใครเห็น เห็นกันสองสามคน ไม่ได้ประโคมจึงไม่ต้องแจกเงิน รู้ว่ายังอาจจะเห็นได้อิกถึงสามคืน แต่มันไม่แน่ อาจจะมีเมฆหมอกฤๅฝนตกเห็นไม่ได้ ได้เห็นแลได้รูปขึ้นมือไว้เสียแต่วันนี้ อย่างไรๆ ก็เปนต่อไม่เสียที เวลา ๗ ทุ่มนี้หมอกลงจัด ข้างขวามือที่เปนฝั่งเกือบจะเปนเอาดำๆ ป้ายไว้ข้างหลัง ควันอากาศกลางแจ้งเย็นกัดเนื้อเฉียบๆ แต่ที่จริงปรอดก็ ๕๐ เท่านั้น เปนเหตุด้วยหนาวมาจากสโน กลิ่นอายอากาศที่รู้สึกเหมือนอย่างกับอยู่บนยอดเขาโรเชเดอเน ที่เมืองสวิตเซอแลนด์ เสร็จการจดทเบียนพระอาทิตย์เต็มดวงเวลาเที่ยงคืนนี้แล้วเปนอันนอนได้ ขอจบเท่านั้นที ขอเติมอิกนิดว่า ความรู้สึกเหมือนอดนอนอยู่จนสว่าง มหาดเล็กยืนค้อนตาเขียวๆ ว่าสว่างแล้วยังไม่นอน แต่มัน ๗ ทุ่มจริงๆ อ้างนาฬิกาเปนพยานได้

• • • • • • • • •

ท่าเรือเมืองฮัมเมอร์เฟสต์

 

เมืองฮัมเมอร์เฟสต์

 

คนหาปลาที่เมืองฮัมเมอร์เฟสต์

 

คืนที่ ๑๐๗

เรืออัลเบียน ฮาเมอเฟสต์

วันพฤหัศบดีที่ ๑๑ กรกฏาคม

เมื่อเช้านี้ข้ามอ่าวมีคลื่น ตื่นขึ้นแล้วเลยนอนเสียไม่ลุก จนจวนเที่ยงจึงลุกขึ้นทำกับเข้า ตาอ้นไปหุงเข้าไว้ก่อน ชายบริพัตรทอดเนื้อกับน้ำส้ม น้ำปลาแลกุ้งไม้ เกณฑ์ให้อ้ายกุ๊กทอดปลาเฮียริง หน้าตาคล้ายปลาทูแต่มีน้อยไปไม่พอ ต้องเอาปลาซาดินแทน เยนตราจัดผักอยู่ข้างจะแขงแรงมาก ว่าเสียหรู มีผักกาดแดงแลเตอนิปกับแครอตต้ม พ่อตำน้ำพริก ขาดน้ำตาล ใช้น้ำตาลกรวดแทน ช่างประดักประเดิดจริงๆ แก้อย่างไรมันก็ปร่าอยู่นั้นเอง ถ้าเปนที่บางกอกก็โทษถึงไม่เสวย ได้อินเวนต์ยำลูกแอบเปอลอร่อยดีมาก ควรจะพากลับเข้าไปถึงบางกอกได้ กินกันอร่อยดี แต่เสือพริกอุรุพงษ์ไม่ใคร่พอ อยากแต่จะเผ็ดให้มากอย่างเดียว พริกแช่น้ำปลาใช้ได้สำหรับให้เผ็ด แต่ไม่หอม เรือเข้าช่องเกาะคลื่นสงบกินเข้าได้สบาย พอกินเข้าแล้วก็ถึงตำบลฮาเมอเฟสต์ ซึ่งเปนเมืองเหนือที่สุดในโลก ไม่โตใหญ่เท่าใด หน้าตา “มี[๑๘๙]” ในเมืองไทย มีเรือใบคล้ายขนาดเรือแขกบรรณาการ เปนเรือปลากว่า ๓๐ ลำ แต่โดยมากเกือบจะทั้งนั้น ชักธงรุสเซีย เพราะเขาแล่นข้ามนอทเคปมาค้าปลาข้างแถบนี้ มีกงสุลรุสเซียอยู่ด้วยคนหนึ่ง เรือนทั้งปวงเปนเรือนไม้ทั้งสิ้น มีถนนตรงสายเดียวลงไปข้างใต้เปนร้านขายของ มีหนังหมีขาวเปนอันมาก ที่เย็บแล้วก็มียังไม่ได้เย็บก็มี ที่ยังไม่ได้เย็บมีหัวกระโหลกไว้สำหรับเข้ากับหนังต่างหาก ราคาถูกเหลือเกิน เมื่อขึ้นพระที่นั่งซื้อผืนหนึ่ง ๘๐๐ ฤๅ ๑๐๐๐ บาท ที่นี่อยู่ใน ๑๕๐ ฤๅ ๑๖๐ บาท มีหนังอื่นๆ อิกหลายอย่าง มีเครื่องแต่งตัวพวกลัป เกือกเฟอเสื้อเฟอ แลของขายประจำที่สำหรับประเทศคือเครื่องไม้ต่างๆ เขียนสี เครื่องเงินเล็กๆ ที่รฦก ได้ซื้อแจกกันแลซื้อฝาก ซื้อโปสต์ก๊าดแลรูปต่างๆ แล้วไปถ่ายรูป แต่งตัวทูมทามตามประเทศ แต่ช่างถ่ายรูปอยู่ข้างจะต้นเหลือเกิน สไลด์ก็มีอันเดียวแลมีข้างเดียว ต้องวิ่งเปลี่ยนกระจกกันอยู่ทุกคราว เปนนานจึงได้สำเร็จ ถนนสายนี้ข้างเหนือมีหลักเมริเดียน ซึ่งเปนสูนย์ของลูกพิภพ อันนักปราชญ์ทั้งปวงได้ประชุมกันตั้งไว้ ราษฎรในที่นี้คมุกคมอมเปนพวกหาปลา แต่มีเด็กมากเสียจริงๆ เด็กอ่อนๆ ก็เอาห่อผ้าขึ้นรถบ้างเลื่อนบ้างลากไปลากมา เพื่อจะให้ได้รับแสงสว่าง ตั้งแต่เช้ามาพระอาทิตย์มัวไม่เห็นดวง หนาวจัด ได้ถ่ายรูปตาแก่ตามปรกติของแกที่แต่ง นุ่งกางเกงแลเสื้อเชิ๊ด เหน็บมีด, ใส่ตุ้มหู, สูบกล้อง, ใจแกดี อมยิ้มอมแย้มยืนให้ถ่าย กลับลงมาเรือเวลาอิก ๑๕ มินิต จะบ่าย ๔ โมง อยู่หน่อยหนึ่งก็ออกเรือ พอพ้นเกาะไม่มีอะไรยังมีลูกกลิ้งออกมาจากทเลข้างนอกเรือหนืดๆ ต้องเก็บของลงจากที่ตั้งหมด วันนี้ได้ส่งโทรเลขหลายฉบับ

เมืองฮาเมอเฟสต์ เปนเมืองเหนือที่สุด ซึ่งมีในโลกนี้ ลติจูดเหนือ ๗๐ ดีกรี ๔๐ มินิต ๑๑ สกันด์ มีจำนวนคนในเวลานี้ ๒๐๐๐ เศษ เปนที่ค้าขายจอแจกับประเทศรัสเซียทางทเลขาว แลเปนที่พวกหาปลาวาฬอาไศรย แต่เปนที่ไม่มีต้นหมากรากไม้อะไร ดูเกลี้ยง ที่นี่พระอาทิตย์ไม่ตกตั้งแต่วันที่ ๑๖ เดือนเมถึงวันที่ ๓๐ ยูไล แต่มีตรงกันข้ามคือตั้งแต่วันที่ ๒๑ โนเวมเบอร์ถึงวันที่ ๑๒ แยนูวารี พระอาทิตย์ไม่ขึ้นเลย ต้องใช้ไฟฟ้าทั้งกลางวันกลางคืน เวลาที่เราไปเห็นตามร้านโคมไฟฟ้าถึงผูกแขวนขึ้นไปเสียได้ เพราะไม่ต้องการจะใช้ในเวลานี้

เมื่อออกจากฮาเมอเฟสต์มาแล้วเดินในช่องรอฟซือ ผ่านรอฟซือแลเฮยลมโซสโตเรน ที่น่าผาเฮยลมโซนี้มีนกเปนอันมาก ในหนังสือไกด์กล่าวดูเหมือนจะมากกว่าที่เห็นมาก แต่ที่จริงกล่าวเกินไป นกมีมากจริงลักษณะเกาะรังนก แต่นกนางแอ่นของเราไม่ใคร่จะออกมาจับนอกถ้ำ นี่ออกมาจับอยู่น่าถ้ำเปนฝูงใหญ่ๆ เกาะตามศิลา ขาวประปรายไปเปนหย่อมๆ เมื่อชักแตรเรือ นกตกใจบินขึ้นเปนฝูงๆ แลออกจากถ้ำพรูๆ ในไกด์บุกว่าดำไปในอากาศนั้นมากไปหน่อย แต่ที่จริงมากพอใช้ เสียงร้องแลเสียงปีกได้ยินก้อง แต่ที่ไม่ตกใจบินไปไหนเกาะอยู่ที่ถ้ำนั้นก็มี ขนนกแลเนื้อทั้งไขมีราคามาก เมื่อถึงกำหนดแล้วคนก็ปีนขึ้นไปจับ ที่เกาะนั้นเปนน่าผาชัน ท่าทางปีนขึ้นไปไม่ได้เลย แต่เขาก็พยายามขึ้นไปได้ ด้วยทำเหล็กเปนลูกทอยตอกขึ้นไปกับเขา แล้วเอาไม้ห่วงเช่นขอเรือเหนี่ยวตัวขึ้นไป นกเหล่านี้มีนกนางนวน นกนางแอ่น แลนกอื่นๆ ซึ่งไม่มีชื่อไทย ลักษณเดียวกันเปนพวกนกกินปลา ได้หยุดชักแตรในที่นี้ ๓-๔ ครั้ง แล้วแล่นเลยไป

เวลา ๕ ทุ่มถึงนอทเคป แล่นผ่านน่าอ้อมเข้าไปข้างหลัง หาที่เงียบพ้นจากลูกกลิ้งทเล ได้ทอดสมอเวลา ๒ ยาม แต่วันนี้อากาศขุ่นมัวเปนหมอก ไม่แลเห็นดวงอาทิตย์ ปรอดกลางแจ้ง ๔๘ ดีกรีฟาเรนไฮต์เปน ๘ ดีกรีเซนติเกรต ต้องติดไฟในแคบบิน แต่เขามีเครื่องไฟฟ้าสำหรับใช้แทนถ่าน ไม่มีควันแลไม่เปื้อนเปรอะ ทำให้ปรอดขึ้นได้ เปนฟาเรนไฮต์ ๖๐ เซนติเกรต ๑๖

• • • • • • • • •

พระบรมรูปจารึกอักษรพระนามที่แหลมเหนือ

พระบรมรูปจารึกอักษรพระนามที่แหลมเหนือ

พระรูปหมู่ถ่ายที่แหลมเหนือ

พระรูปหมู่ถ่ายที่แหลมเหนือ

คืนที่ ๑๐๘

ในเรืออัลเบียน นอทเคป

วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฏาคม

เวลาเช้าออกเรือจากที่ทอดพัก เลียบมาจนถึงช่องที่สำหรับเปนทางขึ้น อันเขาข้างแถบนี้นั้น เปนน่าผาชันตั้ง เปนแท่งทึบ ข้างบนราบแต่หากสโนตกขังข้างเบื้องบน ครั้นเวลาละลายก็ไหลลงมาโดยกำลังแรง ที่ไหนเปนช่องต่ำกว่าที่อื่นหน่อย ก็กัดลงตามช่องนั้น ศิลาเปนศิลาปูนไม่สู้แขง พอเซาะเปนร่องลงมาได้เล็กๆ อากาศกลับหนาวน้ำมาแขงค้างอยู่ในที่นั้น เลื่อนลงมาทั้งค่นๆ แน่นหนักเข้าก็ระเบิดให้ร่องทางน้ำนั้นกว้างออก ศิลาที่ตรงทางน้ำทุกๆ แห่ง เลอียดป่นเหมือนอย่างศิลาที่ย่อยสำหรับจะถมถนน อาจจะแลเห็นได้ตั้งแต่เริ่มไหลไปจนควากออกไปแล้วบ้างทลายลงมาแล้วบ้าง บางแห่งกัดลึกโกรกชัน เหมือนกับผ่าฝานศิลามาหาทเล ที่เปนห้วงเปนแอ่งก็มีสโนขังอยู่ ขาวเปนหย่อมๆ ไปเปนอย่างที่เขาเรียก กลาสเซีย สโนยังค้างอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งไป ทางที่เราไปขึ้นนั้นก็คือทางที่น้ำเซาะกัดพังควากใหญ่ ศิลาข้างบนทะลายลงมาจนเปนเนินชันขึ้นไป มีกลาสเซียเทือกใหญ่ ยังลงมาห้อยค้างอยู่ แรกขึ้นไปเปนศิลากลมที่ถูกน้ำทเลพัด แลสายน้ำกัดจนเกลี้ยงรอบ เปนก้อนกลมโตๆ เหยีบขลุกขลัก มีกุฎิ์ซึ่งสำหรับคนนำทางมาอาไศรยในฤดูที่คนมาเที่ยว มีของเล็กๆ น้อยๆ มาตั้งม้าขาย เปนเครื่องรฤกในการที่มาถึงที่นี้ ถ้วยบ้าง ที่เขี่ยบุหรี่บ้าง รูป โปสต์ก๊าด ล้วนแต่มีรูปนอทเคปในนั้นทั้งสิ้น ต่อขึ้นไปข้างบนเปนศิลาแตกๆ หักๆ ชันขึ้นไปทุกที ตอนบนหนักขึ้นไปยิ่งชันมาก เปนศิลาปนดิน เขาเอาเสาเหล็กปักโยงเชือกไว้สำหรับเหนี่ยว ทางตัดทบไปทบมาแต่แคบ ที่จริงทางไม่ได้ทำอะไร เปนแต่เดินๆ จนกลายเปนทางไปเอง เปนศิลาลอยเหยียบขลุกขลักหล่นได้ง่ายๆ เวลาที่หัวเลี้ยวก็เลี้ยวหักตัว เขานี้โดยสูงถึง ๙๖๙ ฟิต แต่เมื่อปีนขึ้นไปต้องทบไปทบมา คงต้องเดินกว่านั้นเปนอันมาก

พ่อมีความวิตกกลัวจะขึ้นไปไม่ตลอด พระยาชลยุทธจึงไปคิดอ่านกับพวกกระลาสี นายช่างไม้รับจัดการทำเก้าอี้หาม มีกระลาสีสี่คนที่รูปร่างเท่าๆ กันสมัคหาม การที่หามนั้นประดักประเดิดไม่ใช่เล่น เพราะเขาไม่เคย แลหามด้วยความศรัทธาไม่ใช่บังคับ คนข้างน่าต้องหิ้วปลายคานกรานไปชิดๆ ดิน ข้างหลังต้องส่งสูง ครั้นขึ้นไปถึงข้างบนๆ ทางจะเดินสองคนก็ไม่ได้ ต้องเข้าในหว่างคานหิ้วสองมือ คนที่ไปข้างน่าพลาดมือกระแทกศิลาเลือดออกทราม แต่ไม่ได้มีอื๊ดมีเหยเลย หน้าเฉย ต้องเปลี่ยนคนน่ามาเปนข้างหลัง คนหลังไปเปนข้างน่า เปลี่ยนซ้ายเปลี่ยนขวาร่ำไป ประเดี๋ยวต้องหยุดหอบเสียทีหนึ่ง พระยาชลยุทธแลคาลเบอสเปนกรมวังประคองข้าง แต่เมื่อถึงตอนข้างบนหามไม่ไหว มันออกจะเปนขึ้นผนัง ต้องลงเดินไต่ขึ้นไปหลายทบ คิดถึงกรมดำรงเต็มที ที่นี่ควรจะถามได้อิกว่าใครว่าไม่ชัน มันยิ่งกว่าที่ชวามาก ผ่านขึ้นไปตามสโนออกเย็นเยือกๆ แต่เวลาลงเดินต้องถอดเสื้อโอเวอโก๊ดมันทูมทามนัก เวลาขึ้นไปถึงข้างบนเปนพื้นราบ ชั่วแต่ลุ่มๆ ดอนๆ มีศิลาแตกกระจายโรยไปทั้งสิ้น มีหญ้าขึ้นเปนหย่อมๆ บางหย่อมก็มีดอกไม้ สีม่วงสีเหลือง น่าเอ็นดูดี บรรดาต้นไม้ไม่มีอะไรสูงกว่าผักเบี้ย ต้องขึ้นเก้าอี้ใหม่ คราวนี้หามขึ้นบ่าอย่างยานมาศ ไปปลิวทีเดียว แต่มันขันที่ฝรั่งกลับเปลี่ยนบ่าอย่างไทยเราไม่ได้ ของเราใช้เอาหัวมุดคานไปทางโน้นทางนี้ นี่เขาต้องถึงเปลี่ยนตัว คนซ้ายไปขวา คนขวาไปซ้าย เขย่าอักๆ ตามแบบทหารหาม ทางที่ราบนี่ถึง ๕๐ เส้น จึงไปถึงแหลมเหนือ ซึ่งเปนที่ต้องการ ว่าเปนเหนือที่สุดนั้น มีเรือนแปดเหลี่ยมเปนกระโจม สำหรับคนที่ไปเที่ยวอาไศรย มีหลักศิลาซึ่งกิงออสคาร์ที่ ๒ ขึ้นมาทำไว้อันหนึ่ง กองศิลาที่เอมเปอเรอเยอรมันมากองไว้กอง ๑ กองศิลาของเดิมเขา เห็นจะหมายทำแผนที่กอง ๑ ที่บนหลังเขานี้แลดูไปข้างด้านเหนือเปนทเลเปล่าไม่มีอะไรเลย เปนเกาะเรียกว่า มาเกรือ ข้างหลังมีเขาซับซ้อน มีฟยอด มีโกรกทางน้ำตก อย่างตัดฝานลงไปหาฟยอดนั้น เปนตัวอย่างๆ ดีที่จะเห็นแรงน้ำ ว่ามีกำลังมากเพียงไร

พระยาชลยุทธได้ตระเตรียมเครื่องมือขึ้นมาตามเคยที่จะจาฤก จ.ป.ร. แต่อยู่ข้างกันดารมาก จะหาศิลาก้อนใหญ่บนนั้น ไม่มีเลย มีอยู่ก้อนเดียว ซึ่งเปนศิลาติดไม่ใช่กลิ้งได้ ลงมือปราบน่า พวกช่างไม้แลคนที่หามรวม ๕ คนด้วยกัน ช่วยกันสกัด พ่อไปเขียน จ.ป.ร. แลเลขฝรั่ง ๑๙๐๗ แล้วพวกนั้นสกัด สกัดของเขาดีแลคนทำงานก็แขง ๕ คนเท่านั้นไม่ช้าเท่าใดก็แล้ว พวกเราไปพักถ่ายรูปแลกินของต่างๆ ซื้อโปสต์ก๊าดเขียนโปสต์ก๊าด จนการแล้วเสร็จ ไปถ่ายรูปในที่นั้น ออกคิดถึงพวกแตรของเรา เพราะธรรมเนียมสลัก จ.ป.ร. เวลาแล้วเคยเป่าแตรบอกสำเร็จ ถ้าเรือมหาจักรีมาเปนได้เป่ากัน เมื่อการสำเร็จแล้ว ได้ขึ้นเก้าอี้กลับมาจนถึงที่จะลงเขา ต้องลงเดิน พระยาชลยุทธแลอาลเบอสได้ช่วยประคองลงมาจนตลอด ขาลงเร็ว เพราะมันตกช้าๆ ลงมาถึงล่างมีตาแก่มาขายกระดูกปลาวาฬเติมขึ้นอิกคนหนึ่ง ท่าที่ขึ้นนี้ เรียกว่า ฮอนวิเกน ได้กลับลงมาเรือกินเวลา ๒ ชั่วโมงกับ ๔๐ นาทีเท่านั้น บ่นอยากน้ำกันแต่ไม่มีน้ำมีแต่แชมเปน เพราะฝรั่งขึ้นไป เขากินแชมเปนกันทั้งนั้น เจ้าคุณทหาร[๑๙๐]ของเราอยากกินน้ำเต็มที ยืนบ่น เขาบอกให้กินแชมเปนก็ไม่กิน ด้วยกลัวจะต้องซื้อ บ่นว่าถ้าหากมีน้ำก็จะดี จะได้กินได้เปล่าๆ พ่อต้องเถียงว่า “แกนึกว่าเขาจะตักเอาน้ำขึ้นมาไว้เปนทานบนนี้ฤๅ ถึงจะกินน้ำก็ต้องเสียเงิน จะทนฅอแห้งรักษาทรัพย์จนตายทำไม” ออกจะฉุนๆ แต่แกทนอยากน้ำไม่ไหว พอพ่อกินแล้ว แชมเปนเหลืออยู่ลุกขึ้นตรงเข้าไปฉวยดื่มทีเดียว ฝ่ายข้างกรมสมมตนั้นตัวเตี้ยเต็มที กลับลงมาออกจะสลบๆ เลยเกรงใจไม่ใช้เขียนหนังสือ ได้แจกเหรียญราชรุจิคนหามสี่คนกับช่างไม้ ให้เงินด้วยคนละสองปอนด์ ใจฅอเขาเด็ดจริงๆ

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษออกเรือ ลูกกลิ้งมีน้อยกว่าเมื่อแรกมา เพราะอากาศแจ่มใสแดดจัด หน้าตาเหมือนจะไม่หนาว แต่ที่จริงเวลาขึ้นไปบนนอทเคปนั่งไปบนเก้าอี้หาม ปวดหู จนถึงต้องเอาผ้าห่อแลขยี้ ธรรมดาทุกปี เขาว่าปรอดถึง ๒๐ เซนติเกรต คือประมาณ ๖๐ ฟาเรนไฮต์ ในเวลาน่าร้อน ดูจะสบายดีมาก แต่ปีนี้ตาผู้ที่มาดูแลโรงพักบอกว่าแปลกประหลาดเต็มที เมื่อวานนี้ก็มีพยุแลหมอกฝนตก หนาวเหลือกำลัง เราก็ยังได้เห็นพื้นเปียกน้ำขังเปนบางแห่ง แต่ไม่ได้ลองปรอดว่าเท่าใด ไม่ได้เอาขึ้นไป ครั้นขากลับเรือเดินมาถึงน่าเกาะที่มีนก เขาได้รอเป่าหวีดคราวนี้เติมยิงปืน นกออกมามากกว่าคราวก่อน ทีจะคุ้นกันเสียกับเป่าหวีดแล้ว ออกไปยืนดูที่แคมเรือ รู้สึกหนาวเฉียบลองปรอด ๑๐ ดีกรีเซนติเกรต คือ ๕๐ ฟาเรนไฮต์ บ่าย ๕ โมง ๓๕ ดูไม่น่าเชื่อ แลดูแสงแดดเท่าบ่าย ๓ โมงเมืองเรา ถ้าเมืองเราแดดกำลังเท่านี้ คนไม่เคยออกไปยืนกลางแดดก็ถึงจับไข้ได้

เรือมาถึงฮาเมอเฟสต์ เวลาย่ำค่ำ ให้ขึ้นไปดูรูปที่ถ่าย เวลายามเศษออกเรือมาข้างนอก สำหรับจะถ่ายรูปพระอาทิตย์เวลาเที่ยงคืน วันนี้แจ่มใสบริบูรณ์ดี จะถ่ายสักกี่ร้อยก็ได้ อากาศก็หนาวน้อยลงกว่าเมื่อวานนี้แลวานซืนนี้ ไม่มีคลื่นเลย

วันนี้นับว่าเปนวันขากลับ ถึงว่าวันข้างหลังยังมากกว่าวันข้างน่าที่ล่วงไปแล้วก็รู้สึกว่าเปนขากลับ มันขรึมๆ ในใจอยู่นั่นเอง โล่งว่ากระไรก็ไม่รู้ แปลว่าคิดถึงบ้านเท่านั้น โทษต้องถึงตีโทรเลขไปบางกอกว่ากลับ แต่ได้สั่งให้ไปบอกเจ้าเม้า[๑๙๑] ว่าดุ๊กยังไม่กลับ เพราะดุ๊กยังไม่ได้กลับจริงๆ วันนี้กรมขุนสมมตบอกศักราชตามธรรมเนียมที่เคยบอกกันเมื่อบ่ายหัวเรือกลับ แต่บอกวิเศษขึ้นทบอกภาษามคธด้วย ครั้นจะให้เยนตราบอก ลาว่าบอกภาษาไทยไม่ได้ ต้องเลยให้บอกภาษาอังกฤษ ไม่บอก ๓ ส่วน บอกแต่น่าแลหลัง เขี้ยวเข็ญเข้าก็เห็นจะไม่สำเร็จ เลยตกลงปล่อยให้ไป

• • • • • • • • •

แหลมนอร์ทเคป

 

โกรกผาแลจากนอทเคป

 

นอร์ทเคป

 

คืนที่ ๑๐๙

เรืออัลเบียน ลิงเคนฟยอด

วันเสาร์ที่ ๑๓ กรกฏาคม

วันนี้เดินเรือทั้งวัน แลท้องไม่สู้จะปรกติ จึงนอนซดมา เวลาเย็นลงมาถึงลิงเคนฟยอด แลดูงามมาก แต่จะยังไม่เล่า เพราะไม่ได้เห็นรอบ ไว้เล่าพรุ่งนี้ วันเอาเปนไม่มีอะไรจะเขียน

• • • • • • • • •

แล็ปที่เมืองตรอมซือ

 

เมืองตรอมซือ

 

คืนที่ ๑๑๐

เรืออัลเบียน ตรอมซือ

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กรกฏาคม

วันนี้ออกเรือจากลิงเคนฟยอด เดินทางต่อมาอิก จะเล่าถึงลิงเคนฟยอดที่ผัดมาแต่วานนี้

ในลิงเคนฟยอดนี้ เปนเขาแวดล้อมทุกด้านสูงถึง ๖๐๐๐ ฟิต เว้นแต่ทางเข้า เขานั้นดาดไปด้วยสโนขาวโดยรอบ เว้นแต่เขาลูกในลูกหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำมีต้นไม้ เปนป่าเปนทุ่ง แต่เหมือนอย่างเอาตแคงขึ้นไว้ เพราะพื้นนั้นเปนข้างเขาลาดลงมาหาน้ำ มีอะไรๆ แลเห็นได้หมดจากท้องทเล มีน้ำพุใหญ่แลเห็นเด่นถนัด เขาบอกว่าทางเข้าไปข้างในหน่อยหนึ่งมีพวกลัปอยู่หลายครัว มีเลี้ยงเรนเดียร์ตั้งร้อย รีดนมทำเนยหาเลี้ยงชีพด้วยเรนเดียร์ เปนที่เขาไปดูกัน แต่เปนมนุษย์ชาติหนึ่ง เจ้าของท้องที่ประเทศนอรเวได้ถือสาสนาคริสเตียนมานานแล้ว แต่ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นแปลกจากประเพณีเดิมที่เคยประพฤติ์แต่ต้นมาจนกระทั่งบัดนี้ก็เหมือนกัน ลักษณทำนองกะเหรี่ยง เปนชาวป่าเลี้ยงสัตว์แลเที่ยวไปเที่ยวมา ไม่ตั้งอยู่เปนตำบล สัตว์ที่เลี้ยงนั้นคือเรนเดียร์ คือเนื้อกวางอย่างหนึ่งที่เชื่องใช้ได้ ฝูงโตๆ เท่าไรอาไศรยสุนักข์มาคอยป้องกันอันตรายไม่ให้สัตว์ร้ายทำอันตรายได้ พวกลัปนั้นเปนสองพวก พวกที่อยู่บกคือพวกเลี้ยงสัตว์นี้ พวกลัปทเลเปนคนหาปลา อยู่ริมทะเล แลมักจะอยู่ปนกันกับพวกสวีดแลนอรวีเยียน มีความเสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไปดูในที่นี้ซึ่งว่าดีกว่าทุกแห่ง แต่ยังมีเวลาที่จะดูในที่อื่นต่อไปอิกได้

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ มาถึงตำบลตรอมซือ ตำบลนี้นับว่าใหญ่กว่าฮาเมอเฟสต์ แต่ภูมเมืองผิดกันกับฮาเมอเฟสต์ ที่ฮาเมอเฟสต์ชานเขาที่ตั้งเปนเมืองนั้นแคบ มันเปนเขาแกมตลิ่ง เขาไม่มียอด ข้างบนเปนตลิ่งมาเงื้อมง้ำอยู่ ที่นี่ลักษณอย่างเดียวกันกับลิงเคนฟยอด แต่ลาดลงไม่ตั้งชันเหมือน แต่ไม่งามเหมือน นับว่าเปนเมืองใหญ่ในแถบนี้ ถ้าใครจะขึ้นไปนอทโปล เปนต้องมาตระเตรียมการที่นี่ทั้งนั้น ดอกเตอแนนเซน ซึ่งเปนผู้มีชื่อเสียงในการไปนอทโปลก็ได้มาขึ้นที่นี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อท่าให้ชื่อว่าแนนเซน ในท่านี้มีเรือยอตช์ปรินซมอนาโคจอดอยู่ลำหนึ่ง เรือยอตช์ฝรั่งเศสจอดลำหนึ่ง วันนี้ชักธง เพราะเปนวันที่ ๑๔ ยุไลเปนวันงานปีของฝรั่งเศส พอมาถึงฝนก็ตกมาก จนถึงในแคบบินรั่ว กลัวจะขึ้นบกไม่ได้ แต่พระยาชลยุทธเชื่อว่าน่าจะหาย จึงล่วงน่าขึ้นไปจัดรถ ครั้นตกบ่าย ๓ โมงเศษหายจริงๆ พ่อได้ไปขึ้นบก ทั้งได้ไปจัดรถล่วงน่าไว้เปนนานแล้วเช่นนั้นยังได้มารถเดียว เปนรถแลนดอสูงใหญ่เร่อร่ามาก เห็นจะทำแต่ครั้งแผ่นดินพระนั่งเกล้าจริงๆ เทียมม้าตัวเล็กๆ ต่อออกไปจากท่านั้นแล้วจึงได้รถมาอิก ๒ รถต่างๆ กัน เมืองนี้เรือนทำด้วยไม้ อย่างเดียวกับทรอนเยม แต่ถนนเลวกว่ากันมาก ไปประเดี๋ยวหนึ่งถึงที่สุดเมือง ข้างใต้เปนมิวเซียม ตึกสี่เหลี่ยม ชั้นล่างตรงน่าบันไดมีหินกลมสองก้อนๆ โตอยู่ กลมเอง ใต้ถุนไว้กระดูกปลาวาฬ ขึ้นไปอิกชั้นหนึ่งไว้รูปสัตว์ต่างๆ เปนสัตว์สี่เท้าสองเท้าบรรดาที่ได้ข้างฝ่ายเหนือ สตัฟบ้างแช่บ้าง ปลาต่างๆ ไม่สู้จะแปลกอะไรนักกว่าที่เคยๆ เห็น ข้างบนมีเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวพวกลัป รูปกระท่อมแลกระโจมต่างๆ รูปเครื่องเคารพ มีพระเยซูหน้าเบี้ยวๆ บูดๆ เปื้อนๆ น่ากลัวอันตรายต่างๆ มีหลักสำหรับล่ามโซ่ฅอคนแลเครื่องมืออย่างเก่าๆ เปนอายุใช้ศิลา อายุใช้เหล็ก ดูไม่ช้าเท่าไรก็แล้ว ลงจากนั้นไปดูพวกลัป ออกจากเมืองไประยะทางสักครึ่งชั่วโมง ที่แท้เห็นเสียแล้วแต่ในกลางตลาด มันก็รู้ว่าเราจะไปดูมันวิ่งนำน่าไป ลัปพวกนี้ไม่ได้หากินอย่างปรกติของเขาเปนอันหากินด้วยให้คนดู จึงมาตั้งอยู่ใกล้ ทำเข้าทำของไว้สำหรับขาย ลงจากทางนิดหนึ่งก็ถึงกระโจม ซึ่งตั้งอยู่ในทุ่งกลางแจ้ง กระโจมนั้นหักกิ่งไม้มาปักปลายกิ่งรวมเข้าหากัน แล้วเอาผ้าเหมือนผ้าเต็นต์พันไปรอบ มีช่องเข้าออก ที่ตรงกลางแขวนสายโซ่ลงมาจากกิ่งไม้ข้างบน ตรงกองไฟ สำหรับโยงกาฤๅภาชนะสำหรับทำกับเข้า มีกิ่งไม้หักวางๆ แลมีหนังสัตว์ปู ไม่ได้ปูเอาข้างบนขึ้น เอาข้างบนลง เอาภายในขึ้น นั่งพับเพียบบ้าง ขัดสมาธิ์บ้าง รอบกองไฟ มีอยู่สองสามกระโจม เปนลักษณเดียวกันทั้งนั้น ชายหญิงเด็กผู้ใหญ่หมดด้วยกันสักยี่สิบเศษ ผู้ชายแต่งตัวสวมปลอกฤๅถุง รัดขาหนัง มีรองเท้า กางเกงสั้น เสื้อสวมทางฅอ คล้ายเสื้อกะเหรี่ยง แต่ใช้อูมฅอโตๆ สำหรับให้หุ้มกันหนาวที่ฅอได้ หมวกมีกระบัง แต่ใช้ข้างบนยาวๆ ผู้หญิงก็คล้ายผู้ชาย เปนแต่นุ่งส่ายสั้นๆ ไว้ผมยาวทั้งผู้หญิงผู้ชาย พวกเหล่านี้คุ้นคนเต็มที จนถึงพูดอังกฤษได้ แต่พูดได้เท่าตาอ้น พอพ่อโผล่เข้าไป ถาม ยู กิง ยื่นมือมาจับทีเดียว การที่จะสำแดงให้เราดูนั้น ก็สำแดงเรื่องที่ฝรั่งอี๋ คือผู้หญิงสูบกล้องเปนต้น แต่อยากขายของเปนมากกว่าอย่างอื่น ยื่นอื้ดๆ อยู่เสมอ ของที่ขายนั้นตุ๊กตารูปตัวเองแลเปนอันมาก สิ่งที่แปลกประหลาดจริงนั้นคือ หน้าตาของคนลัปนี้ เปนเจ๊กมากกว่าเปนฝรั่ง เหมือนรูปตลกงิ้วฤๅหน้ากากเจ๊กที่เล่นสิงโตน่าพลับพลา ดูไม่น่าเชื่อว่าน่าหนาวจะอยู่เช่นนี้ได้ เพราะอยู่กับพื้นแผ่นดินจริงๆ ไม่มีแคร่รองเลย กระโจมก็โหว่ที่ตรงกลาง หน้าตาฝนรั่วลงไปได้ แต่มันบอกว่าไม่รั่ว ดูหน้ามันก็แจ่มใสเบิกบานสบายดี อาหารที่กิน เห็นมีกาแฟแลขนมปังอย่างแขงๆ เหมือนกับเข้าตัง กำลังมีคนมาดูอยู่บ้าง กลับจากที่นั้นเลยมาลงเรือ พ่อยังไม่สู้สบายแท้ จึงไม่ได้อยู่นานนัก พอกลับมาถึงเรือพร้อมกันก็ได้ออกจากท่านั้นมา อากาศยังหนาวมาก ปรอดกลางแจ้ง เซนติเกรต ๑๐ ฟาเรนไฮต์ ๕๐

ระยะทางที่มานี้ มีโปสต์ที่จะส่งเมล์ได้หลายแห่งก็เหมือนไม่มี เพราะจะต้องส่งขึ้นไปทิ้งค้าง คอยเรือเมล์เปนลำดับไป น่ากลัวจะไม่เร็วได้กว่าที่จะเก็บไปไว้ส่งที่กีล แต่เขาบอกว่าที่นาร์วิก ซึ่งเราจะไปถึงพรุ่งนี้ มีรถไฟไปเมืองสวิเดน จะส่งเมล์ทางรถไฟนั้นไปถึงได้เร็ว ไม่อยากจะให้หนังสือห่างระยะกันมาก จึงได้จบรายวันลงไว้เสียวันนี้ ลองส่งทางนาร์วิก

จุฬาลงกรณ์ ป. ร.



[๑๘๗] ที่ทรงดำรัสเรียกว่า “เจ๊กสมบุญ” นั้น คือเจ๊กสมบุญ ศิริภาพ เปนนายห้างตั้งร้านใหญ่อยู่ที่ปากน้ำโพ ต่อมาได้เปนขุนวัฒนวานิช

[๑๘๘] ร้านซอมเมอร์อยู่ที่เมืองปารีสมีชื่อเสียงในการทำกล้องบุหรี่กล้องยา ด้วยแมร์ช่อมเปนอย่างดี

[๑๘๙] คำว่า “มี” ในที่นี้ มาจากเล่นประกวดเครื่องโต๊ะ เจ้าของแสดงว่าเปนของดี ไม่มีของผู้อื่น ควรได้รางวัล กรรมการที่รู้ว่าผู้อื่นมี มักร้องว่า “มี” จึงเลยเปนคำแผลง หมายความว่า ไม่ใช่เปนของแปลกทีเดียว

[๑๙๐] เจ้าคุณทหารนั้น ทรงหมายว่าเจ้าพระยาสุรวงศวัฒนศักดิ์

[๑๙๑] หม่อมเจ้าหญิงเม้า ในกรมหมื่นสิทธิสุขุมการ เปนชายาในกรมขุนสรรพสาครฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ