๓๓๓ ประกาศเรื่องเอาศพไว้ค้างคืน

มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่พระราชาคณะครูเจ้าอธิการ แลเจ้าพนักงานนั้นๆ ทุกตำแหน่งในกรุงแลหัวเมืองให้ทราบทั่วกัน ว่าธรรมเนียมในสยาม มีการไว้ศพค้างวันค้างคืนจนมีกลิ่นเหม็น เปนปฏิกูลร้ายกาจนัก แล้วชักศพแห่ไปทำบุญให้ทานเปิดศพออกชำระแล้วจึงถมร่างศพฝังไว้คืน ๑ ฤๅ ๒ คืน ๓ คืน แล้วจึงขุดขึ้นทำบุญอีก แล้วจึงเผาก็มีตามป่าช้าพระอารามนั้นทุกแห่งไป ก็ศพที่ตายใหม่ๆ ในวันนั้นก็ดี ฤๅศพที่ล่วงวันค้างคืนมาแล้วมีกลิ่นร้ายแรงนักก็ดี ในทางที่เสด็จพระราชดำเนิร โดยทางสถลมารคชลมารคณวันใดเวลาใด ไม่ควรจะให้ประจวบมีเวลานั้น แลทอดทิ้งอยู่ที่ใกล้เคียงตามทางที่เสด็จพระราชดำเนิณนั้น ควรต้องหลีกเลี่ยงไป ฤๅผ่อนผันเอาศพนั้นไปเสียให้พ้นไกลแต่ทางนั้น อย่าให้เปนที่ทอดพระเนตรได้เปนอันขาด ว่าถึงการเก่าๆ ที่ล่วงแล้วมา ทรงระฤกได้ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ๔ ครั้ง ๆ หนึ่งมีที่เสด็จพระราชดำเนิรโดยการพระศพพระองค์เจ้าทองคำณวัดดุสิดาราม เสด็จพระราชดำเนิรกลับถึงพระตำหนักแพ กระบวนแห่ศพพระยาพิพัฒโกษาก่อน พระยาพิพัฒโกษา (มิตร) ตั้งบนชั้นดาดผ้าขาว มีเครื่องสังเค็จเลื่อนๆ ชักมาทอดอยู่ตรงหน้าพระตำหนักแพข้าม อีกครั้งหนึ่งมีที่เสด็จพระราชดำเนิรเวลาเช้าอย่างครั้งก่อน กระบวนแห่ศพพระยาราชสุภาวดี (มอญ) เครื่องแต่งตั้งคล้ายๆ กับศพก่อน ชักมาทอดอยู่ตรงหน้าพระตำหนักแพข้าม เมื่อเวลาเสด็จที่พระตำหนักแลการในศพทั้ง ๒ เวลานั้นได้ทรงพระราชดำริห์ว่า ข้าราชการในครั้งนั้นชรอยจะถือลัทธิสำคัญผิดๆ ว่าเปนศพหลวง จึงได้รอไว้จนเวลาสายแล้วชักมาฉะเภาะจะให้ประจวบเวลาเสด็จพระราชดำเนิรกลับ จะได้ถวายตัวทอดพระเนตรเห็นจะประสงค์อย่างนี้กระมัง แต่การอย่างนี้ไม่ควรถวายลำถวายตัวทอดพระเนตร ด้วยเปนการอัประมงคลควรจะหลบหลีกให้พ้นทางเสด็จ แลอย่าให้พ้องผ่านเวลาเสด็จพระราชดำเนิรจึงจะสมควร แต่ไม่มีผู้ใดว่าขานประการใดการก็เปนแล้วไป อีกครั้งหนึ่งที่วัดทองนพคุณยังโรเรอยู่ เจ้าอธิการ (แสง) เปนพระญาณรังศรีที่พระราชาคณะรับพระกฐินหลวง ถึงรดูกฐินพระราชทานพระกฐิน ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอซึ่งทรงพระเยาว์เสด็จไปพระราชทาน เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอรับผ้าพระกฐิน เสด็จไปถึงวัดแล้วเสด็จขึ้นทางสพานยาว พระเจ้าลูกเธอที่ยังทรงพระเยาว์พระองค์อื่นเสด็จไปด้วยหลายพระองค์ เมื่อเสด็จจวนจะใกล้ถึงกำแพงพระอุโบสถยังอีกประมาณ ๒ วา กลิ่นศพเหม็นกล้าร้ายแรงนักฟุ้งตระหลบมา ต่างพระองค์ดำรัสว่ากลิ่นอะไร ครั้นทอดพระเนตรไปเห็นโลงปิดกระดาดปากโลงปิดกระดาดแดง ตั้งอยู่ในศาลาสามห้องอยู่ริมทางนั้น จึงทราบว่ากลิ่นศพมาแต่นั้นเปนแน่แล้ว เสด็จไปในพระอุโบสถถวายพระกฐินแล้ว เสด็จมาถึงที่ตรงนั้นต้องทรงปิดพระนาสิกเสด็จรีบเร็วมา เมื่อเวลานั้นก็ได้ทรงพระราชดำริห์ว่าบรรดาเจ้าพนักงานที่มาในเวลานี้ ช่างกระไรไม่มีใครดูแลเอาใจใส่จัดการให้ดี ปล่อยให้ศพเช่นนี้มาตั้งอยู่ที่ริมทางเจ้านายเสด็จมา ไม่สมควรเลย ฝ่ายพระญาณรังศรีก็เปนผู้ใหญ่ไม่มีอัธยาไศรย ฝ่ายพระสงฆ์ที่เข้าใจวิปลาศผิดๆ ไปอย่างพระพรหมเทพาจาริย์นั้นจะมีอยู่ไหนบ้างก็ยากที่จะหยั่งรู้ เกลือกจะคิดผิดๆ ไปแล้วจะเอาศพมาไว้ในที่ทางเสด็จพระราชดำเนิร ฝ่ายเจ้าพนักงานเล่าจะเลินเล่อใจไม่สังเกตว่าอะไรจะงาม อะไรจะไม่งาม จะไม่เอาใจใส่ว่าอะไรจะงามจะดี อะไรจะไม่งามจะไม่ดี ของสกกระปรกเปนอัประมงคลเช่นนี้ไม่ควรจะเอามาไว้ในศาลาที่ใกล้ถนนในวันเจ้านายเสด็จมาเช่นนี้ ถึงจะยังไม่ได้เผาก็ควรจะยกเอาไปไว้เสียที่อื่นให้พ้นจึงจะชอบ ครั้นปีหลังๆ มา เสด็จรับผ้าพระกฐินไปอีก เมื่อเสด็จขึ้นไปถึงศาลานั้น ต้องทรงสังเกตดูแต่ไกลเกลือกจะมีศพมาทิ้งไว้ที่นั้น ให้หวั่นพระทัยไม่รู้หายเลย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ